แรงสะท้อนกลับของการทำให้หมู่ฯแตกแยก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 17 มีนาคม 2017.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    "การที่ทำให้สงฆ์แตกแยก หรือพูดให้ชีทะเลาะกัน มันเป็นอนันตริยกรรม กรรมหนักมากเหมือนกับฆ่าบิดามารดา ทำแล้วจะบอกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ไม่ได้ ไม่ทำให้กรรมลดลง
    เหมือนเราทำให้บ้านแตกแยก พี่น้องทะเลาะกัน ก็กรรมหนักเหมือนกัน อย่างแม่ชีถ้าสอนเขาผิดก็หนักเหมือนกัน เพราะมันจะต่อความผิดออกไปเรื่อยๆ ดีหลวงตาไม่ได้สอนนิพพาน ไม่สอนเรื่องอื่นเลย สอนแต่สวดมนต์อย่างเดียว สวดมนต์ผิดไหม ไม่ผิดไง
    หลวงพ่อท่านไม่ให้ว่าใคร ที่ท่านพูดว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร" เขาจะดีหรือไม่ดีก็ไม่ว่าใคร เพราะส่วนที่ดีเขาก็มี ส่วนไม่ดีเขาก็มี เขาไม่ดีวันนี้วันหน้าชาติหน้าเขาก็ดี จะดีไม่ดีก็อยู่ที่จิตของเรานี่แหละ



    คนที่ทรงอารมณ์สบายเนี่ย เขาจะไม่ทำโดยเด็ดขาด เพราะแรงกระทบมันทำให้เป๋ไปขณะนึง เสียเวลาในการแก้ไข กว่าจะวางอารมณ์กลับมาให้เบาก็เอาเรื่องอยู่นะ

    เพราะงั้นเขาจะไม่ยุ่งกับใคร ที่เรียกว่าตัวรู้ๆนั้นนะ รู้แล้วไม่ทำ


    คนเราส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมองตัวเองว่าทำอะไรบ้าง ทำให้เขา เดือดร้อนไหม รำคาญไหม มองคนอื่นเขาไม่ดีไหม จะต้องมองตัวเอง อยากจะรักษาธาตุขันธ์ไว้มันก็ต้องทรงอารมณ์ให้ดี"

    ‪#‎ธรรมะหลวงตาม้า‬

    ************************************************************************************
    คนที่ทำ อนันตริยกรรม ๕ อย่างคือ
    1.มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
    2.ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
    3.อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
    4.โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
    5.สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์
    ผล
    - เมื่อตายลง กรรมที่ทำนั้นจะให้ผลนำเกิดใน อเวจีมหานรกทันที ไม่มีกรรมอื่นจะมาแทรกให้ผลก่อนได้ หรือถ้าในชาตินั้นทำอนันตริยกรรมหลายอย่าง อนันตริยกรรมที่หนักที่สุดจะให้ผลนำเกิด
    - ในบรรดากรรม ๕ อย่างนั้น สังฆเภทเป็นกรรมหนักที่สุด
    ตัวอย่าง
    -- พระเทวทัตทำอนันตริยกรรมถึง ๒ อย่าง คือ ทำพระโลหิตพระพุทธเจ้าให้ห้อขึ้นในคราวที่กลิ้งศิลาลงมาจากเขาคิชฌกูฏเพื่อหวังจะปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า แต่ก่อนที่ศิลากลิ้งลงมากระทบชะง่อนหินแตกเสียก่อน สะเก็ดหินกระเด็นมาถูกนิ้วพระบาทห้อพระโลหิต และทำสังฆเภท คือทำลายสงฆ์ให้แตกกันในคราวที่คิดจะ ตั้งตนเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง ก่อนตายถูกธรณีสูบ ตายแล้วเกิดในอเวจีมหานรกทันที่ ด้วยอำนาจของกรรม คือสังฆเภท
    -- พระเจ้าอชาตศัตรูที่รับสั่งให้ทรมานพระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดา จนในที่สุดพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ เพราะการทรมานนั้น แม้ในภายหลังพระเจ้าอชาตศัตรูจะทรงสำนึกผิด และได้บำเพ็ญพระราชกุศล ในพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกอย่างมหาศาลเพียงใด ก็ไม่อาจจะลบล้างกรรมคือปิตุฆาต ซึ่งเป็นอนันตริยกรรมได้ แม้จะไม่ได้ทรงปลงพระชนม์พระราชบิดาเอง แต่ก็ใช้ให้ผู้อื่นทำแทน จัดเป็นปิตุฆาตเช่นเดียวกัน และด้วยปิตุฆาตกรรมนี้ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง จึงต้องเกิดในนรกทันที กุศลมหาศาลที่ทรงกระทำไว้ก็ไม่อาจช่วยได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากุศลมหาศาลที่ทรงกระทำไว้จะไม่ให้ผล เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาจะ
    ให้ผลเท่านั้น
    นอกจากอนันตริยกรรม นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม ก็ให้ผลบังเกิดในนรกทันทีเมื่อตายลงเช่นเดียวกัน บุคคลใดมีความยึดมั่นว่า กรรมดีไม่มีผล กรรมชั่วไม่มีผล การกระทำทุกอย่างสักว่ากระทำทั้งสิ้น การกระทำบุญ การกระทำบาปต่อบิดามารดา ไม่มีผล ดังนี้เป็นต้น บุคคลนั้นยึดมั่นในความเห็นผิดอย่างนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจนตลอดชีวิต บุคคลนั้นตายลงไปจะต้องเกิดในนรกทันทีด้วยอำนาจของกรรมคือ นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม นี้แหละ

    ommtpaghw9XrBiaJwzX-o.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...