เชิญร่วมงานปริวาสกรรม ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว 20-29 เม.ย 2551

วัดถ้ำดาวเขาแก้ว โดยพระครูประโชติ บุญญาภรณ์ (พระอาจารย์ประทวน)​

​

ซึ่งเป็นพระป่าสายกรรมฐาน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นอนในโลงศพมานานกว่า 8 ปีแล้ว ​

​

ได้จัดงานปริวาสกรรมขึ้นเป็นประจำในช่วงวันที่ 20 - 29 เมษายน ของทุกปี ณ.วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ต. ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี​

การจัดงานปริวาสกรรมที่วัดนี้ โดยปกติจะจัดให้เข้าไปปฏิบัติธรรมในถ้ำ ซึ่งกว้างขวาง และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่มากมาย โดยที่ผ่านมาในปีก่อนๆมีพระภิกษุสงฆ์เข้าร่วมงานปริวาสกรรมเป็นจำนวนมากประมาณ 300-500 รูป ,สามเณร ประมาณ 100-200 รูป และฆราวาสอีกประมาณ 500-1000 คน​

​

การปฏิบัติธรรมจะเป็นแบบสมถะ (ยุบ-พอง) และวิปัสนากรรมฐาน โดยหลวงพ่อท่านจะมีเทคนิคในการนั่งสมาธิ ให้เข้าสมาธิได้เร็ว ผ่านช่วงการเกิดปีติ (ฌาน 2) ไปได้เร็วๆ ไม่ต้องเสียเวลานานๆเหมือนปกติครับ​

สำหรับผู้ใดที่ไม่สามารถไปร่วมบุญนี้ได้ แต่มีจิตศรัทธาอยากจะร่วมบุญ ถวายภัตตาหาร พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่มาร่วมถือศีล ปฏิบัติธรรมในงานปริวาสกรรมในครั้งนี้​

ก็สามารถบริจาคเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง-สด หรือทรัพย์สิน-เงินทองได้ที่​

วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 18180​

หรือบริจาคผ่านบัญชีธนาคารของพระอาจารย์ประทวนโดยตรง ข้างล่างนี้นะครับ​

ชื่อบัญชี พระครูประโชติบุญญาภรณ์
ธนาคารกรุงไทย สาขาโพธิ์กลาง
เลขที่ 323-0-00107-9​

ปล.
วันที่ที่จะจัดงานปาริวาสกรรมที่ผมแจ้งในกระทู้นี้ เป็นกำหนดการณ์ปกติของทุกๆปีที่ผ่านมานะครับ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ แล้วแต่หลวงพ่อนะครับ เพราะผมยังไม่ได้ถามท่านว่าปีนี้จะยังเป็นวันที่เดิมอยู่ไหม๊​

 

เอาภาพมาให้ชมกันอีกนะครับ

ถ้ำดาวเขาแก้วแห่งนี้มีเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่เยอะมากๆครับ
ลองดูจากภาพถ่ายจะเห็นดวงเทพมากมายครับ
รวมถึงถ้ำนี้ ท่านว่าเป็นประตูมิติเชื่อมต่อกับภพของคนบังบดด้วยครับ

ใต้ถ้ำนี้เป็นดินแดนของพญานาคด้วยครับ

 

ท่านว่าใครที่มีความเกี่ยวพันธ์กับพญานาคมาก่อน
เช่นเคยเกิดเป็นนาคมาก่อน ขอแนะนำให้ไปนั่งสมาธิในถ้ำนี้สักครั้งหนึ่งครับ
ท่านจะสัมผัสได้ถึงความสงบที่ลุ่มลึกกว่าการนั่งสมาธินอกถ้ำมากๆเลยครับ

 

ทางขึ้นถ้ำมีบันได 162 ขั้นให้เดินขึ้นไปจากตีนเขา พอถึงใกล้ๆปากถ้ำก็จะสัมผัสถึงลมเย็นๆและสดชื่นพุ่งออกมาจากในถ้ำมาปะทะที่ตัวพวกเราอยู่ตลอดเวลา จากนั้นพวกเราก็ไปกราบขออนุญาตเจ้าถ้ำ ซึ่งอยู่ในศาลเจ้าหน้าปากถ้ำ เพื่อขออนุญาตเข้าไปชมถ้ำ

เสร็จแล้วก็เข้าไปในถ้ำ ภายในถ้ำจะมีหลายส่วน คล้ายๆจะเป็นห้องๆ ห้องแรกเปรียบเสมือนห้องรับแขก จะเป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักน่าจะกว้างประมาณ 6-8 เมตร ยาวซัก 8-10 เมตรกระมัง ประดิษฐานพระประธานและพระพุทธรูปหลายองค์ มีรูปพระอาจารย์ประทวนขนาดใหญ่ด้วย มีสมเด็จโต มีพระประจำวันเกิด มีรูปปั้นพญานาคแช่อยู่ในอ่างน้ำขนาดต่างๆกันหลายตัว และก็มีพระฤาษีด้วย พวกเราก็ไปกราบขออนุญาตจุดนี้เป็นจุดที่ 2


จากนั้นก็เดินเข้าไปต่อในส่วนถัดไปของถ้ำ ลึกเข้าไปอีกประมาณ 10 เมตรก็จะมีหินย้อยที่ย้อยลงมาจนถึงพื้นถ้ำ ขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนเสา หลายๆต้น ที่เสาหินย้อยต้นหนึ่งมีลักษณะพิเศษท่านได้นำพระประธานมาประดิษฐานไว้อีกจุดหนึ่ง เรียกว่าพระประธานกลางถ้ำ

หน้าพระประธานท่านได้เทพื้นปูกระเบื้องไว้ เหมาะสำหรับเดินจงกลม นั่งสมาธิ และนอนก็ได้ครับ พวกเราก็มากราบพระและอธิษฐานขออนุญาตอีกเช่นเดิมครับ

ไม่ว่าจะกราบขออนุญาตที่จุดไหนก็ตามผมจะอธิษฐานเสมอว่า "พวกข้าพเจ้ามาที่นี่ เพื่อมาขอพบคุณวิเศษที่มีในพระพุทธศาสนา ดังนั้นสิ่งใดดี สิ่งใดวิเศษที่สถิตย์อยู่ในที่แห่งนี้ ก็ได้โปรดเปิดให้ข้าพเจ้าได้ชม ได้สัมผัสได้ด้วยอายตนะทั้ง 5 และด้วยกายนี้ด้วยเถิด และหากมีสิ่งใดที่สมควรแก่พวกข้าพเจ้าและเป็นของพวกข้าพเจ้าคนใด ก็ขอได้โปรดมอบให้แก่พวกข้าพเจ้ากับมือด้วยเถิด" (อันนี้มีคนเขาแนะนำให้ผมอธิษฐานแบบนี้นะครับ)

บริเวณพระประธานกลางฯนี้จะยาวประมาณ 10 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร
ท้ายๆถ้ำจะมีช่องอุโมงค์เล็กๆพอลอดผ่านทะลุไปอีกถ้ำหนึ่งได้ครับ<!-- / message --><!-- sig -->

 

อุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างถ้ำแรกกับถ้ำที่ 2 นั้นจะมีลมเย็นๆพุ่งออกมาจากฝั่งโน้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเย็นสดชื่นมาก พวกเราก็ค่อยๆลอดเข้าไป ไปโผล่อีกถ้ำหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่าถ้ำแรกประมาณ 2 เท่าตัว และยาวกว่า 3 - 4 เท่าตัว

เดินไปทางซ้ายมือก็จะมีรอยพระพุทธบาทอยู่

เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นลานกว้างจุคนได้หลายร้อยคน ที่ท่านใช้ปฏิบัติธรรมในงานปริวาสกรรม ที่จัดขึ้นทุกปี ในช่วง 20-29 เมษายน ของทุกปี บริเวณนี้เองจะมีพระประธานองค์เล็กๆประดิษฐานอยู่ แต่ท่านกำลังจะสร้างพระประธานขนาดใหญ่มาประดิษฐานไว้บริเวณนี้

ทางซ้าย เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นบริเวณที่ประดิษฐานรูปปั้นพระฤาษี 5 ตนอยู่ ท่านบอกว่าตรงบริเวณนี้เองจะเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างมิติของมนุษย์และเมืองลัลแล หรือทางโน้นท่านเรียกว่าชาวบังบด จากการสนทนากับพระในวัดรูปหนึ่งในภายหลัง ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ถ้าอยากจะทดสอบจิตของตัวเองให้ไปนั่งสมาธิบริเวณหน้าพระฤาษีนี่แหละ ท่านว่า พอจิตสงบก็จะได้ยินเสียงคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนมีเป็น 10 คนเลย แต่พอลืมตามาดูก็ไม่มีใคร
<!-- / message --><!-- sig -->

 

พอเดินมาทางขวามือก็จะมีกองหินกลมๆที่ลักษณะเหมือนกับนาคนอนขดตัวเป็นวงอยู่


เลยไปหน่อยจะเป็นหินงอกที่มีลักษณะเหมือนรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม และเลยไปอีกจะเป็นบริเวณที่ผนังถ้ำเป็นหินสีเหลืองที่ใสเหมือน Crystal เวลาส่องไฟฉายไปแนบกับผนังถ้ำจะเห็นว่าแสงไฟกระจายออกลงไปในผนังเหมือนเราส่องไฟลงไปในแก้วใสอะไรแบบนั้น ดังนั้นถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่าถ้ำแก้ว หรือเขาแก้ว
แต่ที่เรียกว่าถ้ำดาว-เขาแก้วเพราะพื้นเพดานถ้ำจะมีหินงอกออกมาลักษณะเหมือนมีดาวประดับอยู่บนเพดาน เป็นระยะๆทั่วทั้งผนังถ้ำเลยทีเดียว


ถัดมาอีกหน่อยจะเป็นบริเวณที่ผนังถ้ำมีความระยิบระยับเหมือนมีประกายเพชรอะไรทำนองนั้น (แต่เป็นบริเวณเล็กๆเอง)

ความยาวของถ้ำส่วนนี้น่าจะ หลายสิบเมตรนะ ไม่ต่ำกว่า 30 เมตรกระมัง

 

คืนแรกที่เราไปพักกัน ผม คุณพรหมประกาศิต และคุณเช้าใหม่นอนในถ้ำ บริเวณหน้าพระประธานกลาง

คุณคนกิเลสหนา คุณกิ๊ก และคุณแจงนอนนอกถ้ำที่เรือนพักที่ท่านจัดไว้ให้

ผมก็ขอสารภาพว่ามันกล้าๆกลัวๆปนๆกันอยู่ รู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ มานอนที่ถ้ำนี้ด็ดีใจ แต่ก็กลัวจะเจออะไรแปลกๆมากๆก็กลัวอยู่ (เพราะที่ถ้ำนี้เป็นที่รู้กันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เยอะมากๆครับ รวมถึงใต้ภูเขานี้ก็เป็นเมืองพญานาคด้วยครับ) จึงนอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ ส่วนคุณเช้าใหม่กับคุณพรหมประกาศิตดูเหมือนจะนอนหลับได้เป็นปกติครับ

ในส่วนของความเป็นทิพย์ที่สัมผัสได้นั้น ตัวผมเองมีภูมิจิตไม่ถึงขั้นนั้น ต้องรอให้คุณกิ๊ก คุณแจง และคุณคนกิเลสหนาเข้ามาเล่าให้ฟังครับว่าได้สัมผัสอะไรบ้างครับ เห็นว่าคุณแจงถูกพาไปเที่ยวทั้งคืนเลยนี่ครับ แทบไม่ได้นอนเลย จนต้องขอกลับว่างั้นนะครับ

แต่ที่แน่นอน และสัมผัสได้จริงๆแทบทุกคนก็คือ การนั่งสมาธิในถ้ำนั้น มันทำให้สงบได้ดำดิ่งและล้ำลึกกว่านอกถ้ำมากมายนัก บอกไม่ถูก แต่มันสงบ มันเยือกเย็น มันรู้สึกดีๆไงไม่รู้นะครับ

คืนที่ 2 เหลือพวกเราอยู่ 3 คนคือคุณเช้าใหม่ ผม และคุณพรหมประกาศิต ที่เหลือกลับไปแล้ว เราก็ยังนอนกันที่หน้าพระประธานกลางอยู่

คืนที่ 3 เหลือผมกับคุณพรหมประกาศิต เราก็นอนที่หน้าพระประธานกลางเหมือนเดิมครับ
(เอ่อ..คือผมจำผิดหนะครับ..
ขอแก้ไขเป็นเราเข้าไปนอนลึกเข้าไปอีกในถ้ำอีกถ้ำหนึ่ง
หน้ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมครับ)

คืนที่ 4 คืนสุดท้าย เราเลยแยกกันนอน ผมเข้าไปนอนคนเดียวหน้าพระฤาษี ที่อยู่อีกถ้ำหนึ่ง แต่คืนสุดท้ายนี้ไม่ค่อยกลัวแล้วครับ ก่อนนอนก็นั่งสมาธิก่อน โอ้โฮ...เยี่ยมยอดเลยครับ

เสียดายนะที่บริเวณหน้าพระฤาษีเขาไม่อยากให้เราถ่ายรูป เห็นบอกว่าอาจจะเจออะไรเข้าว่างั้นนะ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ในระหว่างที่อยู่ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ได้มีโอกาสสนทนากับพระอาจารย์ประทวนอยู่บ้าง

ช่วงแรกพวกเราก็ไปขอคำชี้แนะจากท่านเรื่องการปฏิบัติธรรม ว่าทำไมไม่ค่อยก้าวหน้าเลย ท่านก็ว่ากรรมยังมีอยู่มาก จะให้จบในชาตินี้คงยังไม่ได้หรอก ให้ทำไปเรื่อยๆไม่ต้องย่อท้ออะไรทำนองนี้ และให้ทำอย่างที่ทำอยู่นี่แหละ แต่ให้จำหลักไว้ด้วยว่า

"เมื่อจิตไหล ก็ให้รู้ ดูที่จิต
เมื่อจิตคิด ก็ให้รู้ ดูเข้าไว้
เมื่อจิตเผลอ ก็ให้รู้ ดูเข้าไป
ผลสุดท้าย เหลือแต่รู้ กูไม่มี"

และมีช่วงหนึ่งที่เราเรียนถามท่านถึงเรื่องภัยพิบัติ ท่านก็ว่า

.."ภายในปี 2550 นี้ น่าจะมีอะไรร้ายแรงปรากฎให้เห็นบ้างแล้วหละ"..

เมื่อเราถามว่า "มันพอจะมีทางไหนช่วยได้บ้างไหมครับ"

ท่านก็ว่า..

.."มันเป็นไปไม่ได้หรอกโยม..เพราะพลังมันต่างกันมาก เอาแค่ประเทศไทยประเทศเดียวมีคนช่วยอยู่แค่ 3 แสนคน (มีพระอยู่ประมาณ 3 แสน แต่คนทั้งประเทศมี 63 ล้านคน แล้วทั้งโลกอีก 6 พันล้านคน) มันเหมือนแสงหิงห้อยกับแสงพระอาทิตย์..แต่ยังไงพวกเราผู้ปฏิบัติธรรมอยู่นี่ ก็ได้ช่วยอยู่แล้ว ช่วยมาตลอดเท่าที่ทำได้"..

อะไรทำนองนี้นะครับ ถ่ายทอดมาอาจจะไม่เป๊ะนักนะครับ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขอแก้ไขข้อความที่ผิดพลาดบางประการครับ
เห็นทีคุณชยุต จะจำผิดซะละกระมังครับ เนื่องจากว่าเรานอนหน้าพระประธานกลางมาแล้วสองคืน ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยตกลงกันว่าเราจะเข้าไปนอนในถ้ำให้ลึกเข้าไปอีก ก็เลยไปนอนหน้ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งแกะสลักจากหินในถ้ำนั้นเอง ก็กลัวอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็คิดว่าเรามาปฏิบัติธรรม คงไม่มีอันตรายอะไร และทั้งผมและคุณชยุต ต่างก็มีวัตถุมงคลคล้องคอก็กันอยู่มิใช่น้อย ก็พอจะวางใจได้บ้าง
แต่ว่าผมนอนไม่ค่อยจะหลับ หลับๆตื่นๆ อากาศหายใจก็ไม่ค่อยสะดวก เพราะเป็นช่วงก้นถ้ำแล้ว แต่ก็ผ่านมาได้แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก...เมือนเดิม..อิ..อิ
คืนสุดท้ายจึงแยกได้แยกกันนอน ผมก็เลยขอนอนหน้าพระประธานแบบเก่า
ถ้าไม่มียุงก็จะดีมากๆเลย ยุงมันชอบมาบินข้างหูดัง..วี๊..วี๊..น่ารำคาญ แสดงว่าค้างคาวไม่ชอบกินยุง (สงสัยกินอย่างอื่น)

 

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม


ค้างคาวภายในถ้ำ

 

http://pg.photos.yahoo.com/ph/yai_u_turn/detail?.dir=a438scd&.dnm=b267scd.jpg&.src=ph
พระประธานกลางในถ้ำ ที่พวกผมอาศัยนอน
(ถ้าคลิกขยายที่รูปภาพ จะเข้าไปในลิงค์ Yahoo Photo ที่ผมทำไว้โดยอัตฺโนมัติ เลือกชมภาพให้จุใจกันไปเลย) แล้วอย่าลืมช่วยกันทำบุญนะครับ
ตอนนี้ที่วัดกำลังสร้างศาลาปฏิบัติธรรมขึ้นด้วย เพื่อรองรับญาติโยมทั้งหลาย ที่จะไปพำนักถือศีล-ปฎิบัติธรรมในอนาคต

 

ภาพไม่ขึ้นเลยครับ พี่

จริงด้วย..ผมลืมไปว่าวันที่ 3 เราไปนอนกันในถ้ำหน้าเจ้าแม่กวนอิม
..แหม..ผมนี่ขี้ลืมจริงๆเลยนะครับ

แล้วรูปงานปริวาสและรูปบนเขาหละครับพี่ เผื่อคนอื่นๆเขาอยากจะเห็นบรรยากาศงานปริวาสบ้างหนะครับ

 

เอาภาพมาให้ดูอีกครับ

 

สงสัยผีหลอกกลางวัน....555 พูดเล่นครับ
ทำไม กระทู้นี้ไม่มีคนเข้ามาชมเลยอ่ะครับ คุณชยุต
ยังๆไง ก็ช่วยโปรโมต หลายๆทางหน่อยนะครับ
ทำลิงค์ไว้ในลายเซ็นต์หน่อยก็ดีครับ
ผมไม่ได้เข้ามาดูตั้งนานแล้ว พอเข้ามาดูอีกที ก็ปรากฏว่า กระทู้ก็ไม่ยอมเดินไปไหนเลย ฮ่า..ฮ่า

 

มาบอกทางไปวัดอีกครั้งครับ

 

บรรยากาศภายในวัดครับ

 

บรรยากาศบนเขาครับ

 

...................................................................................






ธมฺมกาโม ภวํ โหติ</SPAN>
ผู้ฝักใฝ่ในธรรมเป็นผู้เจริญ
ธมฺมเทสฺสิ ปราภโว
ผู้ชังธรรม เป็นผู้เสื่อม
นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี.​

จงเตือนตน ของตน ให้พ้นผิด
ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนไม่ได้ ใครจะเตือน
อย่าลืมเลือน เตือนตน ให้พ้นภัย

...............................................................

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตยที่เคารพบูชาเป็นสรณะสูงสุด
จงอำนวยอวยชัยให้พรแก่ทุกๆ ท่านที่คิดดี พูดดี ทำดี
อยู่ในศีล อยู่ในธรรม และหมั่นเจริญพระกรรมฐาน
ขอให้ท่านเจริญ ซึ่งอายุ วรรณะ สุขะ พละ

" ท่านที่หวังพระนิพพานก็ดี
ขอให้ท่านได้สมดั่งความตั้งใจ
ท่านที่หวังพระสัมมาสัมโพธิญาณก็ดี
ขอให้ท่านได้สมดั่งความปรารถนา "


​

ขออนุโมทนาด้วยคนนะครับ สาธุ ๆ ๆ


​

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็ได้มีโอกาสไปกราบแม่จันทามา แล้วถัดมาอีกวันก็วันจันทร์ได้แวะเข้าไปที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ก็รู้สึกได้สัมผัสกับสิ่งศักสิทธิ์ภายในถ้ำจนต้อง จุดธูปกราบสักการะ พระครูเทพโลกอุดรและสิ่งศักสิทธิ์ รูปที่ถ่ายก็ติดดวงเทพ แต่เสียดายวันนั้นไม่ได้มีโอกาสกราบนมัสการพระอาจารย์ประทวนเพราะท่านกำลังไปสร้างวัดอีกที่นึง เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมมาก เณรที่นั่นก็พยายามชวนให้ผมอยู่ปฏิบัติธรรมให้ได้แต่ก็ได้ปฏิเสธไปเพราะผมมีธุระต้องทำในวันถัดมา แต่คงต้องไปอีกแน่นอน

 

เป็นศิษวัดนี้ประมาณ 10 ปี แล้วครับ หลวงพ่อท่านเมตามากครับ ใครไปไม่เจอไม่ต้องท้อครับ ตอนนี้มีคนถวายที่ท่านสร้างวัดใหม่จึงไม่อยู่ครับ