เล่าขานตำนานเจ ตอน พระอมิตาภพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแห่งสุขาวดี

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 16 ตุลาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เล่าขานตำนานเจ ตอน พระอมิตาภพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแห่งสุขาวดี(ข้อมูลสมาคมเต็กก่าจีจิงเกาะ)
    [​IMG]
    พระอมิตาภพุทธะ เป็นพระธยานิพุทธะ 1 ใน 5 องค์ ประทับอยู่ทางตะวันตกของพุทธมณฑล พระกายสีแดงก่ำ เป็นต้นตระกูลของพระโพธิสัตว์ตระกูลปัทมะ หมายถึงปัญญาที่ทำให้มนุษย์รู้จักผิดชอบชั่วดี และเลือกปฏิบัติในทางที่ถูก สัญญาลักษณ์คือดอกบัว พระพุทธเจ้าในตระกูลนี้ทั่วไปใช้บัวแดง พระโพธิสัตว์ปางดุใช้บัวขาว ภาพวาดของพระองค์มักวาดให้พระหัตถ์ยาวหมายถึงความสามารถที่จะเอื้อมพาสรรพ สัตว์เข้าสู่แดนสุขาวดี มีพระชิวหายาวตระหวัดได้รอบโลกหมายถึงความสามารถในการแสดงธรรมได้ทั่วโลก ทรงนกยูงเป็นพาหนะ ท่านเป็นพระพุทธเจ้าในสุขาวดีพุทธภูมิห่างจากโลกมนุษย์ ทางทิศตะวันตกสิบล้านล้านกิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง 5 กัป จึงสำเร็จเป็นอาณาจักรหนึ่ง ชื่อ แดนสุขาวดี (เก็กลกซือไก) จุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อเป็นที่อยู่ของสัตว์โลกที่สำเร็จธรรม ขอเพียงมีปณิธานแน่วแน่จริงใจและสวดคำว่า อามีทอฝอ (แต้จิ๋ว: อามิทอฮุก) อยู่เสมอ ยามใกล้จะสิ้นใจพระอดีตพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ และพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ จะเสด็จมารับไปยังแดนสุขาวดี

    พระอมิตาภะพุทธเจ้า (ออมีท้อฮุก หรือ อามีท้อฮุดโจ๊ว) นั้นได้กล่าวไว้แล้วในเรื่องของพระธยานิพุทธเจ้าในแบบวัชรนิกาย โดยในรูปแบบนี้ถือว่าพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่ง พระธรรมกาย

    พระอมิตาภะพุทธเจ้า แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีแสงรัศมีเปล่งประภาสออกมาโดยประมาณมิได้ (無量光佛, 無邊光佛) ทรงมีอีกพระนามคือ พระอมิตายุพุทธเจ้า ที่แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีอายุขัยยาวนานไม่มีประมาณ (無量壽佛) แต่สาธุชนนิยมเอ่ยพระนามของพระองค์แบบทับศัพท์ว่า ออมีท้อฮุก (阿彌陀佛) อันหมายถึง พระอมิตาพุทธเจ้านั่นเอง ซึ่งคำว่า “อมิตา” แปลว่า มากมายเกินกว่าจะประมาณค่า เข้าใจว่าเป็นการเรียกขานพระนามของพระพุทธองค์ในความหมายทั้ง 2 คือ

    1. ทรงมีแสงรัศมีเจิดจรัสมากมายเกินกว่าที่จะประมาณได้
    2. ทรงมีอายุขัยยาวนานมากมายเกินกว่าที่จะประมาณได้

    วันคล้ายวันพุทธสมภพ ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า คือ วันที่ 17 เดือน 11
    พระสูตรของมหายานกล่าวว่า “หากผู้ใดภาวนาพระนามของพระองค์อย่างแน่วแน่ตลอดเวลา 1 วันจนถึง 7 วัน 7 คืนได้ เมื่อเวลาใกล้จะสิ้นใจพระอมิตาภะพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าพระอริยเจ้า ก็จะเสด็จมารับดวงวิญญาณของผู้นั้นไปเกิดยังดินแดนสุขาวดีอันสุขารมณ์” อันแดนสุขาวดี (極樂世界) นี้ เป็นชื่อเฉพาะของพุทธเกษตร หรือ ดินแดน เฉพาะของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกเรานี่เองในคัมภีร์มหาสุขาวดีวยุหสูตร กล่าวว่า ครั้นหนึ่งเมื่อหลายอสงไขยกัลป์มาแล้ว มีพระภิกษุรุ)หนึ่งนามว่า “ธรรมการะ” ได้ฟังพระธรรมเทศนาเฉพาะพระพักตร์พระโลเกศวร แล้วเกิดความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะขอเกิดเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง จึงได้กราบทูลให้พระองค์ทรงแสดงหลักธรรมอันจะนำไปสู่การเป็นสัมมาสัมพุทธ เจ้าผู้บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสและบริบูรณ์ด้วยธรรมอันประเสริฐ พระตถาคตเจ้าทรงใช้เวลาแสดงธรรมสั่งสอนพระภิกษุธรรมการอยู่เป็นเวลานานหลาย ปี หลังจากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พระภิกษุธรรมการะ เริ่มลงมือปฏิบัติธรรมและเพ่งสมาธิไป ณ ดินแดนสุขาวดี ซึ่งเป็นพุทธเกษตรแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อไป ในอนาคตถึง 5 กัลป์

    ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าทำไม ดินแดนสุขาวดีพุทธเกษตร ของพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นจึงเป็นดินแดนที่ชาวพุทธนิกายมหายานให้ความสำคัญ มาก และใฝ่ฝันอยากไปเกิดที่นั่น เพราะ เป็นที่สถิตของพระอมิตาภะพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ที่จะลงมาตรัสรู้เป็นพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตนั่นเอง

    ในพระสูตรกล่าวว่า แดนสุขาวดีเป็นสถานที่สวยงามวิจิตรที่สุดยิ่งกว่าแห่งใดๆ ทั้งทศทิศ ผู้ที่ได้มาอุบัติยังพุทธเกษตรแห่งนี้จะเป็นผู้ปราศจากทุกข์ภัยทั้งปวง จะได้ฟังธรรมเทศนาจากพระอมิตาภะและพระมหาโพธิสัตว์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด จนดวงวิญญาณของเขาผู้นั้นได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วกลับมาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์อื่นๆ ต่อไป

    การจะได้ไปเกิดยังแดนสุขาวดีนั้นก็ไม่ยาก เพียงแต่ระลึกถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่เสมอ โดยการสวดพระนามของพระองค์โดยสม่ำเสมอ ว่า “นำ มอ ออ มี ท้อ ฮุก” (南無阿彌陀佛) และเพียรบำเพ็ญกุศลผลกรรมความดีงามทั้งปวง กตัญญูรู้คุณ ฯลฯ พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานมุ่งไปเกิดยังพุทธเกษตรของพระองค์ด้วย ความตั้งมั่นอันนี้ จะทำให้ได้ไปอุบัติยังแดนสุขาวดี ได้เสวยความสุขารมณ์ที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นพรหมโลก และแดนสุขาวดีนั้นก็มีความวิจิตรงดงามยิ่งกว่าที่ประทับของเหล่าเทวดาเสียอีก คุณสมบัติของแดนพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั้น ผู้ที่มีจิตมุ่งมั่นไปอุบัติ หากแม้นได้หมั่นเพียรบำเพ็ญจนได้ไปอุบัติสมปรารถนาแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่ไม่ต้องหวนกลับมาสู่ภพภูมิเบื้องต่ำอีกซึ่งต่างกับการไปเกิดบนสวรรค์ชั้นกามภูมิ หรือ พรหมภูมิชั้นต่างๆ ที่หากสิ้นบุญเมื่อใดก็จะต้องหวนกลับมาสู่ภูมิเบื้องต่ำ เช่น มาเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เป็นเดรัจฉานบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นสัตว์นรกบ้าง ตามแรงกรรมเฉพาะตน พระปฏิมา หรือ ภาพวาดของพระองค์จะประดิษฐานอยู่เบื้องขวาของพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะทรงมีปัทมบัลลังก์ (ที่ใส่ดอกบัว) อยู่บนพระหัตถ์ที่ประสานกันในท่าสมาธิ บางแห่งจะทรงแบพระหัตถ์ขวาออกมาเบื้องหน้าแสดงกิริยารับดวงวิญญาณของสรรพ สัตว์ที่ประกอบบุญกุศล พร้อมกับระลึกถึงพระองค์เพื่อมาอุบัติ ณ ยังแดนสุขาวดี
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     

แชร์หน้านี้

Loading...