เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    แล้ว การเลื่อนภัยพิบัติ แต่ละครั้ง จะทำให้ ท่านบารมีลดลง มั้ยครับ เพราะผมก็เคยไปช่วยอยู่ด้วย แล้วถ้าเลื่อนออกไป จะทำให้ ภัยพิบัติ ที่จะเกิดคราวต่อไป สะสมพลังงาน และรุนแรง มากกว่าเดิม มั้ยครับ
     
  2. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    แน่นอน การกระทำทุกครั้งล้วนมีต้นทุนทั้งสิ้น(มีมูลค่าบุญมหาศาล)
    ในอดีต มีบางท่านสละความเป็นอริยะเจ้า ที่กำลังจะได้ แลกกับ การระงับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิด
    บางท่านแลกกับชีวิตความเป็นมนุษย์ที่ทรงความเป็นอริยะเจ้า(พระอรหันต์ในร่างมนุษย์)
    ฯลฯ

    และแน่นอน การเลื่อนแต่ละครั้ง พลังงานสะสมย่อมมากขึ้นเรื่อยๆ ความรุนแรงก็ทวีมากขึ้น
    สุดท้ายปริมาณบุญที่จะใช้ระงับเหตุก็ต้องทวีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    และสุดท้ายบุญแห่งความเป็นอรหันต์ ก็ไม่เพียงพอที่จะระงับภัยพิบัติได้

    เอวัง ก็คงมีด้วยปะการะฉะนี้

    ในครั้งนี้ แม้ภัยใหญ่ๆ จะถูกระงับแล้ว ส่วนสะเก็ดเล็กๆน้อยๆ ก็คงมีเหลือบ้างประปราย
     
  3. polich68

    polich68 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2012
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +42
    เผ่าพงษ์อินทราคือผู้ใดครับ รบกวนท่านสุวิ เมตตาบอกให้รุสักหน่อยครับ
     
  4. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    มีผู้อ่านติดตามอ่านนิทานพลังอธิษฐานของกะทิ แล้วเขียนมาถามหลังไมค์ว่า เหตุไฉนไยไม่เข้ามาเขียนต่อ

    กะทิเธอต้องขอขอบพระคุณที่มีผู้ตามอ่านนิทานนะคะ

    สาเหตุแรกที่หายไป เพราะว่ามีงานเยอะหนะคะ
    สาเหตุที่สอง พองานเยอะ ก็หาเรื่องไปพักร้อนหนะคะ 555
    สาเหตุที่สาม พอกลับมาจากพักร้อน งานก็เลยกลับมาเยอะเหมือนเดิม
    สาเหตุที่สี่ ในช่วงระหว่าง สาเหตุที่ 1-3 มีเหตุการรบกันในมิติค่ะ หมอสุวิเลยบอกว่าให้หยุดเขียนไปสักช่วงหนึ่งก็ได้

    สาเหตุที่ห้า สาเหตุปัจจุบัน การรบในช่วง สาเหตุที่สี่ จบไปแล้ว แต่ในขณะนี้มีการรบครั้งใหม่ที่หมอบอกว่าเพิ่งจะเริ่มไม่นานเท่าไหร่ (สังเกตได้จากแสงแดด สายลม และสายฝน ที่มาประทะแข่งขันกัน ทำให้สภาพอากาศแปรนปรวนในแต่ละวันนั่นให้ดีค่ะ ต่างฝ่ายต่างก็ประชันกัน ทำให้ในแต่ละวัน ถ้าไม่ร้อนจัด ก็ฝนจัดหนัก เป็นต้น)

    แต่กระไรเลย ในช่วงดังกล่าวข้างต้น หมอก็บอกหลังจากการรบครั้งแรกจบลงแล้ว ว่าเข้ามาเขียนๆ ไปล่ะกัน (อ้าวววว)


    กะทิถามหมอสุวิ...

    กะทิ : แม้ว่าคนใกล้ตัวของหมอจะมีส่วนหนึ่งในนิทาน (เรื่อง พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ผลของอดีต เหตุของปัจจุบัน) ด้วยก็ตามรึคะ?

    หมอสุวิ : เขียนไปเถอะ



    ^ ยกมาจากกระทู้ที่เขียนไว้ที่ #2168



    นิทานเรื่อง พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ผลของอดีต เหตุของปัจจุบัน ตอนต่อ


    แม้ว่าพ่อแม่จะยกลูกให้เป็นของผู้อื่น โดยเฉพาะต้องไปเป็นน้อยเขา ไม่ใช่เมียออกหน้าออกตา แต่ก็ใช่ว่าบิดามารดาจะไม่รักและปรารถนาดีต่อลูกๆ นะคะ ด้วยเหตุเพราะบิดาก็มีหน้าตาในสังคมมิใช่น้อย รึจะส่งลูกไม่สมหน้าตาพ่อแม่เอาไปให้เขาดูหมิ่นเหยียดหยาม


    ตั้งแต่อ้อนแต่ออก ในสมัยก่อน หากบ้านใดมีลูกถือกำเนิดเป็นหญิง ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เรียนหนังสือ แต่ทว่าคุณพ่อท่านได้ให้ลูกมีการศึกษากันทุกคน จึงทำให้ชั้นทางสังคมของเราต่างจากประชาชนคนอื่นๆ (ส่วนหนึ่งก็เพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกลูกๆ ของท่านได้ หรือก็คือมาดูถูกตัวของท่าน)


    แต่นั่นก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อลูกสาวมีการศึกษา แล้วต้องย้ายไปอยู่เรือนคนอื่น แบบคลุมถุงชนเช่นนี้ ความคิดความอ่านของเด็กสาวย่อมมีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าทั่วไป


    การคลุมถุงชนนี้ มีอยู่ในทุกมุมโลก บางมุมโลกการย้ายเรือนจากความต้องการรักษาฐานนันดร หรือสร้างเครือข่ายทางสังคมโหดร้ายยิ่งกว่า การส่งพี่ดอกแก้ว และกระถินไปออกเรือน รวมกันซะอีก

    อย่างอาทิเช่น...

    มารี อ็องตัวแน็ต ทรงถือกำเนิด เป็นเจ้าหญิงแห่งฮังการีและโบฮีเมีย อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย แต่ถูกคลุมถุงชนไปยังฝรั่งเศส

    วิธีย้ายเรือนนั้น ช่างโดดเดี่ยว และเด็ดขาด หรือก็คือตัดขาดจากถิ่นเกิด โดยไม่ให้มีแม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นติดกาย ขณะข้ามพรมแดนมายังฝรั่งเศส (มีผ้าม่านปิดกั้น ระหว่างการเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวระหว่างพรมแดน) ดังนั้นของรักสักชิ้นจากถิ่นเกิด ก็หาติดตัวไปได้ไม่


    พระสุพรรณกัลยา พระพี่นาง พระนเรศวร ทรงสละตนเอง เพื่อประเทศชาติ ยอมถูกส่งไปยังประเทศศัตรูเพื่อปกป้องครอบครัว และประชาชนแผ่นดินสยาม

    ทั้งหมดทั้งมวลของความเหมือนกัน คือ ..

    - เราไม่รู้ชะตากรรม ที่รออยู่เบื้องหน้า

    - เราไม่เคยเห็นหน้าสามีในอนาคต

    เศร้าเนอะ TT TT


    เมื่อเราย้ายมาอยู่เรือนใหม่ แม้จะได้รับการต้อนรับสมน้ำสมเนื้อ แต่บ้านย่อมีกฎบ้าน เมืองย่อมีกฎเมือง และเมื่อทั้งสองสาวมีการศึกษา ได้รับการศึกษาที่ดี ไหนเลยจะไม่มีความคิดเป็นของตนเอง และนั่นทำให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา


    มันเริ่มจากเมื่อเมียหลวง(หรือพี่หญิง)ท่านไม่ค่อยพอใจ พี่ดอกแก้ว เธอก็จะนำไปรายงานท่านคุณหลวงสามีของเหล่าเธอๆ


    แต่ทว่า หากขาดซึ่งหลักฐาน ก็เป็นแต่เพียงแค่ลมปาก ดังนี้เมียหลวงจำต้องหาหลักฐานมาใส่ไคร้กำกับไว้ด้วย

    วิธีสร้างหลักฐานในสมัยก่อนก็ง่ายแสนง่าย เพียงแต่มีเสียงข้างมากก็ใช้ได้แล้ว ดังนี้เมียหลวงจึงได้หันไปขอความร่วมมือกับกระถิ่น(หรือเจ้าน้อย)


    กระถิ่นเธอก็เลยเริ่มคิดหนัก นี่คือพี่สาวของเธอที่รักนักรักหนา เห็นกันมา เล่นด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกันมา พอมาออกเรือน ถึงเพิ่งจะมาแยกตัว จะเลือกพี่ หรือเลือกที่จะอยู่

    หากเลือกพี่ ก็มีเพียงพี่คนเดียว แต่หากเลือกที่จะอยู่ ก็มีทั้งเรือน มีทั้งข้าวปลาอาหาร และมีทั้งสามี (หรือก็คือความอยู่รอดหลังออกเรือน ซึ่งถือว่าหญิงนั่นเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของผัวแล้ว ว่ากันตรงๆ)


    ดังนี้เป็นทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เพื่อเอาตัวรอด สุดท้ายกระถินจำยอมต้องทำในสิ่งที่ตนก็ไม่อยากจะทำ

    (ย้อนกลับมาสู่ปัจจุบันชาติ สิ่งนี้ที่ทำไป หลังจากได้คุยกับพี่สาวผ่านเฟสบุ๊ค พี่สาวบอกว่า มันได้ก่อเกิดเป็นนิสัยในการพูดเอาตัวรอด ซึ่งติดข้ามพบข้ามชาติมาด้วย)


    สิ่งที่กระถินไม่อยากจะทำก็คือ จะต้องคอยพูดจา เออ ออ ห่อหมก กับเมียหลวง(หรือพี่หญิง) เมื่ออยู่ต่อหน้าสามี ไม่ว่าพี่หญิงจะพูดอะไร ขอให้กระถิ่นพูดจา เออ ออ กับพี่หญิงเข้าไว้ เธอขอแค่นี้


    แต่ไอ้การขอเพียงแค่นี้ กระถินเธอไม่คิดว่า สุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้


    /ยังมีต่อ


    ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขอใช้เรื่องเล่านี้เพื่อกล่าวรับผิดหากนิมิตรในการเห็นอดีตชาติของตนเองตามบทความที่ข้าพเจ้าเขียนข้างต้นนี้เป็นจริงโดยสัจจะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอขมาและขออโหสิกรรม ต่อบิดามารดาในชาติที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าเรื่องนี้ และขอขมาและขออโหสิกรรมต่อพี่สาวของข้าพเจ้าในเรื่องที่ได้เคยล่วงเกินไว้(ซึ่งก็ได้เคยขอขมาและอโหสิกรรมต่อกันและกันไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว) แต่หากนิมิตรที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นบิดเบือนมีมารหรืออสูรตนใดมาแทรกให้นิมิตรนี้ไม่เป็นจริงโดยสัจจะแล้วไซร้ ก็ขอให้นิทานนี้ คงเป็นเพียงนิทานเท่านั้น บุญใดที่เกิดขึ้นจากการขอขมาและอโหสิกรรมจากบิดามารดาและพี่สาวของข้าพเจ้าในอดีตชาติที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าเรื่องเอาไว้ให้ผู้อ่านนี้มีอยู่บ้างแล้วไซร้ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบูชาบุญนี้แด่ สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา องค์พระปฐม องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า องค์ปัจเจกพระพุทธเจ้า และพระธรรมในพระพุทธศาสนา ขอบุญที่ข้าพเจ้าน้อมถวายแล้วนี้ จงเป็นพลังบุญเติมเต็มมหาสมุทรแห่งบุญของข้าพเจ้าที่เป็นจริงโดยสัจจะ ให้เพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้นไปไม่มีเหือดแห้ง ข้าพเจ้าสามารถนำมาใช้ได้ไม่รู้พร่อง ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุข มีดวงตาเห็นธรรม เข้าใจสัจจธรรมแห่งการดับทุกข์ ทั้งเมื่อมีชีวิตอยู่และไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ตลอดจนข้าพเจ้าหลุดพ้นจากสังสารวัฎ เข้าสู่พระนิพานในสากลจักรวาลที่เป็นจริงโดยสัจจะเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  5. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ผลของอดีต เหตุของปัจจุบัน ตอนต่อ


    การเออ ออ ห่อหมก หรือลูกขุนพรายพยักนี้ ในสังคมไทยเป็นกันมาก และเด่นชัดเมื่อคุณๆ ทั้งหลายเป็นน้องใหม่ในสังคมการทำงาน


    หรือก็คือ เมื่อพวกคุณเข้ามาเป็นน้องใหม่ในสำนักงานออฟฟิศ และหรือน้องใหม่สายราชการใด ลูกน้องย่อมพยักหน้าตามความเห็นชอบของรุ่นพี่ และ/หรือหัวหน้างาน


    หัวหน้างาน หรือรุ่นพี่ ว่าตามนี้นะ ลูกน้อง/รุ่นน้อง พยักหน้า เช่นนี้เป็น "ผล"


    "เหตุ" ก็คือ เหล่ารุ่นน้องยังไม่รู้กฎเกณฑ์ ระเบียบกติกาในสังคมใหม่ดีพอ จึงต้องทำตามรุ่นพี่ไปก่อน


    และ/หรือ หากรู้แล้ว จากการที่ได้ทำงานในแผนกนั้นๆ นานขึ้น เริ่มเรียนรู้กฎกติกามากขึ้น แต่นิสัยเดิมๆ ที่เคยปฎิบัติมาจนกลายเป็นนิสัยในการพยักหน้ารับคำสั่งรุ่นพี่ ที่แม้จะไม่ใช่หัวหน้า หรือเป็นหัวน้าก็ตาม (เหมือนการแปรงฟัน เราไม่ต้องคิดเลยว่า จะลงแปรงในฟันซี่ไหน ยังไง เราแปรงไปตามนิสัยเดิมๆ โดยไม่จำเป็นต้องลืมตาก็ยังสามารถแปรงฟันได้ด้วยซ้ำ)


    นิสัยคนไทยเรา ย่อมปฏิเสธไม่ได้ หรือก็คือ พวกมากลากกันไป หรือก็คือ น้ำในภาชนะ


    เมื่อเราเอาน้ำไปใส่ไว้ในภาชนะใด ทางอยู่รอดของน้ำคือ ปรับรูปร่างให้กลมกลืนเป็นรูปร่างเดียวกันปับภาชนะนั้นๆ ไม่ว่าจะกลม จะเหลี่ยม ปรับตัวปรับสภาพรูปร่างได้หมด


    ดังนี้จึงไม่ยากเลยที่พี่หญิง (เมียหลวง) จะขอมา และกระถินตัดสินใจทำหรือจะไม่ทำ เพราะเรากำลังเข้าสู่กฎใหม่ของสังคมบ้านใหม่แห่งนี้ ยังไงเสียเด็กกว่า ก็ต้องน้อมทำตามผู้ใหญ่กว่า เป็นธรรมดา


    ดังนี้เมื่อพี่ดอกแก้ว ทำอะไรคิดอะไรไม่เป็นที่พอใจของพี่หญิง(เมียหลวง) ถ้าจะพูดตรงๆ ก็แนวแข็งข้อ(แนวดื้อเงียบ) ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม จนเป็นเหตุให้พี่หญิงรู้สึกว่าพี่ดอกแก้วกระด้างกระเดือง จนไม่ชอบเธอเข้าให้ เธอผู้นี้จะปกครองยากในการดูแลของเธอ


    อีกประเด็นหนึ่งคือ พี่ดอกแก้วนั้นจัดว่าเป็นคนสวยแบบมีเสน่ห์ ความนิ่งของเธอ ยิ่งเพิ่มความน่าค้นหา ความลึกลับ บวกกับความหอมหวานของสาวแรกรุ่น แน่นอนที่จะทำให้ไม่ว่าผู้ชาย หรือแม้แต่ผู้หญิงด้วยกัน ก็ไม่อาจเหลียวหลังมองเธอผู้นี้


    เมื่อพี่หญิงเธอไม่ชอบขี้หน้า จึงเป็นเหตุให้เวลาที่คุยกับคุณหลวง ก็จะหาเรื่องมาพูดจาให้ท่านเห็นว่าพี่ดอกแก้วกระทำตนไม่เหมาะต่างๆ นานา


    พี่หญิง : บลา บลาๆๆๆๆๆๆ (คุณหลวงฟัง)

    คุณหลวง : บลา บลาๆๆๆๆๆๆ

    พี่หญิง : บลา บลาๆๆๆๆๆๆ แล้วหันไปถามกระถินว่า....ใช่ไหมล่ะเธอ?

    กระถิน : พยักหน้า / เจ้าค่ะ

    พี่หญิง : บลา บลาๆๆๆๆๆๆ (คุณหลวงฟัง)


    เป็นเช่นนี้หลายๆ ครั้งเข้า จนคุณหลวงเองก็แอบรู้สึกเอือมระอา เรื่องภายในเรือนเหมือนกัน และพี่หญิงเองก็รู้สึกเช่นกันว่า หากใช้วิธีนี้ต่อไปก็คงไม่ได้มีอะไรดีขึ้นจนเป็นที่พอใจแก่ตัวเธอมากมายอะไรนัก


    ดังนี้เธอจึงได้เพิ่มความรุนแรงของระดับความใส่ไคร้ให้มากยิ่งขึ้น หากจะมองให้ดี มันไม่ใช่ความชังทางกายที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นความชังทางใจที่รุนแรงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะเท่ากับว่าเธอแตะพี่ดอกแก้วไม่ได้เลย แตะแล้วไม่เห็นว่าพี่ดอกแก้วจะได้รับการกระทบกระเทือน สะทกสะท้อนให้เห็นเลยสักนิด พี่ดอกแก้วก็ยังคงนิ่ง(ดื้้อเงียบ) ในแบบของเธอนั้นเอง



    ในความเป็นจริงแล้ว นิสัยดั่งเดิมของพี่ดอกแก้วก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ความนิ่งของเธอนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติสมาธิ การวางจิตไม่ให้ถูกกระทบได้ง่าย ที่พวกเราสองพี่น้องก็รู้จักกันและกันดี เพียงแต่พี่หญิง ไม่ได้รู้จักพวกเรามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จึงไม่เคยได้เรียนรู้ รู้จักนิสัยพวกเราอย่างท่องแท้ เช่นพ่อแม่ที่รู้จักลูก


    และกระถินเธอก็ไม่เคยได้อธิบายว่าพี่ดอกแก้วเป็นเช่นไรให้พี่หญิงฟัง ก็เธอเป็นผู้ใหญ่กว่า เดี๋ยวจะหาว่าเธอไปสอน ไปข้ามหัวเธอเข้า อยู่เฉยๆ เงียบๆ น่าจะปลอดภัยกว่า



    /ยังมีต่อ (งานด่วนเข้านะคะ ขอจบแค่นี้ไว้ก่อนค่ะ)

    ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขอใช้เรื่องเล่านี้เพื่อกล่าวรับผิดหากนิมิตรในการเห็นอดีตชาติของตนเองตามบทความที่ข้าพเจ้าเขียนข้างต้นนี้เป็นจริงโดยสัจจะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอขมาและขออโหสิกรรม ต่อบิดามารดาในชาติที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าเรื่องนี้ และขอขมาและขออโหสิกรรมต่อพี่สาวของข้าพเจ้าในเรื่องที่ได้เคยล่วงเกินไว้(ซึ่งก็ได้เคยขอขมาและอโหสิกรรมต่อกันและกันไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว) แต่หากนิมิตรที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นบิดเบือนมีมารหรืออสูรตนใดมาแทรกให้นิมิตรนี้ไม่เป็นจริงโดยสัจจะแล้วไซร้ ก็ขอให้นิทานนี้ คงเป็นเพียงนิทานเท่านั้น บุญใดที่เกิดขึ้นจากการขอขมาและอโหสิกรรมจากบิดามารดาและพี่สาวของข้าพเจ้าในอดีตชาติที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าเรื่องเอาไว้ให้ผู้อ่านนี้มีอยู่บ้างแล้วไซร้ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบูชาบุญนี้แด่ สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา องค์พระปฐม องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า องค์ปัจเจกพระพุทธเจ้า และพระธรรมในพระพุทธศาสนา ขอบุญที่ข้าพเจ้าน้อมถวายแล้วนี้ จงเป็นพลังบุญเติมเต็มมหาสมุทรแห่งบุญของข้าพเจ้าที่เป็นจริงโดยสัจจะ ให้เพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้นไปไม่มีเหือดแห้ง ข้าพเจ้าสามารถนำมาใช้ได้ไม่รู้พร่อง ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุข มีดวงตาเห็นธรรม เข้าใจสัจจธรรมแห่งการดับทุกข์ ทั้งเมื่อมีชีวิตอยู่และไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ตลอดจนข้าพเจ้าหลุดพ้นจากสังสารวัฎ เข้าสู่พระนิพานในสากลจักรวาลที่เป็นจริงโดยสัจจะเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  6. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ผลของอดีต เหตุของปัจจุบัน ตอนต่อ

    ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครที่จะไม่ดีไปซะหมด หากมองในมุมตรงกันข้ามของพี่หญิง เธอนั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี หากใครเข้าถูกทางของเธอแล้ว เธอจะดูแลคนของเธออย่างดี ไม่มีอด

    โดยเฉพาะกับสามีของเธอแล้ว เธอดูแลปรนิบัติอย่างไม่มีที่ติ แต่ก็นั่นแหละ ความเสียสละความสุขของเธอ (สละเวลา สละความต้องการส่วนตน เพื่อดูแลคนอื่น ให้คนอื่นได้ชื่นชม และเห็นเธอเป็นผู้มอบความรัก)


    แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเธอต้องดูแลคนอื่น เวลาส่วนตัวของเธอก็ไม่มี เวลาที่เธอต้องการทำให้กับตัวเองได้มีความสุขจริงๆ ตามความต้องการของธอจริงๆ ก็เลยมีน้อยลง ตรงกันข้าม หากเราไม่จำต้องดูแลใคร (ไม่แคร์ที่จะไม่ดูแลคนอื่น หรือดูแลคนอื่นพอประมาณทางสายกลาง) เราก็ยังพอ "มีอิสระ" หรือพอมีเวลาที่จะเป็นตัวของตัวเอง ตามใจตัวเองให้ได้รับความสุขตามสมควรแก่ตนอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย


    ในเมื่อพี่หญิงอุทิศตนเพื่อดูแลสามี และบริวารขนาดนี้ เวลาส่วนตัวที่จะให้กับตัวเองได้มีความสุขอย่างที่ตนต้องการจริงๆ ก็น้อยลง จนแทบไม่เหลือ และ "ผล" ที่ได้กลับมา ก็มีใครคนหนึ่ง ทำตนขวางหูขวางตา ไม่เข้าทางที่เธอจะควบคุมอยู่ด้วย



    ขอให้ผู้อ่านคิดให้ดี ทำใจให้เป็นกลางกับคนทั้งสอง ระหว่างพี่หญิงและพี่ดอกแก้ว พี่หญิงเธอดูแลคนหมู่มาก หากมีใครแตกแถว เธอจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณผู้อ่านเป็นหัวน้าคน เป็นเจ้านายที่มีลูกน้อง ก็คงจะพอเข้าใจในสิ่งนี้



    ในอีกทางหนึ่ง สำหรับพี่ดอกแก้วแล้ว เธอก็มีความคิดเป็นของตนเอง มีอิสระที่จะคิด จะทำ เป็นของของตนเอง เรียกว่า อธิสิทธิมนุษยชนได้รึเปล่านะคะ ไม่แน่ใจ แต่หากมีใครบางคนพยายามกดเรา ให้เชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะถูกหรือผิด เราก็ต้องไหลไปตามน้ำ ตามกฎเกณฑ์สังคมของคนหมู่มาก ตามกฎของบ้าน


    ยิ่งพี่หญิงเป็นผู้ใหญ่กว่าใครในบ้าน หากมีผู้อ่านท่านใดเป็นผู้ใหญ่ ก็ย่อมจะเข้าใจ และไม่ชอบให้เด็กๆ คนไหนมาทำขวางหูขวางตา คล้ายประหนึ่งแตกแถว ดูไปดูมาเหมือนข้ามหัวท่าน


    เมื่อเป็นเช่นนั้น หางแถวนั้นจำต้องถูกตบให้เข้าที่ หากไม่สามารถตบให้เข้าที่ได้ ก็จำต้องกำจัดออกไป


    การรายงานสามีของพี่หญิง ในระยะต่อมา จึงยิ่งเข้มข้นไม่ต่างอะไรกับการขึ้นศาล เพียงแต่ว่า ศาลนี้มีพยานที่เข้าข้างโจทย์ และโจทย์นั้นก็ดันมีกระถินเป็นหนึ่งในนั้น


    เมื่อลูกขุนคอยพยักเช่นนี้ ต่อให้จำเลยบริสุทธิ์ทุกกรณี แต่ในเมื่อมีพยาน คุณหลวง(สามี) ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็มาถึงจุดจบของพี่ดอกแก้ว


    หากเปรียบเทียบกับในยุคปัจจุบัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เด็กจบใหม่เข้ามาทำงานในที่ทำงานใหม่ แล้วเข้ากับผู้อื่นที่ทำงานอยู่ก่อนแล้วไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องออกไปนั่นเอง


    เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรๆ ที่กระถินเคยพยายามอยู่อย่างน้ำ ก็เห็นจะไม่ถูกต้อง พี่สาวของเธอจากไปแล้ว ในภาพที่วิ่งเข้ามาให้เห็นในหัวของกะทิเธอนั้น ไม่ได้วิ่งมาให้เห็นถึงตรงจุดนี้นะคะ (แต่เหมือนหมอสุวิจะเห็นนะคะ หมอเคยบอกว่าจบไม่สวย จบเศร้า)


    แต่ที่กะทิรับทราบต่อไปก็คือ ด้วยความรู้สึกอันนี้ เกิดเป็นพลังที่รุนแรงในหลายๆ อารมณ์

    1) กระถินเธอรังเกียจพ่อแม่ของเธอ มันก็เหมือนคนที่รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ในเวลาที่เราเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส เพราะเรารู้ว่าพี่สาวไม่ได้มีความผิดใด แต่ต้องถูกใส่ความให้มีอันเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม โดยที่กระถินเธอมีส่วนรู้เห็น มันเจ็บหนักที่ใจ

    ในขณะนั้นเธอจึงพยายามมองหา "เหตุ" และคิดไปว่าต้นเหตุหนึ่งนั้นมาจากพ่อแม่ของเธอที่ส่งเธอและพี่สาวมาที่นี้


    ผล : ด้วยความรู้สึกที่รุนแรง เธอได้ใช้พลังสมาธิของเธอ อธิษฐานจิต ขอให้หากต้องเวียนวายตายเกิดอีกในชาติต่อๆ ไป หากมีพ่อแม่ที่มองแต่การรักษาฐานนันดร มองลูกเป็นแต่เพียงสิ่งที่สามารถส่งไปรักษาเครือข่ายของตน รักษาทรัพย์ของตนด้วยการจับคลุมถุงชนเช่นนี้ "เธอขอมีพ่อแม่เป็นคนธรรมดา ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่ต้องมีเกียรติ มีชาติตระกูล "ไม่ต้องมีบริวาร" ให้คอยห่วงหน้าห่วงตาของตน และพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องดูแลใส่ใจเธอ หากดูแลแล้วเป็นเช่นนี้ เธอก็ไม่ต้องการยังจะดีซะกว่า"


    ในชาตินี้ เธอจึงได้สิ่งเหล่านี้ตามประสงค์ ตามแรงอธิษฐานของเธอ จัดหนัก จัดไปปปปป


    ...สร้อย....กระถินได้มองข้ามความจริงที่ว่า ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนที่ไม่รักลูกของตน ในเวลานั้นเธอยังไม่เคยมีลูก จึงไม่ได้รู้เลยว่า พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูกของตน เพียงแต่จะรักมาก รักน้อย และะวิธีการรักลูกของพ่อแม่ก็แตกต่างกันไป.........

    ......หากมองในชาติปัจจุบันย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาแล้ว พ่อแม่ให้การเลี้ยงดู ให้การศึกษาที่ในสมัยนั้นผู้หญิงใดๆ อาจไม่มีโอกาสได้เทียมเท่า ทำให้เธอมีความคิด รู้คิด(แล้วเอามาคิดผิดๆ โทษพ่อแม่) พ่อแม่ได้ให้ที่อยู่ ให้อาหาร ให้ความอบอุ่นอันพอจะมีให้ได้ และที่ส่งเธอไปออกเรือนนั้น ท่านก็คงเห็นและตัดสินใจ(คิดแล้วคิดอีก)แล้วว่า น่าจะทำให้ลูกสุขสบาย ไม่อด ไม่อับจน พอจะมีหน้ามีตา มีบริวารดูแลสมฐานะจนบั้นปลายของชีวิตเธอ...........

    ...สิ่งเหล่านี้กระถินไม่ได้คิดไปถึงตรงนี้เลย หากตอนนั้นเธอมีลูกแล้ว อาจจะไม่คิดแบบนี้ก็ได้...



    ผลในชาติปัจจุบัน จึงส่งผลต่อกระถินอย่างรุนแรงมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั้งถึงช่วงเบญเพศ...ก่อนที่เธอจะคิดได้ คิดเป็นเพราะพระพุทธศาสนา


    ...แรงอธิษฐานที่กระถินเธอตั้งจิตไว้ ทำให้แม้เมื่อเธอเกิดใหม่ในชาติปัจจุบัน พระคริสต์ผู้ที่พ่อในชาติปัจจุบันนับถือ ก็ยังประทานชื่อให้แก่พ่อของเธอในชาติปัจจุบันของกระถินอย่างกับจะ "เป็นนัยบอกกล่าว" เรื่องราวทั้งหมดแต่หนหลังของเด็กคนนี้ว่า >> เด็กคนนี้ให้ชื่อว่า "อธิษฐาน" ตามแรงตั้งสมาธิจิตของเธอนั่นเอง<<


    (ในขณะที่พ่อขอประทานชื่อจากพระคริสต์ ในใจอยู่ดีๆ มีเพลง Sweet Hour of Prayer (http://library.timelesstruths.org/mu...our_of_Prayer/) นี้ขึ้นมาในความคิด จึงทำให้คิดถึงชื่อ อธิษฐาน ขึ้นมา ดังที่เคยเขียนเล่าให้ผู้อ่านฟังไปก่อนหน้านี้แล้วอะนะคะ)



    2)อีกส่วนหนึ่ง(ในความคิดของกระถินที่กำลังจมกองทุกข์ในตอนนั้น) เธอคิดว่าเป็นเพราะการออกเรือนของเธอ เธอจึงมีที่ห่วงอย่างใหม่ที่ไม่ใช่พี่ดอกแก้ว อย่างที่เราทั้งสองเคยเป็นมาตั้งแต่เด็ก

    ในเมื่อมันเป็นเพราะการออกเรือน ทำให้เกิดเรื่องร้ายดังกล่างขึ้น

    และแม้เมื่อพี่ดอกแก้วจากไปแล้ว การครองเรือนของกระถินที่มีระหว่างคุณหลวงกับตัวเธอ ก็ไม่ได้มีอะไรดีหรือไม่ดีไปกว่าแต่ก่อนที่เคยเป็นมา (วิธีที่ท่านเป็นสามี และเป็นผู้ชาย ได้ปกป้องคุ้มครองคนของท่านไว้อย่างไร?)


    ดังนี้เธอจะปกป้องการมีเรือนนี้ไปทำไม หากกระถินเธอรู้ผลลัพธ์นี้แต่แรก เธอจะไม่ห่วงการมีอยู่ของเรือนนี้ แต่จะปกป้องพี่สาวของเธอ เหมือนอย่างที่เราเคยมีกันและกันจะดีกว่าที่เป็นอยู่กับผลลัพธ์นี้ไหม?


    ดังนี้ ด้วยแรงอธิษฐานจิตของกระถิน ที่เธอขอมีจิตใจเข้มแข็งในการไม่ออกเรือน


    "ผล" จึงออกมาเป็นเช่นปัจจุบัน



    ((ท่านผู้อ่านคงจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ด้วยเพราะว่าในขณะนั้นกระถินเธออมทุกข์ซะแล้ว จึงมองไม่เห็นเลยว่า ตัวของเธอเองนั่นแหละ ก็ได้ทำตัวเองไว้เช่นกัน ไม่ใช่อย่างที่เธอมองเห็น(ในเวลานั้น) และเที่ยวกล่าวโทษใครต่อใคร ตัวเธอเองก็มีส่วนพลักดันที่ทำให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้))


    สุดท้ายกระถินเธอยังรู้สึกเศร้าและทุกข์ใจ ว่าเพราะมีเธอเป็นหนึ่งในต้นเหตุ ที่ทำให้พี่ดอกแก้วต้องจากไป เธอจึงอยากขอโทษพี่ดอกแก้ว แต่จนแล้วจนรอด การกล่าวขอโทษยังไม่ได้ทำได้สมใจเธอ


    เหตุนี้ เธอจึงตั้งจิตสมาธิ ตามหาพี่ดอกแก้ว เพื่ออยากจะขอโทษพี่ดอกแก้วด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งตรงนี้ในชาตินี้ นอกจากเรายังย้อนกลับมาได้รู้จักกันอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว หมอสุวิยังได้มา "เจอประเด็นจุดนี้" เข้าพอดี และได้พยายามเป็นสื่อกลางในชาตินี้ ให้น้องได้กล่าวขอโทษพี่ (ซึ่งหมอก็ได้กลับมาพบเจอพี่สาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นกัน) เพื่อหยุกการเวียนว่ายตายเกิดตามหาพี่เพื่อกล่าวขอขมาลาโทษนี้จะได้สิ้นสุด


    ซึ่งในที่สุด หมอสุวิก็ได้บรรลุเป้าหมาย อย่างที่กะทิเธอได้เคยเขียนเล่าไปแล้ว (ไม่เช่นนั้นกระถินก็ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดตามหาพี่สาว ทั้งๆ ที่พอเกิดใหม่แล้ว ตัวเองก็จำไม่ได้แล้วว่าจะเกิดมาเพื่อขอขมาใคร มีเป้าประสงค์ใดในการเกิดบ้าง?)


    ในทางตรงกันข้ามแล้ว ในใจของพี่ดอกแก้วไม่ได้รู้สึกว่ากระถินเธอจะต้องมากล่าวขอขมาลาโทษอะไรกับตัวเธอ (ตรงนี้ในตอนหลังหมอสุวิได้เล่าให้ฟัง ถึงสิ่งที่หมอและพี่สาวได้เคยคุยกัน หลังจากที่เป้าประสงค์ของหมอสุวิสำเร็จไปแล้ว หมอจึงได้ย้อนหลังให้ฟังอะนะคะ)
    เพราะในใจของเธอ ไม่ได้รู้สึกกล่าวโทษน้องกระถิน ดังนี้เธอจึงไม่เห็นประโยชน์ที่หมอจะพยายามแนะนำให้กะทิมารู้จักกับเธอ (นานาๆ มุมมองอะนะคะ)


    จบละกันค่ะ(หรือจะมีอะไรต่อดี จริงๆ ก็มี "ผล" อะไร ต่อมีอะไรในชาตินี้ อะนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะเขียนเล่าหรือไม่ดี เพราะไปๆ มาๆ เด๊่ยวจะกลายเป็นนิยายโศกซะเปล่าๆ อะนะคะ แต่ก็อยากให้ท่านผู้อ่านได้ทราบละกันหนะค่ะว่า ทุกอย่งที่คุณเป็น ล้วนมีที่มาที่ไปอะนะคะ)


    ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขอใช้เรื่องเล่านี้เพื่อกล่าวรับผิดหากนิมิตรในการเห็นอดีตชาติของตนเองตามบทความที่ข้าพเจ้าเขียนข้างต้นนี้เป็นจริงโดยสัจจะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอขมาและขออโหสิกรรม ต่อบิดามารดาในชาติที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าเรื่องนี้ และขอขมาและขออโหสิกรรมต่อพี่สาวของข้าพเจ้าในเรื่องที่ได้เคยล่วงเกินไว้(ซึ่งก็ได้เคยขอขมาและอโหสิกรรมต่อกันและกันไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว) แต่หากนิมิตรที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นบิดเบือนมีมารหรืออสูรตนใดมาแทรกให้นิมิตรนี้ไม่เป็นจริงโดยสัจจะแล้วไซร้ ก็ขอให้นิทานนี้ คงเป็นเพียงนิทานเท่านั้น บุญใดที่เกิดขึ้นจากการขอขมาและอโหสิกรรมจากบิดามารดาและพี่สาวของข้าพเจ้าในอดีตชาติที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่าเรื่องเอาไว้ให้ผู้อ่านนี้มีอยู่บ้างแล้วไซร้ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบูชาบุญนี้แด่ สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา องค์พระปฐม องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า องค์ปัจเจกพระพุทธเจ้า และพระธรรมในพระพุทธศาสนา ขอบุญที่ข้าพเจ้าน้อมถวายแล้วนี้ จงเป็นพลังบุญเติมเต็มมหาสมุทรแห่งบุญของข้าพเจ้าที่เป็นจริงโดยสัจจะ ให้เพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้นไปไม่มีเหือดแห้ง ข้าพเจ้าสามารถนำมาใช้ได้ไม่รู้พร่อง ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุข มีดวงตาเห็นธรรม เข้าใจสัจจธรรมแห่งการดับทุกข์ ทั้งเมื่อมีชีวิตอยู่และไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ตลอดจนข้าพเจ้าหลุดพ้นจากสังสารวัฎ เข้าสู่พระนิพานในสากลจักรวาลที่เป็นจริงโดยสัจจะเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0> <TBODY> <TR> <TD class=alt2 style="BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi [​IMG]
    ธรณีพระแม่ร้อง รำไห้
    หนักบาปลูกก่อไว้ แสนเข็ญ
    สุดแบกสุดทนได้ ลำเค็ญ
    ด้ามขวานปล่อยให้เป็น ตามกรรม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0> <TBODY> <TR> <TD class=alt2 style="BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi [​IMG]
    หวังว่า หวยรางวัลที่หนึ่ง คงไม่ออกหมายเลข 050558

    ไม่อยากลุ้นเลย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ความจริงเรื่องนี้ ควรจบแล้ว
    แต่ผลพวง ที่ท่านๆทั้งหลายได้เตรียมการกันไว้ อย่างพร้อมสมบูรณ์แล้ว เพื่อให้เกิดภัยพิบัติ ยังคงอยู่
    วันนั้น ทุกอย่างเลื่อนออกไป อย่างกระทันหัน แผ่นเพลท เปลือกโลกทุกแผ่นขยับหมดแล้ว
    รอยต่อ ของเปลือกโลกปริแตกแล้ว ทั่วทั้งโลก และการปริแตกนี้เลยลึกลงไปถึงแดน นรกอสุรกายบางแดน
    เหล่าอสูรกายนรก มีหลากรูปแบบ มีทั้งแมลง สัตว์เลื้อยคลาน ภูติ อสูรกายที่หิวโหย ได้หลุดออกมาในโลกมนุษย์แล้ว และเริ่มกัดกินมนุษย์
    จะเห็นว่าในช่วงนี้ จะเริ่มมีโรคแปลกๆ ให้เห็นกัน
    และนี่คือตัวอย่างหนึ่งของโรคแปลกๆนั้น เกิดขึ้นที่ อเมริกา


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0> <TBODY> <TR> <TD class=alt2 style="BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Linda2009 [​IMG]
    เรียนถาม คุณหมอสุวิคะ สูตรยาด้านบนนั้น ต้องมีสัดส่วนของตัวยามั้ยคะ หรือกะเอาตามสมควร ไปรับเชื้อคันสาหัส คาดว่าติดมาจาก ฟลอริดา คือฝนตกพรำๆ เกือบทั้งวัน เราอยู่ในเต็นผ้าใบ อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีแมลงเป็นหมื่นๆตัว ไต่พรึ่บๆมาตามแขนขา แถมไต่มาแค่ใต้เข่าใต้ศอกทั้งสองข้าง หลังจากนั้น จากที่เคยคันๆหายๆ ผิวหนังไม่ถึงกับถลอกปอกเปิก ก็กลายเป็น เกาจนหนังติดเล็บ และอาการจะมา ๙๙ % ตอนกลางคืน
    ไปหาหมอ ก็แล้ว ตรวจเเลือดก็ไม่เจอไร สุดท้าย หมอให้ครีมทา ทิ้งไว้ ๑๘ ชม เป็นครีมทาฆ่าเล็นหิด ประมาณนั้น ตามด้วยยา สเตอรอยแก้คัน แต่บางทีก็บรรเทาชั่วคราว แล้วก็เป้นใหม่อีก โดยเฉพาะหน้าร้อนนี่ ขาแขนดูอนาจทีเดียวค่ะ อ้อพอเกามากๆ ตอนนี้ผิวจะคล้ายๆขนลุกคือเป็นตุ่มๆ และทาครีมที่เป็น สเตอรอยมากๆ หนังก็ถูกทำลาย และเท่าที่ทราบ จะมีผลข้างเคียง มากมาย
    ก็พอดีมาอ่านเจอ ตัวยาคุณหมอ ว่าจะลองทำดูค่ะ หนูอยู่แถวๆอชิงตัน ดีซี พอจะหาซื้อใบมะกรูดได้ ในร้านขายของชำ แต่ก้านคงหาไม่ได้ค่ะ รบกวนคุณหมอด้วยหากต้องมีอัตราส่วนที่เหมาะสม ขอบพระคุณมากๆค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สูตรยา ไปตามลิ้งนี้
    http://palungjit.org/threads/ปรึกษา...ใช้พลัง-ปราณยาม-ในการรักษาโรค.110817/page-176
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2015
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    วันนี้ คุณชัชชลี เพื่อนเราในเวปนี้ ได้ตัดสินใจเป็นหัวแรงในการสร้างองค์พระพุทธชินราชจำลอง
    เพื่อถวายเป็นพระประธาน ประจำ วัดพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์ และได้บอกบุญมาให้หมอทราบ ตามรายละเอียดในรูปด้านล่าง

    และหมอสุวิก็ได้เข้าร่วมบอกบุญ ในการสร้างพระองค์นี้
    และได้อธิษฐานจิต เชื่อมหาสมุทรแห่งบุญในการสร้างพระ เข้ากับบัญชี ที่รับโอนเงินเพื่อร่วมสร้างพระพุทธชินราชจำลององค์นี้

    บช.ออมทรัพย์ ธ.กสิกรไทย สาขาบิ๊กซีอ่อนนุช
    บช.เลขที่ 895-2-33323-3
    ชื่อบัญชี นางชัชชลี เบญจวิทย์วิไล


    และใครก็ตามที่ได้โอนเงินเข้าร่วมกับการสร้างพระองนี้
    ท่านจะได้บุญที่หมอได้อธิษฐาน "บูทอัพบุญ" เอาไว้ และสามารถอธิษฐานไปบันเทาวิบากกรรม ของตนได้โดยพลัน


    และบัญชีออมทรัพย์เล่มนี้เปิดใหม่เพื่องานบุญสร้างพระนี้โดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับทรัพย์ส่วนตัวใดๆ หรือเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น
    .
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    กราบขอบพระคุณหมอสุวิค่ะ ที่ช่วยสานฝันให้เป็นจริง
    ขอเชิญชวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวเว็บพลังจิตร่วมมหากุศลนี้ด้วยนะคะ
    และขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

    ตอนนี้กำลังหล่อองค์พระที่โรงหล่อในจังหวัดพิษณุโลกอยู่ จะแล้วเสร็จและถวายองค์พระประมาณปลายเดือนมิถุนายนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2015
  10. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    วันนี้ท้องฟ้าที่บ้านดูแปลกมากค่ะ
    แต่ถ่ายรูปยังงัยก็ไม่ได้อย่างที่ตาเห็น
    [​IMG]
    ของจริงนี่มันจะเป็นสีรุ้งสวยมากนะคะ แต่ถ่ายยังงัยก็ได้แต่แสงสว่างเฉยๆ
    ท่านที่ตาดีๆ ไม่ทราบว่ามีความหมายอะไรบ้างมั้ยคะ
    หรือแค่ปรากฎการณ์ธรรมชาติ

    พอดีไปเจอรูปที่คนอื่นถ่ายไว้(จากจุดอื่น)
    อันนี้เห็นชัดกว่านะคะ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2015
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เมื่อตอนบ่ายๆวันพุธที่ ๒๗ พ.ค.๕๘ มีผู้มาเชิญหมอสุวิถึงที่เลย มาเชิญไปรักษาผู้ป่วย
    เขาขอโทษที่ไม่อาจพาผู้ป่วยมาหาได้ ร้องขอความช่วยเหลือ ในโลกนี้เขาเห็นมีแต่หมอสุวิเท่านั้นที่ช่วยเขาได้ ขอร้องอ้อนวอนแทบจะกราบกราน

    ไปก็ไปวะ
    พอออกเดินทาง ก็ให้สงสัย ท่าทีลับๆล่อๆ หลบๆหลีกๆ ต้องหลบๆซ่อนๆ ไอ้คนป่วยนี่คงมีปัญหาแน่
    พอจะเอ่ยปากถาม เขาก็ว่า คนป่วยไม่ได้ป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ป่วยเพราะถูกทำร้าย บาดเจ็บสาหัส ขอให้หมอไปช่วยรักษาด้วย
    และหากช่วยให้เขาปลอดภัยจากการตามล่าได้ ก็เท่ากับได้ช่วยโลกมนุษย์ให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติได้อย่างหนึ่งทีเดียว

    เขาเล่าว่า เดิมนิวาสถานที่อยู่ของพวกเขาอยู่ในอภัสราพรหม
    ถูกจิตวิญานต่างภพภูมิไล่ล่ามาจากที่นั่น ถูกต้อนให้มายังโลกมนุษย์นี้ และจะใช้โลกมนุษย์เป็นโรงเชือด ประหารพวกเขา
    และร้องขอให้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บด้วย
    หากท่านหมออยากรู้อะไรในรายละเอียด ก็ให้ถามจากผู้บาดเจ็บนั้น จะได้รายละเอียดมากกว่าถามเขา
     
  12. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ตกลงก็ตามเขาไปนะ พบผู้บาดเจ็บเป็น หงส์สองตน และหนึ่งจิตวิญญาน เป็นพรหมจากอาภัสราพรหมนะ
    โห้...งานนี้ ตรูงานเข้าแล้ว ขนาดพระพรหมยังบาดเจ็บ แล้วหมอสุวิเป็นแค่มนุษย์เดินดินกินข้าวแกงจานละ ๒๕ จะเหลือเรอะ

    ไอ้หงส์ ที่บาดเจ็บ หน้าตารูปร่างคล้ายๆในรูปที่เอามาให้ดูข้างล่างนะ แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว ขนเป็นสีทองอร่ามทั้งตัว สวยแฮะ
    ก็รักษาอาการบาดเจ็บจนหายหมดทั่วทุกตัวตนแล้ว ก็เริ่มเจรจานะ
    พรหมท่านว่า ท่านเป็นผู้ดูแล หงส์ทั้งคู่นี้
    มีมารจากต่างจักรวาลมาต้อนไล่จับหงส์ เพื่อเอามาประหารในโลกมนุษย์

    ไอ้เราก็ขมวดคิ้ว เอะ...ทำไมต้องเอามาเชือดในโลกมนุษย์
    พบที่ไหน ก็จับปิ้งกินที่นั่นไม่ง่ายกว่าหรือ ทำไมต้องเอาโลกมนุษญ์เป็นแดนเชือดด้วย

    เขาก็เล่าต่อว่า หงส์นี้ มีอายุขัย ๑๐๐๐ ปีมนุษย์ ปัจจุบันมีอายุ ๙๘๐ ปีแล้ว
    เมื่อหงส์มีอายุครบ ๑๐๐๐ ปี ก็จะตายและดวงจิตสลายไป และก็จะมีดวงจิตใหม่มาจุติแทน
    ในขณะที่หงส์มีชีวิตอยู่ ขนของหงส์จะเป็นยาที่สามารถรักษาและถอนพิษได้ทุกชนิดในจักรวาล
    แต่ หงส์ต้องสมัครใจสลัดขนไห้ นะ หากจับตัวถอนขน นี่ ขนหงส์จะไม่สามารถเอาไปทำยาได้
    และที่สำคัญ เลือดของหงส์นี้ มีทั้งพิษและอาถรรพ์ หากเลือดหงส์ตกต้องที่ใด พื้นที่นั้นจะเกิดภัยพิบัติและโรคภัยไร้เหตุ
    มนุษย์และจิตวิญญานจะตายเป็นเบือ สุดคนานับ
    พวกมาร ตั้งใจจับหงส์ลงมาเชือดในโลกมนุษย์ ณ.ดินแดนประเทศไทย บริเวณ ดอนเมือง

    ก็สงสัยนะ ไอ้ตอนบาดเจ็บหนีกัน กระเซอะกระเซิงนี่ เลือดมิไหลย้อยเป็นทางหรือเปล่านิ
    อู้ย... ไม่อยากมโนเลย

    และทำไมต้องเป็นประเทศไทย
    และทำไม ต้องเป็นที่ดอนเมือง

    และเมื่อซักไซ้ดูก็ได้ความเคร่าๆว่า
    เห็นเขาว่ากันว่า ในอนาคต ประเทศไทยจะเป็นอะไรหรือมีอะไรบางอย่าง เกิดขึ้นในเขตประเทศนี้
    อาถรรพ์ของเลือดหงษ์จะทำลายสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นได้
    และที่เลือกดอนเมืองเพราะเป็นจุดที่มีการติดต่อคมนาคม เดินทางไปมาหาสู่กันทั่วประเทศ อย่างรวดร็ว
    จะทำไห้พิษและอาถรรพ์ กระจายไปทั่วประเทศโดยง่ายและไว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.2 KB
      เปิดดู:
      55
  13. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    งั้น ขนหงส์ก็ใช้ถอนพิษหงส์ ถอนอาถรรพ์หงส์ไม่ได้เหรอคะ
    เวลาที่หงส์เขาจะสลัดขนให้ เค้าต้องสูญเสียอะไรมั้ยคะ
    แล้วเค้าให้กันได้ง่ายๆมั้ย

    แต่มารก็คือมารนะคะ มีความพยายามในการหาวิธีทำลายล้างจริงๆ
    เบียดเบียนระราญชาวบ้านเค้าไปหมด

    เรื่องที่เค้าต้องการยับยั้ง เป็นเรื่องอะไรนะ เกี่ยวกับการกอบกู้รึปล่าวคะ
     
  14. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    วันนี้ 1 มิถุนายน 2558
    ตรงกับวันวิสาขบูชา

    เช้าขึ้นมา ได้ ทราบข่าว จากหลวงพ่อบุญมา ท่านไป เยี่ยนพระ ที่ สำนักปฏิบัติธรรม เขาหินซ้อน

    พบว่า ที่นั่น อากาศร้อนจัด น้ำในบ่อ รวมไปถึงน้ำที่ เก็บสำรองไว้ใช้ แห้งขอด
    ทางวัด เริ่มขาดแคลนน้ำ

    ท่านจึงโทรมาแจ้ง ให้ผมทราบ ( บอกบุญไป พร้อมกัน )
    แก้ไขเฉพาะหน้า โดย ซื้อน้ำ ให้ทางวัดใช้ไป ก่อน คันรถละ 600 บาท

    จึงได้ โอนเงินเข้าบัญญีให้ท่านไป จัดหาน้ำ ก่อน

    ทางแก้ไข แบบถาวร นะมี แต่ ต้องมี สตังค์

    คิดกันไว้ในใจ ต้องทำ ฝายกั้นน้ำ ในห้วย ไว้ เพื่อให้เป็นอ่างเก็บน้ำ ในหน้าแล้ง จะได้มีน้ำใช้

    อันนี้ ใช้งบหลายล้าน

    พระ ดี ที่ท่าน ไม่เสกไม่เป่า ไม่ได้ สร้างพระเครื่องรางของขลัง นี่ เวลาท่านจะทำอะไรสักอย่าง มันยาก อย่างนี้ .....

    เราเอง ก็ ร่วมทำบุญกับท่านไป ตามกำลัง

    ท่านใด มี จิตศัทรธา จะร่วม ถวายน้ำ สำนักสงฆ์เขาหินซ้อน ร่วมทำบุญกันได้

    ติดต่อผม ทาง เมลล์บ๊อค ของพลังจิต ได้ เลย ครับ ......สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  15. kaka krit

    kaka krit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +96
    วันนี้ผมและคนรอบข้าง ได้ร่วมทำบุญครั้งนี้ด้วยครับ
     
  16. Pdon60

    Pdon60 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +795
    ผมมีรูปกล้องหน้ารถที่ถ่ายได้เมื่อันที่1 มิ.ย 2558 วานนี้ เป็นรูปเมฆช่วงกลับอ่างทอง-อยุธยา มองเห็นเมฆเป็นรูปคล้ายหงษ์ ซึ่งก็คิด่ว่าแปลกๆ ดี แต่เมื่อได้มาอ่านโพสท์ของอาจารย์ แล้วน่าจะมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกันหรือเปล่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.8 KB
      เปิดดู:
      75
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.9 KB
      เปิดดู:
      91
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มิถุนายน 2015
  17. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2558 เมื่อวานนี้รึเปล่าคะ คุณกมลภู ไม่แน่ใจว่าคุณเขียนเดือนผิดรึเปล่าหนะคะ?


    แต่ไม่ว่าอย่างไร วันจันทร์ที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น มีพิธีบูชาพระที่บ้านหมอสุวิหนะคะ ดังนั้นไม่แน่ใจว่าหมอสุวิได้เดินออกมาเดินชมทิวทัศน์นอกบ้านรึเปล่านะคะ?


    แต่ที่แน่ๆ มีทิวทัศน์มาให้หมอสุวิชมถึงในบ้าน เพราะในช่วง 1-2 เดือน ก่อนหน้านี้ บ้านหมอสุวิดูวุ่นวาย (กะทิสังเกตดูจากความวุ่นวายของเมื่อวาน) ที่มีทิวทัศน์ชีวิตหนึ่งเข้ามาในบ้านของท่าน และก็เชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เป็นคนไข้ของคุณหมอ ก็คงจะเคยได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่ว่านี้มาแล้วเมื่อไปพบคุณหมอนั่นเอง


    เรามาเขียนเป็นนิทานกันสักหน่อยจะดีไหมหว่า?



    นิทานเรื่อง พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ลาภลอย รุ่งเรือง



    เมื่อวานกะทิก็เพิ่งได้พบหน้าคร่าตาของเจ้าตัวน้อย ซึ่งมีพี่หนึ่งได้ตั้งชื่อ และนามสกุล ให้เธอซะฟรุ้งฟริ๊งว่า ลาภลอย รุ่งเรือง (ถ้าจำไม่ผิดนะะคะ หมอก็เข้ามาแก้เองละกันนะคะ ถ้าจำผิดไป)


    เธอเป็น นก น้อยหนะคะ เป็นตระกูลนกเขา ใช่รึเปล่าหว่า? กะทิเธอก็ไม่ได้สันทัตนัก รู้แต่ว่า ทั้งคุณพ่อ (หมอสุวิเธอเรียกตัวเธอว่าเป็นพ่ออะนะคะ) และคุณแม่ของลาภลอย ต่างวุ่นกับการดูแลเธอตัวน้อยนี้อย่างมาก โดยเฉพาะคุณแม่นั่น ให้ความใส่ใจยิ่งกว่าไข่ในหิน นี่ถ้าเจ้าตัวน้อยเนี่ยเป็นมนุษย์จริงๆ คงวุ่นมากกว่านี้เป็นเท่าทวีแน่เลย


    เหตุเพราะว่า เจ้าตัวน้อย 2 ตัว ตกลงมาในบ้าน จากอุบัติเหตุที่ตัวเธอไม่รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ที่กิ่งไม้ เลยทำเอาเจ้าตัวน้อยตกลงมา ตอนนี้มันแข็งแรง และมีขนนกปกคลุมตัวเป็นบริบูรณ์ดีเพียงหนึ่งตัว ทำให้คุณแม่เธอยิ่งประคบหระหงม ยุงไม่ให้ไต่ มดไม่ให้ตอม เพราะเธอว่า สองสิ่งนี้ เจ้านกน้อยมันกลัวนักล่ะ (เธอหาข้อมูลวิธีดูแลไข่ในหินนี้มาจากเว็บไซต์ google หนะค่ะ)


    ขนาดว่าลูกชายเธอเอาเจ้าตัวน้อยไปตากแดด แล้วมดมันมาไต่กรงแค่นี้ คุณแม่เธอก็ดุลูกชายซะเสียงดัง เรียกให้เอาเจ้าตัวน้อยเข้าบ้าน และให้เอากรงไปทำความสะอาด (วุ่นดีไหมล่ะคะ)


    เจ้าตัวน้อยนี่เข้าใจตกลงมาในบ้านหมอสุวิจริงๆ มีข้าบริวารรับใช้มากเหลือเกิน ด้วยความที่มันเป็นนก เวลาเดินไปไหนมาไหนในบ้าน นกก็มักอึได้บ่อยๆ พอๆ กับที่มันจิกกินเมล็กพืชเล็กๆ ในแต่ละวันได้บ่อยครั้ง แม้จะเพียงทีละน้อยก็ตาม แต่เพราะความที่มันต้องกินบ่อย และอึบ่อยเนี่ยแหละค่ะ ทำให้คนในบ้านดูวุ่นกันซะ


    ....เอ้าาาาาา.....มาม๊ะ ....มากินอาหารเร็วลูก.....


    ....เอ้าาาาา....มันอึแล้ว อึตกลงไปที่โซฟาแล้ว.... หล่นลงตรงไหนเนี่ย....หา..เช็ดเร็ว


    วุ่นกันนั้นพ่อนก แม่นก และพี่นก ทั้งหลาย รวมถึงเราๆ พลแก้งค์เมื่อวานนี้ ที่ช่วยกันใช้ทิชชูเก็บอึก้อนน้อยให้มัน



    แล้วหมอสุวิก็ยังยิ้ม เปรยว่า ..."มันมีบุญจริงๆ นะ"

    หมอพูดไปก็มองน้อยพลแก้งค์ที่กำลังใช้ทิชชูเก็บอึกลูกนกไป โดยพูดต่อไปว่า "บริวารมันเยอะ"




    กะทิเธอเริ่มจะนอกประเด็นไปเรื่อยๆ แล้วนะคะ ขอเข้าประเด็นล่ะค่ะ




    ประเด็นก็คือ เมื่อวานนี้หมอสุวิมีพิธีที่บ้าน ดังนั้นโต๊ะหมู่บูชาที่บ้านท่านจึงอลังการมาก และพวกเราก็มาร่วมบุญตามคำเชิญของท่าน ในตอนเช้า และพอหลัง 9 โมงเช้าไปแล้ว พอหมอสุวิกล่าวคำถวายฯ อธิษฐานเสร็จ ก็ยังไม่ได้เก็บโต๊ะ ลาข้าวของใดๆ เพราะเหล่าพลแก๊งค์จะทยอยกันมาอีกช่วงบ่าย


    ในขณะที่ว่างรออยู่นั้น หมอก็เอาเจ้าตัวน้อยมากเกาะที่นิ้ว แล้วพูดว่า


    หมอสุวิ : เจ้านี่มันมีบุญนะ


    กะทิ : ยังไงคะ?


    หมสุวิ : มันได้อนุโมทนา สาธุกับเราด้วยแล้วหนะสิ


    กะทิ : ??? (ในใจคิดว่า >>> รู้สึกหมอท่าจะเป็นเอามากแฮะ (= ="))


    หมอสุวิ : เวลาเราทำบุญ บุญที่ได้ก็เปรียบเท่ากับน้ำ ให้นึกว่าเป็นภาพของน้ำ แล้วลองวัดดูซิ ว่าเจ้าตัวนี้มันอนุโมทนาสาธุกับเราในวันนี้แล้ว มันจะได้บุญไปเท่าไหร่แล้ว (หมอพูดไปก็ยิ้มไป หมอยังได้แนะให้วัดดูโดยใช้หน่วยอาชวิน ดังที่อาจาย์สามตาเป็นผู้คิดวิธีเรียกหน่วยวัดเอาไว้ และใช้ชื่อ 1 หน่วยวัดว่า อาชวิน ซึ่งเป็นชื่อของท่าน เพื่อให้เกียรติท่านไว้)


    กะทิ : ( คิดในใจ >>> เอาก็เอา บ้าไปกับแก ฆ่าเวลาสักหน่อย (==@))


    แต่ทว่า กะทิวัดเท่าไหร่ๆ บุญก็สูงท่วมเจ้าตัวนกเป็นเท่าทวีไม่สิ้นสุดสักที


    จาก 10 หน่วย เท่ากับความสูงของ 1 ตัวนก กะทิเธอก็ต้องเปลี่ยนหน่วยวัดใหม่เป็น


    100 หน่วย เท่ากับความสูงของ 1 ตัวนก บุญก็ยังสูงท่วมตัวนกไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด จนกะทิเริ่มจะเมื่อยนับ


    ไม่ไหวจะนับแล้ว กะทิเธอก็เลยลองเปลี่ยนหน่วยวัดใหม่อีกครั้งเป็น 1,000 หน่วย เท่ากับความสูงของ 1 ตัวนก



    และแล้วในที่สุดก็สำมะเร็จสักที หลังจากที่เพ่งจิตนับมาหลายรอบ จนคอเริ่มแหงนจนเมื่อย(ในมิติ) กะทิจึงตอบหมอสุวิไปว่า



    กะทิ : 2,000 หน่วย มั้งหมอ ข้าเจ้าเมื่อยแล้ว ครั้งนี้ ไม่เข้าเป้าก็ไม่นับแล้ว เหนื่อย


    หมอสุวิ : เออออ...ใกล้เคียง เกือบถูกแล้ว ประมาณ 1,000 กว่าๆ นั่นแหละ เกือบๆ 2,000



    กะทิเธอเอามาเขียนเล่าให้คุณผู้อ่านได้รรับทราบ ก็เพราะอยากให้ผู้อ่านได้ข้อคิดตระหนักว่า เวลาเห็นผู้ใดทำบุญ หรือบอกบุญก็ขอให้อย่าได้อยู่เฉย แม้เราในขณะนั้น จะไม่สะดวกทำบุญ เช่น เห็นผู้อื่นใส่บาตร/ถวายสังฆฑาน ฯลฯ แต่ในขณะนั้น เราอยู่ในสถารณ์ที่ไม่สะดวก (ทำธุระอื่นอยู่ ต้องรีบ) หรือไม่สะดวกเตรียมปัจจัย แม้เพียงเราทราบว่าเขาทำบุญกัน เราก็เพียงเอ่ยในจิตของเราว่า "สาธุ" เพียงแค่นี้ เราจะได้รับบุญร่วมด้วยมากขนาดไหน?



    นิทานที่กะทิเธอเล่าให้ฟังนี้ แม้เจ้าตัวน้อยยังเป็นเพียงแค่นก ก็ยังไม่บุญขนาดนี้ แล้วเราเป็นคน เป็นมนุษย์ล่ะ จะไม่ได้บุญอย่างไรได้รึ?


    หมอสุวิยังทบท้ายในหัวข้อประเด็นที่กะทิเธอนับบุญที่เจ้าตัวน้อยได้รับ โดยกล่าวทิ้งท้ายเรื่องที่เราพูดคุยประเด็นนี้ไว้ว่า


    "ชาตินี้มันเป็นนก ชาติหน้ามันคงพ้นจากการเกิดเป็นนกแล้วล่ะ"



    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิกับองค์สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา มีสมาธิ วิริยะในการฝึกสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา และบุญฤทธิ์ ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงวิญญาณ และขอบุญนี้จงเป็นกุศลผลบุญคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงที่คิดและทำสิ่งใดที่ไม่ประสงค์ดีกับข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2015
  18. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ คุณ kaka krit สาธุค่ะ
     
  19. kainpd

    kainpd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +73
    ได้ร่วมทำบุญด้วยค่ะ เมื่อวาน 100 บาท
     
  20. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ คุณ kainpd สาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...