แม่ "น้องน้อด" แจงชุดทองธรรมกาย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ๙๙๙๙๙๙๙๙๙, 16 กรกฎาคม 2008.

  1. Jintasak

    Jintasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,920
    การทำบุญมันได้ปีติอยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจว่า คนทำบุญแล้วรู้สึกดี(ทางจิตใจ) แล้วเชื่อว่า ทำบุญกับธรรมกายดีกว่าวัดอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วทำบุญที่ไหนก็ปีติเหมือนกัน ...และแถมด้วยการตลาดที่เป็นระบบ มันก็ช่วยเพิ่มมูลค่าให้บุญของวัดนี้ดีกว่าวัดทั่วไป ...ขนาดน้ำดื่มเรายังรู้สึกว่าบางยี่ห้อดีกว่ายี่ห้ออื่นเลย

    ส่วนผู้ที่นิยมธรรมกาย ก็อาจเพราะถูกกับจริต คือชอบอะไรที่ยิ่งใหญ่ คนเราได้เป็นส่วนหนึ่งของอะไรที่ยิ่งใหญ่มันก็ทำให้รู้สึกดี (เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น) ...และยิ่งเห็นคนจำนวนมากเชื่อก็ยิ่งทำให้น่าเชื่อขึ้น

    ถ้าเอาธรรมะมาจับ ก็ดูว่า เมื่อเข้าวัดธรรมกายแล้ว
    -ใจรู้สึกโลภอยากได้บุญมากๆ หรือเปล่า
    -ใจรู้สึกอิจฉาคนอื่นที่ทำบุญได้มากกว่าเรา หรือเปล่า
    -ใจรู้สึกผูกพันกับตัวบุคคลอย่างรุนแรงหรือเปล่า ...เป็นไปในทางลุ่มหลง
    -ใจรู้สึกอึดอัด เสียหน้า เวลาถูกชักชวนให้ทำบุญแล้วเราไม่พร้อม หรือเปล่า

    อย่างไรเสีย ผู้แสวงบุญ ก็ย่อมได้บุญ ...ลัทธิศาสนาก่อนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็มีการทำบุญเช่นเดียวกัน ...การทำบุญจึงไม่ใช่แก่น ที่พระพุทธเจ้าค้นพบแต่อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2008
  2. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    คริคริ
    ทำไม ไม่ มี ใคร นำ เอา ตรง ที่ เขา ชี้ แจง รา ละ เอียด ของ พวก แหวน และ เครื่อง ประดับมา ลง บ้าง ครับ

    มี การ บอก ด้วย นะ ว่า มี สิบ นิ้ว ให้ ใส่ นิ้ว ละ สอง วง

    ผม ไม่ รู้ ว่า จริงๆ เป็น อย่าง ไร

    แต่ ที่ ได้ อ่าน ผม ว่า ไม่ เข้า ท่า ครับ

    ถ้า จริง เหมือน กับ ให้ คน งมงาย ทำบุถญแบบ ไม่รู้สิ ใช้เงินซื้อบุยได้ด้วย ดีจริง

    ถ้า ไม่ จริง ไอ่ คน ที่ จ้อง ทำ ลาย ก็ คง ทำ ได้ สำเร็จ แล้ว ล่ะ เพราะว่า ผม มอง วัดดนี้ ไม่ดี ไปเลย ครับ
     
  3. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    ขออนุโมทนากับการทำบุญและการปฏิบัติธรรม อยู่ที่จิตศรัทธาของผู้ปฏิบัติค่ะ
     
  4. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    น เว กทริยา เทวโลก วชนฺติ<o></o>
    พาลา หเว นปฺปสสนฺติ ทาน
    ธีโร จ ทาน อนุโมทมาโน
    เตเนว โส โ หติ สุขี ปรตฺถ ฯ
    พวกคนตระหนี่ไปเทวโลกไม่ได้เลย
    พวกคนพาลไม่สรรเสริญการให้ทาน
    ส่วนนักปราชญ์อนุโมทนาการให้ทาน
    เพราะเหตุนั้นแล เขาจึงได้รับสุขในปรโลก จ้ะ
    <o>
    </o>​
    ขุ.ธ. 25/23/37-39.<o></o>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2008
  5. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    เราอย่ากล่าวว่ากันเลย
    เราก็มีปัญญา เขาก็มีปัญญา
    เราก็ทำของเราไป สร้างของใครของมัน
    ต้องทำใจให้เป็นกลาง "มุโตทัย"

    แต่ยังไงทางวัดธรรมกายก็เผยแผ่ศาสนาพุทธได้ไกลถึงต่างแดน มีคนศรัทธาเข้ามานับถือศาสนาพุทธกันมากขึ้น "หลวงปู่ผมบอกว่า ท่าน(ธัมมชโย)สร้างพุทธภูมิอยู่ คนชั้นปัญญาจะมาอยู่ที่นี่มาก" แต่ผมไม่ขอกล่าวลายละเอียดต่อนะครับ เพราะว่าการสร้างบารมีใหญ่ ก็ย่อมต้องมีมารใหญ่เป็นธรรมดา ทั้งภายนอกและภายใน...

    อนุโมทนาสาธุ...
     
  6. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    ทักษิณเข้าวัดทุกวัดอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะวัดนี้
    หลวงตามหาบัว ท่านก็เป็นพระอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ของทั้งทักษิณ ชินวัตร ทั้ง สนธิ ลิ้มทองกุล

    กลับมาไทยครั้งแรก ทักษิณก็ไปกราบพระสังฆราช ที่ รพ. ก่อนจะไปพบปะพระสงฆ อีก หลาย ๆ รูป

    พระที่นี่หลายรูป จบ ดร. นะครับ หมอ เอย วิศวะ เอย มีทังนั้น แล้วก็มีอย่างเยอะด้วย ไม่ใช่ว่ามี คนจบแพทย์ แค่สิบคนยี่สิบคนมาบวชก็เอามาคุย
    คนพวกนี้ไม่โง่นะครับ

    ที่ส่วนตัวผมรู้ เศรษฐีอันดับ 10 คุณอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของ แลนด์แอนเฮาส์ อันดับที่ 13 คุณบุญชัย เบญจรงคกุล และอันดับที่ 16 คงรู้จักกันดีนะครับ ก็เข้าวัดนี้ คนระดับนี้ก็ไม่ใช่คนโง่เหมือนกัน ที่จะให้ใคร ๆ มาหลอกได้ง่าย ๆ นะครับ
     
  7. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    อยากเรียนเชิญให้ทุกท่านได้ใช้โยนิโสมนสิการ คือการพิจารณาอย่างแยบคายในหลักกาลามสูตร 10 ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อยากรู้ว่าวัดพระธรรมกายเป็นอย่างไรก็ต้องไปที่วัด ไปหลายๆครั้ง ไปพิสูจน์ให้เห็นกระพี้ ให้เห็นกิ่ง ก้าน ใบ ให้เห็นแก่นของวัดนี้ว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยมาพิจารณาถึงสิ่งที่ได้เห็นที่ผ่านมา(แต่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์) แต่สิ่งที่เราจะได้กลับไปก็คือ ถ้าวัดนี้ดีจริง เราก็ได้เจอเนื้อนาบุญที่ดี ถ้าวัดนี้ไม่ดีจริง เราก็วางเฉย เพราะถ้าเราว่าพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่ตัวเราก็ยังไม่ได้การพิสูจน์ในตัวท่าน จนรู้แจ้งเห็นจริงว่าท่านผิดเสียแล้ว บาปที่จะเกิดตามมาก็คือมหานรก และจะทำให้เราไม่สามารถบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุนะครับ

    ลองใช้หลักกาลามสูตรพิจารณากันดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2008
  8. Jintasak

    Jintasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,920
    ส่วนที่ทักษิณเข้าวัดอื่นนั้นก็มีวัดที่ไปแก้เคล็ดแก้ดวง แต่วัดที่ให้ความช่วยเหลือชัดเจนก็คือ วัดธรรมกายที่ช่วยจัดงานแก้เคล็ดให้ก่อนที่จะหมดอำนาจ ...และงานใหญ่ที่สุดารัตน์ เป็นกรรมการจัดร่วมกับพล.อ.บุญสร้าง ก็มีวัดธรรมกายเป็นแก่นหลักชัดเจน ...แม้สุดท้ายถูกเปิดโปงว่าไม่เหมาะสม จึงล้มเลิกไป

    ...เรื่องหลวงตาบัว ต้องดูเป็นช่วงเวลาไปครับ อย่างช่วงที่ทักษิณเริ่มโกงหนักๆ ทักษิณก็ไม่กล้าไปหาหลวงตาบัวอีกเลย ...คือ ท่านไม่นับเป็นลูกศิษย์อีกต่อไป

    ...ทั้งหมดผมเพียงอยากแชร์ข้อมูลอีกด้าน ให้ขบคิดครับ ...ขอย้ำว่า การทำบุญด้วยทรัพย์เป็นเพียงบุญชั้นต้นเท่านั้น เป็นเพียงเปลือกของพุทธศาสนาเท่านั้นครับ

    ...ลองคิดดูเล่นๆ ครับ พวกเศรษฐีที่มีทรัพย์มากๆ ชาติก่อนก็ต้องทำบุญมามาก ...การที่ถูกจริตกับการทำบุญกับวัดธรรมกายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ

    แต่พุทธศาสนาไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเป็นเพียงนาบุญ ให้คนสั่งสมเพื่อเกิดใหม่ เป็นเศรษฐีร่ำรวยเท่านั้น ...ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าคงไม่สละราชสมบัติออกบวชหรอกครับ

    ...แปลกไหมที่ ลูกศิษย์ของท่านกลับมาสร้างวัด(สิ่งก่อสร้างสวยงาม ใหญ่โต)ให้ท่านอีกครั้ง เพื่อให้ท่านพอใจ แล้วผู้ทำจะได้บุญมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2008
  9. infinityboon

    infinityboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +188
    จะไปต่างประเทศทำไมกันในประเทศเอาให้ดีก่อน เผยแพร่เหรอขนาดในบ้านเรา ยังทำได้ไม่หมดเลย อ้างแต่บริจาคทานทำทาน ใช้เงินมหาศาลขนาดไหนกัน ช่วยคนไทยก่อนเถอะ ถ้าวัดตัดเรื่องเงินบริจาคต่างๆไปได้ คำกล่าวต่างๆที่ว่าก็คงตกไป กำหนดบุญจากเงินทำทาน สมควรหรือไม่ล่ะ คิดดูให้ดีๆแล้วกัน ไม่ใช่เข้าวัดนี้แล้วเห็นความอลังการ การทำที่เกินขอบเขต พุทธองค์ไม่ส่งเสริมเลย ขนาดการครองจีวรที่มีค่า พระองค์ยังไม่อยากให้ครองเลย เคยมีเรื่องอยู่เรื่องนึง มีพี่กับน้อง 2 คน บวชเป็นพระพร้อมกัน และตั้งใจพร้อมกันว่าใครจะบรรลุอรหันต์ก่อนกัน แล้วก็ต่างไปศึกษาต่างกัน โดยคนพี่ไปศึกษาการนั่งสมาธิในการตัดกิเลส ส่วนคนน้องศึกษาธรรมะและเทศนาคนทั่วไป เวลาผ่านไปหลายปีจนพระพี่บบนลุอรหันต์ จึงได้ไปหาพระน้อง แต่แล้วพบว่าน้องตนไม่ได้สำเร็จอรหันต์ จนทราบว่าสาเหตุที่น้องไม่ได้สำเร็จอรหันต์ เพราะเทศเก่งคนบริจาคลาภสักการะจากการเทศมหาศาล เกิดนิวรหลงในทรัพย์สินเงินบริจาค ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ พระผู้พี่ก็ได้เทศนากลับไปยังพระน้อง ให้ตัดจากทรัพย์เหล่านั้นเสีย พระไม่สมควรไปยุ่งกับเงินหรือทานจากคนทั้งหลาย เมื่อเกิดหลงในทรัพย์เหล่านั้น จักถอนตัวได้ยาก พระตนน้องระลึกได้จึงติดตามพระพี่ เข้าธุดงค์ในป่า ฝึกสมาธิจนสำเร็จอรหันต์ตามพระพี่ในไม่ช้า คนทั่วไปก็ยังหลงในเงินต่างๆ หากพระซึ่งยังตัดไม่ขาด เพียงเพราะพูดดีแต่ยังมีกิเลสหนา ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ ขนาดหลวงพ่อเกษมที่ลำปางเอง ได้ลาภมากมายขนาดไหน ท่านเองยังไปจำวัดในกุฏิไม้เก่า จนท่านมรณภาพไป แล้วท่านก็ไม่ให้กราบท่าน เพราะท่านถือว่าตนไม่ได้ดีกว่าใครๆ และไม่อยากให้ใครสรรเสริญ พระอริยะจะคิดต่างกัน นี้แหละธรรมที่บริสุทธ์สอนผู้อื่นแล้ว ก็ต้องเป็นตัวอย่างให้เห็น ผมอยู่คนห่างกันพันกว่ากิโล พอไปที่นั้นได้ทราบเรื่องราวจากคนที่นั้น ผมยังเกิดศรัทธาเองได้ ท่านไม่ให้กราบ ถ้ามีคนถามว่ากราบทำไม ผมก็คงบอกกราบศิลและธรรมอันบริสุทธ์
     
  10. infinityboon

    infinityboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +188
    ก็ทักษิณเล่นเอาเงินทำบุญช่วยชาติหลวงตามหาบัวไปถลุงเล่นนี้ครับ ท่านคงไม่อยากรับเป็นศิษย์ มีเงินแต่ยังทำถึงขนาดนี้ประเทศชาติเกือบพัง แต่ก็เสียศูนย์ไปเลย
     
  11. tomvasa

    tomvasa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +306
    ไม่แสดงความคิดเห็นคับ แต่ขออนุโมทนาบุญในทานที่พวกท่านทำด้วยคับ
     
  12. นายองค์

    นายองค์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +23
    ทุกข์ภายนอกพัดผ่านแล้วก็แล้วไปแต่ทุกภายในตราบที่ยังไม่หมดคลื่นลมแห่งกิเลส ตราบนั้นความสงบก็ยังมิบังเกิด
     
  13. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    การทำบุญด้วยทรัพย์แม้เป็นเพียงบุญชั้นต้น เป็นเพียงเปลือกของพุทธศาสนา
    ก็ควรทำจ้ะ หาไม่แล้ว
    ทาน ศีล ภาวนา ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้
    ให้เป็นหลักปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนที่ดี
    คงไม่สมบูรณ์จ้ะ, ถ้าเหลือแต่ ศีล กับภาวนา
    <o></o>
    เปรียบเหมือนต้นไม้ที่สมบูรณ์ ย่อมมีเปลือกที่หุ้มห่อรักษากระพี้และแก่นไว้จ้ะ
    <o></o>
    ที่พระบรมโพธิสัตว์สิทธัตถะสละราชสมบัติออกบวชได้นั้น
    เพราะบารมี ๑๐ ทัศ ๓ ระดับ ของท่านเต็มบริบูรณ์แล้วจ้ะ
    ส่วนผู้ที่ยังอยู่ในระหว่างสั่งสมบุญบารมี ยังสละอย่างนั้นไม่ได้ดอกจ้ะ
    เปรียบเสมือนเรายังลอยคออยู่กลางมหาสมุทรแห่งสังสารวัฏฏ์ ไม่ควรทิ้งเรือ
    ทิ้งแพ หรือแม้ขอนไม้ ที่พอจะช่วยพยุงชีวิตเราไปให้ได้ไกลที่สุดจ้ะ
    ต่อเมื่อขึ้นฝั่งหรือเห็นฝั่งแล้วนั่นแหละจ้ะ จึงจะเป็นเวลาที่ต้องสละทุกสิ่งแม้บุญสมบัติจ้ะ
    <o></o>
    ที่ต้องเผยแผ่ไปต่างประเทศนั้น ก็เพื่อความมั่นคงของพุทธศาสนาจ้ะ
    ถ้าอยู่แต่ที่เดียว เมื่อถึงคราวเสื่อมศาสนาจะฟื้นฟูด้วยความยากลำบากจ้ะ
    ยกตัวอย่างอินเดียต้นกำเนิดพุทธศาสนา เมื่อถูกเบียดเบียนจนเสื่อมแล้ว
    แทบจะหาศาสนิกไม่ได้เลยจ้ะ แต่เมื่อได้รับการขยายออกมาที่ไทย ลังกา พม่า ลาว เขมร ฯลฯ
    พวกเราจึงสามารถนำพุทธศาสนากลับไปประดิษฐานฟื้นฟูให้มั่นคงได้อีกจ้ะ
    <o></o>
    เรื่องที่เป็นเหตุผลส่วนบุคคลไม่ขอชี้แจงนะจ๊ะ เพราะเป็นเรื่องปัจจัตตังของปัจเจกบุคคลจ้ะ
    หากต้องการทราบข้อไม่เท็จแต่จริง ต้องไปถามจากท่านเหล่านั้นเองจ้ะ

    <o></o>
    พุทธพจน์มีมาแล้วว่า<o></o>
    <o></o>
    บุคคลอย่าสำคัญว่าบาปเล็กน้อยคงจักไม่มาถึง(ให้ผล)
    แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยน้ำที่ตกลงมาทีละหยดๆ ได้ฉันใด
    คนพาล เมื่อสั่งสมบาปทีละเล็กทีละน้อย ก็เต็มด้วยบาปได้ ฉันนั้น
    <o></o>
    บุคคลอย่าสำคัญว่าบุญเล็กน้อยคงจักไม่มาถึง(ให้ผล)
    แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยน้ำที่ตกลงมาทีละหยดๆ ได้ฉันใด
    คนมีปัญญา เมื่อสั่งสมบุญแม้ทีละเล็กทีละน้อย ก็เต็มด้วยบุญได้ ฉันนั้น

    <o></o>
    ขุ.ธ. 25/19/30-32.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2008
  14. จรัล

    จรัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +405
    นักการเมืองสกปรกโสโครก เสแสร้งสร้างภาพ คิดคำนึงแต่เพียงแค่คะแนนเสียงและผลประโยชน์ตัว ที่ไหนมีคะแนนเสียงมีผลประโยชน์ไป ที่ไหนเขารู้ทันแล้วก็ไม่ไป ไม่ได้มีความจริงใจกับใครทั้งนั้นแม้แต่ตัวเอง เสียแสนหวังสิบล้าน ไม่รักตัวเองเลยปล่อยให้ความโลภโกรธหลงเข้าครอบงำจิตใจ อย่าเอาคนพวกนี้อย่าเอาคนประเภทนี้มาการันตีใครหรือวัดที่ไหนเลย มันจะกลายเป็นเรื่องฝนตกมากกว่า ดีจริงบริสุทธิ์จริงเรื่องเลวร้ายทั้งหลายคงไม่เกิด บ้านเมืองไม่ต้องวุ่นวายอย่างนี้
     
  15. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    สร้างวัดใหญ่โตแล้วทำไม ทีพระเจ้าอโศกมหาราช สร้างเจดีย์ แปดหมื่นสี่พันองค์ล่ะ ไม่เยอะกว่านี้ซักพันเท่าได้มั้ง งั้นพระเจ้าอโศกก็ ทำไม่ดีน่ะสิ ไหนจะค่าใช้จ่ายที่มหาศาล ไหนจะแรงงานที่ต้องเกณฑ์มา

    เราบูชาพระพุทธเจ้าต้องบูชาที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ พระพุทธองค์ทรงสละแล้วซึ้งทรัพยืสมบัติต่าง ๆ ไม่ยินดีในรูปรสกลิ่นเสียง งั้นเราไม่ต้องมีหรอก โต๊ะหมู่สวย ๆ งาม ๆ น่ะ มีทำไม ซุ้มพระสวย ๆ ตามที่ราชการต่าง ๆ ตามสถานศึกษา มีทำไม

    ถึงพระพุทธองค์จะไม่ยินดีในสิ่งเหล่านี้ แต่เราก็ต้องถวายสิ่งที่ดีที่ปราณีตที่สุดเพื่อเป็นพุทธบูชาครับ

    อย่าคิดว่าพระพุทธองค์ไม่ยินดีในสิ่งต่าง ๆ จะทำอะไรมักง่ายส่งเดชได้นะครับ ขอเตือน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2008
  16. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    สมัยหลวงปู่สดวัดปากน้ำ โดนหนักกว่านี้อีก หลวงปู่ท่านโดนมาต่าง ๆ นา นา
    โดนหาว่าเป้นวิชาอสูรกายบ้าง โดนชาวบ้านมาด่ามาว่าบ้าง โดนพระในวัดปากน้ำด้วยกันมาโจมตีบ้าง
    โดนแม้กระทั้งมีคนว่าจ้าง นายบุญรอดมายิงหลวงปู่ถึงในวัด แต่หลวงปู่ก้ไม่เป็นอะไรแค่จีวรขาดเป็นรู 2 รู ด้านหน้าอกกับข้างหลังเหมือนกระสุนทะลุผ่านไปเฉย ๆ

    ถึงไม่มีเรื่องบริจาค วัดนี้ก็โดนเรื่องอื่นอยู่ดี เมื่อก่อนโดนเรื่องสีกาเจ็ดคนบ้าง โดนหาว่าเป้นคอมมิวนิสต์บ้าง โดนชาวบ้านมาเผาวัด โดนชาวบ้านประท้วง โดนชาวบ้านมาทุบพระพุทธรูป โดนคอมมานโดบุกก็เคยโดนมาแล้ว

    ถ้าพวกท่านรู้จักขบวนการล้อมพุทธท่านจะเข้าใจมากกว่านี้
     
  17. Jintasak

    Jintasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,920
    เรื่องการสร้างสิ่งใหญ่โตนั้น มันไม่ตรงกับหลักสันโดษที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญและแนะนำ สาวกให้มักน้อย สำรวจอินทรีย์ ...และถ้าคุณรู้สึกว่า พระพุทธเจ้าจะพอใจในสิ่งที่ดีที่สุด สวยงามใหญ่โต ...อย่างนั้นท่านก็ยังมีกิเลสเท่าเราเสียแล้ว

    เรากำลังเอาความคิดของเรา ที่ชอบของสวยงามไปตัดสินพระพุทธเจ้าอยู่นะครับ

    เรื่องโต๊ะหมู่บูชา ซุ้มพระสวยๆ ก็เป็นการยึดถือแบบผิดๆ ไงครับ ...คือ เราเข้าใจผิดว่าการบูชา ด้วยของสวยๆ งามๆ ให้พระพุทธรูปจะได้บุญนั้น ...คือหลักเทวนิยม การเซ่นของ การสังเวยให้พระพุทธรูป หรือให้วิญญาณพระพุทธเจ้า ...พุทธศาสนา ถือหลักอเทวนิยมครับ ไม่มีผู้ดลบันดาลที่จะพอใจในสิ่งของที่บูชาหรอกครับ

    เราแค่ชอบโต๊ะหมู่บูชาที่สวยๆ จึงคิดจากมุมมองของเราว่า เทวดา ผี พระพุทธเจ้าก็คงชอบเหมือนกัน ...คุณลองไปศึกษาพุทธศาสนาในแง่ประวัติศาสตร์ จะรู้ว่า หลังพุทธกาลไม่นาน ยังไม่มีรูปเคารพ รูปปั้น พระพุทธรูปเลยด้วยซ้ำไป ...แม้แต่สัญลักษณ์ที่สลักพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ยังใช้รูปธรรมจักร(กงล้อ) แทนตัวของพระพุทธเจ้าด้วยซ้ำไป ...คือไม่ต้องการให้คนไปยึดถือหน้าตา รูปร่าง เป็นรูปเคารพ

    ส่วนเรื่องการเอาเศรษฐีมารับประกันพระ มันก็บอกแล้วว่า เราเชื่อถือพระน้อยกว่าเศรษฐี ...และเศรษฐีที่ยังโลภในยุคนี้ ถ้าเป็นแนวทำบุญแล้วรวย ก็จะตรงกับความคิดหวังของเศรษฐีส่วนใหญ่อยู่แล้ว ...คุณคิดดู เล่นหุ้นทั่วไปกำไรไม่กี่เปอร์เซนต์ แต่ของวัดนี้ ทำบุญแล้วกำไรเป็นร้อย พันเท่าของเงินลงทุน แล้วคนอยากรวยจะไม่ทำบุญหรือ (มันคุ้มกว่ากันแน่ แถมไม่มีความเสี่ยงจากการลงทุนอีกด้วย)
     
  18. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ความกว้างใหญ่ของ วัดพระเชตวัน ซึ่งพระพุทธเจ้าประทับจำพรรษานานถึง 19 พรรษา จากทั้งหมด 45 พรรษา

    โบราณสถานแห่งนี้ พระที่วัดศรีลังกา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นผู้ดูแลรักษา ซึ่งทำได้สะอาดและสวยงามมาก <!--MsgFile=2-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>พอเข้าในบริเวณวัด จะเห็นทรากสลักหักพังของกุฏิพระอรหันต์หลายหลัง เรียงรายทั้งซ้ายขวา แม้ว่าจะพยายามจดสักเท่าไร ก็ไม่ทันที่คุณไกด์ชี้และเล่า จำได้แต่เพียงไม่กี่หลัง หลังแรกจากทางเดินคือกุฏิพระราหุล <!--MsgFile=3-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>หลังนี้คือกุฏิของพระสารีบุตร <!--MsgFile=4-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ต้นโพธิต้นนี้ คือต้นที่พระอานนท์ทูลขอพระพุทธเจ้าปลูกไว้ ใกล้ซุ้มประตูวัด เพื่อให้ชาวเมืองสารวัตถี มาเคารพสักการะ เวลาที่พระพุทธเจ้า เสด็จจาริกไปที่อื่น โดยพระโมคคัลลานะ ทรงเหาะไปนำเมล็ดมาจากต้นพระศรีมหาโพธิที่พุทธคยา และให้อนาถบิณฑกะเศรษฐี เป็นผู้ปลูก จึงเรียกว่าต้นพระอานันทโพธิ <!--MsgFile=5-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>ที่พระคันธกุฏิของพระพุทธเจ้า เราพบพระสงฆ์จากส่วนอื่นของประเทศอินเดีย <!--MsgFile=6-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>เราทำวัตรเช้ากันที่นี่ และถือโอกาสทำบุญด้วยการถวายปัจจัยแด่พระสงฆ์ เลยได้รับพรที่ท่านสวดให้ อย่างไพเราะ <!--MsgFile=7-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>จากนั้น เราก็เดินต่อไปยังบ่อน้ำที่พระพุทธเจ้าใช้สรงน้ำ ตลอดเวลาที่ประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน เดิมวาดภาพว่าจะเป็นบ่อน้ำใหญ่ แต่ที่เห็นคือคันโยกน้ำ ขึ้นมาจากบ่อที่มีฝาปิด <!--MsgFile=8-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>กุฏิเล็ก ๆ ที่เห็นนี้ คุณไกด์อธิบายว่า เป็นกภฏิของพระมหากัสสปะ ซึ่งที่จริงแล้ว ควรจะเป็นกุฏิขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากท่านเป็นผู้เป็นเลิศทางธุดงควัตร จึงไม่ค่อยได้อยู่ที่กุฏิ <!--MsgFile=10-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>ต่อไปคือกุฏิของพระองคุลีมาล ผู้เป็นเลิศทางเนกขัมมะ <!--MsgFile=11-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>
    <CENTER>ภาพนี้คือกุฏิของพระสิวลี พวกเราได้ไปกราบไหว้บูชา เชื่อกันว่าจะมีโชคลาภ <!--MsgFile=12-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแก่คนทั่วไป <!--MsgFile=13-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>กุฏิสุดท้ายที่จำได้คือกุฏิของพระอุปาลี <!--MsgFile=14-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>เสาอโศก ที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่า เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ <!--MsgFile=30-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>ที่เสามีอักษรโบราณ บันทึกไว้ <!--MsgFile=31-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>กำแพงมีรูปปั้นนูน-ต่ำ เป็นรูปพระนางสิริมหามายา ทรงประทับยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งต้นสาละ <!--MsgFile=35-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>ด้านหลังอาคาร จะเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึงเชื่อกันว่าเป็นที่สรงน้ำของพระนางสิริมหามายา หลังทรงมีพระประสูติกาล <!--MsgFile=36-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>อย่าให้ชาวพุธ ที่รักพุธศาสนาเหมือนกัน ต้องมา ถกเถียงกัน ทำลายกันเองด้วยความ คิดที่แตกต่างกันเลยครับ คิดแตกต่างแต่อย่าแตกแยกครับ ทำดีได้ดี ทำชัวได้ชั่ว ใครรักในการสร้างบุญบารมีแบบไหนก็ทำตามที่ใจต้องการ ผมชื่อว่า การทำบุญด้วยตัวของเราเอง ไม่ไปเดือดร้อนใครแน่นอนครับ บุญใครทำใครก็ได้ครับ จะทำมากทำน้อยก็ได้เหมือนกันหมด</CENTER><CENTER>ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา หากทำบุญเอาหน้า ก็อาจจะน้อยกว่าคนที่ทำแค่ บาท เดียว</CENTER><CENTER>เลือกในสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะพอหาได้ ถวายผู้ทรงศีล ย่อมเกิดสุขแกใจ เราเอง</CENTER><CENTER>ของจะดี ไม่ดี จะสูงค่า หรือ ต่ำค่า ท่านก็รับหมด อยู่ที่ว่า เรา จะเลือก ทำให้ดีที่สุด ได้เพียงใด สูงค่าสำหรับเรา แต่ อาจจะต่ำค่าสำหรับผู้อื่น ยังไงของที่เราถวายก็ ยังสูงค่า สำหรับเราอยู่ดี มีค่าไม่มีค่า อยู่ที่ใจของ ผู้ที่ถวายครับ</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>ของมีค่า ไม่มีค่า ล้วนแล้วอยู่ที่การตั้งค่าราคาให้กับของด้วยมนุษย์เราเองทั้งหมด</CENTER><CENTER>สิ่งเดียวที่จะทำให้มีค่าได้ก็คือใจของเรานั้นเอง</CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></CENTER>
     
  19. Jintasak

    Jintasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,920
    ผมเพียงชวนมองต่างมุม และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ในการศึกษาพุทธศาสนาต่อไปครับ

    ผมเห็นว่าการสงสัย และทำการตรวจสอบ ไม่ถือเป็นการทำลายกันหรอกครับ เพราะพระไม่ดี วัดไม่ดี เราก็ต้องช่วยกันเปิดโปง จะได้รักษาพุทธศาสนาไว้ได้ครับ ...ทองแท้ไม่กลัวไฟครับ

    อีกอย่างหนึ่ง พระสงฆ์(สมมุติสงฆ์) หรือวัดต่างๆ ต้องได้รับการตรวจสอบ เพื่อประโยชน์ของพุทธศาสนาโดยส่วนรวมครับ

    ...ลองค้นในพระไตรปิฏกดูว่า พระพุทธเจ้าชักชวนคนให้ทำบุญมากๆ บ่อยเพียงไหน จากพระสูตรทั้งหมด ...คุณจะพบว่า น้อยมาก

    ขอยกตัวอย่างสูตรหนึ่งที่เปรียบเทียบบุญกับการปฏิบัติธรรมที่สูงขึ้นดังนี้

    เวลามสูตร
    [พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๕]


    [๒๒๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
    อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านอนาถ
    บิณฑิกคฤหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควร
    ส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีว่า ดูกรคฤหบดี
    ในตระกูลของท่าน ยังให้ทานอยู่บ้างหรือหนอ ฯ
    ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในตระกูล
    ของข้าพระองค์ยังให้ทานอยู่ แต่ท่านนั้นเป็นของเศร้าหมอง เป็นปลายข้าว มีน้ำ
    ผักดองเป็นที่สอง ฯ
    พ. ดูกรคฤหบดี คนให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทาน
    นั้นโดยไม่เคารพ ไม่ทำความนอบน้อมให้ ไม่ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่เหลือ
    ไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมให้ทาน
    ทานนั้นๆ ย่อมบังเกิดผลในตระกูลใดๆ
    ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อม
    ไม่น้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมไม่
    น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร
    ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เงี่ยหูฟัง ส่งจิตไปที่อื่นเสีย
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ทั้งนี้เป็นเพราะผลแห่งกรรมที่ตนกระทำโดยไม่เคารพ ฯ
    ดูกรคฤหบดี บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทาน
    นั้นโดยเคารพ ทำความนอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อ
    กรรมและผลของกรรมให้ทาน
    ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูล
    นั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อ
    บริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภค
    กามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส
    คนใช้ คนทำงาน ก็เชื่อฟังดี เงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิตไปที่อื่น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    ทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ ฯ


    ดูกรคฤหบดี เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้น
    ได้ให้ทานเป็นมหาทานอย่างนี้ คือ ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาด
    ถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐ ถาด ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้
    ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง
    ให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนังเสือเหลือง ผ้ากัมพล
    เหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง ให้แม่โคนม
    ๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำนมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำนม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐
    คน ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ลาดด้วยผ้า
    โกเชาว์ ลาดด้วยขนแกะสีขาว เครื่องลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาด
    อย่างดีทำด้วยหนังชมด มีเครื่องลาดเพดาน มีหมอนข้างแดงทั้งสอง ให้ผ้า
    ๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย เนื้อละเอียด จะป่วยกล่าว
    ไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอน ไหลไปเหมือน
    แม่น้ำ
    ดูกรคฤหบดี ก็ท่านพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นไม่ใช่เวลาม
    พราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น ดูกรคฤหบดี แต่ท่านไม่ควรเห็นอย่างนี้
    สมัยนั้น เราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน ก็ในทานนั้น
    ไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณานั้นให้หมดจด ดูกร
    คฤหบดี

    1. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว
    2. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค
    3. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทาน ที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิร้อยท่านบริโภค
    4. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค
    5. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระสกทาคามีร้อยท่านบริโภค
    6. ทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญพระอนาคามีผู้เดียวบริโภค
    7. ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้พระอนาคามีร้อยท่านบริโภค
    8. ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค
    9. ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยรูปบริโภค
    10. ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค
    11. ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค
    12. ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค
    13. การที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากจาตุรทิศ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค
    14. การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจาตุรทิศ
    15. การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
    16. การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ

    17. ดูกรคฤหบดี ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ...
    18. การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้น
    จากปาณาติบาต ...
    19. และการที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม

    จบสูตรที่ ๑๐
     
  20. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    รายการธรรมะ 24 น. http://www.dmc.tv/multimedia.php?program=live# ความเร็วในการรับชม 30k 100k / www.dmc.tv << อยากรู้ ว่า วัดธรรมกาย สอนอะไรบ้างเข้าไปดูนะครับ ช่วงเวลา 18.30 เป็นต้นไปจะเป็น เวลาถายทอดสดที่หลวงพ่อ จะมาสอนครับ รับรู้สื่อภายนอกมาแล้ว จากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศ อินเตอร์เน็ต และ บุคคนรอบข้าง อันนี้ ลองมาดูสื่อ ภายในวัดบ้างนะครับ หากว่ายังไม่เคยไปวัด หรือ ฟังคำสอนจริงๆ กับหู และ เห็นกับตา ก็คลิกไปตามLink ที่ส่งได้เลย ครับ เพื่อว่าอาจจะได้อะไรดีๆ อย่างที่ไม่เคย คิดว่าจะเจอมาก่อน [​IMG]<!-- / sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...