(Visionology.7) วิชานี้เป็น Skill ที่ต้องฝึก ไม่ใช่เป็นอะไรที่เหมือนเปิด TV แล้วขึ้นมาได้เอง

(Visionology.7) วิชานี้เป็น Skill ที่ต้องฝึก ไม่ใช่เป็นอะไรที่เหมือนเปิด TV แล้วขึ้นมาได้เอง

เมื่อมันเป็น Skill ก็แสดงว่ามันเป็นวิชาสำหรับคนธรรมดา ที่สามารถฝึกได้

และอันที่จริง มันไม่ใช่วิชาสำหรับคนขี้เกียจ หรือหวังกำไร จะทำได้หรอกนะ

เพราะว่า คุณต้องคิดไปมากและลึกกว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง เช่น คุณต้องคิดเตรียมการ
ไปมากถึง 10 เท่า จากสิ่งที่จะสามารถนำมาใช้ได้จริง หรือ การคิดเตรียมการนั้นอาจจะไม่ได้ใช้เลย ซึ่งบางคนอาจจะเรียกว่าสูญเปล่าก็ได้

1) ดังนั้น ผมขอถามว่า คนที่ขี้เกียจและคิดแต่จะทำอะไรนิดเดียวแล้วได้เยอะ จะยอมทำไหม?

2) แล้วถ้ามันดูไม่คุ้มที่จะทำแล้วเราจะเสียเวลาคิดไปทำไม?
เพราะว่า การขยับในหัวนี้มันไม่เสียตังค์นะ ถ้าเป็นเรื่องถึงชีวิต มันก็ไม่มีการตายจริง ถูกไหม
ดังนั้น ถ้าการคิดมีความหมายระดับการตัดสินใจที่เป็นคอขาดบาดตาย มันก็คุ้มค่าที่จะคิด
หรือ คุ้มค่าที่จะเตรียมการ แม้อาจจะไม่ได้ใช้มันก็ตาม

 

วิชาอะไร ทำนิดได้เยอะ มีด้วยเหรอ
งานอะไรมันก็เสี่ยงทั้งนั้นมีผลต่อสุขภาพหมดแหละ ต้องใส่ชุดป้องกันตีบวก 10 ทำงานแล้ว

 

ในทางกายภาพ ระบบสมอง เส้นประสาท

การที่ คิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง กรอบความคิดเดียว samplingภาพ/มโนกลุ่มเดียว

เส้นประสาท เส้นเดิมจะถูกใช้ ซ้ำ ทำให้เกิดอาการ ล้า และ ไฟค้าง สัญญาณค้าง

เช่น ถ้าเรานั่งเล่นเกมส์ แล้ววันนั้นแพ้หลายรอบ ก็เวียน สู้ใหม่ แม้นจะหากระบวน
การใหม่ๆ แต่ ภาพบางอย่าง มันเป็นภาพเดิม เส้นประสาทจะทำงานค้าง เกิด
สารเคมีตกค้าง ทำให้ ภาพนั้นกลายเป็นเรื่องราวติดตา พอหลับตา ว่างจาก
การคิดเรื่องอื่น ภาพในทำนองเดียวกันกับที่เห็น ซ้ำ จะปรากฏขึ้น แจ่มใส
เหมือนกับเห็นจริง แต่ เรื่องราวอาจจะไม่เหมือนเกมส์

เรียกว่า หากคิดซ้ำ ย้ำคิดย้ำทำ นานเข้า จะเกิด อาการทางเส้นประสาท(สาร
เคมีตกค้าง) ทำให้รู้สึก ร้อน ทำให้รู้สึกกระซับกระส่าย หากยังฝืนคิดเรื่อง
เดิมนานเป็นสัปดาห์ เดือน ปี จะกลายเป็น โรคไมเกรน

หากยังฝืนอีก จะกลายเป็น โรคย้ำคิดย้ำทำ จิตเภท

หากยังใืนอีก ก็จะเสียระบบความจำไป (จริงๆ ภาพใน สมองมันเกิดทับซ้อน
ภาพที่เห็นจากดวงตา ทำให้กลายเป็นว่า พูดอะไรไม่ตรงกับ ปัจจุบัน แพทย์
ก็เลยบอกว่า เป็น อันไซเมอร แต่จริงๆ สมองก็ทำหน้าที่จดจำของมัน จำได้แม่น
ยำไปหน่อยเท่านั้นเอง )

ในทาง แพทย์ทางเลือก จะเอาการนั่งสมาธิ มาปรับ แท้จริงแล้วเป็นเพียง
การเบี่ยง การใช้ระบบเส้นประสาทจาก ภาพเดิมๆ เส้นทางเดิมๆ ไปใช้ส่วนอื่น
ที่ ยังไม่เคยเอามาใช้ ....แล้วถ้าฝึกมากๆ จนสมองส่วนหน้าทำงานแทน
สมองส่วนกลาง ทางการแพทย์ระบุว่า สมองส่วนหน้าจะไม่มีเรื่อง เคมีคงค้าง

แต่ถ้ามาฝึกจริงๆ มันก็ค้างของมันนั่นแหละ เพียงแต่ มันไม่ได้ค้างหยาบๆ
แบบสมองส่วนกลาง ทำสมาธฺมาก ย้ำคิดย้ำทำ ก็ เป็น จิตเภท ได้ไม่ต่างกัน

เพียงแต่ว่า

ภาพที่เกิดขึ้น จะไม่ใช่ ภาพจาก อดีต เหมือนสมองส่วนกลาง

แต่ไม่ว่ามันจะเป็น ภาพ จากไหน ที่สำคัญคือ หากไม่โน้มน้อมไปยัง
ปัญญาส่วนอื่น ก็ชื่อว่า เป็นโรค สัญญาวิปลาส(อาการสำคัญว่ามีตน มีเขา
มีเรา) อยู่ดี


" หยุดคิด จึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยคิด จะทำให้ รู้แจ้งโลก "

 

เ

เป็นอยู่เลย มั่วมาตั้งนาน พึ่งเจอคำตอบถูกใจสุดๆ ก็วันนี้แหละ เกี่ยวกับฝันบ่อยด้วยละมั้ง ข้อมูลตกค้างเยอะ