เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=9Z58e-sEzWo&feature=autoplay&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp&playnext=1]Keiser Report: Weed Out Wall St. Crooks! (E255) - YouTube[/ame]

อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 28 ก.พ. 2012
Follow Max Keiser on Twitter: http://twitter.com/maxkeiser

In this episode, Max Keiser and co-host, Stacy Herbert, discuss 'no wrongdoing' settlements, defrauding school children and a morbidly obese, bedridden Volcker Rule. In the second half of the show, Max talks to Karl Denninger of the Market-Ticker.org about rigging Libor, ruining Volcker and shorting Facebook.

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=LN86J03ga9M&feature=BFa&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp]Shambles: 'Syrian voters non-people for the West' - YouTube[/ame]


อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 28 ก.พ. 2012
Syria has successfully held a referendum on a constitution, but been hit with new sanctions by the EU anyway. Neil Clark, a journalist and contributor to Britain's Guardian newspaper talks to RT from London.

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=ahj7B9PSCgI&feature=BFa&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp]Engdahl: Greek bailout terms remind of Hitler - YouTube[/ame]


อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 27 ก.พ. 2012
German Chancellor Angela Merkel is urging her lawmakers to support the new rescue package for Greece. This despite worries that Athens will need even more cash in the future, and suggestions from Germany's Interior Minister that it's time Greece left the Eurozone altogether. The 130-billion euro bailout was agreed in principle last week after months of tense discussions among the Eurozone leaders. Germany, as Europe's richest economy, has to contribute the majority towards it. But there is a sense of unease in Berlin that it will have to keep coughing up cash to prevent a Greek debt default. It's the second bailout in a little over 18 months would ensure Athens can pay its debtors for the time being. To discuss the possible outcome of this package,RT's joined by political analyst William Engdahl.

 

วันที่ 1 มีนาคม 2555 14:02
แรงงานทั่วยุโรปก่อม็อบต้านแผนรัดเข็มขัด
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




แรงงานหลายประเทศทั่วยุโรปชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด

ประชาชนในหลายชาติยุโรป ร่วมหยุดงานและชุมนุมประท้วง เมื่อวาน เพื่อคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด ที่ลดเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ ก่อนสหภาพยุโรปจะประชุมวันนี้เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาว่างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ที่กรุงเอเธนส์ของกรีซ มีประชาชนหยุดงาน 3 ชม. และเดินขบวนประท้วง เพื่อคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ ที่ผ่านการอนุมัติของรัฐสภาเมื่อวันอังคาร ซึ่งมีการปรับลดเงินเดือนขั้นต่ำ 22% รวมถึงตัดลดสวัสดิการและเงินบำนาญ และเช้ามืดวันนี้ รัฐสภายังอนุมัติแผนการตัดลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข

การประท้วงในกรีซ มีขึ้นแทบรายวัน แม้รัฐบาลพยายามชี้แจงว่า มีความจำเป็นที่จะต้องตัดลดรายจ่าย เพื่อลดภาระหนี้มหาศาล แลกกับแพกเก็จเงินกู้ช่วยเหลือฉบับสองจากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่จะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากความเสี่ยงล้มละลาย

การประท้วงเมื่อวาน เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ประท้วงโดยสหภาพแรงงานทั่วยุโรป เพื่อคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดทั้งในกรีซและอีกหลายชาติในกลุ่มยูโรโซนที่ประสบวิกฤติหนี้

ขณะเดียวกัน มีผู้ประท้วงราว 5,000 คน ชุมนุมในกรุงปารีสของฝรั่งเศส นอกจากนี้ ในสเปน มีการเดินขบวนในหลายเมือง โดยเฉพาะที่บาร์เซโลนา มีผู้ชุมนุมราว 25,000 คน ผู้ประท้วง บางส่วนปะทะกับตำรวจ จุดไฟเผาขยะและมอเตอร์ไซค์ ทุบทำลายกระจกธนาคาร ส่วนที่กรุงลิสบอน ของโปรตุเกส มีแรงงานหลายร้อนคนเดินขบวนเพื่อขอให้ยุติการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเช่นกัน

นอกจากนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มีแรงงานหลายร้อยคนชุมนุมคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด และเดินขบวนไปยังสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป และตะโกนประท้วงว่าพอก็คือพอ

ขณะที่ ผู้แทนของสหภาพยุโรป จะประชุมที่บรัสเซลส์วันนี้ และพรุ่งนี้ เพื่อลงนามในข้อตกลง ที่กำหนดให้สมาชิกจำกัดการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติหนี้
http://www.bangkokbiznews.com/home/.../แรงงานทั่วยุโรปก่อม็อบต้านแผนรัดเข็มขัด.html

 

วันที่ 9 มีนาคม 2555 15:36
นักวิเคราะห์จับตากรีซหลังปิดแผนสว็อปบอนด์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


นักวิเคราะห์จับตากรีซหลังปิดแผนสว็อปบอนด์ ลุ้นว่าที่ผู้นำใหม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับเจ้าหนี้ตามมาตรการรัดเข็มขัดได้หรือไม่

ทางการกรีซแถลงว่า เจ้าหนี้ในภาคเอกชนจำนวน 85.8% ยอมรับข้อเสนอแลกเปลี่ยนพันธบัตรแล้ว และอัตราการยอมรับดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 95.7 % หากกรีซนำกฎ collective action clauses (ซีเอซี) เพื่อบังคับใช้ข้อตกลงในครั้งนี้

ทั้งนี้ หลังจากกรีซปิดข้อเสนอเมื่อวานนี้ กระทรวงการคลังกรีซ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า พันธบัตรกรีซมูลค่าราว 1.72 แสนล้านยูโรได้เข้าร่วมในข้อตกลงนี้ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะบังคับให้นักลงทุนต้องแบกรับผลขาดทุนราว 74 % ของพันธบัตรที่ถือครอง

แถลงการณ์ระบุว่า กรีซ ได้แจ้งให้หุ้นส่วนในต่างประเทศได้รับทราบแล้วว่า กรีซตั้งใจจะบังคับใช้กฎซีเอซี ต่อเจ้าหนี้ทุกรายที่ถือครองพันธบัตรภายในวงเงิน 1.77 แสนล้านยูโรที่อยู่ภายใต้กฎหมายกรีซ แต่ไม่ได้ยอมรับข้อเสนอนี้

นอกจากนี้ กรีซได้ขยายเส้นตายออกไปจนถึงวันศุกร์ที่ 23 มี.ค.ในการยอมรับข้อเสนอสำหรับพันธบัตร ที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและสำหรับตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทมหาชน และได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาล

นายยูจิ ไซโตะ ผู้อำนวยการแผนกปริวรรตเงินตรา เครดิต อะกริโคล โตเกียว ให้ความเห็นว่า ข่าวจากกรีซ สอดคล้องกับที่คาดไว้ และตลาดก็มีปฏิกริยาด้วยการขายยูโรออกมา ซึ่งเป็นไปตามหลัก 'ซื้อจากข่าวลือ ขายจากข่าวจริง' จำนวนเจ้าหนี้ภาคเอกชนที่ยอมรับข้อตกลงแลกเปลี่ยนพันธบัตรตรงตามจำนวนที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้ และการใช้กฎซีเอซี ก็เป็นไปตามที่คาดไว้เช่นกัน คำถามจริงๆก็คือกรีซ จะเลือกผู้นำในการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในเดือนหน้า ซึ่งจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับเจ้าหนี้ตามมาตรการรัดเข็มขัดหรือไม่

ขณะที่ นายสุเรช กุมาร รามานาธาน นักวางแผนกลยุทธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราปริวรรตเงินตราระดับภูมิภาค ซีไอเอ็มบี อินเวสเมนต์ แบงก์ กัวลาลัมเปอร์ ระบุว่า เราได้เตือนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาแล้วว่า กรีซจะล้มละลาย และการล้มละลาย จะเริ่มแสดงออกมาให้เห็นในขณะนี้ ถ้าสมาคมสัญญาสว็อปและตราสารอนุพันธ์ระหว่างประเทศ (ไอเอสดีเอ) มองว่าการใช้กฎซีเอซี เป็นเหตุการณ์ที่มีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ เราก็จะเห็นสัญญาณอย่างเป็นทางการที่แสดงถึงการผิดนัดชำระหนี้ในกรีซ

"สำหรับตลาดอื่นๆนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่จะประเมินว่าจะมีตราสารซีดีเอส จำนวนเท่าใดที่จะถูกขายออกมา หลังการใช้กฎซีเอซี ซึ่งเราอาจะเห็นหุ้น สกุลเงินในรูปยูโรต่อดอลลาร์ และพันธบัตรของประเทศที่มีสถานะอ่อนแอในยูโรโซน และซีดีเอสถูกเทขายออกมา"นายสุเรช กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com/home/...ักวิเคราะห์จับตากรีซหลังปิดแผนสว็อปบอนด์.html

 

วันที่ 9 มีนาคม 2555 14:08
อัตราว่างงานกรีซพุ่ง 21%เดือน ธ.ค.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


อัตราว่างงานกรีซทะยานทำสถิติ 21%ในเดือน ธ.ค.โดยวัยรุ่นตกงานมากที่สุด

สำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซ(เอลสแตท) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของประเทศพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 21% ในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยรายงานระบุว่า วัยรุ่นเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดย 1 ใน 2 ของวัยรุ่นอายุระหว่าง 15 - 24 ปี หรือ 51.1% อยู่ในสภาพว่างงาน

ทั้งนี้ อัตราว่างงานในเดือน พ.ย. อยู่ที่ ระดับ 20.9% ขณะที่อัตราว่างงานในเดือน ธ.ค. 2553 อยู่ที่ 14.8%

ผลสำรวจของเองสแตท ระบุด้วยว่า จำนวนผู้ที่มีงานทำในช่วงที่กรีซเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะนั้นมีทั้งสิ้น 3,900,000 คน ขณะที่จำนวนผู้ว่างงานทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 1,030,000 คน แม้รัฐบาลกรีซจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาและการจ้างงาน อาทิ การปรับลดรายจ่ายด้านแรงงานในภาคเอกชน แต่นักวิเคราะห์กรีซ กลับไม่ได้คาดหวังตัวเลขการเติบโตในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจของกรีซยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่า เศรษฐกิจกรีซ จะชะลอตัว 4.3% ในปีนี้ ส่วนอัตราว่างงานโดยเฉลี่ยในปี 2556 จะอยู่ที่ระดับ 19% มากกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 17%

ทั้งนี้ กรีซอยู่สภาพลอยตัว หลังจากได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟหลายพันล้านยูโรตั้งแต่ปี 2553 เพื่อแลกกับการดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดที่ทำให้สภาพเศรษฐกิจและอัตราว่างงานตกต่ำลงไปอีก

http://www.bangkokbiznews.com/home/...440738/อัตราว่างงานกรีซพุ่ง-21เดือน-ธ.ค..html

 

วันที่ 9 มีนาคม 2555 12:49
ทีวีช่องดังกรีซส่อล้มละลายเพราะวิกฤติหนี้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


วิกฤติหนี้กรีซเริ่มส่งผลต่อวงการสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ถึงขนาดทำให้สถานีโทรทัศน์ชื่อดังแห่งหนึ่งส่อแววล้มละลาย

สถานีโทรทัศน์ อัลเตอร์ ทีวี เป็นหนึ่งใน 6 สถานีโทรทัศน์เอกชนยักษ์ใหญ่ของกรีซ และมีชื่อเสียงโด่งดังจากการผลิตรายการข่าวมายาวนาน แต่ทางสถานีไม่มีการผลิตรายการใดๆมาหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่พนักงานหยุดงานประท้วงเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

นอกจากนี้ มีรายงานว่า พนักงาน 650 คนของบริษัท ไม่ได้รับเงินเดือนตลอดปีที่แล้ว แม้มีการหยุดงานประท้วงถึง 2 ครั้ง และพนักงานกลัวว่า สินทรัพย์ของสถานีโทรทัศน์จะถูกยึดหากมีการล้มละลายเกิดขึ้น

นับตั้งแต่การประท้วง ทางห้องส่งแทบไม่ได้ผลิตรายการ มีเพียงบางครั้งที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังสั้นเพื่อสนับสนุนการประท้วง หรือใช้เป็นห้องครัวหรือห้องโกดังเก็บของ

นายอัคริวี่ คิริคู เลขาธิการของสหภาพช่างเทคนิคของสถานี บอกว่า สถานีเป็นทุกอย่าง เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง พนักงานที่นี่ทำงานมาหลายสิบปี มันเจ็บปวดมากที่ต้องเห็นสถานีอยู่ในสภาพนี้ และพนักงานหลายคนก็รับกับสภานการณ์ไม่ค่อยไหว เราคงทำงานต่อไปไม่ได้หากไม่ได้รับเงินเดือน

ส่วนพนักงานของทีวี ที่เป็นของรัฐก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจเช่นกัน โดยลดจำนวนพนักงานและลดเงินเดือน นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก หนังสือพิมพ์ถึง 5 ฉบับ หยุดตีพิมพ์แล้ว ส่งผลให้นักข่าวกว่า 4,000 คน ต้องตกงานนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ

http://www.bangkokbiznews.com/home/...ีวีช่องดังกรีซส่อล้มละลายเพราะวิกฤติหนี้.html

 

วันที่ 9 มีนาคม 2555 06:23
เผยโบนัสย่านวอลล์สตรีทลดลง25%ปีที่แล้ว
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


สำนักงบประมาณนิวยอร์คเผยโบนัสย่านวอลล์สตรีทลดลง 25% ในปีที่แล้ว

สำนักงบประมาณอิสระนครนิวยอร์ค ระบุว่า ปริมาณการจ่ายเงินโบนัสของธุรกิจย่านวอลล์สตรีทลดลงเกือบ 25 % ในปี 2554 ซึ่งแม้ไม่รุนแรงเท่ากับที่อุตสาหกรรมหลักทรัพย์คาดการณ์กันไว้ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของนครนิวยอร์คและของรัฐนิวยอร์ค โดยก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญเคยคาดการณ์ว่า โบนัสสำหรับพนักงานในธุรกิจหลักทรัพย์ย่านวอลล์สตรีทอาจดิ่งลง 30-40 %

นายโธมัส ดินาโปลี ผู้ควบคุมการคลังประจำรัฐนิวยอร์ค เคยคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วว่า โบนัสย่านวอลล์สตรีทอาจลดลง 13 % สู่ 121,150 ดอลลาร์ต่อคนในปี 2554 และคาดการณ์ว่า ผลกำไรย่านวอลล์สตรีทในปีที่แล้ว จะอยู่ในระดับไม่เกิน 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนสำนักงบประมาณอิสระประเมินว่า บริษัทในย่านวอลล์สตรีทอาจมีผลกำไรราว 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2554 โดยดิ่งลงอย่างรุนแรงจากระดับ 2.76 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2553 ทั้งยังคาดว่า ธุรกิจย่านวอลล์สตรีทอาจปรับลดตำแหน่งงานลง 4,300 ตำแหน่งในปีนี้ ในขณะที่ค่าจ้าง ซึ่งรวมถึงโบนัสจะลดลง 7.5 %

ด้านคณะกรรมการการเงินประจำสภาเมือง ออกรายงานว่า พนักงานในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์น่าจะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 1.6 % ในปี 2554 เป็น 369,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับอัตราการพุ่งขึ้นของค่าจ้างที่ 17.6 % ในปี 2553

ตัวเลขคาดการณ์ ของคณะกรรมการการเงินและสำนักงบประมาณอิสระบ่งชี้ว่า อุตสาหกรรมหลักทรัพย์ยังคงเผชิญกับอุปสรรคจากกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง และวิกฤติหนี้ยุโรป

คณะกรรมการการเงินระบุด้วยว่า ธนาคารสหรัฐมีการลงทุนราว 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในสเปน อิตาลี โปรตุเกส ไอร์แลนด์ และกรีซ แต่ธุรกิจย่านวอลล์สตรีท ก็ได้ปรับตัวรับความเป็นไปได้ในการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซตั้งแต่ช่วงต้นปี 2553

คณะกรรมการการเงิน สำนักงบประมาณอิสระ และนายจอห์น ลิว ผู้ควบคุมการคลังประจำนครนิวยอร์ค ได้เปิดเผยบทวิเคราะห์ของตนที่มีต่อแผนงบประมาณวงเงิน 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์ของนายไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์คด้วย

คณะกรรมการการเงินระบุว่า รายได้จากการเก็บภาษี ของนครนิวยอร์คน่าจะอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนายบลูมเบิร์กราว 227 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ ปัจจุบันที่สิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.2555 และน่าจะอยู่สูงกว่าตัวเลขของนายบลูมเบิร์กราว 380 ล้านดอลลาร์ในปีถัดไป

http://www.bangkokbiznews.com/home/...46/เผยโบนัสย่านวอลล์สตรีทลดลง25ปีที่แล้ว.html

 

วันที่ 8 มีนาคม 2555 08:05
สหรัฐเผยครั้งแรก"วาติกัน" แหล่งฟอกเงิน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


สหรัฐออกรายงานระบุชื่อนครวาติกัน อยู่ในข่ายถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินเป็นครั้งแรก

เป็นครั้งแรกที่กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ระบุว่า นครวาติกัน อันเป็นที่ตั้งของศาสนาสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ของคริสตศาสนิกชนนิกายโรมัน คาทอลิค มีความเปราะบางอย่างยิ่งต่อการถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน เช่นเดียวกับอีก 67 ประเทศ

รายงานประจำปี ว่าด้วยยุทธศาสตร์การควบคุมและปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศ ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุชื่อนครวาติกัน ในฐานะเขตอำนาจตามกฎหมายที่น่าเป็นห่วงเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น แอลเบเนีย สาธารณรัฐเช็ค อิยิปต์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย เวียดนามและเยเมน และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่สันตสำนัก (Holy See) แห่งนี้ ถูกระบุชื่อไว้ในรายงานประจำปีของกระทรวงต่างประเทศ

เจ้าหน้าที่กระทรววงต่างประเทศสหรัฐ ที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า นครวาติกัน ได้ออกโครงการต่อต้านการฟอกเงินหลายโครงการเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2554 และจะต้องใช้เวลาหนึ่งปี ในการเริ่มต้นในการตัดสินใจว่าได้ผลอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เปราะบางอย่างยิ่งสำหรับปัญหาที่มีเงินจำนวนมหาศาลไหลจากทั่วโลกเข้าไปยังนครวาติกัน ซึ่งน่าเป็นห่วงจนต้องถูกระบุในรายชื่อของขอบเขตอำนาจทางกฎหมายที่สำคัญที่อยู่ในข่ายถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินด้วย

รายงานประจำปีของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ยังระบุรายชื่อประเทศรวม 66 ประเทศ ที่อยู่ในข่ายดินแดนที่ถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน รวมทั้ง อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย บราซิล หมู่เกาะเคย์แมน จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐ อุรุกวัย และซิมบับเว

http://www.bangkokbiznews.com/home/...427/สหรัฐเผยครั้งแรกวาติกัน-แหล่งฟอกเงิน.html

 

วันที่ 8 มีนาคม 2555 17:27
ไทยติดกลุ่ม66ประเทศแหล่งฟอกเงิน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กต.สหรัฐเผยชื่อ 66 ประเทศถูกจับตาแหล่งฟอกเงินโลก ไทยติดโผด้วย ร่วมกับสิงคโปร์ สหรัฐ ออสเตรเลีย จีน เยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐเผยรายชื่อ 66 ประเทศที่ถูกจับตาด้านการฟอกเงินประจำปี 2555 ปรากฏว่ารายชื่อหลักๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงปีนี้ คืออาร์เจนตินา คูราเคา และเซนต์มาร์เทน ซึ่งถูกขยับจากกลุ่ม "น่าวิตก" ไปอยู่ในกลุ่ม "น่าวิตกเบื้องต้น" ร่วมกับทั้งหมด 66 ชาติ ที่รวมถึงไทย อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย บราซิล หมู่เกาะเคย์แมน จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐ สิงคโปร์ กัมพูชา แคนาดา ฟิลิปปินส์ พม่า ฝรั่งเศส ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฯลฯ

http://www.bangkokbiznews.com/home/...8/440594/ไทยติดกลุ่ม66ประเทศแหล่งฟอกเงิน.html

 

วันที่ 9 มีนาคม 2555 13:12
ญี่ปุ่นงง"ยิ่งลักษณ์"กล่าวสุนทรพจน์ไทยไร้ล่ามแปล
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สื่อนอกเผยนักธุรกิจญี่ปุ่นงง"ยิ่งลักษณ์" กล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทยโดยไม่มีล่ามแปลและใช้เวลาพูดแค่ 7 นาที

บล็อกข่าวในส่วนของเจแปนเรียลไทม์ เว็บไซต์ข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัล โดยเอเลนอร์ วอร์น็อค ซึ่งเขียนบล็อกเรื่อง "ชาวญี่ปุ่นบางส่วนยังคงรู้สึกมึนงงเกี่ยวกับแผนการรับมืออุทกภัยของไทย" ว่า นักลงทุนชาวญี่ปุ่น ตั้งความหวังไว้การมาเยือนญี่ปุ่นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย เพื่อฟื้นฟูและสร้างความมั่นใจให้กับธุรกิจญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยใหญ่ของไทยช่วงปลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ ที่หอการค้าญี่ปุ่น ท่ามกลางนักธรุกิจญี่ปุ่น ที่ต้องการฟังข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาไทยทั้งหมดรวม 7 นาที พร้อมโค้งคำนับ แล้วอำลากลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่นไป จนห้องประชุมทั้งห้องตกอยู่ในภาวะเงียบกริบ

วอร์น็อค ระบุว่า ถึงแม้จะมีการแจกคำแปลสุนทรพจน์ภาษาไทย ของน.ส.ยิ่งลักษณ์มอบให้ผู้เข้าร่วมงาน แต่นักธุรกิจญี่ปุ่นบางส่วน ก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์พูด ปรากฎตรงจุดไหนของเอกสารคำแปลที่แจกให้

ขณะที่ ตัวแทนของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่เข้าฟังสุนทรพจน์ ให้ความเห็นว่า รู้สึกยินดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามกระตุ้นเพื่อสร้างความมั่นใจ และอธิบายถึงมาตรการรับมือน้ำท่วมใหม่ๆของไทย แต่เป็นเรื่อง น่าแปลก อยู่ไม่น้อยที่ ทีมงาน ของนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่จัดหาล่ามมาคอยแปลไทยเป็นญี่ปุ่นขณะกล่าวสุนทรพจน์ หรือมิฉะนั้นอาจให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษก็ได้

ขณะที่สุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี ชี้แจง ทวิตเตอร์ @suranand ว่า กระทรวงต่างประเทศแจกคำแปลในงาน ซึ่งอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เจ้าหน้าที่เห็นว่ามีเวลาจำกัดจึงขอให้พูดภาษาไทยพร้อมแจกคำแปลภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ทำคำแปลภาษาอังกฤษ ทราบว่าทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังทำจดหมายถึง WSJ เพื่อชี้แจงแล้ว

http://www.bangkokbiznews.com/home/...นงงยิ่งลักษณ์กล่าวสุนทรพจน์ไทยไร้ล่ามแปล.html

 

วันที่ 9 มีนาคม 2555 05:14
อึ้งทั่วโลก!ทวีตหลอกโป๊ปสิ้นพระชนม์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ตกใจกันไปทั่วโลกเมื่อมีข้อความทวีตลวงจากคาร์ดินัลระดับอาวุโสแห่งวาติกันระบุ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิคส์ที่ 16 สิ้นพระชนม์

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า มีข้อความทวีตจากคาร์ดินัลทาร์ซิสิโอ เบอร์โทเน เลขาธิการสำนักวาติกันและสมาชิกวาติกันอีก 2 คน เมื่อเวลาประมาณ 19.00น.ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 01.00 น.ตามเวลาประเทศไทยว่า "เราขอประกาศด้วยความเศร้าโศกเสียใจว่า สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิคส์ที่ 16 องค์พระประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิค ทรงสิ้นพระชนม์โดยกระทันหัน ในช่วงบ่ายวันนี้" ซึ่งปรากฏว่า เป็นข้อความทวีตหลอก ที่โฆษกสำนักวาติกัน ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธในทันที

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการทวีตข้อความดังกล่าว ในเวลาต่อมาไม่นาน ก็มีผู้ฟอลโลว์ทวีตข้อความดังกล่าวต่อไป เป็นภาษาสเปน อังกฤษและฝรั่งเศส

ด้านนายเฟเดอริโก ลอมบาดิ โฆษกสำนักวาติกัน ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อความที่ถูกทวีตออกมาครั้งนี้ในทันที โดยระบุว่า" เป็นข้อความที่ไม่มีมูลความจริงและไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ "

ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิคส์ที่ 16 จะทรงมีพระชนม์มายุครบ 85 ปีในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

http://www.bangkokbiznews.com/home/...0633/อึ้งทั่วโลก!ทวีตหลอกโป๊ปสิ้นพระชนม์.html

 

เครดิต คุณ kiatp123<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5821467", true); </SCRIPT>
sorce | The earth's magnetic field impacts climate//Viewzone

 

ยิวถล่มฉนวนกาซารอบใหม่ ยอดตายรวม 20 หลังเนทันยาฮูประกาศสู้ไม่ถอย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2555 10:43 น.

ซาความเสียหายของอาคารหลังหนึ่ง ในค่ายผู้อพยพ ทางเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งถูกอิสราเอลโจมตีทางอากาศในคืนที่ผ่านมา


เอเอฟพี - เครื่องบินรบของอิสราเอลถล่มฉนวนกาซารอบใหม่ช่วงเช้ามืดวันนี้ (12) มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ศพ ทำให้ยอดเหยื่อเหตุรุนแรงตลอด 3 วันมานี้กลายเป็น 20 ราย หลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูประกาศจะไม่ปล่อยให้กลุ่มติดอาวุธทั้งหลายยิงจรวดโจมตีรัฐยิว

อัดฮัม อาบู เซลมิยา โฆษกหน่วยฉุกเฉินของฮามาสรายงานว่า เกิดเหตุโจมตีทางอากาศทั่วฉนวนกาซาไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ในจำนวนนั้น ยิงถล่มค่ายผู้อพยพจาบาเลีย 2 ครั้ง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก

การโจมตีอีก 2 ครั้งเกิดทางตะวันออกของเมืองกาซาซิตี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน และอีก 2 ครั้งในพื้นที่เปิดโล่ง บริเวณเบตลาฮียา ทางเหนือ และใจกลางเมืองคานยูนิส

ขณะที่เจ้าหน้าที่การแพทย์เผยว่า ชายคนหนึ่ง อายุ 24 ปี เสียชีวิตในการโจมตีทางตะวันออกของเมืองคานยูนิส ขณะที่ชายอีกคน วัย 24 ปี เช่นกัน เสียชีวิตในระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ทางตอนใต้ของเมืองดังกล่าว และยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน

ด้านโฆษกหญิงของอิสราเอลยืนยันว่ามีการโจมตีดังกล่าวจริง โดยระบุว่ามีเป้าหมายเพื่อทำลายโรงเก็บอาวุธ และฐานยิงจรวด 2 แห่งทางเหนือของฉนวนกาซา และฐานยิงจรวดอีกแห่ง ทางใต้ของฉนวนกาซา

การยิงถล่มรอบใหม่นี้มีขึ้นหลังนายกฯ ยิว เตือนว่า การจู่โจมใดๆ จะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น และเมื่อเจ้าหน้าที่ฮามาสระบุว่า ความพยายามของอียิปต์ในการเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิงไม่เป็นผล

เหตุรุนแรงระอุขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ (9) ที่ผ่านมา เมื่อเครื่องบินเจ็ตของยิวรุกล้ำเข้าไปในฉนวนกาซา สังหาร ซูฮาอีร์ อัล กออิซี ผู้นำกลุ่มหัวรุนแรงป๊อบปูลาร์ รีซิสแทนซ์ คอมมิตตี และมีการตอบโต้ด้วยการระดมยิงจรวดเข้าไปในอิสราเอล

ในวันอาทิตย์ (11) ที่ผ่านมา มียอดผู้เสียชีวิตในกาซาแล้ว 18 ราย ส่วนอิสราเอลก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน และมีจรวดตกในดินแดนกว่า 120 ลูก

เนทันยาฮูประกาศเตือนผ่านทางสถานีวิทยุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวยังจะดำเนินต่อไป "ผมได้สั่งการยิงโจมตีผู้ใดก็ตามที่วางแผนประทุษร้ายเรา กองทัพอิสราเอลเตรียมการถล่มองค์กรก่อการร้ายอย่างหนักไว้แล้ว"

ด้านกลุ่มอิสลามิก จีฮัด ซึ่งอ้างความรับผิดชอบการยิงจรวดถล่มยิวส่วนใหญ่ นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้อย่างรวดเร็ว โดยว่า ปฏิบัติการของพวกเขาจะดำเนินต่อไปไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นดำเนินมาตรการใดๆ ก็ตาม ขณะที่กลุ่มควอเทตผู้แทนเจรจาสันติภาพระหว่างประเทศจะจัดการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน วันนี้



ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน


หน่วยกู้ภัยค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บท่ามกลางซากอาคารที่ถูกยิงถล่ม


ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของยิว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก

Around the World - Manager Online -

 

เรื่องที่คนไทยรู้นานแล้ว แต่วอลล์สตรีท เจอร์นัล เพิ่งจะรู้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2555 07:50 น.

ข้อเขียนสั้นๆ เรื่อง “ Some Japanese Still in the Dark Over Thailand ‘s Flood Plan” ของ อีเลียนอร์ วาร์นอค ในบล็อก “ แจแปน เรียลไทม์ “ ของเว็บไซต์ ดิ วอลสตรีท เจอร์นัล ทำให้ ความพยายามที่จะสร้างภาพ “ ยิ่งลักษณ์ โกอินเตอร์” ของทีมงานด้านประชาสัมพันธ์ และสร้างภาพ นายกรัฐมนตรี นกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่วางแผนกันมาอย่างดี พังทลายลงไปในชั่วข้ามคืน

ก่อนหน้า การเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ของนักลงทุนญี่ปุ่น ต่อมาตรการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 6-9 มีนาคม ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เสื้อแดงฉบับหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้สร้างภาพภาวะผู้นำ ของนายกฯนกแก้ว ด้วยการนำกำหนดการการเยือน มาสร้างเป็นข่าวนำหน้า 1 ติดต่อกัน 2 วันซ้อน

ภาพของนายกฯนกแก้ว ในการเดินทางไปโรดโชว์ ญี่ปุ่นหนนี้ ดูเก่งกล้า สมกับเป็นนักบริหารมืออาชีพ ด้วยภาษาพาดหัวข่าวที่บรรงจงปั้นให้โดนใจผู้อ่าน อย่าง “ ปูนำเจรจา” และ “ปู กล่อม (ซีอีโอ ญี่ปุ่น) รายตัว”

ระหว่างการเยือน ข่าวภารกิจและความสำเร็จของนายกฯนกแก้ว ถูกจัดทำแบบสำเร็จรูปโดยทีมงานด้านประชาสัมพันธ์ ป้อนให้กับสื่อทุกสำนัก รายงานอย่างยาวเหยียด และละเอียดยิบทุกวัน ให้คนไทยได้ชื่นชมว่า บัดนี้ นักลงทุนญี่ปุ่น เกิดความมั่นใจในแผนการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาลแล้ว จะไม่ถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย เพราะฝีมือการเจรจาหว่านล้อมของนายกฯนกแก้ว

แต่แล้ว ข้อเขียนสั้นๆ ความยาวประมาณ 500 คำ เพียงชิ้นเดียวนี้ ก็ได้ทำลายภาพลวงตาที่สร้างขึ้นจากข่าวแจกหลายสิบชิ้น คิดเป็นจำนวนคำได้หลายหมื่นคำ ซึ่งสื่อมวลชนไทยช่วยกันถ่ายทอดให้คนไทยได้รับรู้ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ภายในพริบตา

มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ทีมงานสร้างภาพของนายกฯนกแก้ว คิดไม่ถึงว่า จะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้น เพราะได้หาทางป้องกันไม่ให้ ฝันร้าย ที่เคยเกิดขึ้นครั้งที่ ฮิลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯมาเยือนไทย และการประชุมที่ดาวอส

น่าเห็นใจ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานอิ่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องทำงาน ภายใต้กรอบความรู้ สติปัญญา ที่จำกัดของผู้นำ

ไม่รู้ว่า เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า หลังนายกฯนกแก้ว เดินทางกลับถึงประเทศไทย จึงยังใม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เรื่อง การเยือนญี่ปุ่น เลย

แจแปน เรียลไทม์ เป็นบล็อกที่รายงานข่าว ความเคลื่อนไหว ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และไลฟ์สไตล์ ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น โดยผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ดิวอลล์สตรีท เจอร์นัล และ สำนักข่าวดาวโจนส์ ในเว็บไซต์ WSJ -Japan ซึ่งมีบล็อกประเภทเดียวกันนี้อยู่หลายบล็อก แยกตามประเทศ ที่เป็นตลาดเป้าหมาย เช่น โคเรีย เรียลไทม์, สิงคโปร์ เรียลไทม์ และไชน่า เรียลไทม์ เป็นต้น

ดิ วอลสตรีท เจอร์นัล เป็นหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ข่าว ของสหรัฐฯ ที่รายงานข่าวธุรกิจ การลงทุน ตลาดเงิน ตลาดทุน ทั่วโลก ได้รับการยอมรับ และมีอิทธิพลอย่างสูง ในหมู่ผู้กำหนดนโยบายทั้งภาครัฐและเอกชน รายงานข่าว และบทความที่เผยแพร่ เป็นการรายงานข้อเท็จจริง และสะท้อนความคิดเห็นของบุคคลในภาคธุรกิจ

ความมึนงงว่า นายกรัฐมนตรีของไทยพูดอะไร และไม่มั่นใจในแผนป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาลไทย จึงไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน แต่เป็นบรรยากาศ และความรู้สึกของนักธุรกิจญี่ปุ่นหลายร้อยคน ที่มาร่วมการสัมมนาเมื่อบ่ายวันที่ 7 มีนาคม เพื่อรอฟังว่า รัฐบาลไทยซึ่งคุยว่า มีเงินอยุ่ในมือแล้ว 11,000 ล้านเหรียญ และมีแผนการป้องกันน้ำท่วมที่คิดขึ้นโดย พี่ชายนายกรัฐมนตรี

เรื่อง นายกฯไทยไม่พูดภาษาอังกฤษ กับนักลงทุนญี่ปุ่น เป็นเพียงประเด็นเล็กๆ ที่ผู้เขียน เห็นว่า เป็นเรื่องแปลกอยู่ เพราะคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย เคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา น่าจะพูดภาษาอังกฤษได้ และหลายคนที่มาฟังนายกฯนกแก้ว อ่านภาษาไทยให้ฟังในวันนั้น ก็พูดภาษาอังกฤษได้ เพราะเป็นนักลงทุน นักธุรกิจ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า นายกฯ ไม่มั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษของตนเอง หลังจาก กรณีอ่านคำว่า “welcome” เป็น “overcome” ตอนกล่าวต้อนรับนางฮิลลารี่ คลินตัน เมื่อครั้งมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

เรื่องที่ผู้เขียนคิดไม่ถึง และนักธุรกิจญี่ปุ่นบางคนเห็นว่า เป็นเรื่อง “ พิลึก” คือ การที่นายกฯนกแก้วอ่านสุนทรพจน์ เป็นภาษาไทย โดยไม่มีล่ามแปล มีแต่เพียงการแจกสุนทรพจน์ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่น ให้ผู้ฟังไปอ่านเอง กระทรวงการต่างประเทศของไทยอ้างว่า เป็นข้อตกลงว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานสภาหอการค้า ญึ่ปุ่นจะกล่าวเป็นภาษาญี่ปุ่น นายกฯไทยจะกล่าวเป็นภาษาไทย

นายกฯญี่ปุ่น และประธานหอการค้าญี่ปุ่น พูดกับนักธุรกิจญี่ปุ่น ก็ต้องพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น โดยไม่ต้องมีล่ามแปล แต่นายกฯไทย ซึ่งเป็นฝ่ายไปง้องอน อ้อนวอน ให้เขาอย่าถอนการลงทุนออกไป ไปพูดภาษาไทยโดยไม่มีล่ามแปลให้คนญี่ปุ่นฟัง ใครๆก็ต้องเห็นว่า เป็นเรื่องพิลึก และไม่คิดว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะทำได้

แต่เรื่องใหญ่ใจความ ของข้อเขียนของวาร์น็อคชิ้นนี้ น่าจะอยู่ตรงประโยคที่ว่า หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ อายุ 44 ปี พูดกับผู้ฟังหลายร้อยคน เป็นเวลานาน 7 นาที โดยไม่มีล่ามแปล ทำให้ผูนำภาคธุรกิจจำนวนมากงงว่า เธอกำลังพูดเรื่องอะไร และพากันมะงุมมะงาหรา ไล่ดูเอกสารที่ได้รับแจกมา เพื่อเดาว่า เธอพูดถึงตรงไหนแล้ว

“Ms .Yingluck then left the room in silence ,smiling and bowing as she went”

การที่ กระทรวงต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย และนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกส่วนตัว ของนายกรัฐมนตรี ยกเรื่อง การไม่พูดภาษาอังกฤษของนายกฯนกแก้ว มาตอบโต้วอลล์สตรีท เจอร์นัล และคนที่วิพากษ์วิจารณ์ จึงเป็นเรื่องที่ผิดประเด็น เพราะความระหว่างบรรทัดของข้อเขียนชิ้นนี้คือ นายกรัฐมนตรีจากประเทศไทย ซึ่งเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ให้คงการลงทุนไว้ในประเทศไทยต่อไป โดยให้มั่นใจว่า รัฐบาลมีแผนป้องกันอุทกภัยเป็นอย่างดี ให้มั่นใจว่า น้ำจะไม่ท่วมนิคมอุตสาหกรรมอีก ปฏิเสธที่จะพูดกับนักลงทุนญี่ปุ่นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นการแสดงความจริงใจ แต่ใช้วิธีส่งสาส์น ให้ไปอ่านกันเอง ปฏิเสธที่จะรับฟังคำถาม และตอบคำถามนักลงทุนเหล่านั้น อ่านโพยเสร็จ ก็โปรยยิ้ม เปิดตูด หนีออกจากห้องไปเลย เพราะไม่สามารถที่จะพูดอะไร ที่ไม่มีใครเขียนโพยให้ท่องไว้ก่อนได้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คนไทยเห็นจนเบื่อ คร้านที่จะด่าแล้ว แต่วอลล์ สตรีท เจอร์นัล และนักลงทุนญี่ปุ่นเพิ่งจะรู้

Politics - Manager Online -

 

“พี่กนก” สั่งสอน “น้องนภพัฒน์จักษ์” หลังนั่งเทียนเขียนข่าวอวย “จ.เจตน์”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มีนาคม 2555 01:14 น.

“นภพัฒน์จักษ์” ดิ้นไม่หลุด หลังถูก “กนก” โต้กลับ กรณีเขียนบทความชื่นชม “จ.เจตน์” โดยไม่สอบถามความจริง แต่กลับเชื่อทวิตเตอร์ของคนเสื้อแดง ซ้ำถูก “กนกแฟนคลับ” ถล่มยับว่าเป็นอีแอบแดง นั่งเทียนเขียนข่าว จนนักข่าวรุ่นน้องต้องขอโทษรุ่นพี่ ผ่านหน้าเฟซบุ๊ก

จากบทความ “[ที่เห็นและเป็นอยู่] สื่อต้องรับฟังความเห็นของประชาชน” ของนายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ที่ลงเผยแพร่ในเนชั่นสุดสัปดาห์ ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงชื่นชม จ.เจตน์ ว่า ทำถูกต้อง ที่ใช้วิธีการเข้าพูดคุยกับคนที่เห็นต่าง โดยไม่ใช้ความรุนแรง หลังจากนั้น นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กลับจากผู้สนับสนุนนายกนกจำนวนมาก

จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันที่ 10 มี.ค.นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว “นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนทอ ชี้แจงไปยังหน้าเพจเฟซบุ๊กของนายกนก "Kanok Ratwongsakul Fan Page" ว่า เขียนไปด้วยความรวดเร็ว โดยไม่ได้สอบถามเรื่องราวจากนายกนกก่อน และที่เลือกเอาเนื้อหาจากทวิตเตอร์คนเสื้อแดงมาเสนอ เพราะอยากให้ฟังความจากอีกด้าน

“สืบเนื่องจากบทความในเนชั่นสุดสัปดาห์ มีคนเขียนแสดงความเห็นสะท้อนกลับมา ผมขอน้อมรับและขอบคุณที่ตอบมาด้วยเหตุผลครับ

บทความที่ผมเขียนเขียน 1 วันหลังจากที่เกิดเหตุ ซึ่งเขียนด้วยความรวดเร็วพอสมควร ซึ่งผมก็ยอมรับว่ายังไม่ได้สอบถามเรื่องราวจากพี่กนก แต่ได้ถามจากทีมงานแล้ว และเข้าใจว่าเหตุการณ์ไม่ได้มีเรื่องที่น่ากังวล (การปะทะกัน, การโต้เถียงกันรุนแรง)

สาเหตุที่ผมเลือกนำเรื่องเล่าจากทวิตเตอร์ คนเสื้อแดงมาเสนอ เป็นเจตนาที่อยากให้ฟังความอีกด้าน เพราะช่วง 1 วันหลังเกิดเรื่อง อารมณ์ต่อเหตุการณ์นี้รุนแรงมาก รุนแรงกว่าความเป็นจริงไปเยอะพอสมควร

สุดท้ายผมอยากให้มองส่วนที่เป็นความเห็นของผมเป็นหลัก ส่วนเรื่องเล่าจากเหตุการณ์ผมจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการแชร์เนื้อหาจากหน้าเพจนี้ไปที่หน้าเพจของผม เพื่อให้เห็นมุมมองอีกด้านครับ

อีกหนึ่งจุดที่สำคัญ คือ มีแฟนๆ พี่กนกหลายคนไม่สบายใจกับบทความนี้ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมเขียนไว้ในบทความชัดเจนว่าชื่นชมท่าทีของพี่กนก และเคารพรุ่นพี่ด้วยใจจริงมาตลอด เจตนาในการเขียนบทความนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเห็นว่าพี่กนกเป็นแบบอย่างที่ดี แต่ผมก็เลือกนำเสนอความคิดในแบบที่ผมมอง ด้วยความหวังว่าพี่กนกจะไม่เจอเหตุร้ายๆเกิดขึ้นกับตัวเอง

ถ้าทำให้คนบางส่วนไม่สบาย ผมขออภัยและพร้อมน้อมรับความเห็นครับ" นายนภพัฒน์จักษ์ ระบุ

หลังจากนั้น เวลาประมาณ 19.30 น. นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ก็ได้ตอบกลับนายนภพัฒน์จักษ์ ดังนี้

1.นภพัฒน์จักษ์ แน่ใจหรือว่า เขียนบทความนี้ 1 วันหลังจากเกิดเหตุ? เหตุเกิดวันไหนน้องรู้มั๊ย? ไม่ได้ถามเรื่องราวจากผม แต่ไปถามกับทีมงาน! คนไหนครับ? เพราะคืนนั้นไม่มีใครรู้มาก่อน ทั้งทีมงานช่อง 9 หรือทีมงานเนชั่น ผมเป็นคนโทร.แจ้งน้องทีมงานของทางเนชั่นคนเดียว มีคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในห้องกับผมคืนนั้น แล้วน้องคนนี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกับนภพัฒน์จักษ์ จึงอยากรู้ว่า ไปถามจากทีมงานคนไหน?

2.บทความนี้ ดูเผินๆเหมือนแสดงความปรารถนาดีกับผม แต่การเลือกนำเสนอมุมมองจากทวิตเตอร์กลุ่มที่มานั้น ผมมองว่า เป็นการแสดงความปรารถนาดี ช่วยอธิบายให้กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่น้องนภพัฒน์จักษ์เข้าไปคลุกคลีอยู่หลายคน

3.อะไรทำให้ นภพัฒน์จักษ์ เชื่อเนื้อหาจากทวิตเตอร์นั้นทั้งหมด? ความจริงผมไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ถ้าเนื้อหาที่เห็นมันสอดคล้องตามข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่มันไม่ทั้งหมด “กลุ่มที่มาไม่ได้ทำเรื่อง แจ้งให้ อสมท.ทราบ” เป็นไปไม่ได้ ถ้าแจ้งประสานมาแล้ว ทาง อสมท.จะไม่แจ้งผม เพราะหลังจากเกิดเรื่อง ผมได้คุยกับผู้ใหญ่บางท่านของช่อง 9 ท่านน่ารักมาก ท่านลงมาขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และบอกว่า ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน อีกทั้งคนชื่อเจตน์ ก็ถามผมก่อนจะพูดคุยว่า “จะเรียกใครมาร่วมรับฟังไหม” เพราะเขาเห็นว่าตอนนั้น ก่อนที่น้องทีมงานจะมาอยู่ 1 คน ไม่มีใครอยู่กับผมเลย ก็เพราะคนกลุ่มนี้ มาโดยไม่ได้บอกใครในสถานีไง

4.เนื้อหาที่นภพัฒน์จักษ์เอามาจากทวิตเตอร์ บอกว่า เห็นคุณกนก งงๆ ตกใจ ก็รู้เลยว่า ไม่รู้ตัวมาก่อน คนชื่อเจตน์จึงเข้ามา "สวัสดีพร้อมแนะนำตัวอย่างสุภาพ ถึงเหตุผลที่มาในคืนนั้น!!! ประโยคแรกที่คนชื่อเจตต์พูดกับผม คือ “ขอให้หยุด..เดี๋ยวก่อนๆ ขอพูดอะไรหน่อย..จะกลับมาหรือเปล่า? (ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อ) จะหนีไปมั้ย?” แค่คำว่าสวัสดียังไม่มีเลยนภพัฒน์จักษ์

5.ทั้งหมดที่มาในคืนนั้น ผมเห็นอยู่ 2-3 คน ที่ผมคิดว่าเขามีเหตุผล พูดคุยและรับฟังความเห็นจากผม ไม่ได้มาแบบตั้งป้อมจะให้ผมออกจากการทำรายการ 1 ใน 2-3 คนนั้น ยังขอจับมือกับผมในตอนท้าย ซึ่งผมประทับใจเค้าเป็นการส่วนตัว เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อ และหนุ่มคนนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา เขาใส่เสื้อสีแดง บอกกับผมตรงๆ ว่า เขาเป็นเสื้อแดง เขาต้องการช่วยพี่น้องของเขาที่ติดคุกด้วย ม.112 ทั้ง 2-3 คนนั้น ไม่รวมคนชื่อเจตต์

6.นภพัฒน์จักษ์ รู้มั้ย ที่เขามาในคืนนั้น ประเด็นหลักที่จะมาร้องเรียนผม คือเรื่องอะไร? น้องถึงไปเขียนบทความประมาณ ว่า เป็นเรื่องดีที่สื่อจะรับฟังความเห็นของประชาชน ผมรับฟังความเห็นของทุกๆคนเสมอ แต่คืนนั้นคนชื่อเจตน์เริ่มด้วย “จากกรณีที่ อ.วรเจตน์ ถูกทำร้ายร่างกาย เราคิดว่าคุณคือสื่อที่เป็นตัวปัญหาของเรื่องนี้!! คุณกนกเป็นสื่อในกระแสหลักที่ทำรายการด้วยความเห็นส่วนตัว ทำให้สังคมแตกแยก”

สุดท้ายผมถึงบอกว่า กลุ่มคนที่มาไม่เคยดูรายการผม นภพัฒน์จักษ์ ก็คงไม่ได้ดู ถ้าดูจะรู้ว่าตั้งแต่หลังเลือกตั้งเป็นต้นมา รายการผมมีแต่ข่าว จับยาบ้า ค้ายาไอซ์ แฉบ่อน พระมั่วสีกา จานบินต่างดาว มะนาวแพง ไฟไหม้ หมอกควัน ศาลาการเปรียญเฮี้ยน ประเด็นเหล่านี้หรือที่ทำให้สังคมแตกแยก? ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้นะ จนกระทั่งนภพัฒน์จักษ์ เขียนบทความ

ระหว่างการพูดคุยกัน ของ นายกนก และ นายนภพัฒน์จักษ์ ผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก ก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ในเชิงต่อว่านายนภพัฒน์จักษ์ เป็นเสื้อแดง และนั่งเทียนเขียนข่าว

จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.นายนภพัฒน์จักษ์ ได้ยอมรับผิดที่อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งเดียว แต่ขอยืนยันว่ามีเจตนาบริสุทธิ์

“พี่กนกครับ ผมโดนด่าเยอะพอสมควร แต่ที่ไม่สบายใจที่สุดคือผมไม่อยากให้พี่เข้าใจเจตนาผมผิด เพราะผมเคารพ และนับถือพี่กนกมาตลอด

ยอมรับว่า ครั้งนี้ผมผิดพลาดไปที่อ้างอิงข้อมูลแหล่งเดียว อยากอธิบายในทุกเรื่องแต่ผมไม่อยากลงรายละเอียดมาก เพราะตรงนี้เป็นที่สาธารณะ และตอนนี้ก็มีคนคอยอยากสร้างสถานการณ์ คอยเสี้ยม ค่อนข้างมาก

ยังไงขออภัยพี่กนกมา ณ ที่นี้ ที่แม้ว่าผมจะยืนยันว่า ส่วนของบทความผมเขียนด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ แต่ก็ได้สร้างความลำบากใจให้กับพี่ครับ ส่วนรายละเอียดที่เหลือ ผมขอโอกาสรบกวนเวลาไปคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวนะครับ เพราะไม่อยากให้กลายเป็นภาพคนเนชั่นทะเลาะกัน จะได้ไปขออภัยด้วยตัวเองด้วย

เอมครับ”

แต่กระแสต่อว่านายนภพัฒน์จักษ์ ก็ยังคงไม่หยุด จนกระทั่งล่าสุดเวลา 23.30 น.นายนภพัฒน์จักษ์ ก็ได้พิมพ์ขอโทษนายกนก “ผมขอโทษพี่กนกครับ”

ที่มา : www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=376617472355958&id=130660513618323

Politics - Manager Online -

 

โอบามาต่อสายถึงผู้นำอัฟกันแสดงความตกใจต่อเหตุทหารมะกันกราดยิง 16 ศพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มีนาคม 2555 09:06 น.

ญาติของพลเรือนที่เสียชีวิตในเหตุกราดยิงร่ำไห้เสียใจ

เอเอฟพี - ทำเนียบขาวเผย ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซของอัฟกานิสถาน ในวันอาทิตย์ (11) เพื่อแสดงความรู้สึกตกใจ และเสียใจ ต่อเหตุสลดที่ทหารอเมริกันก่อเหตุกราดยิงพลเรือนอัฟกันเสียชีวิต 16 ราย

ทำเนียบขาวระบุว่า ในการสนทนาทางโทรศัพท์ โอบามาแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวอัฟกานิสถาน พร้อมระบุอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลของเขาจะดำเนินการเพื่อพิสูจน์ความจริงโดยเร็วที่สุด และหาตัวผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

ก่อนหน้านี้ โอบามามีถ้อยแถลงว่า เหตุกราดยิงดังกล่าวเป็นเรื่องน่าสลด และน่าตกใจ ทว่า ไม่ได้เป็นลักษณะเฉพาะของกองทัพสหรัฐฯ แต่อย่างใด

เหตุกราดยิงปะทุขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่นอัฟกานิสถาน เมื่อทหารอเมริกันนายหนึ่งเดินออกจากฐานทัพของเขาในจังหวัดกันดาฮาร์ ทางใต้ของประเทศ และเปิดฉากยิงชาย หญิง และเด็กอย่างโหดเหี้ยม นำไปสู่ข้อสงสัยใหม่ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของสหรัฐฯ ในระยะยาว

ด้าน คาร์ไซ ซึ่งประณามมือปืนผู้ก่อเหตุว่ากระทำการอันไม่สามารถให้อภัยได้ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ อธิบายถึงเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้

ขณะที่ ลีออน ปาเนตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ให้ความมั่นใจกับคาร์ไซทางโทรศัพท์ ในวันอาทิตย์เช่นกันว่า กำลังดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่

ส่วน แอนเดอร์ส ฟอกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการนาโตก็แสดงความตกใจ และเสียใจต่อเหตุรุนแรงที่จังหวัดกันดาฮาร์เช่นกัน โดยเสริมว่า "ผมขอแสดงความเสียใจ และเห็นใจด้วยใจจริงต่อครอบครัว และผู้เป็นที่รักของพวกเขา รวมไปถึงประชาชน และรัฐบาลอัฟกัน"

ราสมุสเซนยังให้การสนับสนุนการดำเนินการสอบสวน โดยนายพลจอห์น อัลเลน ผู้บัญชาการกองกำลังช่วยเหลือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานด้วย

เหตุกราดยิงดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ของวอชิงตัน และอัฟกันตกต่ำลงถึงที่สุด จากเหตุการณ์เผาคัมภีร์อัลกรุอานในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดการจลาจลนองเลือดเป็นเวลาหลายวัน สร้างความเครียดให้กับกองกำลังที่ปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานมานานกว่า 10 ปี และสถานการณ์ก็มีแต่จะยุ่งเหยิงขึ้น

นอกจากนี้ เหตุสลดนี้น่าจะยิ่งสร้างความยุ่งยากให้กับวอชิงตัน ซึ่งพยายามจะเจรจาด้านความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระยะยาวกับคาบูล อันจะกลายเป็นพื้นฐานสำหรับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงต่อเนื่องไป

ทางสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูลแจ้งเตือนพลเรือนอเมริกันในอัฟกานิสถานให้ระมัดระวังตัว หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจสร้างกระแสต่อต้านอเมริกัน และเกิดการประท้วงตามมาในไม่กี่วันนี้



ทหารอเมริกันดูแลความเรียบร้อยบริเวณทางเข้าฐานทัพทหาร หลังเกิดเหตุ

Around the World - Manager Online -

 

ภาพอึ้ง! นกกิ้งโครงยุโรปรวมฝูงเป็น “เครื่องหมายอัศเจรีย์” เตือนภัยกำลังมา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มีนาคม 2555 21:17 น.




นูเรย์ โกนูลาลัน ช่างภาพชาวตุรกี

เดลิเมล์ - ฝูงนกกิ้งโครงพันธุ์ยุโรป (Sturnus vulgaris) ร้องระงมเมื่อนกผู้ล่าออกหาเหยื่อ ในช่วงวินาทีที่พวกมันกำลังบินเอาตัวรอดนั้น ภาพฝูงนกรวมตัวกันก็ได้สร้างภาพที่น่าอัศจรรย์ออกมา เป็นภาพ “เครื่องหมายอัศเจรีย์” เครื่องหมายแห่งความตกใจ ในนาทีนั้น ก็มีช่างภาพตาเหยี่ยวสามารถบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้

นูเรย์ โกนูลาลัน ช่างภาพหญิงชาวตุรกี ก็อยู่ในอารามตกใจเช่นกัน เมื่อมองเห็นฝูงนกเกาะกลุ่มกันเป็นรูปร่างเหมือนเครื่องหมายตกใจอยู่เหนือศีรษะของเธอ

โกนูลาลันหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพฝูงนก ขณะที่พวกมันกำลังบินหนีเอาตัวรอดจากนกผู้ล่าเหนือทะเลสาบโมแกน เลค ในกรุงอังการาของตุรกี

“มันเป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่ได้จับสัญญาณภาพนั้น ซึ่งทุกๆ คนก็ให้การยอมรับ” นูเรย์ โกนูลาลัน กล่าว “ฉันโชคดีมาก ถ่ายรูปพวกมันมาได้มากมาย ธรรมชาติเมตตาฉันมากในวันนั้น”

ในวันนั้น โกนูลาลันนอนมองท้องฟ้าเฝ้ารอจับภาพนกหายากในตุรกี กระทั่งได้เห็นภาพปรากฏการณ์เครื่องหมายอัศเจรีย์โผล่ขึ้นมาเหนือศีรษะ ด้วยฝูงนกประมาณ 5,000 ตัว

“พวกมันร้องเหมือนขอความช่วยเหลือ แล้วก็ส่งสัญญาณอย่างกับในการ์ตูน” ตากล้องหญิงผู้นี้เล่า “มีนกกิ้งโครงยุโรปประมาณ 4,000-5,000 ตัว กำลังบินตัดขอบฟ้า ตอนที่นกนักล่าตัวหนึ่งโฉบเข้ามา ฝูงของพวกมันจึงเริ่มเปลี่ยนรูปเครื่องหมายตกใจ”



เครื่องหมายอัศเจรีย์


รูปพายุทอร์นาโด

Around the World - Manager Online -

 

วันที่ 12 มีนาคม 2555 20:04
ชาวกรีซแห่กินมันฝรั่ง ช่วงศก.แย่
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ชาวกรีซหันกินมันฝรั่งราคาถูกมากขึ้น ช่วงเศรษฐกิจแย่และเกษตรกรเบื่อ ถูกพ่อค้ากดราคาหันขายตรงให้ผู้บริโภค

ชาวกรีซ ที่กำลังเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ และมาตรการรัดเข็มขัด หันมาบริโภคมันฝรั่งราคาถูกกันมากขึ้น และเกษตรกรก็หันมานำสินค้าไปขายถึงมือประชาชนโดยตรง

ทั้งนี้ มันฝรั่งราคาถูก กำลังกลายเป็นอาหารหลักที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับชาวกรีซ หลังประเทศเผชิญเศรษฐกิจถดถอยติดต่อกัน 5 ปีและมีมาตรการรัดเข็มขัด ที่ปรับลดพนักงาน ลดเงินเดือน สวัสดิการและบำนาญ รวมถึงขึ้นภาษีหลายระลอกในช่วงกว่า 2 ปีนี้

เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว เกษตรกรรายหนึ่ง ที่ทนขายผลผลิตให้พ่อค้าคนกลางโดยได้ราคาต่ำ จนขาดทุนไม่ไหว จึงบรรทุกมันฝรั่งจำนวน 24 ตันไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในเมืองคาเทรินี และมีประชาชนแห่เข้าแถวรอซื้อมันฝรั่งถุงใหญ่จำนวนมาก

นายเลฟเตอร์ริส เคสโซโปลอส บอกว่า เขาได้รับการติดต่อจากลูกค้าในหลายเมืองรวมทั้งกรุงอเธนส์ เมืองคาวาลา และลาริซซา หรือแม้แต่เมืองปีร์กอส ที่อยู่ไกลออกไปอย่างมาก

นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกรอีกกลุ่ม ก็จำหน่ายมันฝรั่งมากถึงเกือบ 50 ตัน นอกมหาวิทยาลัยเทสซาโลนิกี เมื่อวันศุกร์ โดยราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท หรือแค่เกือบ 1 ใน 3 ของราคาที่ขายในซูเปอร์มารเก็ต

ที่กรุงเอเธนส์ มีการวางขายมันฝรั่งด้วยเช่นกัน โดยอาสาสมัครคนหนึ่งที่ช่วยขาย บอกว่าน่าประหลาดใจมาก ที่มีคนยอมเข้าแถวรอหลายชั่วโมงท่ามกลางอากาศหนาวที่มีอุณหภูมิติดลบเพื่อซื้อมันฝรั่ง ชายคนหนึ่ง บอกว่า เวลานี้ในครอบครัว มีคนตกงานถึง 5 คน ทำให้ต้องหันมากินมันฝรั่งราคาถูก

นอกจากนี้ มีรายงานว่าในสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างนี้ มีประชาชนเข้าแถวรอรับแจกซุปจากโบสถ์ หรือองค์กรกุศลต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆและจำนวนคนเร่ร่อนไร้บ้านก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

http://www.bangkokbiznews.com/home/.../441183/ชาวกรีซแห่กินมันฝรั่ง-ช่วงศก.แย่.html

 

สหรัฐฯ วานรัสเซียเตือนอิหร่าน "โอกาสสุดท้าย" เจรจาก่อนเกิดสงคราม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มีนาคม 2555 15:04 น.


ฮิลลารี คลินตัน และเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และรัสเซีย หารือกันหลังการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเกี่ยวกับปัญหาตะวันออกกลาง ในนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ (12) ที่ผ่านมา


เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์คอมเมียร์ซานต์เผย สหรัฐฯ ขอให้รัสเซียช่วยเตือนอิหร่านว่า เหลือโอกาสสุดท้ายแล้วสำหรับการเจรจา ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในเดือนเมษายน เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหารถล่มโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน

หนังสือพิมพ์แดนหมีขาวรายงานว่า ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดกับเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่า การเจรจาระหว่างอิหร่าน และชาติมหาอำนาจครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้าย ในการคลี่คลายวิกฤต

"เธอขอให้ผู้ร่วมงานจากรัสเซียอธิบายเรื่องนี้ต่อทางการอิหร่านให้ชัดเจน" เนื่องจากวอชิงตันไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐอิสลามแห่งนี้ คอมเมียร์ซานต์ระบุ

การเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองเกิดขึ้นหลังการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น เกี่ยวกับซีเรีย ในนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ (12) ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวเสริม

สำหรับวัน และสถานที่จัดการเจรจาดังกล่าวนั้น ยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ ตามรายงานของคอมเมียร์ซานต์ โดยที่อะห์เหม็ด ดาวูโตกลู รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีเคยคาดการณ์ไว้ว่า การเจรจาดังกล่าวน่าจะเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายน ไม่ช้าไปกว่านั้น

รายงานข่าวนี้ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดว่า มาตรการทางทหารแบบใดที่เตหะรานจะประสบ แต่ทูตของรัสเซียประจำสหประชาชาติเชื่อว่า เป็นเรื่องที่อิสราเอลจะโจมตีอิหร่านเมื่อไร ไม่ใช่ว่าจะโจมตีหรือไม่ มากกว่า

อิสราเอล และสหรัฐฯ ไม่ปฏิเสธว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังโจมตีอิหร่าน จากประเด็นโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งชาติตะวันตกคลางแคลงใจว่าอาจมีเป้าหมายแอบแฝงในการผลิตอาวุธปรมาณู อันเป็นข้อกล่าวหาที่เตหะรานปฏิเสธมาโดยตลอด

ส่วน รัสเซียก็กล่าวเตือนมาเสมอมา มาตรการทางทหารใดๆ ก็ตาม ในการโจมตีอิหร่าน จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่หายนะ และว่าวิกฤตนี้จะต้องแก้ไขด้วยวิธีการทางการทูตเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คอมเมียร์ซานต์ชี้ว่า ในขณะนี้ กองทัพรัสเซียอยู่ในสถานะ "เตรียมพร้อมระดมพล" เพื่อปกป้องประเทศจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากความขัดแย้ง เช่น การหลั่งไหลของผู้อพยพเข้าอาร์เซอร์ไบจาน ประเทศเพื่อนบ้าน

Around the World - Manager Online -