ไวต่อความสุข (พระไพศาล วิสาโล)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 3 ธันวาคม 2016.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ไวต่อความสุข

    รินใจ

    ชะตาชีวิตบางครั้งก็พลิกผันอย่างตั้งตัวไม่ติด
    หาญมีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายของตามตลาดนัด
    วันดีคืนดีก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ถึง ๒๐ ล้านบาท
    เมื่อได้เงินมา เขาเอาครึ่งหนึ่งเข้าธนาคารเพื่อเป็นทุนในระยะยาว
    ที่เหลือให้ลูกสาว ๓ คนคนละ ๑ ล้านบาท
    อีก ๒ ล้านบาทนำไปซื้อรถกระบะ
    และเตรียมซื้อที่ดินปลูกบ้าน ส่วน ๕ ล้านบาทที่เหลือ
    เขาฝากไว้ในธนาคารสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน

    เจอลาภก้อนโต แถมยังจัดการได้ดีมีหลักเกณฑ์
    หาญน่าจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างยิ่ง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
    เพราะทันทีที่ข่าวแพร่สะพัด ญาติ ๆ ก็มารุมล้อมขอเงินจากเขา
    บางคนได้ไป ๔-๕ หมื่น บางคนก็ได้ไปเป็นแสน
    แต่หลายคนไม่พอใจ หาว่าให้น้อย พากันต่อว่าต่อขาน
    หนักกว่านั้นก็คือบางคนขู่ว่าจะฆ่าทิ้งทั้งผัวทั้งเมีย
    หาญเครียดหนักจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย
    แต่ลูกสาวพาส่งโรงพยาบาล หมอล้างท้องทันจึงรอดตาย

    ชีวิตจริงเรื่องนี้สอนว่า ถูกรางวัลที่ ๑ มิใช่โชคดีเสมอไป
    ใครว่าได้เงินหลายสิบล้านแล้วชีวิตจะมีความสุข ก็หาไม่
    บางครั้งกลับทำให้ทุกข์กว่าเดิม หาญไม่ใช่คนแรกหรือคนเดียวที่พูดว่า
    "เป็นพ่อค้าเร่ หาเช้ากินค่ำ ยังมีความสุขกว่าเป็นไหน ๆ"

    หาญเคยรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตพ่อค้าเร่จน ๆ
    เขาฝันจะเป็นเศรษฐีเงินล้าน แต่ครั้นได้เป็นจริง ๆ
    เขากลับพบว่าชีวิตพ่อค้าเร่มีความสุขกว่าเยอะ
    แต่เขามาค้นพบความจริงข้อนี้เมื่อความสุขดังกล่าวได้หลุดลอยไปแล้ว

    ใช่หรือไม่ว่าคนเรามักเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นสูญหายไปแล้ว
    แต่ตอนที่สิ่งนั้นยังอยู่กับเรา เรากลับไม่สนใจไยดี
    ชีวิตที่อิสระ ปราศจากอันตราย ไร้ความกังวลใจ
    คบกันด้วยน้ำใจยิ่งกว่าผลประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีความสุข
    แต่ผู้คนมักจะคิดได้ก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างที่เกิดกับหาญ

    กัญญากลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการเสียที
    เธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ
    แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าลูกชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะอุบัติเหตุ
    เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงตอนนั้นเองที่เธอตระหนักว่า
    เมื่อครั้งลูกชายยังมีชีวิตอยู่นั้นนับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของเธอ
    เป็นช่วงที่เธอน่าจะมีความสุข แต่เธอมาระลึกได้เมื่อสายไปแล้ว

    จะไม่ดีกว่าหรือหากเราชื่นชมความสุขเหล่านั้น ขณะที่มันยังอยู่กับเรา
    ที่จริงยังมีอีกหลายอย่างที่รอการชื่นชมจากเรา
    ขอเพียงแต่เราใส่ใจเท่านั้นเอง ปัญหาก็คือเรามักไม่ค่อยใส่ใจ
    เพราะชอบไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่อยู่นอกตัวหรือยังอยู่อีกไกล
    การวางจิตวางใจแบบนี้ทำให้เราทุกข์ได้ง่าย ๆ
    ทุกข์เพราะสิ่งที่อยากได้ยังมาไม่ถึง
    ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความชุ่มชื่นใจจากสิ่งที่มีอยู่แล้วกับตัว

    ลองมาสำรวจดูว่าชีวิตของเราตอนนี้มีอะไรบ้างที่ควรชื่นชม
    ถ้านึกไม่ออก ก็ลองไล่เลียงดูว่า สิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้
    อะไรบ้างที่หากสูญไปจะทำให้เราทุกข์หรือย่ำแย่
    ถึงตอนนี้เราจะพบว่ามีมากมาย ทั้งรูปธรรมและนามธรรม
    เช่น สุขภาพดี อวัยวะครบ ๓๒ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก มิตรสหาย
    วิชาความรู้ กินอิ่มนอนอุ่น มีอาชีพการงาน มีเวลาเป็นของตัวเอง ฯลฯ
    แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ ตอนนี้เราอาจไม่เห็นค่าเพราะอยากได้อันใหม่ที่ดีกว่า
    แต่ลองนึกดูว่าหากมีใครขโมยสิ่งเหล่านั้นไป
    เราจะรู้สึกอย่างไร เราไม่ควรนึกเสียดายต่อเมื่อมันสูญหายไปแล้ว
    แต่ควรจะชื่นชมหรือเห็นคุณค่าของมันขณะที่ยังอยู่กับเรา

    การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่จะทำให้เราตระหนักว่า
    ทุกวันนี้เราก็มีความสุขมากมายอยู่แล้ว
    ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องชะเง้อหาจากอนาคต
    และไม่ต้องรอให้ถูกรางวัลที่ ๑ ก่อน
    แท้จริงความสุขมีอยู่กับเราแล้วทุกขณะ
    อย่างน้อย ๆ เราก็ยังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมายที่ไม่มีอย่างที่เรามี

    การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัว
    จะช่วยให้เราเป็นคนไวต่อความสุข แม้สิ่งดี ๆ เพียงเล็กน้อย
    ก็สามารถบันดาลใจให้เป็นสุขได้
    ปัญหาของคนทุกวันนี้ก็คือ ไวต่อความทุกข์มากกว่า
    ใช่หรือไม่ว่าเรามักจะจดจำคนที่ตำหนิติเตียนเราได้ดีกว่าคนที่ชมเรา
    ใครที่เอาเปรียบเรา เราจะจำเขาได้แม่นกว่าคนที่เอื้อเฟื้อเรา
    คนที่เกลียดเราจะประทับแน่นในใจเราได้นานกว่าคนที่ชอบพอเรา
    ช่วงเวลาที่มีความสุขกายสบายใจจะไม่แจ่มชัดในความทรงจำ
    เท่ากับช่วงเวลาที่มีความทุกข์หรือเจ็บป่วย
    เวลาได้เงินจะสุขไม่เท่ากับทุกข์เมื่อเสียเงิน แม้เป็นเงินจำนวนเท่ากัน

    เป็นเพราะเราไวต่อความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นลบ
    เราจึงรู้สึกว่าแถวที่เราต่อคิวมักจะเคลื่อนช้ากว่าแถวอื่นเสมอ
    ทั้ง ๆ ที่หลายครั้งแถวของเราเคลื่อนเร็วกว่าแถวอื่น
    แต่เหตุการณ์อย่างนั้นเราจะจำได้น้อยกว่าเวลาที่แถวของเราเคลื่อนช้า
    คนที่ไวต่อความทุกข์จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคร้าย
    แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาด้านชาต่อสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตต่างหาก

    อยากให้ชีวิตมีความสุข นอกจากทำความดีแล้ว
    ต้องฝึกใจให้ไวต่อความสุขและรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่ในตอนนี้ให้มาก ๆ

    ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ
    ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง)
    ดังนั้นก่อนที่อยากจะได้อะไร ถามตัวเองดูบ้างว่า
    มีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น
    และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป

    ที่มา... budpage.com

    แสดงกระทู้ - ไวต่อความสุข (พระไพศาล วิสาโล) • ลานธรรมจักร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.6 KB
      เปิดดู:
      57

แชร์หน้านี้

Loading...