เปรตมัคนายก

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย สรวงพิมาน, 26 เมษายน 2017.

  1. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  2. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    การที่มนุษย์ตายแล้ว จะไปเกิดเป็นเปรต เสวยความทุกข์ทรมานนั้น เป็นเพราะการประกอบอกุศลกรรมบถเอาไว้มาก ชนิดเป็นประจำ ในขณะยังมีชีวิตอยู่


    อกุศลกรรมบถมี 10 ประการ ได้แก่.....

    กายกรรม
    หรือ การทำบาปทางกาย มี 3 คือ

    1. ฆ่าสัตว์
    2. ลักทรัพย์
    3. ประพฤติผิดในกาม

    วจีกรรม หรือ การทำบาปทางวาจา มี 4 คือ
    1. พูดเท็จ
    2. พูดส่อเสียด
    3. พูดคำหยาบ
    4. พูดเพ้อเจ้อ

    มโนกรรม หรือ การทำบาปทางใจ มี 3 คือ
    1. โลภอยากได้ของเขา
    2. พยาบาทปองร้ายเขา
    3. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม


    ....................................................................................................................................

    เมื่อผู้ใด ประพฤติอกุศลกรรมบถ 10 ประการนี้ ผู้นั้นชื่อว่า นำตนเดินไปตามปฏิปทา ทางไปสู่เปรตภูมิ และหากว่า อกุศลกรรมนั้น สามารถนำเขาไปสู่นิรยภูมิ คือ โลกนรกได้ เขาก็จักต้องไปเสวยทุกข์โทษอยู่ในนรกก่อน พอสิ้นกรรมพ้นจากนรกแล้ว เศษบาปยังมี จึงจะไปเกิดเป็นเปรตต่อในภายหลัง นี้จำพวกหนึ่ง


    ....................................................................................................................................

    อีกจำพวกหนึ่งนั้น มีอกุศลกรรมบางเบา ไม่ถึงขั้นที่จะต้องตกนรก ก็ไม่ต้องไปผ่านแดนนรก แต่จะตรงไปเกิดในโลกเปรตเลยทันที ซึ่งในกรณีหลังนี้ มีข้อควรรู้คือ.....

    ghost.jpg

    เมื่อมนุษย์ผู้มีจิตไม่บริสุทธิ์ ประพฤติอกุศลกรรมทั้งหลาย ซึ่งเป็นการนำตนให้เดินไปตามปฏิปทาทา ไปสู่เปรตวิสัยแล้ว ในขณะที่จะขาดใจตายจากมนุษย์ ไปผุดเกิดเป็นเปรตนั้น ย่อมจะมีเหตุการณ์อันแสดงว่า ตนจักได้ไปเกิดเป็นเปรตแน่ๆ คือ คตินิมิต ซึ่งบ่งบอกถึงคติแห่งโลกเปรต ที่ตนจักต้องไปเกิด

    เช่น บางทีให้เห็นเป็น หุบเขา หรือถ้ำอันมืดมิด เป็นสถานที่เงียบ วิเวก วังเวง และปลอดเปลี่ยว บางทีให้เห็นเป็น แกลบ และข้าวลีบมากมาย ให้รู้สึกหิวโหยอาหาร และกระหายน้ำเป็นกำลัง
    บางที ให้เห็นเป็น น้ำเลือด น้ำหนอง น่ารังเกียจ สะอิดสะเอียนเป็นยิ่งนัก และให้เห็นไปว่า ตนได้ดื่มกินน้ำเลือด น้ำหนองเหล่านั้น เป็นอาหาร

    ภาพเหล่านี้ มาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน แจ่มใส ในมโนทวาร คือทางใจ จิตจึงยึดเหนี่ยวไว้เป็นอารมณ์ เมื่อดับจิต ตายลงไปในขณะนั้น ก็น้อมนำไปเกิดในทุคติภูมิ คือ เกิดเป็นเปรต ต้องเสวยทุกขเวทนา ตามสมควรแก่กรรมชั่ว ที่ตนได้ทำไว้

    เพราะคตินิมิตเหล่านี้ เป็นเครื่องชี้ให้รู้ว่า เขาผู้นั้น จะต้องไปเกิดเป็นเปรตอย่างแน่นอน และเมื่อเขาได้ไปเกิดเป็นเปรตแล้ว เป็นอันแสดงว่า บัดนี้ เขาผู้ประพฤติอกุศลกรรม ซึ่งนำตนเดินไปตามปฏิปทา ทางไปสู่เปรตอสุรกาย ได้บรรลุถึงถิ่น ที่ต้องไปอย่างเที่ยงแท้แล้ว

    .....................................................................................................................................

    เปตติวิสยภูมินั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเปรียบเทียบไว้ว่า.....เหมือนกับ ต้นไม้ในพื้นที่ อันไม่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่ โปร่งเบา มีร่มเงาอันโปร่ง เป็นสถานที่ไม่น่ารื่นรมย์ เพราะแห้งแล้งเต็มไปด้วยความทรมาน

    เมื่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ประพฤติอกุศลกรรม นำชีวิตของตนไปในทางอกุศลกรรม ผู้นั้นชื่อว่า นำตนไปสู่ปฏิปทา ทางไปสู่ต้นไม้ อันหาความสุขสบายมิได้ คือ เปตติวิสยภูมิ นั้นอย่างแน่นอน

    ....................................................................................................................................

    http://dharmaxp.blogspot.com/2015/05/ghost-tellers.html
     
  3. bonuszaa118

    bonuszaa118 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +44
    ขอบคุณเรื่องดีๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...