เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 เมษายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,820
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,820
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปี ๕ (ปีมะโรง) ถือว่าเป็นวันเสาร์ ๕ ตรีวัน ที่มีความแรงความขลังเป็นที่สุด

    เนื่องเพราะว่าโดยปกติวันเสาร์ ๕ ตามหลักไสยศาสตร์ ก็ถือว่าเป็นวันแรงสุด ๆ อยู่แล้ว ถ้าหากว่าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ก็แรงขึ้นไปอีกเท่าตัวหนึ่ง เขาเรียกกันว่ากระทิงวัน แต่ถ้าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีที่ ๕ (ปีมะโรง) ก็เท่ากับแรงคูณสาม เรียกว่า วันเสาร์ ๕ ตรีวัน ซึ่งวันนี้แทบทุกวัดที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะจัดสร้างวัตถุมงคลด้วยกันทั้งนั้น

    ความจริงแล้วทางวัดท่าขนุนก็สร้างเพียงเหรียญเสริมปัญญา และเหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวันเท่านั้น แต่ด้วยความที่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้น เป็นคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ให้การอุปถัมภ์ทางโรงเรียนเอาไว้มาก ถ้าหากว่าท่านไปถึง อาจจะเห็นอาคารเรียนพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ห้องประชุมพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ซึ่งโดยปกติแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่นิยมในการขึ้นชื่อของตัวเองติดไว้ที่โน่นที่นี่ แม้กระทั่งในวัดท่าขนุน ทุกท่านก็จะเห็นว่า ต่อให้เจ้าภาพบริจาคมาจำนวนมากเท่าไร ก็ไม่ติดป้ายให้ เหตุเพราะกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นเรื่องรกเสียเปล่า ๆ

    โดยเฉพาะเจ้าภาพหลายรายที่บริจาคเป็นจำนวนมาก คนเห็นแทนที่จะโมทนา กลับท้อถอย คิดว่าเราไม่มีปัญญาที่จะบริจาคมากมายเหมือนเขา แล้วอาจจะไปวัดอื่น หรือว่าไปสถานที่อื่นไปเลย

    ดังนั้น..ทางวัดท่าขนุนของเรา ไม่ว่าจะบริจาคมาก บริจาคน้อย ก็ถือว่าเป็นเจ้าภาพร่วมกัน โดยเฉพาะถ้าหากว่าญาติโยมร่วมกันทำบุญมาเล็ก ๆ น้อย ๆ กระผม/อาตมภาพจะดีใจมาก เพราะเท่ากับว่าได้ทำบุญร่วมกันหลายท่าน แต่ถ้ามีเจ้าภาพใหญ่ ก็จะทำบุญไปแค่คนเดียว คนอื่นไม่มีส่วนร่วมด้วย เป็นต้น

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาจะสร้างหอพักสำหรับนักเรียนหญิงเพิ่มขึ้น เพราะว่าหอพักเก่าเริ่มแออัดยัดเยียดมากแล้ว จากตอนแรกที่มีนักเรียนหญิง อาศัยหอพักอยู่ประมาณ ๔๐ คน ตอนนี้เพิ่มขึ้นไปเกือบ ๑๐๐ คนแล้ว ด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุประการแรกก็คือ เป็นบรรดานักเรียนบ้านไกล ที่ไม่สามารถจะไปกลับบ้านได้ ภายในเวลาเลิกเรียนจนกระทั่งถึงค่ำ ประการต่อไปก็คือ ทางบ้านรับภาระลูกหลายคน ถ้าหากว่าทางโรงเรียนรับภาระแทน ก็เท่ากับลดปากท้องในบ้านลงไปส่วนหนึ่ง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,820
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ทางโรงเรียนมีพร้อมทั้งน้ำ ทั้งไฟ โดยเฉพาะคลื่นอินเตอร์เน็ตที่จำเป็นต่อการใช้ค้นคว้าทำการบ้าน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเห็นรุ่นพี่ ๆ พักแล้วมีประโยชน์มาก และโดยเฉพาะในเรื่องของการเรียนสะดวกกว่ามาก รุ่นหลัง ๆ จึงนิยมพักหอพักในโรงเรียนมากขึ้น แม้ว่าจะมีระเบียบเข้มงวดอย่างไร ก็สะดวกสบายกว่าที่บ้านตนเอง ตอนนี้จึงพักกันอยู่เป็นร้อย..! จนทำให้แออัดยัดเยียดมาก

    กระผม/อาตมภาพเข้าไปดูที่พัก เห็นว่าห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง วางที่นอนไว้ถึง ๑๑ ที่ด้วยกัน มีช่องว่างอยู่แค่ประตูที่เราเปิดแล้วเดินเข้าห้องไปนิดเดียวเท่านั้น นอกนั้นทุกตารางนิ้ว โดนที่นอนเบียดแน่นไปหมด ประมาณว่า "หัวก่ายท้ายเกย" ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนั้น ใครเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นโรคติดเชื้อสักคนหนึ่ง เพื่อนที่เหลือก็คงจะไม่รอดทั้งห้อง..!

    ดังนั้น..ท่านผอ.เจิด (นายศิลป์พิสุทธิ์ พันชะวะนัด) ผู้อำนวยการโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา จึงคิดที่จะสร้างหอพักนักเรียนหญิงเพิ่มเติม มาปรึกษากระผม/อาตมภาพว่า ต้องการจะทำเหรียญหลวงปู่สาย ในวาระครบรอบ ๕๐ ปี โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาสักชุดหนึ่ง ขออนุญาตนำมาเข้าพิธีวันเสาร์ ๕ ตรีวันนี้ด้วย กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ถ้าหากว่าการก่อสร้างไปครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วมีปัญหาขึ้นมา ตนเองก็ต้องควักกระเป๋าให้กับทางโรงเรียนอยู่ดี ในเมื่อทางโรงเรียนจะจัดหาทุนด้วยตนเอง ก็ยินดีให้นำมาเข้าพิธีด้วยกัน

    ดังนั้น..การปลุกเสกในวันนี้จึงมีเหรียญเสริมปัญญา เหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวัน ของวัดท่าขนุน และเหรียญหลวงปู่สาย หลังยันต์เกราะเพชร รุ่นครบรอบ ๕๐ ปี โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา แล้วก็มีบรรดาลูกประคำอีก ๓ สาย พร้อมกับสายคาดเอวตะกรุด ๑๐๘ อีกหลายเส้นด้วยกัน ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองนำไปเข้าพิธี เพราะว่ามีผู้ถวายมาให้เป็นภาระ ก็ตั้งใจอยู่เหมือนกันว่าจะนำออกให้บูชาในเว็บไซต์วัดท่าขนุนเร็ว ๆ นี้

    ส่วนในขณะที่ทำการบวงสรวงพุทธาภิเษกนั้น เห็นรัศมีของพระพุ่งลงมาเป็นลำใหญ่ ครอบทั่วทั้งบริเวณมณฑลพิธี โดยเฉพาะตรงบริเวณกองวัตถุมงคล ลักษณะเหมือนเสาทองคำขนาดมหึมา แพรวพราวสวยงามมากเป็นพิเศษ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,820
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    ครั้นสงสัยว่าไม่เคยเห็นในลักษณะนี้มาก่อน พระท่านก็อธิบายให้ทราบว่า เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพสร้างเหรียญเสริมปัญญา เพื่อช่วยในด้านการภาวนา เพิ่มความจำแก่ผู้นำไปใช้ สร้างเหรียญเสาร์ ๕ ตรีวัน เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ จากภาวะสงครามที่เกิดขึ้น แล้วในขณะเดียวกัน ในภาวะที่เศรษฐกิจค่อนข้างจะฝืดเช่นนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องมีเรื่องของลาภผลด้วย เมื่อเอาหลายเรื่องมารวมกัน กระแสจึงออกมาอย่างที่เห็น

    กระผม/อาตมภาพดูแล้วก็สบายใจ โดยเฉพาะในด้านการป้องกัน เพราะว่าลำแสงที่ลงมานั้น หนาแน่นประหนึ่งเกราะทองคำ ที่จะป้องกันอันตรายจากอาวุธทุกประเภทได้


    แต่ว่าที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ มีบรรดาญาติโยมหลายต่อหลายท่านด้วยกันไม่รู้ว่าเวลานั้นเป็นเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะขอบารมีพระสงเคราะห์เราเป็นการเฉพาะ จึงมัวแต่ไปถ่ายรูปบ้าง ไปไลฟ์สดบ้าง ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์แค่การค้าขายวัตถุมงคลให้แก่ลูกค้าตัวเองแล้ว อย่างอื่นก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะว่าถ้าเราไม่ได้เปิดใจรับ บารมีของพระก็ไม่สามารถที่จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อเราได้

    กระผม/อาตมภาพตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ในตอนนั้นยังเป็นฆราวาส วิ่งรับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ โดยเฉพาะที่บ้านสายลม เมื่อถึงเวลาถวายการรับใช้อยู่ข้าง ๆ คอยเก็บซองปัจจัย เก็บเครื่องสังฆทานและมอบวัตถุมงคลให้แก่ผู้ทำบุญ
    เมื่อมีบุคคลสอบถามปัญหาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ กระผม/อาตมภาพกลับรู้คำตอบก่อนทุกครั้ง แล้วเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านตอบปัญหาของโยมท่านนั้น ๆ ออกไป ก็ตรงกับที่กระผม/อาตมภาพรู้ทุกอย่าง

    ด้วยความเฉลียวใจ จึงตั้งจิตดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เห็นว่า
    ถึงเวลาบารมีพระท่านแผ่ลงมาสงเคราะห์ คำตอบที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มา เมื่อรัศมีของพระครอบคลุมมาถึงกระผม/อาตมภาพด้วย จึงทำให้กระผม/อาตมภาพรู้คำตอบนั้นไปในเวลาเดียวกัน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,820
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ถวายการรับใช้อยู่ใกล้เคียงหลวงพ่อท่าน กระผม/อาตมภาพก็จะกราบขอบารมีพระที่ท่านสงเคราะห์ ครอบคลุมตัวเองลงมา สิ่งหนึ่งประการใดที่พระองค์ท่านจะเมตตา ขอน้อมรับเอาไว้ทั้งหมด ได้ซักซ้อมแบบนี้อยู่ประมาณ ๓ ปี จนมีความคล่องตัวเป็นอย่างมาก รู้ว่าอารมณ์ไหนที่พระท่านสงเคราะห์ อารมณ์ไหนที่เป็นปกติธรรมชาติของตน เนื่องเพราะว่าเวลาที่พระ หรือว่าพรหมเทวดา หรือว่าครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์นั้น เราจะแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรแตกต่างไปจากปกติ ยกเว้นว่าจะตั้งใจสังเกตเอาเอง

    ไม่ใช่บุคคลทั่ว ๆ ไปที่โดนบังคับในลักษณะการ "เข้าทรง" ถ้าลักษณะอย่างนั้น เขาจะต้องเบียดจิตของเราให้หลุดออกจากร่างไปก่อน แล้วก็เข้าไปบังคับร่างนั้นแทน ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนั้น ก็จะออกอาการประหลาด ๆ ให้คนอื่นเขาเห็น แต่ว่าสิ่งที่พระ หรือว่าพรหม หรือว่าเทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์มา ในแบบที่กระผม/อาตมภาพรับช่วงต่อมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ให้เห็นทั้งสิ้น

    สมัยก่อนที่อยู่กับท่านเจ้าคุณหลวงตา (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) เจ้าคุณหลวงตาในสมัยนั้นท่านใช้คำว่า "ไม่รู้ว่าใครจับปากให้พูด" แต่กระผม/อาตมภาพรู้ชัดเจนว่าเป็นใคร เพียงแต่ว่าไม่ใช่หน้าที่จะไปเฉลย ว่าตอนนี้ใครเป็นผู้ที่เมตตาสงเคราะห์ให้

    ดังนั้น..เมื่อเห็นญาติโยมทั้งหลาย
    ไม่ได้ตั้งใจที่จะรับบารมีพระที่สงเคราะห์ลงมา ซึ่งถ้าเราอธิษฐานเป็นแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องพกวัตถุมงคลก็ได้ เพราะว่าเท่ากับพระท่านเสกตัวของเราไปด้วย

    แต่ว่าญาติโยมส่วนหนึ่งก็มัวแต่ห่วงในเรื่องของการทำมาหากิน จองวัตถุมงคลเอาไว้เป็นจำนวนมาก อยากจะให้บรรดาลูกค้าที่บูชาต่อจากตนไปเชื่อถือ ก็มัวแต่ไลฟ์สดบ้าง มัวแต่ถ่ายรูปบ้าง สภาพจิตไม่ได้เปิดรับคุณงามความดีใด ๆ ที่พระท่านเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ลงมาเลย จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แย่เสียยิ่งกว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" ประมาณว่าอยู่ใกล้กับโคตรเพชรเม็ดมหึมา แต่ดันไปเลือกเอาแค่กรวดหินดินทรายธรรมดาเท่านั้น..!

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพเองเห็นแล้ว สงสารก็สงสาร ในขณะเดียวกัน จะสมน้ำหน้าก็ใช่ที่ ซึ่งบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ได้พลาดในส่วนที่ไม่ควรจะพลาดเลย เป็นต้น

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...