10 เหตุผลที่แม่ควรต้องอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอน

คุณคิดว่า การพัฒนาความรู้ในตัวลูกของคุณต้องทำอะไรบ้าง ให้ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก พบปะเพื่อนฝูง ซึ่งนั่นก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่มีอยู่กิจกรรมหนึ่งที่แม่ ๆ หลายคนอาจมองข้ามไป นั่นก็คือ การอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอน แม่หลายคนมองว่า เสียเวลา แต่การสละเวลาสักนิดตรงนี้ อาจช่วยให้ลูกน้อยของคุณมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ในตัวลูกน้อยคุณอย่างคาดไม่ถึง จนหนังสือกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขาไปเลยก็ได้ ซึ่ง 10 เหตุผลนี้คือข้อดีที่เหล่า ๆ แม่ ๆ ทั้งหลายไม่ควรพลาดในการจัดหนังสือสัก 1 เล่มอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน



มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ

เมื่อลูกของคุณเติบโตขึ้น เขาจะเคลื่อนไหวอยู่สม่ำเสมอ ทั้งเล่นฟุตบอล วิ่งเล่นกับเพื่อน หรือสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัว การอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกคืน ก็เพื่อเป็นการชะลอระยะห่างระหว่างคุณและลูกให้น้อยลง และกลับคืนสู่ช่วงเวลาอันหอมหวานในการกอดและแสดงความรักซึ่งกันและกันมากขึ้น แทนที่จะมองว่า การอ่านเป็นเรื่องน่าเบื่อและล้าสมัย แต่การอ่านหนังสือก่อนนอนจะกลายเป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม

เพิ่มความเป็นเลิศทางวิชาการ

หัวข้ออาจจะดูทางการไปสักหน่อย แต่หนึ่งในประโยชน์หลักของการอ่าน ให้เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียนฟัง คือเวลาเด็กเหล่านั้นเข้าศึกษาในโรงเรียนอย่างเป็นทางการ จะมีแนวโน้มในการเรียนรู้ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่เคยได้ฟังการอ่านหนังสือเลย อีกทั้งการอ่านหนังสือยังเสริมความถนัดในการเรียนรู้โดยทั่วไปได้อย่างฉับไว ไม่ว่าจะเป็นการผสมคำและสร้างประโยคอย่างง่ายตามความเข้าใจของตัวเอง

ช่วยเรื่องการพูดของเด็ก

เด็กวัยเรียนและวัยอนุบาลทุกวัยเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้จากการออกเสียง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยคุณรู้จักภาษาขั้นเบื้องต้น ดังนั้นหนังสืออ่านง่ายอย่างรุ้งกินน้ำ 7 สี วันทั้ง 7 นับ 1-10 ฯลฯ จะช่วยเสริมสร้างการออกเสียงพื้นฐานให้กับลูกของคุณ จนบางครั้งเจ้าตัวน้อยเหล่านี้อาจพูดแสร้งว่าทำเป็นอ่านหนังสืออก เพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของคุณ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีที่จะช่วยให้เขาออกเสียงพูดด้วยตัวเอง และเราจะบอกทริคให้อีกอย่างสำหรับหนังสืออ่านง่าย ควรเป็นหนังสือเสียงที่ค่อนข้างพิเศษ เช่น เสียงแหลม เสียงแหบห้าว หรือเสียงที่ต่างไปจากปกติ ซึ่งเสียงแบบนี้จะเรียกความสนใจเด็กก่อนวัยเรียนได้เป็นอย่างดี



เติมทักษะการอ่านหนังสือให้แข็งแรง

ยอมรับเถอะว่า เด็ก ๆ ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรู้โดยธรรมชาติ ที่จะต้องอ่านข้อความในหนังสือจากซ้ายไปขวา หรือข้อความจะแยกออกจากภาพ ดังนั้นการอ่านให้ลูกฟังถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเป็นประโยชน์ให้ลูกน้อยของคุณอยากฟังหรืออ่านหนังสือด้วยตัวเองในเล่มต่อ ๆ ไป โดยการอ่านให้ฟังจะเป็นการเพิ่มทักษะให้เด็กได้เรียนรู้วิธีการอ่านอย่างถูกต้องมากขึ้น เช่น ในขณะที่คุณแม่อ่านให้ฟัง อาจนำนิ้วไล่อ่านจากซ้ายไปขวา หรือให้เด็กดูภาพก่อน แล้วค่อยอ่านข้อความตามทีหลัง เพื่อให้เด็กรู้ว่า นี่คือภาพ และนี่คือข้อความ เพื่อการแยกแยะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีขึ้น

ได้การสื่อสารที่ดีขึ้น

เมื่อแม่ใช้เวลาอ่านหนังสือกับเด็กวัยหัดเดินมากเท่าไหร่ พวกเขาจะมีแนวโน้มแสดงออกกับผู้อื่นได้ดีขึ้น และปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างคล่องตัวและไม่เคอะเขิน เพราะในหนังสือหลายเล่ม นอกจากภาพและข้อความแล้ว อาจมีความเกี่ยวข้องกับตัวละคร สถานการณ์ หรือบุคคลอื่นในการพูดคุย สื่อสาร หรือสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งจะทำให้เด็กซึมซับสิ่งเหล่านั้นในช่วงระหว่างเวลาที่เล่า ฉะนั้นยิ่งอ่านเยอะ ยิ่งได้รับการสื่อสารที่มีคุณค่าและเกินคาดจากลูกน้อยมากขึ้นเท่านั้น

ฟังเก่ง ภาษาแกร่ง

อ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอนของคุณแม่ จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาไปในตัวจากการเชื่อมโยงจากคำพูดที่แม่เล่า และข้อความที่อยู่บนหนังสือ ทุกอย่างจะสอดประสานเข้าด้วยกันในความคิดของเด็ก จนเกิดเป็นการเรียนรู้ภาษาที่ดีของเด็กวัยนี้ที่อยากรู้ อยากเห็น และอยากได้ยินสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หากพวกเขาเข้าสู่วัยเรียนจริง ๆ อาจจะมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีกว่าเด็กทั่วไปก็ได้ เพราะคุณปลูกฝังการอ่านหนังสือให้ฟังมาตั้งแต่ต้นแล้ว



ได้ภาษาไม่พอ ยังได้ความเป็นเหตุเป็นผล

นอกจากเรื่องเล่าแล้ว ภาพประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้เด็กฟังมากขึ้น ภาพประกอบจะช่วยให้เด็กเข้าใจแนวคิดเชิงนามธรรมจากรูปภาพ ใช้ตรรกะเชื่อมโยงรูปภาพเข้ากับเรื่องราวในหนังสือ แล้วประมวลเป็นเหตุและผลของตัวเอง หลายครั้งเด็กอาจมีข้อคำถามในขณะที่ฟัง ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดี เพราะเขากำลังมีวิจารณญาณต่อเรื่องที่ฟังอยู่ หากตอบคำถามนั้นได้ จงตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ ก็ไปหาคำตอบมา หรือให้เขาไปหาเอง ซึ่งการให้เขาไปหาคำตอบเอง ถือเป็นวิธีการสร้างชุดความรู้ในตัวเด็กได้อีกทางหนึ่ง

ปรับตัวให้เข้ากับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ดี

หนังสือคือโลกใบใหม่ที่ลูกคุณอาจไม่เคยได้สัมผัส การอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอนทุกครั้ง ก็เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้ลูกของคุณพบเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ข้างนอทั้งสังคมและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ จากเพื่อน ครู หรือบุคคลที่ไม่ใช่คนในครอบครัวก็ดี ถือเป็นการฝึกเผชิญสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยด้วยตัวเอง ซึ่งเด็กก่อนวัยเรียนมักจะดึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการฟังหนังสือที่คุณอ่านมาใช้ เพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถึงแม้ว่าการตั้งรับของเด็กในบางครั้ง อาจดูแปร่ง ๆ ไปบ้าง ผู้ปกครองควรให้กำลังใจและสอนเขาไปด้วยในตัว เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตต่อไป

ปลุกวินัยในตัวเด็ก

เด็กวัยหัดเดินอาจดิ้นและฟุ้งซ่านบ้างเป็นบางเวลา แต่ในที่สุดเขาจะหยุดฟังคุณ ขณะที่เล่าเรื่องสนุก ๆ จากหนังสือให้ฟังก่อนนอน นอกจากความรู้และความใจที่เด็กจะได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เด็กจะได้แบบไม่รู้ตัวคือ ความนิ่งและความอดทนในขณะที่ฟังอยู่ ซึ่งนี่ถือเป็นประโยชน์ทางอ้อมในการสร้างวินัยให้กับเด็กในช่วงเริ่มต้น ให้สนใจและโฟกัสกับสิ่งที่ฟังได้นานขึ้น



ให้เด็กมองว่า การอ่านเป็นเรื่องสนุก

การอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอนอย่างเป็นกิจวัตรประจำวันจะช่วยให้เด็กมองว่า หนังสือเป็นเรื่องที่ปล่อยหรือละทิ้งไม่ได้ เพราะถ้าหากคุณไม่ทำอย่างต่อเนื่อง เด็กมีโอกาสเลือกสิ่งที่ล่อตาล่อใจมากกว่า เมื่อเติบโตขึ้นไป แนวโน้มที่ออกมาจะไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นวิดีโอเกม โทรทัศน์ หรือความบันเทิงในรูปแบบอื่นที่เคลื่อนไหวได้และมีสีสัน ทำให้การสร้างความรู้ที่ว่า การอ่านเป็นเรื่องที่สนุกสำหรับเด็ก ผู้เป็นแม่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับกิจกรรมนี้ เพียงแค่ 1 เล่มก่อนนอน ก็ช่วยสร้างนิสัยรักการอ่านในตัวลูกน้อยของคุณได้มากขึ้นแล้ว

หนังสือมีอำนาจและเป็นประโยชน์ต่อเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียนมากกว่าที่คุณคิด ในฐานะของแม่ การอ่านหนังสือให้ฟังก่อนนอนหรือมอบหนังสือให้กับลูก คือของขวัญชั้นดีที่จะสร้างพรสวรรค์และพรแสวงให้กับลูกของคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มลงมืออ่านให้ลูกฟังคืนนี้เลย!

ที่มา : earlymoments

http://book.mthai.com/book-tips/369...campaign=home-lifestyle&utm_medium=book-box-3