เล่าขานตำนานสยาม ตอน ตำนานปู่เยอ ย่าเยอ ต้นกำเนิดชาวลาวพวน

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 26 ตุลาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เล่าขานตำนานสยาม ตอน ตำนานปู่เยอ ย่าเยอ ต้นกำเนิดชาวลาวพวน
    [​IMG]
    ตามตำนานเกี่ยวกับปู่เยอย่าเยอนี้ได้กล่าวว่า นานมาแล้ว ณ เมืองแถน ได้มีเครือเขากาดยักษ์เครือหนึ่ง ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ปกคลุมลงมาบนพื้นดินทำให้บดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทั้งหมด ทำให้บ้านเมืองมืดมิด มืดมัวและหนาวเย็น ประชาชนเดือดร้อน ทำมาหากินไม่ได้ พระยาขุนบูลม ผู้เป็นเจ้าเมือง ได้เรียกเหล่ามหาเสนาอำมาตย์มาปรึกษาหารือกันว่า จะทำอย่างไรดี จึงจะตัดเครือเขากาดยักษ์นี้ลงมาได้ จึงให้ทหารป่าวประกาศให้รางวัลแก่ผู้ที่สามารถตัดเครือเขากาดยักษ์นี้ลงได้ ได้มีผู้อาสาเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่มีใครสามารถที่จัดตัดเครือเขากาดยักษ์นี้ให้ขาดลงมาได้
    ต่อมาได้มีสองเฒ่าผัวเมีย ชื่อว่า ปู่เยอและย่าเยอ ได้เข้ามาขออาสาไปตัดเครือเขากาดยักษ์นั้น พระยาขุนบูลม จึงถามว่าหากสามารถตัดเครือเขากาดยักษ์ได้แล้ว ต้องการสิ่งของรางวัลอะไรบ้าง เฒ่าทั้งสองตอบว่าไม่ขอรับของรางวัล ทั้งสิ้น ขอแต่เพียงว่า ถ้าหากทั้งสองคนได้ตายไปแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนอย่าลืมชื่อของพวกเขาทั้งสองคนและขอให้ทุกคนเคารพสักการบูชาด้วย พระยาขุนบูลมก็รับปากเฒ่าทั้งสองก็มุ่งหน้าถือขวานขนาดใหญ่เดินทางไปยังโคนต้นเครือเขากาดยักษ์ทันที และลงมือตัดทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลา 3 เดือนกับอีก 3 วัน ก็สามารถตัดเครือเขากาดยักษ์นั้นลงมาได้ แต่เครือเขากาดยักษ์นั้นใหญ่มาก เมื่อขาดแล้วจึงได้ล้มลงมาทับเฒ่าทั้งสองตายในทันที ความมืดมิดก็หายไป แสงสว่างก็กับมาสู่ผืนแผ่นดินอีกครั้ง ไพร่ฟ้าประชาชนก็ทำมาหากินได้ตามปกติ พระยาขุนบูลมพร้อมด้วยไพร่ฟ้าประชาชน ก็ได้นับถือสักการปู่เยอ ย่าเยอ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของปู่เยอและย่าเยอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชนชาติลาวพวน ก็ได้ทำรูปสัญลักษณ์แทนตัวของผู้เฒ่าทั้งสองไว้ให้เป็นที่สักการะ นับถือ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ลูกหลานชาวลาวได้มีการแต่งเป็นโขนเล่าเรื่องราวของปู่เยอย่าเยอนี้ ซึ่งจะมีการแสดงตามพิธีงานบุญต่าง ๆ เช่น ในงานบุญปีใหม่ งานบุญธาตุหลวง การสรงน้ำพระบาง และงานพิธีต่าง ๆ โดยจะให้มีพิธีการกราบไหว้ สักการะและถวายเครื่องทานแก่ปู่เยอย่าเยอ ตามพิธีต่าง ๆ ที่จัดขึ้นตามฮีตคองประเพณี ในโอกาสต่างๆนี้จะมีการแต่งกายเป็นรูปของปู่เยอย่าเยอออกมาฟ้อนรำ สร้างความสนุกสนานและเพื่อเป็นการเพิ่มความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่ลูกหลานด้วยากการที่ให้มีการเคารพสักการะปู่เยอย่าเยอจากเรื่องที่เล่ามาข้างต้น คนลาวจึงเพิ่มคำห้อยท้ายว่าเยอๆ ในคำพูดของตนเสมอ เช่น ในคำว่า ไปเยอ เมือเยอ มาเยอ ทั้งได้ทำโขนหรือรูปสัญลักษณ์ของทั้งสองไว้ให้สักการะ นับถือสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านผู้นี้เป็นผู้รักษาเทวดาหลวงปีหนึ่งมีสองครั้งในโอกาสบุญปีใหม่ บุญธาตุหลวง ท่านจะเรียกเอาโขนปู่เยอ ย่าเยอ และสิงห์แก้วสิงห์คำ ออกจากหีบเพื่อเข้าร่วมพิธีต่างๆ ทุกๆ ปี ก่อนจะเริ่มพิธีฉลองปีใหม่ ได้เอาโขนปู่เยอ ย่าเยอ ออกจากหีบที่เก็บรักษาไว้ อยู่ที่หอเทวดาหลวงในบริเวณวัดอาฮาม เพื่อนำมาไหว้และถวายเครื่องทาน ปู่เยอย่าเยอจะเข้าร่วมทุกๆ พิธีที่จัดขึ้นตามฮีตคองประเพณี ในระยะบุญปีใหม่ โดยเฉพาะในการแห่หว่อ รดสรงพระบาง ในโอกาสนี้ ปู่เยอ ย่าเยอ จะออกมาฟ้อน เพื่อความสมบูรณ์พูนสุขของประชาชน พิธีแห่ปู่เยอ ย่าเยอ และสิงแก้ว สิงคำ ไปตักน้ำในริมน้ำคานเพื่อเอาไป รดสงพระบาง น้ำที่เอามาจากน้ำคาน จะบรรจุไว้ในไหดิน ซึ่งจะให้เยาวชนแบกไปเพื่อไปสรงพระบาง ปู่เยอ ย่าเยอ จะลงไปตักน้ำคาน เพื่อไปสงพระบาง พร้อมขบวนแห่ ในพิธีนี้จะเอาน้ำใส่ไหดินให้เยาวชนแบก ได้ทำพิธีที่ริมน้ำคาน นำดอกไม้ ธูป เทียน บูชา กล่าวสูตรคำขวัญ เป็นประจำทุกปี พิธีจะทำในตอนเย็นก่อนวันที่จะมีการแห่หว่อ สิงห์แก้วสิงห์คำ เป็นสิงห์โตน้อยตัวหนึ่ง ที่ปู่เยอย่าเยอเอามาเลี้ยงและถือเป็นลูกนี้หมายความว่า มนุษย์พวกเราสามารถคุ้มครองบรรดาสัตว์และธรรมชาติ เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ เมื่อแห่หว่อหรือนางสังขาร เข้าพิธีสูตรขวัญ แต่งอาหาร บอกกล่าว คอบ ให้ปู่เยอ ย่าเยอ สิงห์แก้ว สิงห์คำ เตรียมพิธี ลงมาจากกุฏิ ฝึกซ้อมท่าเต้นตามจังหวะกลอง แล้วไปกราบไหว้ธาตุเข็ด ธาตุคำ ที่อยู่ด้านหน้าพุทธสีมา ก่อนออกเดินไปถึงวัดเชียงทอง ทำพิธีไหว้จุดธูปเทียนบูชาก่อนที่กำแพงวัดสุวรรณคีรีตรงทางเข้าวัดเชียงทองและบริเวณด้านข้างวัดเชียงทอง โดยมีขบวนของปู่เยอย่าเยอ เป็นนางหว่อน้อยเดินนำขบวน หนุ่มและสาวถือต้นหมากเบงแต่งกายเสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบน แม่หญิงนุ่งชุดลาวสวยงามตามด้วยขบวนทหารซึ่งกระผม ณัฏฐพล ตันมิ่ง ได้แต่งชุดทหารสีน้ำเงิน แดง ใส่หมวกสีแดง เข้าร่วมเดินขบวนปู่เยอย่าเยอด้วย ในบุญปีใหม่ แห่หว่อ นางสังขาร จากนั้นก็มีทหารแต่งชุดเขียวแดง แบกกลอง ตีกลองตามจังหวะหลังจากเลี้ยงปู่เยอย่าเยอแล้ว เทวดาหลวงทั้งสองและสิงห์แก้วสิงห์คำ จะลุกขึ้นมาฟ้อน ที่บริเวณวัดเชียงทอง ท่ามกลางเสียงฆ้อง เสียงกลอง เพื่อความอุดม มั่งมี ของประชาชน มีผู้คนวิ่งมาขอดึงป่านขนของปู่เยอย่าเยอ ไปเป็นของค้ำของคูน แต่ว่าดึงไม่ค่อยขาดเพราะป่านเหนียว เวลาเดินในขบวนนั้น ปู่เยอย่าเยอและสิงห์แก้วสิงห์คำนั้นจะถอดรองเท้าเดินด้วยเท้าเปล่าตลอด อากาศร้อน ถนนก็ร้อน ฉะนั้นจึงมีการเอาน้ำมารด มักจะรดน้ำลงไปที่เท้าเสมอเพื่อไม่ให้เท้าร้อนเกินไป และเท้าก็เต้นไป ตามจังหวะกลอง ต่อเนื่องกันไปเสมอและหยอกล้อกับประชาชมผู้เข้าร่วมงาน โดยการเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วร้องเสียงดังๆ ทำให้ผู้คนตื่นตกใจ สิงห์แก้วสิงห์คำ มีสองคน จังหวะการเต้น ลุกนั่ง ตั้งสัมพันธ์กันเสมอเพราะทำให้ดูสวยงามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สิงห์แก้วสิงห์คำ บางคนก็เรียกว่า สิงห์กรับ เพราะที่ปากจะกระทบกันดังกรับ กรับอยู่เสมอ ตามจังหวะเสียงกลอง ปู่เยอย่าเยอ เล่นเมืองชวา เมืองซัว เมืองหิมพานต์มาได้ สิงห์แก้วสิงห์คำ นำมาด้วย เจ้าจ้ำ คนเล่นสืบทอดสายเชื้อกันมานานแต่ก่อนจะนำออกมาปีละ 2 ครั้ง คือบุญปีใหม่ เดือน 5 ที่หลวงพระบาง กับบุญธาตุหลวง เดือน 12 ที่เวียงจันทน์ เล่นตอนกลางคืน แต่ต่อมาเกิดปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ของปู่เยอย่าเยอหัก เลยนำเอาออกมาแสดงเฉพาะบุญปีใหม่ เดือน 5 เท่านั้น ก่อนจะนำออกมาจะต้องแต่งอาหาร ผลไม้ ให้ก่อน ทำพิธีสูตรขวัญเชิญออกมา โดยเจ้าจ้ำ นางแต่ง ผู้ที่จะร่วมแสดง ออกมาลงทำการฝึกซ้อม จังหวะดนตรี เสียงกลอง ท่าเต้น ลงมาที่อยู่ข้างล่างกุฏิ ท้าวจันทะมาน พงษ์สุวรรณ์ เป็นผู้ที่รับมรดกการเต้น แต่ก่อนเต้นเป็นลูกสิงห์แก้วสิงห์คำ ต่อมาได้เต้นเป็นพ่อ การที่จะออกมาเต้นได้นั้น ต้องมีคำสูตร ให้พร ไถ่ถอน คอบ ก่อนถึงจะแสดงได้ ส่วนที่เก็บอุปกรณ์ทั้งหมดห้อยไว้ด้วยลวดสองเส้น เส้นละข้าง ป้องกันหนูเข้าไปกัดเป็นกล่องไม้ขนาดใหญ่เก่าแก่แห้งมาก ดูที่ลวดลายและการแห้งของสีรักและเนื้อไม้ ชุดทหารสมัยเก่ามีทั้งสีน้ำเงิน แดง เขียวและหมวกทหาร
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     

แชร์หน้านี้

Loading...