เรา..อาจมีบุญถึงกันในทางธรรม

เรา..อาจมีบุญถึงกันในทางธรรม
ขอให้ท่านอ่านช้าๆ แล้วดำรงสภาวะจิตตามกันไปครับ<O</O
เมื่อเราอ่านเรียนรู้จนมี เหง้าธรรมเป็นองค์รู้แล้ว ก็มีแนวเลือกปฏิบัติเพื่อซักฟอกความไม่เที่ยงของกาย ขบแตกโดยจิต ให้ตั้งมุ่งหมายถึงสิ้นการเกาะกุมของกิเลส รีบรู้ให้ทัน เพื่อสลัดตัดคืนออกไปได้ทุกครั้งที่สติทัน ถึงจะมาแวบเดียวก็เอาสติสับฟันลงจนได้<O</O
เมื่อได้ดังนี้แล้ว ก็หัดประคองจิต นั้นเบาๆ ตรงนั้นให้รู้ทันว่า จิตเป็นสิ่งที่มีอยู่ ในเวิ้งสภาวะสุดขอบของทั้งหมดทั้งมวล<O</O
แล้วคลายคืนออกไปให้แผ่แนบกับทุกรายละเอียดโดยรอบตัว จนสุดเป็นวงกว้าง อย่างหาที่จบไม่ได้ ......แล้วนิ่งๆซักพัก<O</O
จนเมื่อ.ภาวะเบาๆเกิดขึ้นในขณะดำรงจิตนั้น จึงเริ่มน้อมจิตไปทางหมุนวนอย่างช้าๆ อันนี้จะเกิดตัวรู้ในจิตเองว่า ที่เกิดกับเรานี้ แท้แล้วหมุนไปตามจริงของโลกอยู่อย่างนั้น รู้ทันเลยว่าของจริงบนโลกเป็นอยู่อย่างนั้น<O</O
เช่นนี้แล้ว..จึงมาตรงกลางของความรู้สึกในจิต เพ่งลงไปก็เกิดละวางได้พอควร จะค่อยกรองเอากากกิเลสที่เกาะไว้ในตัว ออกไปอย่างละน้อย อย่างละมาก ก็แล้วแต่ความเพียรของผู้ปฏิบัติ<O</O
ทำไปเรื่อยๆ แล้วมันจะสิ้นสงสัยไปทีละน้อย ทุกอย่างที่มีความหมาย มันจะธรรมดาๆ เป็นจริงแบบธรรมดา เพราะที่เราจะไปมันเหนือความหมายทั้งหมด เมื่อสภาพเหมาะสมไปแล้วจิตก็วางเบาอยู่แบบนั้นไม่กลับมา เมื่อสภาพไม่เหมาะสมจิตนั้นก็กลับไปกลับมา จนจิตหาหนทางเพียรเอาเอง แล้วละทิ้งความไม่เที่ยง ..ในที่สุดครับ<O</O

 

ไม่เห็นจะเข้าใจเลย อธิบายให้มันง่ายๆกว่านี้หน่อยสิ

 

เป็นการปฏิบัติที่หาทางเอาจิตไปอยู่นอกกาย เพื่อเฝ้ามองธาตุขันธ์เราว่า มันจะเล่น จะละ กับกิเลสที่มากระทบแค่ไหน

เมื่อจิตเข้าออกอยู่ในระดับดีแล้ว เราก็ใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆทันการกระทบทุกอย่าง เป็นหลักธรรมที่มุ่งออกจากทุกข์ โดยปล่อยวางตามจริงของโลกที่ไม่เที่ยง...........เป็นอุบายธรรมที่ใช้ฝึกทางลัด และเข้าถึงของแท้จริงทางหนึ่งครับ ขอบคุณครับ

 

ผู้ที่สภาวะจิตยังไม่พร้อม ทำไม่ได้หรอกครับ

ยิ่งอธิบายลักษณะนี้ไป ยิ่งจะทำให้บางคน ไปคิดจำลองสภาวะ กลายเป็นขวางทางการปฏิบัติไปเสียเปล่าๆ นะครับ

 

เรา..อาจมีบุญถึงกันในทางธรรม
มีบุญต่อกันก็เข้าไปทางลัดนี้ได้ ตอนฝึกใหม่ผมก็เหมือนคนทำอาหารออกทางทีวี นั้นแหละครับ ต้องเตรียมส่วนประกอบหลายถ้วยตวงมาวางเป็นแต่ละอย่าง แล้วเรียงปรุงตามขั้นตอน พอผ่านไปหลายสิบปี ก็หยิบหรือ เท ส่วนผสมแต่ละอย่างใส่ลงไปไม่ต้องใช้ถ้วยตวงก็ได้
ที่ตอบกระทู้มานั้นก็ถูกครับ ว่าเหมาะสำหรับผู้มีภาวะจิตพร้อม ผมเองก็ขอนำเรียนหลายๆท่านอีกนิดครับ ว่าอยากให้ท่านใช้ตรง สมมุติเพื่อไปสู่วิมุตติ อันนี้เป็นการจับทางเคล็ดวิชาที่หลวงพ่อเทียน ที่ได้สอนไว้ว่า วิมุตติ(แจ้ง) ต้องอาศัยสมมุติพาไป อาจเหมาะสำหรับผุ้ปฏิบัติบางท่านครับ สำหรับผมทดลองแล้วทางมันไปได้.....จริง
จึงขอขอบคุณท่านทั้งหลายที่แสดงข้อคิดเห็น จะได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นต่อไป ขอบคุณครับ

 

เป็นแนวทางที่ดีครับ แต่ผู้ที่จะทำได้ตามนั้นคงต้องเข้าสู่อริยะมรรค อริยะผลแล้ว จากที่วิเคราะห์ดูน่าจะเป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ถึงจะสามารถรู้เท่าทันกิเลสและตัดลงได้ในทันที

สำหรับผมคงยังอีกยาวไกลกว่าจะทำได้แบบนั้นครับ