เจ้าอาวาสวัดสามแยก ยันอยู่วัดต่อ และพร้อมให้ปากคำ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย slamb, 3 สิงหาคม 2008.

  1. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    <TABLE class=normal style="TABLE-LAYOUT: fixed; WORD-WRAP: break-word" cellSpacing=1 cellPadding=1 width=280 border=0><TBODY><TR><TD class=normal_blue vAlign=top align=left>เจ้าอาวาสวัดสามแยก ยันอยู่วัดต่อ และ
    พร้อมให้ปากคำ [​IMG]

    [​IMG]


    </TD></TR><TR><TD class=normal vAlign=top align=left>หลังจากเมื่อวาน กลุ่มคนพิษณุโลก ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีกับพระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาสวัดสามแยก ที่ สภ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ แล้วเดินทางไปที่วัดสามแยก แต่ไม่พบพระเกษม จึงอัญเชิญองค์พระพุทธชินราชจำลอง กลับไปประดิษฐาน ที่ จ.พิษณุโลก

    วันนี้ ผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อโทรศัพท์ไปยังพระเกษม บอกว่า เมื่อวานไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่ไม่อยากพบญาติโยม เพราะจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันกับชาวบ้าน และรู้สึกดีใจที่กลุ่มคนพิษณุโลก อัญเชิญพระพุทธชินราชจำลองกลับไป จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ พร้อมกันนี้ ยังบอกว่า การที่คณะสงฆ์ จ.เพชรบูรณ์ มีมติให้ดำเนินคดีโดยไม่มีการเรียกไปสอบปากคำก่อน ถือว่าไม่ถูกต้อง และพร้อมจะให้ปากคำกับตำรวจโดยไม่หลบหนีไปไหนภายใน 7 วัน

    นายอินทรพร จันทร์เอี่ยม ผู้อำนวยการพุทธศาสนาจ.เพชรบูรณ์กล่าวว่า ในวันจันทร์นี้ จะส่งข้อมูลทั้งหมดรายงานให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่วนเรื่องคดี เป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป




    </TD></TR><TR><TD class=small_number vAlign=top align=right>02-08-2551 | 17:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.ch7.com/news/sbnews.aspx?NwType=02&SbType=04&SeqNo=23363




    <IFRAME src="http://www.ch7.com/news/sbnews.aspx?NwType=02&SbType=04&SeqNo=23363" width="100%" height=600></IFRAME>
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    ขอบคุณข่าวสารครับ คุณslamb

    ก็รอดูกันต่อไป ไม่พูดให้ใจเราหมองดีกว่า
     
  3. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ทำดีดีส่งให้เห็นผล

    ทำชั่วชั่วก็ดลชั่วให้

    ชั่วดีดุจตราตรึงตีบอกไว้นา

    ใครชั่วใครดีไซร้ สืบได้ด้วยกรรม ฯ
     
  4. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ครับผมเฮียฯ กรรมใหญ่ๆ พวกนี้น่าสงสารครับ ไม่ต้องรอชาติหน้า
     
  5. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    สิ่งที่ทุกคนควรมีความคิดคือ

    1. สิ่งที่สมควรทำ
    2. สิ่งที่ไม่สมควรทำ

    ถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขบนโลกกลมๆใบนี้ได้แน่นอน
     
  6. kacher

    kacher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +235
    จะเป็นยังไงกันต่อไป
     
  7. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    ซาบซึ้งมากครับ (||)
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,349
    ใครจะใหญ่เกินกรรม
     
  9. คนตาบอด

    คนตาบอด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    สงบ ฟุ้งซ่าน อยู่ภายใน

    มารอดู...ไม่ขอแสดงออก


    "เจ้าวิปัสสนูปกิเลสนี้ มีอิทธิและอํานาจ จะทําให้เกิดความน้อมใจเชื่อ(webmaster - อธิโมกข์)อย่างรุนแรงโดยไม่รู้เท่าทันว่าเป็นการสําคัญผิด ซึ่งเป็นการสําคัญผิดอย่างสนิทสนมแนบเนียน และเกิดความภูมิใจในตนเองอยู่เงียบๆ บางคนถึงสําคัญตนว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งด้วยซํ้า บางรายสําคัญผิดอย่างมีจิตกําเริบยโสโอหัง หรือถึงขนาดที่เรียกกันว่าเป็นบ้าวิกลจริตก็มี " (จาก อตุโล ไม่มีใดเทียม หน้า๑๑๙ )

    .........พระศาสดาได้เสด็จอุบัติขึ้นในภพในขันธ์ และสาวกก็เช่นนั้นเหมือนกัน แต่คำสอนของพระองค์สอนให้ละภพละขันธ์อันเป็นโลกิยะจนเข้าถึงโลกุตตระ ดังนั้นธรรมอุบายที่จะให้ละจึงมีทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ แม้ปัญญาซึ่งเกิดแต่การฝึกหัดนั้นก็มีทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระเหมือนกัน จึงเป็นการยากแก่ผู้ที่มีภูมิ (คือฌานและสมาธิ) ไม่เพียงพอ ปัญญาไม่ละเอียดพอ จะเฟ้นเอาสาระประโยชน์จากชีวิตอันนี้ได้ ถ้าหลงเข้าใจผิดยึดเอาสิ่งที่มิใช่สาระว่าเป็นสาระแล้ว ก็ลงเอวังกันเลย

    ผู้ปฏิบัติพึงระลึกเสมอว่า ภพกายหลงง่ายละยาก ภพจิตหลงยากละยาก นิมิตและญาณที่เกิดแต่ฌานก็หลงง่ายละยาก แต่ที่เกิดแต่สมาธิหลงยากละง่าย เพราะเกิดแต่สมาธิเป็นอุบายของปัญญาเพื่อให้ละถอนอุปธิเข้าถึงสารธรรมโดยตรง

    ไม่ได้เห็นพระสรีระของพระองค์ แต่ข้าพเจ้าจะกราบไหว์ พระพุทธรูปที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นพระองค์ตลอดไป จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่ เชิญชม http://www.nkgen.com/b-image.htm



    http://www.nkgen.com/19.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2008
  10. อ่อนหัดธรรม

    อ่อนหัดธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    488
    ค่าพลัง:
    +968
    อย่าปรามาศ พระนะครับ บาปครับ ท่านมีศีลมากกว่านะครับ
     
  11. sasitorn2006

    sasitorn2006 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +4
    งานนี้ขึ้นสวรรค์กับลงนรก กันมากมายแน่ๆ
     
  12. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ผมเองก็ศรัทธาในคำสอนของหลวงพ่อเกษมบางเรื่องนะครับ

    ดังนั้นผมขอยกเอาพระไตรปิฏกมามาชี้แจง

    พระอานนท์แม้ไม่ผิดเมื่อสงฆ์เห็นว่าผิด พระอานนท์ก็ยังแสดงอาบัติ

    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗
    จุลวรรค ภาค ๒
    </CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER>ปรับอาบัติทุกกฏแก่พระอานนท์</CENTER> [๖๒๒] ครั้งนั้น พระเถระทั้งหลายได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ท่านอานนท์ ข้อที่ท่านไม่ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ก็สิกขาบทเหล่าไหน เป็นสิกขาบทเล็กน้อย นี่เป็นอาบัติทุกกฏแก่ท่าน ท่านจงแสดงอาบัติทุกกฏนั้น ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า เพราะระลึกไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงมิได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า สิกขาบทเหล่าไหน เป็นสิกขาบทเล็กน้อย ข้าพเจ้าไม่เห็นเหตุที่ไม่ได้ทูลถามนั้นว่าเป็นอาบัติทุกกฏ แต่เพราะเชื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายอมแสดงอาบัติทุกกฏนั้น พระเถระทั้งหลายกล่าวต่อไปว่า ท่านอานนท์ ข้อที่ท่านเหยียบผ้าวัสสิก-*สาฎกของพระผู้มีพระภาคเย็บ แม้นี้ก็เป็นอาบัติทุกกฏแก่ท่าน ท่านจงแสดงอาบัติทุกกฏนั้น ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าเหยียบผ้าวัสสิกสาฎกของพระผู้มีพระภาคเย็บโดยมิได้เคารพก็หามิได้ ข้าพเจ้าไม่เห็นเหตุที่เหยียบนั้น ว่าเป็นอาบัติทุกกฏ แต่เพราะเชื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายอมแสดงอาบัติทุกกฏนั้น พระเถระทั้งหลายกล่าวต่อไปว่า ท่านอานนท์ ข้อที่ท่านให้มาตุคามถวายบังคมพระสรีระของพระผู้มีพระภาคก่อน พระสรีระของพระผู้มีพระภาคเปื้อนน้ำตาของพวกนางผู้ร้องไห้อยู่ แม้นี้ก็เป็นอาบัติทุกกฏแก่ท่าน ท่านจงแสดงอาบัติทุกกฏนั้น ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าคิดว่ามาตุคามเหล่านี้อย่าได้อยู่จนเวลาพลบค่ำ จึงให้พวกมาตุคามถวายบังคมพระสรีระของพระผู้มีพระภาคก่อนข้าพเจ้าไม่เห็นเหตุที่ให้มาตุคามถวายบังคมพระสรีระของพระผู้มีพระภาคนั้น ว่าเป็นอาบัติทุกกฏ แต่เพราะเชื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายอมแสดงอาบัตินั้น พระเถระทั้งหลายกล่าวต่อไปว่า ท่านอานนท์ ข้อที่เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทำนิมิตอันหยาบ กระทำโอภาสอันหยาบอยู่ ท่านไม่ทูลอ้อนวอนพระผู้มีพระภาคว่า ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงดำรงอยู่ ตลอดกัป ขอพระสุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย แม้นี้ ก็เป็นอาบัติทุกกฏแก่ท่าน ท่านจงแสดงอาบัติทุกกฏนั้น ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าถูกมารดลใจ จึงไม่ได้ทูลอ้อนวอนพระผู้มีพระภาคว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป ขอพระ-*สุคตจงทรงดำรงอยู่ตลอดกัป เพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมากเพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่เห็นเหตุนั้นว่าเป็นอาบัติทุกกฏ แต่เพราะเชื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายอมแสดงอาบัติทุกกฏนั้น พระเถระทั้งหลายกล่าวต่อไปว่า ท่านอานนท์ ข้อที่ท่านได้ทำการขวนขวายให้มาตุคามบวชในพระธรรมวินัย ที่พระตถาคตทรงประกาศแล้ว แม้นี้ก็เป็นอาบัติทุกกฏแก่ท่าน ท่านจงแสดงอาบัติทุกกฏนั้น ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าทำการขวนขวายให้มาตุ-*คามบวชในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศแล้วด้วยคิดว่าพระนางมหาปชา-*บดีโคตมีนี้ เป็นพระเจ้าแม่น้ำของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ประคับประคอง เลี้ยงดูทรงประทานขีรธาราแก่พระผู้มีพระภาคเมื่อพระพุทธมารดาทิวงคต ได้ยังพระ-*ผู้มีพระภาคให้เสวยถัญญธารา ข้าพเจ้าไม่เห็นเหตุนั้นว่าเป็นอาบัติทุกกฏ แต่เพราะเชื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ายอมแสดงอาบัติทุกกฏนั้น ฯ</PRE>
     
  13. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    แม้พระอานนท์ซึ่งเป็นพระอรหันต์แล้ว ยังยำเกรงสงฆ์แม้ท่านเองไม่ผิดแต่เมื่อสงฆ์

    เห็นว่าผิดท่านยังต้องปรับอาบัติ

    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ </CENTER><CENTER>จุลวรรค ภาค ๒</CENTER>
     
  14. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนโปรดปรานของผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อผู้ยิ่งใหญ่สิ้นชีพหรือล้มลง เพื่อนก็จะเริ่มรังแก ทั้งนี้เพราะตลอดเวลาที่ผู้ใหญ่ยังคงยิ่งใหญ่อยู่ จะไม่มีใครกล้าแตะต้องคนโปรดของท่าน พระอานนท์เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของพระศาสดา เมื่อพระองค์นิพพานไปแล้ว ดูๆ เหมือนว่าท่านจะถูกสงฆ์รังแกให้รับผิดในท่ามกลางมหาสันนิบาต แม้ในสิ่งที่ท่านไม่ผิด ถ้ากฎที่กล่าวข้างต้นเป็นความจริง และกฎทุกอย่างมีข้อยกเว้น เรื่องพระอานนท์ควรเป็นข้อยกเว้นในกฎนี้ ที่ว่าดูๆ เหมือนท่านจะถูกรังแกนั้น ความจริงมิได้เป็นอย่างนั้นเลย เรื่องที่สงฆ์ลงโทษพระอานนท์ และพระมหากัสสปให้พระอานนท์ยอมรับผิดนั้น อย่างน้อยมีผลดีถึง ๒ ประการคือ

    ๑ เป็นกุสโลบายของพระมหากัสสป พระเถระผู้เฒ่าที่ต้องการจะวางระเบียบวิธีปกครองคณะสงฆ์ ให้ที่ประชุมเห็นว่าอำนาจของสงฆ์นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด คำพิพากษาวินิจฉัยของคณะสงฆ์เป็นคำเด็ดขาด แม้จะเป็นว่าตนไม่ผิด แต่เมื่อสงฆ์เห็นว่าผิด ผู้นั้นก็ต้องยอม เป็นตัวอย่างที่ภิกษุสงฆ์รุ่นหลังจะดำเนินตาม

    ๒ เรื่องนี้ได้ส่งเสริมเกียรติคุณของพระพุทธอนุชาให้ก้องยิ่งขึ้น เป็นตัวอย่างในทางเป็นผู้ว่าง่าย เคารพยำเกรงผู้ใหญ่ เป็นปฏิปทาที่ใครๆ พากันอ้างถึงด้วยความนิยมชมชอบในพระอานนท์

    รวมความว่า เรื่องที่เกิดขึ้นแก่พระอานนท์ในคราวปฐมสังคายนานั้น ทำให้เกียรติประวัติของท่านจับใจยิ่งขึ้น น่ารักเคารพยิ่งขึ้น

    เสร็จแล้วการสังคายนาก็เริ่มขึ้น โดยพระมหากัสสปเป็นผู้ซักถาม พระอุบาลีซึ่งได้รับการยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นผู้เลิศทางพระวินัยได้วิสัชนาพระวินัย พระอานนท์พุทธอนุชาวิสัชนาพระธรรม โดยตลอดสังคายนาครั้งนี้ทำอยู่ ๓ เดือนจึงเสร็จเรียบร้อยด้วยประการฉะนี้


    จากธรรมบรรยายของท่านอาจารวศิน อินทสระ
     
  15. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    เรื่องพระพุทธรูปแก้ไขง่ายนิดเดียวครับ ก็อัญเชิญพระธาตุมาบรรจุที่ในองค์พระพุทธรูป

    คราวนี้เราก็สามารถไหว้พระพุทธรูปได้อย่างถูกต้องตรงตามพระไตรปิฏก

    จะได้ไม่ต้องมีการโต้แย้งกันไปๆมาๆ

    สังคมวุ่นวายอยู่แล้วศาสนาไม่ควรแตกแยกกันอีก
     
  16. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    พอดีไปเจอมาคะ

    จากเวบhttp://adashop.weloveshopping.com/template/w24/s_showdata.php?shopid=14484&qid=518491


    27/07/2008 15:52
    ข้อความ :
    ได้อ่านข่าวท่านอาจารย์แล้วเศ้ราใจ ผมเป็นคนหนองสูงถือตัวเองว่าเป็นลูกหลานหลวงปู่หล้าทุกครั้งที่กลับบ้านจะไปกราบหลวงปู่(สมัยที่หลวงปู่ยังอยู่)อยู่บ่อยๆคำสอน

    หลวงปู่ทีแรกเข้าใจยาก แต่เมื่อพิจารณาแล้วคำสอน
    หลวงปู่ลึกซึ้งและสอดคล้องในพระไตรปิฏก และสอนเรื่องการพัฒนาใจล้วนๆ แต่ไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นหลวงปู่

    สอนหรือห้ามไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป ถ้ายิ่งถึงขั้นทำลายยิ่งเป็นไม่มี การที่ท่านอาจารย์เกษมตามประวัติ

    บอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ แล้วแนวสอนที่แหวกแนวครูบาอาจารย์ถึงขั้นทำลายพระพุทธรูป ถ้าท่านอาจารย์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่หล้าจริงเป็นลูกพระพุทธเจ้าจริง ท่านคงปรับการสอนใหม่ที่ถูกต้องและเป็นสัมมาทิฐิไม่ล่วงเกิน

    พระรัตนตรัย ไม่เอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บังหน้า บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเอาคำสอนของท่านใส่เข้าไป ตามกระทู้ข้างบนบอกท่านใช้คำหยาบคาย

    ทำลายจิตใจผู้กำลังตกทุกข์ อันนี้ก็ไม่น่าจะถูก เพราะผิด
    ไปจากศีลธรรมเบี้องต้น คือกรรมบท10 แต่ถ้าเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ท่านมีความจำเป็นต้องใช้เพื่อการอบรมอันเป็นกิจภายในก็คงจะไม่ผิด แต่ถ้าเป็นคนข้างนอกที่มาขอความสงเคราะห์จากท่าน ก็คงไม่สมควร หนังสือเล่มไหน

    หรือเทปหลวงปู่หล้าม้วนไหนที่สอนให้ลูกศิษย์ทำลายพระพุทธรูป หรือสอนให้ด่าชาวบ้าน ช่วยบอกหน่อยผมจะได้ไปค้นดู ถ้าไม่มีก็แสดงว่าท่านอาจารย์สอนแหวกแนวไปจากแนวของหลวงปู่(ของพระพุทธเจ้าด้วย) ส่วนที่แคลง

    ใจอีกข้อที่ว่าชายหญิงเสพกามแล้วอุทิศเป็นบุญเป็นกุศลได้ อันนนี้ก็ชอบกลและขัดแย้งความรู้สึกอย่างแรง ไม่มีแน่ในคำสอนของหลวงปู่.....ไม่ได้กล่าวโทษท่านอาจารย์ ....แต่โทษในความขาดความละเอียดรอบคอบ

    ปล่อยให้ทิฐิมานะความหลงผิดเข้าสิงใจ.....ผีสางเทวดามี แต่ไม่ควรเชื่อเอาทั้งหมดเพราะมีทั้งที่ดีและที่ไม่ดี โดนหลอกเอาก็มี บอกของจริงให้ก็มี.....หากมีอะไรที่กระผม

    ได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ก็ขอขมาอย่าให้เกิดโทษแก่เกล้วกระผม เพราะเชื่อว่าท่านอาจารย์ยังมีความปราถนาดีต่อชาวพุทธ ไม่มีเจตนาทำลายพระพุทธศาสนา และทำลายครูบาอาจารย์ ตลอดจนองค์หลวงปู่หล้าที่ท่าน

    อาจารย์เคยเคารพ ลิงค์ :
    ผู้ตอบ :
    คนหนองสูงแต่ไกลบ้าน [125.26.24.59]

    ความคิดเห็นที่ 16
    27/07/2008 21:10
    ข้อความ :
    ข้อความข้างต้นส่วนอื่นๆขอขมาท่านอาจารย์เกษมเพราะเมื่อค้นดูตามเว็บของวัดสามแยกยังพบส่วนที่ท่านสอนไว้ดีอยู่ ส่วนข้อที่ท่านอาจารย์ให้ทำลายพระพุทธรูป(ตามที่หนังสือพิมพ์เขาว่า)และข้อเสพกามแล้วอุทิศบุญ ยังคงไว้ติงท่านอาจารย์อยู่.......เพราะถึงอย่างไรก็ทำใจให้เห็นด้วยยาก
    ลิงค์ :
    ผู้ตอบ :
    คนหนองสูงแต่ไกลบ้าน [125.26.27.148]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2008
  17. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    มีอยู่1 คนโพสด่า ตั้งแต่ เดือนเมษายน
    ไม่เชื่อเข้าไปดูที่เวบตามลิงค์ข้างบนได้
    อันนี้ข้อมูลจริง ( มีระยะเวลาระบุว่า คนๆนี้ไม่พอใจนานแล้ว)

    วามคิดเห็นที่ 12
    19/04/2008 15:20
    ข้อความ :
    อยากบอกทุกคนให้รู้ ว่าพระเกษมไม่ได้เป็นเหมือนที่ทุกท่านคิด ไม่สำรวม พุดจาหยาบคาย เวลามีคนถามก็ใช้เสียงดุด่าอย่างแรง จนไม่มีใครกล้าถาม วันที่ผมไปมาเป็นช่วงสงกรานต์ 51 ที่ผ่านมา มีแม่ลูกคู่หนึ่ง ตั้งใจเดินทางไปพบพระ... .ให้ช่วยเอาเทพ หรือวิญาณออก แต่

    พระ... กลับด่า อน่างรุนแรง ไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไรเลย ซึ่งต่างจากใน web ที่บอกว่าจะช่วยทันที ไม่ต้องบอก งทั้งสอง เหมารถมาจากกรุงเทพในราคา 5500 บาท มา มาเพื่อให้พระ.. ด่า มิหนำซ้ำยังบอกให้คนอื่นช่วยกันหัวเราะเยาะด้วย หรืออีกกลุ่มนึงมาจาก

    อรัญประเทศเพื่อถามว่าจะภาวนาอย่างไร กลับด่าซ้ำว่าทำแค่เริ่มต้น ชั้นอนุบาล ไม่ต้องมาถาม ที่ทำมาผิดหมด เป็นต้น
    ซึ่งตอนแรกที่ผมไปเพราะผมได้อ่านหนังสือการอุทิศบุญที่ได้รับแจก

    มา และลองเข้า web ดูก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา เลยอยากจะไปถามวิธีโอนบุญที่ถุกต้อง พอถามก็โดนด่าอีก ว่ามีให้อ่านในหนังสือแล้ว มาถามทำไม โอ้พระเจ้า เกิดมาไม่เคยพย เคยเห็น ซึ่งหนังสือที่จะจัดทำไว้เน้นเรื่องการโอนบุญ แต่เมื่อไปพบตัวจริง กลับเน้นเรื่องไม่ฝห้

    ไหว้พระ ห้อยพระ ผุกด้ายสายสิญญ์ เป็นต้น ซึ่งมันขัดกับสภาพสังคมไทย และอีกอย่างที่ผมรับไม่ได้อย่างมากคือ พระพุดว่า ขนาดระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินก็ตำหนิมาแล้ว หลายๆอย่างทำให้เคลิบเคลิ่ม

    ไป กลับมาบ้านผมตั้งใจจะนำพระทั้งหมดไปไว้ที่วัด ตามที่พระ... บอก แต่ด้วยเหตุที่บุญยังมี ทำให้มานั่งวิเคราะห์ และอ่านประวัติพระ..ตามหนังสือที่ได้มาตอนแรก ก้ไม่น่าศรัทธาแล้ว เนื่อจากวันนั้นก็มีคนถาม

    ว่าท่านประวัติเป้นมายังไง พระตอบกลับว่า เป็นใครอยากมารู้เรื่องของข้า อยากจะรู้รึไงว่า..ไอ้นั่น สั้นหรือยาว ใหญ่หรือเล็ก ซึ่งตอบไปคนละ

    เรื่อง และพุดจาหยาบคายมาก พอย้อนกลับมาอ่านประวัติขึ้นต้นหนังสือก้บอกว่าเป็นศิษย์หลวงปู่หล้า พระอริยะเจ้า แห่งภูจ้อก้อ มุกดาหาร แต่อ่านไปอ่านมาบอกว่าไปอยู่วัดใกล้ๆกับหลวงปู่ และบำ

    เพ้ญเพียรอย่างอุกฤตเป็นเวลา 5 ปี แค่นั้น ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องบอกว่าชื่อเดิมเป็นใคร เป็นมายังไงถึงมาบวช ภาวนาโดยใช้หลักอะไร แต่กลับอวดอ้างสรรพคุณว่า เดินบนอากาศได้ ไปเที่ยวนรกสวรรค์อย่าง

    โชกโชน หรือรู้อดีตกรรมหลายชาติ หากใครไม่เชื่อในสิ่งที่เราอยากจะบอกให้ทุกคนที่อ่านจากหนังสือ (เหมือนผม) หรือดูใน web แล้วอยากไป ก็ลองไปดู อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่ผมพูด เพราะขนาดผมยังไม่เชื่อเลย

    ว่าจะเป็นแบบนี้
    ลิงค์ :
    ผู้ตอบ :
    คนเพชร new@hotmail.com [125.27.17.95]
     
  18. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    [​IMG]

    <CENTER>สวย - รวย - เก่ง - ใจบุญ : ใครล่ะไม่อยากได้เธอมาเคียงข้าง </CENTER>
    <!--detail--><!--images--><!--images-->นาม "วิสาขา" คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหรือไม่รู้จักเลย อึ้งกิมกี่ แต่ถ้าคนรุ่นเก่า หรือ อ่านหนังสือบ่อย ๆ จะ ยิ้มแก้มแทบปริเลยล่ะ นางเป็นผู้มีบุคคลิก 5 ง คือ งามผม งามริมฝีปาก งามฟัน งามผิว และงามวัย โดยเฉพาะงามวัย คือ สวยไม่เหมือนชาวบ้าน งามเป็นกรณีพิเศษ คือเป็นสาวสวยเมื่ออายุ 16 ปี และอยู่ต่อถึง 120 ปี ก็ยังเป็นสาวแค่อายุ 16 ปีอยู่นั่นเอง ลักษณะความงามก็คือ 5 ง ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าถามว่า ความงามของนางวิสาขา ได้มาจากบุญประเภทไหนล่ะ นี่สิน่าสนใจกว่า

    ตามบาลีกล่าวไว้ว่า นางวิสาขา ชอบฟังเทศน์เป็นที่สุด ไม่ว่ามีการเทศน์ที่วัดไหน นางไม่เคยพลาดเลยสักครั้งเดียว มีครั้งหนึ่งในระหว่างทางปรากฏว่า นางวิสาขาไปพบพระพุทธรูปองศ์หนึ่ง คือ เขาสร้างไว้ในสถานที่โล่งแจ้ง คือตากแดด และ พระพุทธรูปก็มีรอยร้าวเปลือกกระเทาะทองก็ร่อนไปหมด ปูนก็กระเทาะจนแหว่ง เห็นเนื้อใน แลดูไม่สวยสดงดงาม ไม่เจริญตา นางจึงเข้าไปกราบนมัสการ ตั้งใจเจริญใจเป็นพุทธบูชา และกล่าวปฏิญาณว่า

    "เมื่อข้าพเจ้ากลับจากฟังพระธรรมเทศนาแล้ว จะให้ช่างมาทำนุบำรุง พระปฏิมากร รูปแทนพระองค์สมเด็จพระประทีปแก้วให้มีความสวยสดงดงาม"

    หลังจากนางกลับจากฟังเทศน์แล้ว ก็ได้ให้นายช่างไปจัดการทำนุบำรุง ซ่อมแซมให้เรียบร้อย พอเสร็จก็ทาสีและปิดทองเสร็จสวยตามความนิยมสมัยนั้น เป็นที่เจริญตาเจริญใจยิ่งนัก
    นอกจากนั้นก็ได้ให้นายช่างทำหลังคาคลุมพระพุทธรูปด้วย กันแดดและฝน เพียงเท่านี้แหละ บุญกุศลที่ทำให้นางได้เบญจกัลยาณี คือ งามทั้งห้านั่นเอง แม้แต่พระพุทธองค์ก็ได้ทรงรับรองเรืองนี้ว่าจริงแท้แน่นอน

    หากเพื่อน ๆ คนใดมีแฟน หรือกำลังจะมีแฟน ในลักษณะนี้ หรือใกล้เคียง ขอฟันธงเลยว่า ท่านได้เป็นบุรุษที่โชคดีที่สุดในโลกเลยล่ะ ยากจะหาสตรีใดจะมาเสมอเหมือน (งมเข็มในมหาสมุทรอาจจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ) จงถนอมและรักษาเธอไว้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย ขอแสดงความยินดีด้วย หากได้ตรงข้าม ก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน



    http://webboard.mthai.com/10/2007-07-17/335292.html

    <!--detail--><!-- [​IMG].... -->


    <HR>
    โดย : SANTAKIREE (Guest !)
    อีเมล์ : Chayaphat03@yahoo.com
    วันที่ : 2007-07-17 22:31:36
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2008
  19. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    ห้ามกราบพระพุทธรูป
    แล้วรูปท่านจะตั้งท่าถ่ายไว้ให้ใครเคารพ
    <!--MsgFile=13-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  20. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    จ่อฟันพระ เหยียบพุทธรูป


    โดย อิทธิ - โพสต์เมื่อ สิงหาคม 1st, 2008
    Tagged: แวดวงสงฆ์
    ภายหลังที่มหาเถรสมาคมได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ให้แจ้งความดำเนินคดีกับ พระเกษม อาจิณณสีโล สมภารแห่งที่พักสงฆ์สามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ในข้อหาดูหมิ่นพระพุทธศาสนา เนื่องจากพระเกษมไม่ทำตามคำสั่งของคณะสงฆ์ที่ให้กลับไปต้นสังกัดเดิมที่ จ.อุดรธานี หลังสร้างพฤติกรรมห้ามชาวบ้านกราบไหว้พระพุทธรูปอ้างเป็นเพียงวัตถุนั้น
    ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเข้าไปสังเกตการณ์ที่พักสงฆ์ป่าสามแยก บ้านห้วยยางทอง หมู่ 9 ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ บรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงลูกศิษย์ของพระเกษมอยู่ 10 กว่าคน ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.น้ำหนาว ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และฝ่ายปกครองอีก 4 คนเข้าไปสังเกตการณ์ด้วย
    ส่วนที่วัดสนธิกร อ.เมืองเพชรบูรณ์ พระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) ได้เรียกประชุมคณะสงฆ์ หาข้อสรุปเกี่ยวกับพระเกษม โดยคณะสงฆ์มีมติดำเนินการกับพระเกษม 2 ข้อ คือ 1. ให้นิมนต์พระเกษมและพระลูกวัดออกจากวัดภายใน 7 วัน และให้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปดูแลสถานที่ในเบื้องต้น 2. ให้ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นตัวแทนไปร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีกับพระเกษม ข้อหาดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนวัตถุอันเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน
    ทางด้าน นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ หลังได้รับหนังสือคำสั่งของคณะสงฆ์ได้เดินทางไป สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมนำภาพจาก นสพ.ไทยรัฐ ที่ลงรูปภาพข้อความที่เขียนไว้หน้าพระพุทธรูปว่า "ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่ พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน" กับข้อความ "ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางบริเวณนี้" และ แผ่นซีดีบันทึกภาพเคลื่อนไหวของพระเกษมที่แสดงท่าใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธ รูปเข้าหารือกับ พ.ต.ท.พิชิต พิชิตทรชน พนักงานสอบสวนถึงแนวทางการดำเนินคดีก่อนจะไปแจ้งความที่ สภ.น้ำหนาว
    จากนั้น นายอินทพรเปิดเผยว่า เรื่องการแจ้งความดำเนินคดีกับพระเกษมได้ประสานกับ พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิกุล ผกก.สภ.น้ำหนาว แล้วว่าจะไปแจ้งร้องทุกข์ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ขณะที่ พ.ต.อ.มาโนชเปิดเผยว่า เมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานมาพิจารณาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดหรือไม่ หากมีความเห็นว่าผิดตามที่แจ้งความ ต้องนำพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดหล่มสักขอหมายจับต่อไป คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
    ส่วน นายมนูญ คำแพร นายก อบต.วังกวาง กล่าวว่า ตำบลวังกวางมีทั้งหมด 11 หมู่บ้าน มีเพียงเฉพาะคนในหมู่บ้านห้วยยางทองบางคนเท่านั้น ที่เข้าไปที่พักสงฆ์สามแยก เพราะพระเกษมจ้างให้ทำงานภายในที่พักสงฆ์ บางคนศรัทธาถึงขนาดทิ้งบ้านเรือน เรือกสวนไร่นาปล่อยให้ญาติดูแลแทนแล้วมาอยู่กับพระเกษม ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็มีความคิดที่แตกต่างกันทั้งเห็นด้วยกับไม่ชอบ ก่อนหน้านั้นหลายปี ตนเคยไปร่วมงานศพลูกศิษย์ของพระเกษมที่ถูกแทงตาย ปรากฏว่า พระเกษม ได้นำศพตั้งไว้ 1 คืน โดยไม่สวดบังสุกุลหรือบทสวดทั่วไปเหมือนงานศพทั่วไป พอรุ่งขึ้นอีก 1 วันก็หามไปเผาทันที ทั้งที่ญาติคนตายไม่เต็มใจให้นำศพมาทำพิธี แต่พระเกษมส่งรถมารอรับศพถึงบ้าน
    ด้าน พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครราชสีมา ถึงพฤติกรรมของพระเกษมว่า เรื่องความคิดสุดโต่งมีขึ้นอยู่เรื่อย คนไม่รู้จักคำว่าสายกลาง ชาวบ้านมีตั้งหลายระดับ อีกอย่างพระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์เหมือนศาสนาอื่นๆ อย่างพระพุทธชินราช คนเป็นทุกข์ไปกราบไหว้เห็นพระ พักตร์แจ่มใสเยือกเย็น พุทธลักษณะเด่น โครงหน้าอิ่มสุข ไม่อมทุกข์ ตนคิดว่า พระพุทธรูปอาจจะเผยแพร่ได้ดีกว่าองค์ที่บ้าไม่ให้ไหว้พระพุทธรูป บอกว่าตัวเองหลุดพ้นแล้ว ไม่นับถือวัตถุ ไม่ยึดถือวัตถุ คำว่า วัตถุตะยัง แปลว่า วัตถุที่เห็นแล้วเป็นบุญหู บุญตา ใครเห็นพระพุทธรูปแล้วรกหู รกตาก็แสดงว่า ตา หู ไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นตัวท่านก็ต้องคิดถึงคนอื่นเขาบ้าง เรื่องนี้เจ้าคณะจังหวัดท่านจัดการอยู่แล้ว แต่พระจะดื้อแค่ไหนและจะเล่นงานกับคนดื้อยังไงเท่านั้น
    พระพยอมกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ชาวพุทธต้องต่อต้านและคงไม่เอาไว้แน่นอนกับพระที่เป็นขนาดนี้ และอาจติดคุกได้ อย่างเช่น เอาน้ำกรดไปราดพระพุทธรูปก็เท่ากับทำลายวัตถุหรือทำลายศาสนสมบัติ อย่างน้อยก็ถูกดำเนินคดี เพราะทำลายทรัพย์สิน อย่างที่มีภาพปรากฏใช้เท้าเหยียบนั้นเป็นการทำลายจิตใจกันมาก ชาวพุทธคงไม่ปล่อยให้ ลอยนวลแน่ "ท่านเป็นพระแต่มาทำตัวแบบนี้ต้องโดนเสียบ้าง คนอย่างนี้ไม่ช้าก็จะเป็นเหมือนสวะในทะเลจะถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งหมด เพราะอ้างว่าหลุดลอยไป ลอยเป็นสวะไปเลย เดี๋ยวก็ถูกซัดขึ้นฝั่ง" พระพยอมกล่าว

    ที่มา:
    ไทยรัฐ



    เวอร์ชันสำหรับพิมพ์ • อ่าน 65 ครั้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...