รวมกระทู้ของคนขี้เหงา

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 27 กรกฎาคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ตรง ๆ เลยนะคะ เจ้าของกระทู้หมดปัญญาแล้วค่ะ กับการหาแฟน

    ตอนเนี้ยไม่คิดว่าจะหาแฟนได้แล้ว หมดสิ้นทุกหนทางละค่ะ หาไมไ่ด้แน่ๆ
    วัน ๆ ไม่ได้เจอใคร ทำงานส่วนตัวอยู่กับบ้าน (เรารับจ้างทำรายงาน
    การบ้านให้นักศึกษาป.ตรี-โท) ไม่ค่อยได้เข้าสังคม
    เพื่อนๆ ก็แต่งงานมีครอบครัวไปหมดละ
    เหงามากมาย แล้วก็ฟุ้งซ่านมาก เวลาที่เห็นน้อง ๆ มีแฟน สวีทกัน
    น้ำตาซึม ทำไมชีวิตชั้นมันอนาถขนาดนี้ ทำไมฟ. แฟนมันถึงหายากนัก

    เอาล่ะ...แฟน ถ้าหาไม่ได้ ก็จะไม่หาแล้ว

    ตอนนี้คิดจะหาแต่เพื่อนละค่ะ แบบที่ไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ดูหนัง
    และ...นอนด้วยกันได้ ถ้าคุณไม่รังเกียจเรา ไม่มีข้อผูกมัดอะไรทั้งนั้นค่ะ
    เพราะจริง ๆ เราก็แอบมีโลกส่วนตัวสูง บางอารมณ์ก็ชอบอยู่คนเดียว
    ไม่ชอบให้มีใครมาจุกจิก ง้องแง้ง ไร้สาระ ส่งไลน์หาทั้งวัน มันน่ารำคาญ

    สิ่งทีเราต้องการจากคุณ ก็แค่...
    มาเจอกันเมื่อเหงา และมีความต้องการที่ตรงกัน
    เราต่างมีอิสระต่อกัน เราเข้าใจว่าผู้ชายรักอิสระ
    ไม่ชอบให้ผู้หญิงผูกมัด เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เรายินดีค่ะ ขอแค่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้เราแค่นั้นพอ
    เราจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณทั้งนั้น ไม่หึงหวง ไม่ตามรังควาน ไม่ยุ่งกับเงินของคุณด้วย
    ต่างคนต่างออก ก็เพื่อนกันนี่คะ ต้องแฟร์อยู่แล้ว
    การคบหากัน จะเป็นเหมือนเพื่อนที่แลกเปลี่ยนความสุขมอบให้กันและกันในบางเวลาเท่านั้นค่ะ

    สนใจมะคะ...ความสัมพันธ์รูปแบบนี้

    เราสูง 160 กว่าๆ ผิวขาวเหลือง รูปร่างสมส่วน หุ่นนาฬิกาทราย แต่หน้าอกไม่ใหญ่
    หน้าตา เราว่าเราไม่ใช่คนขี้เหร่นะ
    เวลาที่แต่งหน้า มีคนมองเหลียวหันหลัง มีหลายคนบอกว่าสวย ทั้งชายและหญิง
    เราได้ยินแบบนี้เสมอ เราอายุ 30 กว่าๆ..

    คุณผู้ชายที่อายุอยู่ระหว่าง 36-46 ปี
    ถ้าคุณมีสมบัติตามนี้ ทักหลังไมค์มาได้เลยค่ะ
    นี่ืคือคุณลักษณะของเพื่อนแบบที่เราต้องการ

    1. สูง 175+
    2. ไม่อ้วน ไม่ลงพุง และไม่ผอมเหมือนขี้ยาขาดสารอาหาร
    3. เราชอบคนไทยเชื่อสายจีนค่ะ ถ้าแก้มมีเลือดฝาดชมพูจะน่าสนใจมาก
    4. จบป.ตรี ขึ้นไปก็จะดี เราชอบคุยแนววิชาการนิดหน่อยนะ ไม่ค่อยชอบไร้สาระมุ้งมิ้ง
    หวานแหววเท่าไหร่



    ถ้าคุณมีคุณสมบัติเบื้องต้นดังกล่าวมานี้ หากต้องการเพื่อนผู้หญิงที่คบกันแบบไม่มีสถานะ
    ไม่ใช่แฟน แต่ลึกซึ้งกว่าคำว่าเพื่อนธรรมดา ทักมาได้ค่ะ
    จะไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ต่างฝ่ายต่างมีอิสระต่อกัน
    มาเจอกันเมื่อมีความเหงาและมีความต้องการ ไปเที่ยว ไปดูหนัง กินข้าว หรือมากกว่านั้น
    ถ้าคุณไม่รังเกียจเรา เราต้องการแค่นี้ึค่ะ
    เราไม่ได้แรงนะคะ แค่บอกให้รับทราบชัดเจนแค่นั้นว่าเราต้องการแบบนี้
    แค่หาคนที่ต้องการตรงกันค่ะ
    จะมีมั๊ยหนอ???

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    รายงานความคืบหน้าหน่อยนะคะ
    ตอนนี้มีการแชร์ออกไป เกิน 2.2K (ฮอตไปซะแล้ว 555...)
    มีหลังไมค์ทะลักทลาย เจ้าของกระทู้ทำงานอยู่ ไม่สามารถอ่านได้ทันนะคะ
    สำหรับการตามอ่านและตอบ ต้องขอบอกนะคะ อาจช้าและอาจไม่ทั่วถึง
    บางคนมองโดยรวมเบื้องต้น คุณสมบัติไม่ผ่าน ขออนุญาตข้ามเลยนะคะ
    บางคนแนะนำตัวสั้นเกิน ไม่น่าสนใจ ไม่มีประเด็นให้ชวนติดตาต้องใจ ก็ขอผ่านเลย
    บอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ ถ้าเงียบ คือ คุณไม่ตรงตามที่เราต้องการ

    ถ้าจะหลังไมค์มา กรุณาบอก
    1. อายุ
    2. ส่วนสูง
    3. น้ำหนัก
    4. มีเชื้อสายจีนรึเปล่า เพราะเราชอบคนมีเชื้อจีน แก้มออกชมพูนิด ๆ ค่ะ
    5. ระดับการศึกษา ป.ตรี หรือโท
    6. ขอดูรูปด้วยค่ะ

    ถึงเจ้าของกระทู้จะต้องการคบหากันแบบไม่มีสถานะ friend with benefit
    แต่ก็ต้องการคบแค่คนเดียวและหนึ่งเดียวค่ะ จะมีแค่คนเดียวเท่านั้น
    สำหรับการค้นหาครั้งนี้ เจ้าของกระทู้
    ไม่ชอบคุยหลายคน สมองสับสนค่ะ เพราะงานที่ทำก็ปวดหัวพอสมควร
    ไม่อยากคุยมากมายหลายคน เวียนหัว อย่างที่บอกไป เราโลกส่วนตัวสูง
    ต้องการพื่นที่ส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครมาจุกจิกมาก จึงต้องการคนที่ดูแล้วคลิก
    แล้วใช่แค่คนเดียว เน้นคนที่ดูแล้วโอเคสำหรับเราที่สุด








    ตอนนี้ยังรับสมัครอยู่นะคะ หลังไมค์เข้ามาได้
    จะปิดรับสมัครวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ เวลา 23.59 น.
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เคยประชดและทำคล้ายๆอย่างนี้ แต่ปัจจุบันโอเคกับงานมากๆ สนุกมีอะไรใหม่ๆตลอด อยากให้มีคนเข้าไปเตือน แบ้วไม่รุ้จะพูดยังไงให้คิดได้ =_=
     
  4. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
  5. VisionPower

    VisionPower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,168
    ค่าพลัง:
    +485
    มาหาผิดที่แล้วครับ
     
  6. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อยากได้ผู้ชายง่ายๆต้องทำงานกลางคืน อยากเขียนวิธีหาผัวให้จัง

    1.สะอาด ห้ามมีกลิ่นปาก กลิ่นเต่า กลิ่นหอย กลิ่นเท้า
    2.หน้าเกลี้ยง ไม่เป็นสิว ดูแลผิวพรรณเสมอ
    3.พูดจาเพราะๆ อารมณ์ดีเสมอ มีทัศนคติในเชิงบวก
    4.ใช้เหตุผล รุ้จักนิ่ง สงบ มีสติ
    5.ออกสังคมบ่อยๆ เปลี่ยนมาทำงานที่ได้เจอคนเยอะๆ
    6.รุ้จักบริหารเสน่ห์ในการวางตัว ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม บุคลิก การพูดการกระทำ ความคิด

    ***มีใครจะช่วยเสริมอะไรมั้ย จะไปโพสให้เทออ่าน
     
  7. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไปเขียนความคิดเห็นเสร็จปุ๊บกระทู้ปลิวปั๊บ=_=
     
  8. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อย่าทำอย่างนี้เลยค่ะไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน เศร้าแปป-_-
     
  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ผมดึงดูดคู่รักคู่ชีวิตมาได้อย่างไร

    ถ้าใครเคยสงสัยว่า คนไทยหน้าตาตี๋ๆอย่างผม สามารถมีแฟนฝรั่งสวยๆได้อย่างไร วันนี้จะเล่าให้ฟังครับ
    มันเป็นเรื่องอัศจรรย์พอสมควร

    เหตุที่อยู่ดีๆ มีแรงบันดาลใจเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะตอนนี้อยู่อเมริกา ป่วยนั่งดูทีวีมีหนังเรื่อง 50 First Dates โผล่มา ก็เลยดูเล่นๆ

    นางเอกชื่อดัง Drew Barrymore ก็แสดงได้ดี และน่ารักมาก

    เห็น Drew ในหนังทีไร ไม่ว่าจะเป็น The Wedding Singer, Cinderella, Charlie’s Angel ก็นึกขอบคุณ “กฎแห่งแรงดึงดูด”

    เพราะเพื่อนฝรั่งชอบบอกว่า แมรี่หวานใจผม หน้าเหมือน Drew


    Mary%2BDrew.jpg

    (ผมโพสต์รูปนี้ไว้ใน facebook ถ้าสนใจดูคอมเม้นต์ คลิ้กที่

    )


    ผู้อ่านเห็นด้วยว่าคล้ายหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้มีที่มาที่ไป

    เป็นเรื่องอัศจรรย์ของ “กฎแห่งแรงดึงดูด”

    (สำหรับท่านที่ไม่คุ้นกับ Law of Attraction ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือ “30วิธีเอาชนะโชคชะตา” ข้อใหญ่ใจความคือ คุณจะดึงดูดสิ่งที่ตรงกับความคิดส่วนใหญ่ของคุณ)


    ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ผมได้เห็นผลของการควบคุมความคิดตนเอง และได้ลองใช้กับหลายเรื่องของชีวิต มาเกือบยี่สิบปี

    ไม่ว่าจะเป็นการตามความฝัน การสอบเข้ามหาวิทยาลัย การหาคู่ครองที่ถูกต้อง การได้งานที่ถูกต้อง ฯลฯ

    สิ่งอัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับชีวิตมากมาย ชีวิตก้าวหน้าเร็วขึ้น เพราะรู้ถึง“The Secret” อันนี้


    โอเค จะเข้าเรื่องแล้วครับ


    ตอนปี 1998 ผมเริ่มท้อกับการหาคู่ที่ถูกใจไม่ได้

    นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า หน้าตาของคู่ชีวิตเราควรจะเป็นอย่างไร

    เคยทำลิสต์ไว้เหมือนกัน ว่าภรรยาในอนาคตควรจะมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง (3 หน้าเต็มๆ เคยคุยไว้ในหนังสือ “ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้”)

    วันนั้น ผมนั่งเครื่องบินไปทำงานต่างรัฐ

    บนเครื่องบิน เขาฉายหนังเรื่อง The Wedding Singer ซึ่งเป็นหนังที่ดังมากในอเมริกา

    นางเอกเป็นดาราที่ดังมาตั้งแต่เด็ก เช่น จากหนังเรื่อง E.T.

    drew-barrymore.jpg

    แต่ผมเพิ่งเห็นนางเอกคนนี้เป็นครั้งแรกจากหนังเรื่อง The Wedding Singer

    เห็นแล้วก็ดูเหมือนถูกชะตาบางอย่าง

    ก็เลยคิดเล่นๆว่า

    อือ ถ้าจะมีแฟนฝรั่งสักคน หน้าตาแบบนี้น่าจะใกล้เคียงที่สุด

    ถ้าเป็นฝรั่งที่มีบุคลิกคล้ายกับตัวละครในหนังเรื่องนั้น ก็จะทำให้ชีวิตผมยิ่งมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก

    บุคลิกที่ว่า คือ

    สดใสร่าเริง มีชีวิตชีวา หน้าตาหวาน ไม่แข็งเหมือนฝรั่งหลายคน

    ที่สำคัญ ยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย คุยด้วยสนุก และที่สำคัญ ฉลาด


    แน่นอน ผมไม่ได้คิดว่า จะพยายามไปจีบ Drew Barrymore

    (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พออ่านประวัติแล้ว แม่สาวคนนี้ก็ไม่เบาเหมือนกัน

    เคยเละเทะมาก ช่วงวัยรุ่น คล้ายดาราฮอลลีวู้ดที่ดังมากๆ หลายคน เคยติดยาเสพติด และก่อเรื่องฉาวโฉ่พอสมควร)

    แต่แค่คิดสนุกๆว่า

    หน้าตาและบุคลิกน่าจะเป็นสไตล์ประมาณแบบนี้

    เสร็จแล้วก็ลืมมันไป


    ปีต่อมา 1999 ก็ได้ถูกแนะนำให้พบกับสาวฝรั่งคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนที่แนะนำให้เหตุผลที่ต้องการให้รู้จักว่า

    เธอเป็นนักดนตรีมืออาชีพเหมือนผม

    และพูดภาษาไทยได้ เพราะเพิ่งกลับมาจากการเป็นมิชชันนารี่ที่เมืองไทย

    ตอนนั้นผมมีตำแหน่งเป็น Associate Conductor ของ Utah Symphony ในเมือง Salt Lake City ของอเมริกา

    ตอนแรกก็ไม่ปิ๊งอะไรมากมายนัก

    ตัดสินใจไม่เดทเลยด้วยซ้ำ

    แต่ก็ให้ตั๋วฟรีกับเธอ ไปดูคอนเสิร์ตของผม


    (รูปข้างล่าง คือคอนเสิร์ตหนึ่งที่แมรี่ไปดู ปีนั้นผมแสดงกว่า 60 คอนเสิร์ตทั่วรัฐ Utah กับวงนี้)



    MVC-003X.jpg




    ปรากฎว่า ปีต่อมา ผมก็ได้หมั้นกับเธอซะแล้ว (รวบรัดตัดความเยอะพอสมควร เพราะเรื่องยาว ตอนจีบกัน ไว้ว่างๆค่อยเล่าให้ฟังครับ)

    ก็เลยเอาลิสต์คุณสมบัติภรรยาออกมาดู

    ปรากฎว่า ตรงทุกข้อ

    โดยเฉพาะสองข้อที่สำคัญที่สุด

    เธอต้องรักผม และผมต้องรักเธอ (หายากนะ กว่าแค่สองข้อนี้จะสำเร็จผล)

    สำหรับคนที่อยากอ่านเรื่องนี้เพิ่ม คงต้องตามไปอ่านที่หนังสือ “ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้”

    เพราะผมไม่ชอบเขียนอะไรซ้ำๆ


    ประเด็นที่ท่านผู้อ่านนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการดึงดูดสิ่งที่ต้องการ รวมทั้งคู่ครองเหมาะ ก็คือ

    1. ความคิดคุณดึงดูด จนวันนี้ ผมยังสงสัยแกมทึ่ง ว่าเป็นไปได้หรือเปล่าที่กฎแรงดึงดูดทำงานดีมากซะจน ดึงดูดคนหน้าเหมือน Drew Barrymore ที่ผมคิดเล่นๆ เข้ามาในชีวิต
    2. ไม่มีอะไร ที่เป็นไปไม่ได้ ก่อนที่คุณจะได้อะไรเข้ามาในชีวิตคุณ สิ่งแรกที่ต้องเกิดก็คือ ในใจคุณต้องคิดว่า มันเป็นไปได้สำหรับคุณ ส่วนใหญ่เราจะคิดว่า คนที่จะได้แฟนสวยๆหน้าตาเหมือนดารา ต้องหล่อหรือสวยมาก เป็นดาราด้วย หรือต้องดัง ต้องรวย หรืออะไรสักอย่าง
    คุณอาจเป็นเหมือนผม คือ ผ่านชีวิตวัยเรียนมาด้วยการนั่งมองคนอื่นได้ของดีๆ (เช่น แฟนสวยๆ ความสำเร็จที่น่าทึ่ง เด่นดัง เป็นผู้นำ ฯลฯ) โดยมองไม่เห็นทางเลยว่า ตนเองจะได้แบบเขาบ้างได้อย่างไร

    ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการคิดว่า มันเป็นไปได้สำหรับคุณ สิ่งที่จำเป็นเพื่อจะสร้างให้มันเป็นไปได้ จะถูกเปิดเผยให้คุณเอง ผมการันตี

    1. อย่าเครียด ทำให้มันเป็นเรื่องสนุก ทัศนคติที่ถูกต้องคือ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่เสียใจเพราะเท่าเดิม แต่ได้ก็เป็นโบนัส
    สำคัญที่สุด อย่าเครียดแบบ ฉันต้องเอาให้ได้

    ผมสังเกตว่า สิ่งดีๆต่างๆที่ผมคิดแล้ว ดันดึงดูดเข้ามาในชีวิตจริงๆ มีลักษณะเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เวลาคิดถึงมันแล้วเรามีความรู้สึกดีๆ สนุก ตื่นเต้น ไม่เครียด

    ถ้าสิ่งไหนที่คุณอยากได้ แต่คิดถึงมันแต่ละครั้งแล้วรู้สึกเครียด กดดัน กลัวว่าจะไม่เกิด นั่นเป็นสัญญาณว่า มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ สิ่งดีๆจะไม่ได้ถูกดึงดูดเข้ามาด้วยความรู้สึกทางลบ (ความกลัวหรือความเครียด)

    1. พัฒนาตนเองเสมอ ยิ่งเรามีคุณค่ามากเท่าไร เราก็จะดึงดูดคนที่มีคุณภาพเข้ามาหาเรามากเท่านั้น และที่สำคัญ สนุกกับการพัฒนาตนเอง ยิ่งคุณสนุกเท่าไรคุณยิ่งอยากทำเพิ่มมากเท่านั้น
    2. เปิดใจว่า สิ่งที่ดีกว่าที่คิด จะมาถึงเราได้ บางครั้งเราอยากได้สิ่งที่ต้องการซะจน สิ่งที่ดีกว่าเข้ามา ก็มองไม่เห็น สำหรับผม เกือบพลาดแมรี่ไปซะแล้ว มองไม่เห็นว่า สวรรค์กำลังส่งคนที่ดีกว่าในลิสต์ของผมซะอีกมาให้ นอกจากแมรี่จะมีครบทุกอย่างในลิสต์แล้ว ยังมี “เกิน”ในสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงและไม่ได้ใส่เข้าไปในลิสต์ (แต่ได้แล้วดี) เช่น พูดภาษาไทยได้ เข้าใจวัฒนธรรมไทย จิตใจงดงาม(หาฝรั่งแบบนี้ยาก) ฉลาด (เคยได้ทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยStanford) หน้าเหมือนดาราฝรั่งแต่นิสัยไม่เหมือน (คนที่มาจากครอบครัวที่มีอันจะกินพอสมควร แล้วสมัครใจมาทำงานฟรีช่วยคนยากจนในประเทศโลกที่สาม อันนี้ไม่ธรรมดา อีกอย่าง เป็นคนของศาสนา ฉะนั้นเรื่องเหลวไหลอบายมุขไม่มี ดูลักษณะแล้ว บุคลิกแบบผมไม่น่าจะเข้าได้กับดารา–และเขาก็คงทนผมไม่ได้ด้วย J)

    ผมคิดว่า คู่ครองเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของความสำเร็จในชีวิต คุณภาพของคนที่เราได้มาร่วมชีวิตด้วย และคุณภาพของความสัมพันธ์ของเรากับคนๆนั้น จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพชีวิตเราทีเดียว

    และเป็นความภูมิใจ และความสำเร็จอย่างหนึ่งของเรา ในการที่ได้คนที่มีคุณภาพมาเป็นคู่ชีวิต

    ฉะนั้น อย่ายอมรับ (settle for) คู่ครองที่ไม่ได้ทำให้หัวใจคุณเต้นแรง ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น

    คำแนะนำทั้งห้าข้อข้างบนนี้ ใช้ได้กับความฝันของคุณหลายๆอย่าง ไม่ใช่เรื่องคู่ครองอย่างเดียว

    ฉะนั้น...

    Keep Dreaming และ ฟังเสียงหัวใจตนเอง


    Posted by bunditu at Wednesday, December 29, 2010

    http://bunditinspire.blogspot.com/2010/12/blog-post.html
     
  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
     
  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สวัสดีครับ พี่บัณฑิต

    ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่พี่ได้เขียนหนังสือต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ ให้คนไทยได้อ่าน โดยถ่ายทอดวิธีคิดจากประสบการณ์ของพี่

    ผมอ่านหนังสือของพี่อยู่หลายรอบ ผมเห็นจริงกับที่พี่บอก และได้ทดลองปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อสงสัย

    "แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัยครับ คือ เรื่องกฎแรงดึงดูดระหว่างคนสองคน ที่พี่นำมาใช้ในการหาคนรัก"

    "ผมไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไรในกฎข้อนี้"

    แต่ก็ได้ทดลองดูครับ โดยเริ่มเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

    ผมคิดว่าผมสนใจเพื่อนของผมคนหนึ่ง แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก เพียงแต่เราเรียนรุ่นเดียวกัน แล้วตอนนี้ทุกคนก็ทำงานกันหมดแล้ว จะเจอกันบ้างตามงานแต่งงานของพื่อนๆ

    "ก่อนนอนผมจะพยายามคิดถึงเธอ และส่งความรู้สึกดีๆ ไปให้"

    ไม่น่าเชื่อครับว่าหลังจากนั้น ต่อมาเราได้มีโอกาสเจอกันมากขึ้น ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ยังไปเป็นกลุ่มเหมือนเดิม

    จากกลุ่มใหญ่ๆ ก็ค่อยๆ กลายเป็นกลุ่มเล็กลง ประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เราเริ่มได้ออนไลน์คุยกัน และโทรศัพท์คุยกัน

    ผมเริ่มมั่นใจว่า ผมชอบเพื่อนคนนี้ เนื่องจากตอนนี้ผมคิดถึงเธอจนนอนไม่หลับ เมื่อวานนี้ผมจึงได้บอกความรู้สึกกับเธอไป แต่ปรากฏว่าเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนผม เธอรู้สึกแค่เพื่อน

    ทีแรกผมเข้าใจว่าการที่เราคิดถึงใครสักคน และรู้สึกดีๆ กับเขา เขาก็คงคิดถึงเราและรู้สึกเช่นเดียวกับเรา เพราะมันเป็นกฎแรงดึงดูด

    "แต่ตอนนี้ผมไม่เข้าใจกฎนี้อย่างแท้จริงเลย"

    ผมคิดว่ากฎแรงดึงดูด ทำให้เธอใกล้เข้ามาในชีวิตผมจริงๆ แต่กฎแรงดึงดูดไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนผม

    รบกวนพี่ช่วยสละเวลาอธิบายเรื่องกฎแรงดึงดูดระหว่างคนสองคนอย่างละเอียดด้วยครับ

    สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่มากครับ ที่สละเวลามาตอบจดหมายในหนังสือพิมพ์มติชนให้กับพี่น้องคนไทย ขอบคุณที่พี่ไม่ลืมบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง

    "ผมจะติดตามอ่านงานของพี่ และเป็นกำลังใจให้พี่ตลอดไปครับ"

    มาสเตอร์ออฟไซน์

    ตอบ

    ก่อนอื่นผมขอขอบคุณมากครับที่ให้การสนับสนุนหนังสือผมและดีใจมากที่หนังสือเป็นประโยชน์สำหรับน้องไม่มากก็น้อย

    ต้องเกริ่นให้ผู้อ่านทั่วไปทราบก่อน ว่า "กฎแรงดึงดูด" ที่น้องพูดถึง อยู่ในข้อคิดที่ 28 ""วิธีเลือกคู่ครองให้ถูก"" จากหนังสือ "ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้"

    ข้อคิดนี้ได้รับการตอบรับจากผู้อ่าน และคนทั่วไปอย่างมากมาย

    ทั้งในรายการทีวีต่างๆ ที่ผมเชิญผมไปออก ก็ได้ให้ความสนใจในข้อนี้เป็นพิเศษ

    บางคนคิดว่าไม่น่าเชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้

    บางคนแอบให้คนมาถามน้องชายผมว่า "คุณบัณฑิตทำอย่างที่เขียนจริงหรือ" (เขียนบรรยายคุณสมบัติภรรยา ก่อนหน้าที่จะได้เจอตัวจริง)

    ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าคงจะต้องมีการอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อนี้

    จากบทความที่ผมเขียนไปแล้วในหนังสือ เพราะยังมีคนเข้าใจผิดอยู่มากในวิธีการใช้กฎแห่งแรงดึงดูด เป็นวิธีหนึ่งในการหาคู่ครอง

    (หรือในการดึงดูดสิ่งใดๆ ก็ตามให้เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าแบบที่ต้องการ หรือโอกาสที่ก้าวหน้าที่เหมาะสม)

    ""อย่างแรก"" พยายาม "อย่าจำเพาะเจาะจง" คนใดคนหนึ่ง

    สังเกตไหมครับว่าสิ่งที่ผมเขียนลงไปสามหน้า และคิดถึงอยู่เสมอ เป็น "คุณสมบัติ" ของคนที่ผมอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตด้วย ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ที่ตอนนั้นเรากำลังชอบ

    เหตุผลก็คือว่า เรามีความจำกัดในเรื่องความรู้ (ในโลกนี้มีคนตั้งกี่พันล้านคน คุณมีความจำกัดที่ว่าคุณไม่สามารถ และไม่มีเวลามารู้จักคนได้หมดทุกคน เพื่อที่จะเลือกได้ว่าคนไหนเหมาะกับเราที่สุด ในจำนวนหลายพันล้านคนนั้น)

    "แต่" ใครละที่จะรู้

    แม่ ครู พ่อ พี่ชาย เพื่อน อาจารย์?

    คำตอบคือ ไม่ใช่สักคน

    เพราะว่าทุกคนเป็นมนุษย์ ก็มีความรู้จำกัดเหมือนกันหมด

    คำตอบก็คือ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่" หนึ่งเดียวในโลกนี้ ซึ่งแต่ละศาสนา ก็ให้ชื่อต่างกัน แต่ก็เป็นสิ่งเดียวกัน

    มีชื่อต่างๆ กันว่า " The Universal Mind" (จิตของจักรวาล), "Infinite Intelligence, God" (พระเจ้า) หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ (เรื่อง "สิ่งศักดิ์สิทธิอันยิ่งใหญ่" สิ่งนี้ เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายกันยาว อาจต้องเขียนเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งเลย แต่รู้ไว้ตอนนี้แค่ว่า ไม่เกี่ยวกับศาสนาใดโดยเฉพาะทั้งสิ้น)

    เพราะฉะนั้น จะเป็นการผิดอย่างมาก ถ้าเราจะไปบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รู้ทุกอย่าง ว่าผมต้องการสิ่งนี้ หรือคนนี้แหละ

    เพราะด้วยความรู้จำกัดของเรา เราไม่รู้ว่าคนนี้ดีที่สุดสำหรับเราหรือเปล่า

    เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ คิดถึงมากๆ และอธิษฐานใน "คุณสมบัติ" ที่คุณต้องการในคู่ครอง

    แต่อย่า "เอาหน้ามาแปะ" ในตัวคนๆ นั้น

    เพราะเราจะจำกัดตัวเองโดยเปล่าประโยชน์ และอาจทำให้ต้องเสียใจ (อกหัก) โดยไม่จำเป็น

    ทำใจให้สบายๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่จะหาคนที่เหมาะสมมาให้อย่างถูกต้องที่สุด

    เมื่อคนที่ถูกต้อง ถูกนำเข้ามาในชีวิตคุณ ทุกอย่างจะลงเอยอย่างราบรื่น

    ""อย่างที่สอง"" คุณต้องรู้ว่าจิตใจลึกๆ จริงๆ คุณต้องการคนมีคุณสมบัติแบบไหน ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก ถ้าคุณไม่ทำข้อนี้ ข้อแรกก็ไม่เกิด

    การเขียนลงไป ช่วยได้มาก เขียนให้ละเอียด

    ""อย่างที่สาม"" รู้ว่ากฎแห่งแรงดึงดูดนี้เป็นกฎตายตัวของโลก สิ่งใดก็ตามที่คุณคิดถึงเสมอ และเชื่อมั่น จะถูกดึงดูดเข้าหาคุณ

    ""อย่างที่สี่"" "Let Go" ปล่อย และวางใจ อย่าวิตกกังวลมาก ข้อนี้สำคัญมาก เพราะคนที่วิตกกังวล จะตัดสินใจไม่ถูกต้อง คิดไม่ทั่ว

    ""อย่างที่ห้า"" ลงมือทำ ตามการนำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ (ในศาสนาของคุณเอง) หรือพระเจ้า ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "Follow your Intuition" ตั้งใจฟัง เสียงจากภายใน

    เสียงนั้นอาจจะนำให้คุณไปที่ๆ หนึ่ง เพื่อที่คุณจะได้ไปพบคนๆ หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นคู่ครองในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม การตั้งใจฟังเสียงจากภายใน เป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ

    วาทยกร หรือคอนดักเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก อย่าง สุบิน เมธา ก็เล่าถึงการฟังการนำจากภายใน ซึ่งทำให้เขาอยู่ในที่ที่ถูกต้อง ในเวลาที่ถูกต้อง (ภาษาอังกฤษ เรียกว่า "Be in the right place at the right time")

    ทำให้เขาได้โอกาสในการก้าวหน้าในอาชีพของเขาอย่างรวดเร็วอย่างไม่มีคอนดักเตอร์อื่นๆ ในโลกเทียบติด

    ตอนเขาอายุ 31 เขาลงหน้าปกหนังสือไทม์ แมกกาซีน ว่าเป็นวาทยกรรุ่นใหม่ที่สำคัญที่สุดของโลก

    แน่นอน เขาเก่ง แต่คนเก่งเหมือนเขาก็มีอยู่มากมายในโลกนี้

    แต่เขาเล่าให้ฟังว่า เขาจะคอยฟังเสียงภายในอยู่เสมอ ทำให้เขาได้โอกาสก่อนหน้าคอนดักเตอร์คู่แข่ง

    "เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้เป็นอย่างมาก"

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17769
     
  12. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    กฎเนื้อคู่ rule of similarity
    เนื้อคู่มีจริงไหม? ทำไมคู่รักหลายคู่จึงหน้าตาคล้ายกัน?
    เรารักเขาตรงไหนกันแน่? ทำไมเราถึงรักเขา...ไม่รักคนอื่น?
    birds of a feather flock together
    นกที่มีขนเหมือนกันย่อมรวมกลุ่มกัน
    สำนวนภาษาอังกฤษข้างต้นสรุปแนวคิดเกี่ยวกับบทความนี้ไว้แล้วค่ะ
    แปลเป็นสำนวนไทยก็คือ ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไร... อุ๊ย! ไม่ใช่ละ
    แปลว่า "กาย่อมเข้าฝูงกา หงส์ย่อมเข้าฝูงหงส์" จะดีกว่าเนอะ

    เอาล่ะ พอพูดถึงคำว่า "เนื้อคู่" ก็ดูจะมีความหมายไปในทางความเชื่อศาสนายังไงไม่รู้แฮะ
    แต่จริงๆ แล้วในทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะทางจิตวิทยาก็มีคำอธิบายเหมือนกันนะคะ

    หลายท่านคงพอจะรู้จัก "กฎแห่งแรงดึงดูด" (law of attraction) อันโด่งดังมาบ้างแล้ว
    ซึ่งใจความของกฎที่ว่านี้ก็คือ หากใจคิดและเชื่ออย่างไรก็ย่อมดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาหาเรา
    เช่น คิดว่าสำเร็จก็จะสำเร็จ คิดว่าจะล้มเหลวก็จะล้มเหลว เกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้น เป็นต้น
    ที่จริงก็คล้ายกฎแห่งกรรมแหละ ส่วนรายละเอียดขอให้หาหนังสืออ่านเองนะคะ น่าสนใจทีเดียว
    แต่บทความนี้ไม่ได้จะอธิบายการรักชอบหรือการคบหาใครสักคนด้วยกฎที่ว่าหรอกนะคะ
    แม้ว่าฉันจะเชื่อในกฎนั้นอยู่บ้างเพราะได้ลองพิสูจน์เองมาแล้วหลายครั้ง (แล้วพูดทำไม?)

    มาเข้าเรื่องเลยดีกว่าค่ะ

    พอดีฉันสนใจว่าคนเรารักกันที่ตรงไหน อันเป็นคำถามเก่าแก่แต่ครั้งโบราณมากๆ แล้วก็บังเอิญไปเจอบทความเกี่ยวกับ Interpersonal attraction หรือความดึงดูดกันระหว่างบุคคล เห็นว่าน่าสนใจแล้วก็ตรงกับความคิดเห็นของฉันพอดี เลยขอเอามานำเสนอกันค่ะ
    ว่าด้วยความดึงดูดกันระหว่างบุคคล หรือพูดง่ายๆ ก็คือเราไปถูกตาต้องใจใครเพราะอะไร
    อันนี้รวมถึงเพื่อนฝูงและครอบครัวด้วยนะคะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบคู่รักเท่านั้น
    แม้จะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ความใกล้ชิดสนิทสนมแบบรักแท้แพ้ใกล้ชิดทำนองนี้
    แต่สิ่งที่ฉันสนใจมากกว่าคือ หลักความคล้ายคลึง (similarity) ที่จะนำมาอธิบายนี่แหละค่ะ
    ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะว่าหลักนี้ไม่ได้พ้องกันเฉพาะการทดลองทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
    ทว่ายังพ้องกับหลักการทางศาสนา รวมถึงพ้องกับความคิดสามัญในสังคมทั่วไปด้วย

    หลักการมีอยู่ง่ายๆ คือ "อะไรที่คล้ายกันย่อมชอบพอกันและดึงดูดเข้าหากัน"
    ไม่ว่าจะเป็นความคล้ายทางกายภาพ ความคล้ายทางความคิดจิตใจ หรือความคล้ายทางสังคม
    เหตุผลสำคัญที่เรามักชอบอะไรคล้ายกับตัวเองก็เพราะมนุษย์ต้องการยืนยันการมีอยู่ของตัวเอง
    เมื่อพบสิ่งที่คล้ายคลึงกับเรา ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่าเรามีจริงและเรามาถูกแล้วเท่านั้น

    เริ่มกันที่ความคล้ายทางด้านกายภาพ
    หมายความตั้งแต่โครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ การแสดงสีหน้าท่าทาง แววตาไปจนถึงรอยยิ้ม
    ลองสังเกตดูค่ะ คู่รักหลายคู่ บางครั้งผิวคนละสีเลยนะ แต่เอ้า...รอยยิ้มเหมือนกันเด๊ะ
    บางคู่หน้าตาคล้ายกันจนนึกว่าเป็นพี่น้องด้วยซ้ำ พอมีลูกก็บอกไม่ถูกว่าลูกหน้าตาเหมือนใคร เพราะพ่อแม่หน้าตาเหมือนกันมาก ข้อนี้งานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่ามาจากการที่คนเรามักเลียนแบบท่าทางหรือพฤติกรรมของคนรอบตัว (คนเป็นแฟนกันเลยออสโมซิสหน้าตาท่าทางเข้าหากัน ฮ่าๆ) ฉันเห็นด้วยนะคะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บางรายก็เหมือนกันตั้งแต่ยังไม่ได้พบกันเสียด้วยซ้ำไป

    ข้อสนับสนุนที่เรามักชอบคนหน้าตาคล้ายๆ กันอีกอย่างคือ ความวางใจค่ะ
    สังเกตดูว่าคนเรามักจะรักชอบหรือคบคนที่รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากเรามากนัก
    เพราะถ้าเราคบคนที่หน้าตาดีกว่าเราจะไม่วางใจ กลัวว่าเขาจะหาคนที่หน้าตาดีกว่าเรา
    แต่ถ้าเราคบคนที่หน้าตาแย่กว่า เราก็จะคลางแคลงใจว่าตัวเองสามารถหาคนที่ดูดีกว่านี้ได้
    ส่วนใหญ่จึงชอบคนที่จัดลำดับชั้นอยู่ในสนาม (league) เดียวกันหรือสนามที่สูสีกันค่ะ
    อีกอย่างคือ เพราะเราคุ้นเคยกับคนในครอบครัว เราจึงชอบใครที่คล้ายบุคคลในครอบครัว
    (แต่ชาย-หญิง DNA ต้องต่างกันมากๆ เพราะ DNA ใกล้กันจะปฏิเสธกันโดยธรรมชาติ)

    ไม่ปฏิเสธว่าคู่รักบางคู่หน้าตาไม่เท่าเทียมกันเลย หลายคนก็ชอบวิจารณ์คู่รักแบบนี้
    เช่น ทำไมผู้ชายหล่อประหนึ่งสุดยอดนายแบบแต่ผู้หญิงหน้าเหมือนผ้าขี้ริ้วเช็ดรถ
    หรือ ทำไมผู้ชายหน้าแย่ราวข้อศอกแมวแต่ผู้หญิงกลับสวยหุ่นดีอย่างกับนางฟ้า
    อันนี้ก็มีทฤษฎีเรื่องการเติมเต็มมาช่วยสนับสนุนนะคะ
    คือ หลายคนก็เบื่อสิ่งที่มีอยู่จนอยากจะหาอะไรที่แตกต่างบ้างเพื่อช่วยเติมส่วนที่ขาด
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉันก็ยังคิดว่ามันจะต้องมีอะไรที่คล้ายกันบ้างไม่อย่างนั้นคง "เข้ากันไม่ได้"

    มาถึงความคล้ายทางด้านความคิดจิตใจ ซึ่งรวมถึงลักษณะนิสัย กิจกรรม และพฤติกรรมด้วย
    หลักข้อนี้ตรงกับทางพุทธศาสนาเลยค่ะ ว่าด้วยคู่ครองเรือนที่เหมาะสมกันมักมีคุณสมบัติ

    1) ศีลเสมอกัน คือ มีความยับยั้งชั่งใจเท่าๆ กัน เช่น คนชอบดื่มสุราก็มักจะคบคนที่ดื่มเหมือนกัน คนเจ้าชู้มักอยู่กันไม่รอดกับคนรักเดียวใจเดียว คนไม่ชอบรังแกสัตว์ก็มักไม่คบคนชอบตกปลา

    2) ศรัทธาเสมอกัน คือ มีความคิดความเชื่อคล้ายกัน ไม่ว่าจะทางศาสนาหรือทางสังคมการเมือง ตัวอย่างนี้เยอะเลย เช่น คนที่ความคิดทางการเมืองอยู่คนละฝ่ายต่อให้เป็นเพื่อนยังไงก็ไม่สนิทกัน ขนาดสามีภรรยายังตีกันบ้านแตกเพราะชอบแนวคิดทางการเมืองคนละแบบ มีน้อยมากที่จะศรัทธาคนละแบบแต่ยังอยู่ร่วมกันได้ กรณีนั้นส่วนใหญ่มักเป็นคู่ที่ใจกว้างและไม่เคร่งมากด้วย

    3) ปัญญาเสมอกัน คือ มีความเฉลียวฉลาดสติปัญญาใกล้เคียงกัน มีความสามารถในการใช้ตรรกะและการพิจารณาความจริงใกล้เคียงกัน ข้อนี้ไม่ยากเลย เพราะถ้าได้ลองสนทนากับใครแล้วพบว่าเราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหรือปฏิบัติเลย เราจะแยกตัวออกมาเองโดยอัตโนมัติ

    4) จาคะเสมอกัน คือ การสละความสุขได้เท่าๆ กัน เช่น คนชอบทำบุญก็คงไปไม่ได้กับคนตระหนี่ คนชอบช่วยเหลือสังคมก็คงไม่เข้ากลุ่มกับพวกเก็บตัวแอนตี้สังคมเท่าไหร่นัก

    นอกจากนั้นยังรวมถึงทัศนคติต่อเรื่องต่างๆ รสนิยม และเป้าหมายในการดำรงชีวิตด้วย
    คนที่มีเป้าหมายคนละทิศละทางย่อมไปด้วยกันไม่ได้แน่ หรืออาจจะไปได้แต่ก็ทุลักทุเลเต็มทน
    เช่น คนหนึ่งอยากโสดส่วนคนหนึ่งอยากแต่ง ถ้าเปลี่ยนเป้าหมายไม่ได้คิดว่าจะไปกันรอดไหมคะ

    จริงๆ แล้วข้อนี้สรุปได้ง่ายมากเพราะ "คนเราย่อมรักชอบในสิ่งที่เราเข้าใจ"
    ไม่ต้องไปหาตัวอย่างที่ไหนเลยค่ะ ใครชอบคณิตศาสตร์ก็แปลว่าเขาต้องเข้าใจคณิตศาสตร์แน่ๆ
    ส่วนคนที่ไม่ถูกโรคกับฟิสิกส์ก็ย่อมรู้ดีว่าหลักฟิสิกส์ไม่เข้าสมองเลยเช่นกันแม้จะพยายามแค่ไหน
    ดังนั้น ความเข้าใจซึ่งกันและกันจึงเป็นหลักสำคัญของความรักความชอบแน่นอนค่ะ
    และเมื่อเรารักชอบอะไรเราก็มักจะอยู่กับสิ่งนั้นๆ ได้นาน อยู่ได้เรื่อยๆ ไม่ค่อยเบื่อหน่าย

    ส่วนความคล้ายกันทางสังคม นับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน หน้าที่การงาน การศึกษา ไปจนถึงระดับสังคมวัฒนธรรม อันที่จริงก็ทับซ้อนกับข้อข้างบนนะคะ เพราะการอบรมและการขัดเกลาทางสังคมมีผลอย่างมากต่อความคิด ความชอบ ความชัง นิสัย และการปฏิบัติตัว

    ข้อนี้หลายคู่ก็พังมาแล้วเพราะเข้ากับครอบครัวของแฟนไม่ได้ทั้งที่รักกันมาก บางคู่ก็ทะเลาะกันเพราะเกลียดกลุ่มเพื่อนของคนรัก ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องยอมรับค่ะว่าความสัมพันธ์ในสังคมมนุษย์นั้นซับซ้อนมากจริงๆ อาจจะมีปัจจัยหลายอย่างปะปนอยู่จึงทำให้ตัดสินลำบาก
    กล่าวถึงทฤษฎีไปแล้ว ขอยกตัวอย่างนิดนึงค่ะ ตัวอย่างก็มาจากประสบการณ์ของฉันเอง
    คุณเคยถูกชะตากับใครเพียงแรกเห็นไหมคะ ไม่ได้หมายถึงตกหลุมรักนะ แค่ถูกชะตาเฉยๆ

    ที่ว่าก็กลุ่มเพื่อนสนิทของฉันเองค่ะ แปลกมากๆ ที่พวกเรามาจากคนละทิศละทาง
    มีทั้งลูกคนโต ลูกคนเล็ก ลูกคนเดียว แต่ฉันเห็นแวบแรกก็รู้สึกเลยว่า "น่าคบ"
    แล้วพอคบหากันจริงๆ ก็ยิ่งพบว่าเรามีความคล้ายกันหลายแง่มุมจนน่าประหลาด
    ทั้งชอบเสพสื่อต่างๆ เหมือนกัน ชอบศิลปินเหมือนกัน คนในครอบครัวมีพฤติกรรมคล้ายกัน
    ทัศนคติและความเชื่ออะไรก็คล้ายกัน อาหารที่ชอบก็คล้ายกัน เป้าหมายในชีวิตก็คล้ายกัน
    เข้าใจมุกตลกโปกฮากันเป็นอย่างดี ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือเที่ยวกลางคืนเหมือนกัน
    ฉันรู้เลยค่ะว่าเพื่อนกลุ่มนี้วางใจได้เพราะเราเข้าใจกันมาก แถมยังมีชะตากรรมร่วมกัน

    กลับกัน อีกตัวอย่างค่ะ เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งฉันเห็นครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่า "ไม่น่าคบ"
    ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นค่ะ ไม่ได้เกลียดหรือรังเกียจนะคะ แต่พอเปิดใจปฏิสัมพันธ์ด้วย
    ปรากฏว่าก็ไม่น่าคบจริงๆ ด้วย เพราะฉันไม่เข้าใจการกระทำและความคิดของพวกเขาเลย
    พื้นฐานครอบครัวคนละแบบ เป้าหมายคนละเรื่อง ความชอบคนละอย่าง ทั้งที่เรียนเหมือนๆ กัน
    พูดได้คำเดียวว่า งง! หรืออะไรทำนองนี้ ซึ่งนั่นทำให้ฉันแยกตัวห่างออกมาทันทีเพราะอึดอัด

    อีกกรณี เป็นคนที่ฉันรักคนหนึ่งค่ะ
    ตอนแรกฉันรู้จักเขาอย่างผิวเผินมาก แต่อะไรดลใจให้ไปค้นหาเรื่องราวของเขาก็ไม่ทราบ
    ค้นไปค้นมากลับตกหลุมรักเฉยเลย เพราะปรากฏว่าเขาชอบอะไรหลายอย่างเหมือนกัน
    แถมความชอบนั้นยังหาได้ยากจากคนอื่นๆ หรือแม้แต่คนรอบข้างก็หาได้ยาก
    ความคิดสำคัญบางอย่างที่ฉันไม่คาดหวังจากใครว่าจะมี...แต่เขากลับมีซะงั้น
    นอกจากนั้นเขายังมีคุณสมบัติหลายอย่างเหมือนคนในครอบครัวฉันด้วย
    นั่นทำให้ฉันเทใจให้เขาไปเลยและไม่คิดว่าจะมีใครมาทดแทนเขาในจุดนี้ได้
    ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรัก เพราะฉันเข้าใจเขาได้โดยไม่ได้สนว่าเขาจะเข้าใจฉันหรือไม่

    ขณะที่อีกกรณีหนึ่ง ฉันเคยคิดว่าชอบใครคนหนึ่งค่ะ
    แต่พอรู้จักกันจริงๆ กลับมีจุดที่แตกต่างกันจนรับไม่ได้ กลบความคล้ายกันไปเลย
    แบบนี้ก็ไม่ทำให้ฉันนับเขาข้ามเส้นคนรู้จักไปเป็นคนที่ฉันรักได้

    มาถึงตรงนี้ ทีนี้ก็ลองสังเกตและหาคำตอบกันดูนะคะว่าตกลงแล้ว
    "เนื้อคู่มีจริงไหม?" เรารักเขาตรงไหน? ทำไมเราถึงรักเขา...ไม่รักคนอื่น?

    ด้วยรัก

    https://storylog.co/story/563d922d04bced6629bf02ec
     
  13. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เป็นแบ้ว แบ้วจะเขียนคุณสมบัติสัก100ข้อup
     
  14. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ฟอแฟนนั้นหายาก ต้องลำบากตั้งกระทู้
    เพราะอาการอยากมีคู่ ทำให้รู้ว่าอยู่ไหนดี

    ผมว่าผู้ชายหาแฟนผู้หญิงยากกว่าอีกนะ ใครจะเข้าใจชีวิตทาร์จัง
     
  15. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    หนุ่มสาวเอย..จงเป็นผู้มากรักกันเถอะ!
    ^@^
     
  16. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
     
  17. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    บ้องแบ้วเอามาแปะค่ะ มิใช่คนโพสต์
     
  18. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ยาย เขียน สมัครบ้างได้มั่ยคะ หลานๆ

    คริคริ
     
  19. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อโหสิ อโหสิ อโหสิ _/\_
     
  20. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขอบคุณที่อกหัก

    มันอาจเป็นวันที่แย่ ไขว่คว้าเท่าไหร่ไม่เคยสมหวัง แต่เป็นอีกหนึ่งวันดีๆที่จะทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง

    เพื่อทบทวนความฝันและเป้าหมายในชีวิต โดยไม่ผูกติดกับเรื่องความรัก

    บางสิ่งที่ไม่เคยได้ทำตอนมีคู่ วันนี้ถึงเวลาลงมือสักที บางอย่างที่อยากทำแล้วคู่ไม่เคยอนุญาติให้ทำ ก้อได้ทำสักที

    อาจเป็นการทำดั้งจมูก เสริมคาง เสริมหน้าอก อย่าคิดว่าต้องทำเพื่อคนรักฝ่ายเดียว ทั้งๆที่เป็นสิ่งเสริมบุคลิกภาพของตนเอง

    บางคนใช้ความผิดหวังเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อบางสิ่งที่ดีกว่า เช่นท้าทายลองทำสิ่งใหม่ ซึ่งอาจดูเหมือนประชดชีวิตแต่ได้ประสบการชีวิตเพิ่มขึ้นอีกมากมาย

    คนกลัวความสูง อาจไปเล่นโดด บันจี้จัมพ์

    ทุกอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตและความรักก้อเช่นกัน

    หนุ่มสาวผู้มากรัก อย่ารู้สึกผิดที่จะรีบลองรักครั้งใหม่อีกสักหน ก้อเพราะชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมานั่งเศร้า

    และอย่าลืมว่าความทุกข์ช่วยเจียระไนชีวิตเช่นเดียวกัน ไม่แพ้ความสุข
     

แชร์หน้านี้

Loading...