เรื่องของ"ภาษานาคา"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Aek9549, 31 ตุลาคม 2008.

  1. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    เรื่องของ"ภาษานาคา"

    มีดังนี้
    ครั้งหนึ่ง พระเอกและนางเอกถือกำเนิดเป็นนาคาสองตัวคู่กัน
    นาคตัวผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาในพุทธศาสนา แต่นาคตัวเมียกลับไม่เห็นดีเห็นงามด้วย
    เวลานาคตัวผู้ไปฟังธรรม นาคตัวเมียก็จะไม่พอใจ และคอยตบตีทำร้ายพระภิกษุตลอดเวลา
    วันหนึ่งนาคตัวผู้เกิดซาบซึ้งในธรรม จนอยากบวช จึงติดท้องคนมีบุญมาเกิดเป็นมนุษย์
    นาคตัวเมียก็เสียใจ พยายามติดตามไปด้วยใจร้าวราน แต่ถูกนางครุฑคาบไปเป็นอาหารเสียก่อน
    นางนาคาจึงตายไปพร้อมกับความแค้นในพุทธศาสนาที่พรากส ามีของนางไป
    ในชาติที่ทั้งสองเกิดมาเป็นมนุษย์ พระเอกและนางเอกพบกันครั้งแรกที่งานบุญบั้งไฟพญานาค
    ทั้งคู่รักกันตั้งแต่แรกพบ และนับวันยิ่งรักกันมากขึ้นด้วยแรงดึงดูดจากสัญญาเก่ าในอดีตชาติ
    แต่ด้วยกรรมเก่าที่เคยทำร้ายพระ และด้วยความเกลียดพุทธศาสนาอย่างรุนแรงเมื่อครั้งเป็ นนาค
    นางเอกในชาตินี้จึงมักปวดศีรษะรุนแรงไม่รู้สาเหตุแบบ ที่รักษาไม่ได้ และทุกครั้งที่เข้าวัด
    หรือเข้าใกล้พระ เธอจะรู้สึกร้อนรุ่มไม่เป็นสุข มีอาการประหลาดที่ทำให้ต้องทุกข์ทรมานทุกครั้ง

    เรื่องราวดำเนินผ่านการชิงรักหักสวาท รวมทั้งการทำร้ายกันต่าง ๆ นานา
    ด้วยปมอันซับซ้อนจากอดีตชาติ และกิเลสอันเป็นของจริงในปัจจุบัน
    พระเอกในชาตินี้ยังคงศรัทธาในพุทธศาสนายิ่ง แต่ก็ทำให้นางเอกยิ่งเกรี้ยวกราดขึ้นทุกครั้ง
    อาการของเธอเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ทั้งป่วยทางจิต และป่วยทางกายลงทุกวัน ๆ
    พระเอกคิดว่า วิธีเดียวที่จะช่วยนางเอกได้ คือการบวช นางเอกไปได้ยินอย่างนั้นเข้า
    รู้ว่าพระเอกบวชครั้งนี้จะไม่สึกอีกแล้ว จึงพยายามหาทางฉุดรั้งพระเอกทุกวิถีทาง
    ในที่สุด ร่างกายและจิตใจของเธอก็อ่อนแอลงจนรับไม่ไหว และเสียชีวิตลงในอ้อมกอดของเขา
    แต่ก่อนตาย... นางเอกได้ทราบความจริงเกี่ยวกับอดีตชาติของตัวเองจาก จดหมายของแม่
    ซึ่งยังได้เขียนไว้ว่า มีผ้า "กาษา" ซึ่งหมายถึงผ้าสีขาวผืนหนึ่ง ที่นางเอกทอไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว
    ขอให้ลูกเอาผ้านี้ขึ้นจบอนุโมทนาสาธุ และมอบให้คนที่ลูกรักที่สุดในวันที่เขาจะบวช

    ก่อนตาย... เธอได้ยกผ้าสีขาวนั้นขึ้นจบ และได้ทันมอบให้กับพระเอกก่อนสิ้นใจ
    พระเอกได้ห่มผ้าผืนนี้ในวันบวช และบวชตลอดชีวิต ส่วนนางเอกนั้นไปเกิดเป็นนาคอย่างเดิม
    ละครจบลงด้วยฉากของงานบุญบั้งไฟพญานาค เหมือนเมื่อครั้งแรกที่ทั้งสองพบกัน
    พระเอกอยู่ในชุดจีวรสีเหลืองอร่าม นั่งสมาธิภาวนาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งริมแม่น้ำโขง
    ส่วนนาคสาวเหมือนได้ยินคำภาวนา ก็ว่ายมาที่ผิวน้ำ จ้องมองชายคนรักด้วยแววตาตัดพ้อ
    พระเอกจ้องมองไปที่ท้องน้ำ เห็นนางนาคมาจึงสอนธรรมะไปว่า
    อย่ายึดติดกับอดีต เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เราหลุดไม่พ้นจากการเวียนว่าย ตายเกิด
    "วาดจันทร์... อาตมากำลังชี้ทางสว่างให้ รับไปเถิด
    ขออย่าให้ทุกข์ อย่าเศร้าหมองอีกเลย
    หนทางดับทุกข์อยู่ข้างหน้าแล้ว พุทโธ ภาวนา..."
    นาคนางนั้นแววตาละห้อยด้วยความเสียใจ แล้วค่อยว่ายน้ำหายไปในยามอาทิตย์อัสดง…

    ...เวรกรรมใด ปางก่อนที่น้องได้ทำ
    ขอรับกรรม ในชาตินี้ที่ทำพี่ไว้
    แค่ได้พบเพื่อลา
    แค่ได้มารับอุ่นไอ
    จากกายพี่ก็ซึ้งใจ ถึงน้องต้องลา

    ผ้ากาษา โมทนา ให้พี่ห่มไว้
    ได้ทำอย่างที่ตั้งใจ เลือกไปสู่แดน พระธรรม
    อยู่ที่ไหนพี่จง อโหสิกรรม ให้กัน
    บุญที่พี่ทำ จะนำน้องไป


    [​IMG]


    Credit : http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=32835
     
  2. Nud

    Nud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +555
    ตอนเด็กๆเคยเห็นพญานาคตระกลูสีเขียวปรากฎกายให้เห็นซึ่งๆหน้าค่ะ ห่างจากตัวเองราวๆสองเมตรได้ จังจำติดตาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะผ่านมา ๓๐กว่าปีแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเรียกพญานาค รู้ว่าเป็นงูตัวใหญ่
    จนกระทั่งได้เข้าวัดกับคุณยายบ่อยๆ แล้วไปเห็นรูปปั้น และภาพวาดที่วัด ก็จำได้ว่าเหมือนงูที่เคยเห็น มาก่อน เราเล่าให้คุณย่าฟังว่า เคยเห็นงูแบบนี้แล้วหลังบ้านเรา คุณยายตกใจนะ แล้วยังบอกเราอีกว่าเขาเรียกพญานาค ยายบอกว่าไม่มีใครเห็นง่ายๆหรอก แต่เรายืนยันลักษณะที่เห็น ยายก็เชื่อเรานะ น้องชายเราสองคนก็เห็นๆพร้อมกันสามคน แต่น้องเราทั้งสองยังเด็ก คนเล็กแค่สองขวบเองเขาเห็นพร้อมเรา
    ช่วงนั้นเวลาก็ค่ำแล้วบ้านนอก พอค่ำลงก็เงียบนะ แต่มันก็ไม่มืดนะมองเห็นชัดเจนทุกอย่าง ช่วงที่เห็นเราและน้องกำลังวิ่งร้องไห้รอบบ้านตามหาผู้ใหญ่ เพราะเรากลัวกันไม่มีใครอยู่บ้านเลย คุณยายและญาติๆเขาพาแม่ไป รพ เกิดเหตุฉุกเฉิน เขาทิ้งเราอยู่บ้านกับน้องๆ ความที่ว่ากลัวที่ต้องอยู่คนเดียวลำพัง และคิดว่าน้าชายคนใดคนหนึ่งอาจอยู่หลังบ้าน ก็พาน้องสองคนวิ่งร้องไห้ตามหา แล้ววิ่งมาหลังบ้านอยู่ๆ งูตัวใหญ่ๆมีหงอนสีแดงทั้งบนและล่าง มีเกล็ดสีเขียวลำตัวสีทอง ส่องแสงประกายแว็บๆๆทั่วตัวตลอดเวลา เลื้อยมาขวางหน้าเราและน้องกระทันหันไม่ไปไหน ไม่รู้เลื้อยออกมาจากไหน ตอนนั้นตกใจกลัวกันทั้งพี่ทั้งน้อง พากันร้องไห้ใหญ่เลย
    แต่ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเราเป็นพี่คนโตต้องปกป้องน้อง ตัวเองยืนข้างหน้าเอาน้องๆซ่อนไว้ข้างหลังตัวเอง ยืนดูลาดเลาสักพักเราก็พยามยามหาทางไปฝังโน้นให้ได้ เราวิ่งไปทางหาง เขาก็ขวางไม่ให้ไป ไปทางหัวก็เลื้อยขวาง น้องเราก็ร้องเสียงดังกลัวมากๆที่เห็นเลื้อยไปมา เราก็เลยยืนกอดน้องๆไว้ รอให้งูหนี เขาก็ไม่หนี เราก็เลยบอกน้องๆว่า รอพี่อยู่นี้นะ พี่กระโดดข้ามงูไปก่อน ถ้าปลอดภัยแล้วกระโดดตามพี่ น้องเราก็ดึงมือไว้แต่เราบอกน้องว่าไม่ต้องกลัว แล้วเราก็กระโดดข้ามงูไปอีกด้านหนึ่งได้ ทั้งที่ก็กลัวนะแต่ก็กระโดดข้าม พอเรากระโดดข้ามไปแล้ว เราบอกให้น้องกระโดดมาหาเรา น้องคนเล็กยืนร้องไห้ไม่กล้ากระโดด น้องชายคนกลางจะกระโดดข้ามตาม งูนั้นก็หายแว็บไปกับตา ต่อหน้าต่อตาค่ะ
    เรายังมานั่งคิดอยู่ทุกวันนี้ว่า ทำไมเรากระโดดข้ามไปได้ เขาไม่ทำร้ายเรา ?มีอะไรจูงใจเราให้กระโดดข้ามไป ทั้งที่อันที่จริงเราหน้าจะหันหลังวิ่งหนีกลับไปทางที่มาก็ได้ แต่ตอนนั้นใจอยากจะไปทางนั้นให้ได้ก็เลยเสี่ยงกระโดดข้ามไป เขาให้เราข้ามไปได้คนเดียวพอน้องๆเราจะข้ามเขาก็หายไปเลย เราว่าเขาอยากสื่ออะไรเราแต่เราไม่เข้าใจความหมายก็ได้ค่ะ ตอนเด็กๆจะเห็นสิ่งลี้ลับมากค่ะ เมืองคนแคระก็เห็นมาแล้ว หรือเมืองลับแลนั้นแหละค่ะ และที่สูงกว่านี้ก็เห็นมาแล้วค่ะ แต่ไม่อยากเอ่ย เอาเป็นว่าท่านมีองค์เขียวๆ ที่เขาวาดภาพท่านติดตามผนังวัดนั้นแหละค่ะ เห็นจะๆมาแล้ว ด้วยสายตาตัวเองค่ะ ไม่ได้ฝันแต่เห็นกับตาค่ะ
    ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะค่ะ;aa23
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณะศาลาการเปรียญวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=153325
     

แชร์หน้านี้

Loading...