เรื่องเด่น เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน อุบาสิกาผู้ตามส่องใจพระ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 23 กรกฎาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน อุบาสิกาผู้ตามส่องใจพระ
    20106687_10213764815104286_7174508834438626266_n.jpg
    เมื่อพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 35 นี้

    ครั้งหนึ่ง ภิกษุจำวน 60 รูป หลังจากที่ได้รับพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้ว ก็ได้ไปที่หมู่บ้านมาติกะที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นนางมาติกมาตา มารดาของหัวหน้าหมู่บ้าน ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแก่ภิกษุเหล่านั้น และนางก็ยังได้สร้างวิหารสำหรับเป็นที่อยู่ในช่วงเข้าจำพรรษาถวายแก่ภิกษุเหล่านั้นด้วย อยู่มาวันหนึ่งนางได้นิมนต์ให้พระภิกษุเหล่านี้สอนวิธีปฏิบัติพระกัมมัฏฐานแก่นาง พวกพระภิกษุได้สอนให้นางพิจารณาอาการ 32 ของร่างกายซึ่งจะนำไปสู่ความตระหนักในความเสื่อมและความสิ้นไปของร่างกาย นางมาติกมาตาปฏิบัติพระกัมมัฏฐานนั้นด้วยความขยันหมั่นเพียรจนได้บรรลุ มรรค 3 และผล 3 พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณและโลกิยอภิญญา ก่อนภิกษุเหล่านั้น

    เมื่อนางออกจากสุขอันเกิดจากมรรคและผลแล้ว ได้ตรวจดูด้วยทิพยจักษุเห็นว่า ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นยังมิได้บรรลุมรรคผลใดๆ นางได้ทราบด้วยว่าภิกษุเหล่านี้มีศักยภาพที่จะบรรลุพระอรหัตตผลได้ แต่ท่านเหล่านี้มีความจำเป็นต้องได้อาหารอย่างเหมาะสม ดังนั้นนางจึงได้จัดแจงเลือกเฟ้นอาหารที่ล้วนแต่ดีๆมีรสอร่อยมาถวาย เมื่อได้ฉันภัตตาหารที่เหมาะสมและกระทำความพยายามโดยชอบแล้ว ภิกษุเหล่านี้ก็ได้มีจิตแน่วแน่ เจริญวิปัสสนา และในที่สุดก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

    เมื่อออกพรรษาปวารณาแล้ว ภิกษุเหล่านี้ก็ได้เดินทางกลับไปที่พระเชตวันอันเป็นที่ประทับอยู่ของพระศาสดา ได้กราบทูลพระศาสดาว่าพวกตนมีสุขภาพแข็งแรง เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องอาหาร พระเหล่านี้ยังได้กล่าวถีงนางมาติกมาตาว่า นางรู้ความรู้สึกนึกคิดของพวกภิกษุทั้งหลายและได้จัดอาหารต่างๆมาถวายตามความต้องการของภิกษุทั้งหลายอีกด้วย

    มีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อได้ฟังพระภิกษุทั้งหลายกล่าวถึงนางมาติกมาตา ก็ได้ตัดสินใจว่าจะไปอยู่ที่หมู่บ้านนั้นบ้าง ดังนั้นเมื่อรับพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้วพระรูปนี้ก็ได้เดินทางไปยังวิหารของหมู่บ้านนั้น และพระรูปนี้ก็ได้พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านต้องการนางมาติกมาตาได้นำมาถวายทั้งนั้น เมื่อท่านแค่นึกอยากให้นางมา นางก็จะมาที่วิหารพร้อมกับนำอาหารดีๆติดตัวมาด้วย หลังจากฉันภัตตาหารแล้วภิกษุรูปนี้ก็ได้ถามนางว่านางรู้ความนึกคิดของคนอื่นหรือไม่ นางได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของภิกษุนั้นตรง ทว่าเลี่ยงไปพูดว่า “พวกคนที่สามารถอ่านความคิด(วารจิต)ของคนอื่นออกนั้นจะมีพฤติกรรมแสดงออกอย่างนี้ๆ” ครั้นได้ฟังนางกล่าวเช่นนั้นแล้ว ภิกษุนั้นคิดว่า “หากเราซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่คิดในสิ่งที่ไม่ดี นางก็ต้องรู้แน่ๆ” มีความกลัวนางมากและได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปที่วัดพระเชตวัน เมื่อเดินทางไปถึงวัดพระเขตวันก็ได้เข้าไปกราบทูลพระศาสดาว่า ท่านไม่สามารถอยู่ที่หมู่บ้านมาติกะนั้นได้เนื่องจากมีความหวาดหวั่นว่านางมาติกมาตาจะล่วงรู้ความคิดที่ไม่ดีของท่าน พระศาสดาได้ขอให้ภิกษุนั้นสำรวมระวังในสิ่งเดียวเท่านั้น คือการควบคุมจิตของตนเอง และพระองค์ได้ตรัสบอกให้ภิกษุนั้นเดินทางกลับไปที่วิหารหมู่บ้านมาติกะอีกครั้งหนึ่ง แล้วไม่ต้องนึกถึงสิ่งอื่นใด ให้นึกถึงเฉพาะเรื่องของพระกัมมัฏฐานเท่านั้น เมื่อภิกษุนั้นกลับไป นางมาติกมาตาก็ได้ถวายอาหารอย่างดีเหมือนอย่างที่นางเคยถวายแก่ภิกษุรูปอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อให้ท่านปฏิบัติพระกัมมัฏฐานโดยไม่มีความวิตกกังวล ต่อมาไม่นานภิกษุรูปนี้ก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล

    ครั้นแล้วพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 38 ว่า

    ทุนฺนิคฺคหสฺสส ลหุโน
    ยตฺถ กามนิปาติโน
    จิตตสฺส ทมโถ สาธุ
    จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํฯ

    จิตควบคุมยาก ไปมารวดเร็วมาก
    คิดไปตามอารมณ์ที่ต้องการ
    การฝึกจิตเป็นการดี
    เพราะจิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้.


    เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ผู้ที่ประชุมอยู่เป็นจำนวนมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น พระสัทธรรมเทศนา มีประโยชน์แก่มหาชนแล้ว.
     

แชร์หน้านี้

Loading...