ปิศาจราคะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ออกพราน, 21 มีนาคม 2013.

  1. ออกพราน

    ออกพราน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +550
    ปีศาจราคะ
    เชื่อหรือไม่? ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุ 20 กว่าปีใบหน้าคมสันเข้าขั้นรูปหล่อ มีการศึกษาสูงพอสมควร และมีอาชีพการงานมั่นคง โดยทำงานที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ชายหนุ่มผู้ซึ่งมีอนาคตอันสดใสและมั่นคงรอคอยอยู่เบื้องหน้าคนนี้มีเมียเป็นผี
    นี่คือเรื่องจริงที่เหลือเชื่อซึ่งท้าทายคำว่า เชื่อหรือไม่ เป็นอย่างยิ่ง แต่ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะลงความเห็นเป็นอย่างไรโปรดติดตามเรื่องราวอันพิศดารดังต่อไปนี้
    ก่อนอื่น ขอแนะนำท่าน พลโทสมาน วีระไวทยะ ไว้เป็นเบื้องต้น นายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นผู้ที่ผ่านประสบการณ์เหลือเชื่อมาหลายครั้งหลายหน จึงทำให้ท่านหันมาศึกษาธรรมะและปฏิบัติภาวนาอย่างมุ่งมั่นจริงจัง นับเป็นเวลานานพอสมควรที่ท่านพลโทสมานเจริญภาวนา วิปัสนากรรมฐานถึงขั้นมีจิตมีอานุภาพระดับหนึ่ง ซึ่งน้อยคนนักจะมีได้ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับจิตตานุภาพและท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ โดยตรง
    เรื่อง ปีศาจราคะ เริ่มต้นประมาณต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2505 เพื่อนของท่านพลโทสมานเป็นนายทหารเรือยศนาวาโทได้มาพบท่าน และขอร้องให้ท่านช่วยชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อทัศนัยชายหนุ่มผู้นี้เป็นน้องภรรยาของเพื่อนรุ่นพี่ของเขาผู้หนึ่ง
    นาวาโทผู้นั้นเล่าให้ท่านพลโทสมานฟังว่า ทัศนัยเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมสันเข้าขั้นรูปหล่อมากคนหนึ่ง มีความรู้ดี ทำงานธนาคารมีชื่อเเห่งหนึ่ง หน้าทีการงานของเขาดำเนินไปด้วยดีและมีอนาคตก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งขณะเกิดเหตุอันเหลือเชื่อนี้ทัศนัยกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งหน้ามี่สูงกว่าเดิมอีก
    วันหนึ่ง ทัศนัยก็มีกิริยาอาการผิดแปลกเกิดขึ้น กล่าวคือจู่ ๆ ก็กลายเป็นคนซึมเซาเงียบขรึม นัยน์ตาเหม่อลอยและบางทีก็ขุ่นขวางน่ากลัว นั่งบ่นงึมงัมพึมพำไม่เป็นเรื่องเป็นราวคนเดียว บางครั้งแสดงอาการโกรธเกรี้ยวโทสะร้าย ซึ่งลักษณะอาการเช่นนี้เป็นลักษณะของผู้เป็นโรคประสาทอย่างแรงเข้าขั้นใกล้วิกลจริตหรือใกล้บ้านั่นเอง
    ครอบครัวของทัศนัยนำเขาไปพบแพทย์ หลังจากนายแพทย์ตรวจอาการแล้ว ได้แนะนำว่าควรพาทัศนัยไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรักษาอาการโรคทางจิตและประสาทโดยเฉพาะ ทว่าทุกคนในครอบครัวของทัศนัยยังไม่เชื่อว่าเขาจะป่วยถึงขั้นวิกลจริต
    ท่านพลโทสมานสอบถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ ไม่พบว่าชายหนุ่มชื่อทัศนัยผู้นี้ได้รับความกดดันจากด้านไหนเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง ความรัก ครอบครัว หรือหน้าที่การงาน เมื่อเป็นเช่นนี้พลโทสมานจึงรับปากจะช่วยตรวจดูด้วย จิตตานุภาพ ให้ว่ามีอำนาจอื่นใดหรือเปล่าที่แอบแฝงอยู่ และเป็นส่วนที่ทำให้เขาตกอยู่ในภาวะสติฟั่นเฟือน จิตใจวิปริตแปรปรวน
    เหตุการณ์ช่วงนี้ ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะได้บันทึกไว้ดังนี้
    โดยอาศัยสมมุติฐานดังกล่าวแล้ว ข้าพเจ้าจึงทำพิธีตรวจตามแบบที่ได้เคยกระทำมา ก็ทราบทันมีว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องของความผูกพันเกี่ยวเนื่องกันระหว่างคนเป็นกับคนตาย
    คือระหว่างคนกับผี.ที่มีความผูกสมัครรักใคร่กันไปในทางชู้สาว และได้มีการอยู่กินฉันท์สามีภรรยาตลอดเวลาหลายเดือนมาแล้วนั่นเอง
    ฝ่ายชายเป็นคนธรรมดา มีเนื้อหนังมังสา ส่วนฝ่ายหญิงเป็นเพียงวิญญาณปราศจากรูปกายไม่มีเนื้อหนัง แต่มีอำนาจดลใจอย่างรุนแรง และมีความหมกมุ่นครุ่นคิดในทางกามารมณ์อยู่ เป็นวิญญาณแห่งราคะจริตที่มีรูปร่างสวยสดงดงามมีนามว่า ลินจง อายุ 21 ปี
    ท่านพลโทสมานนั้นกล่าวไว้ว่า หลุดพ้นไปจากกามโลกีย์แล้วและไม่หวั่นไหวต่อความสวยงามของอิสตรีแต่อย่างใด
    โดยเฉพาะเมื่อเวลากำหนดจิตเข้าสู่สภาวะที่สามารถจะติดต่อกับดวงวิญญาณอันปราศจากรูปได้ แต่กระนั้น เมื่อผีสาวลินจงมาปรากฎ ท่านพลโทสมานยังอดที่จะชมเสียมิได้ว่าหญิงสาวคนนี้สวยมากจริง ๆ ซึ่งท่านเขียนพรรณาเอาไว้ว่า
    เธอมาหาข้าพเจ้า..ในเครื่องแต่งกายเสื้อกระโปรงติดกัน ชุดสีแดงเพลิง ผิวขาวแบบลูกจีน ใบหน้ารูปไข่ได้สัดส่วนงดงามตาคม ผมดำ ทำผมรับกับใบหน้า รูปร่างอวบอัดได้ส่วนอย่างแท้จริง ถ้าเธอจะเข้าประกวดนางงามก็คงจะไม่พ้นตำแหน่งเป็นแน่
    เมื่อผีสาวมาปรากฎแล้ว ท่านพลโทสมานจึงได้สอบถามเรื่องราวอันพัลวันระหว่างผีกับคนว่าเป็นมาอย่างไร ผีสาวลินจงจึงได้เล่าให้ท่านฟังว่า วิญญาณของเธอสิงอยู่ที่ห้องหนึ่งของตึกแถวบริเวณสามแยกมานานแล้ว ต่อมาชายหนุ่มชื่อทัศนัยได้เข้ามาอยู่ในห้องนั้น เมื่อเธอเห็นทัศนัยเข้ามาในห้องครั้งแรกของเธอก็เกิดความรู้สึกพอใจในความเป็นหนุ่มรูปหล่อของเขาอย่างมากแล้วเกิดนึกรักใคร่ทัศนัยอย่างจับจิตจับใจ
    ในคืนนั้น.ผีสาวลินจงจึงแสดงร่างเป็นคนเข้าไปในห้องซึ่งหนุ่มทัศนัยนอนหลับอยู่ แล้วก็ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น ครั้นทัศนัยลืมตาเห็นผีสาวลินจงสวยบาดตาบาดใจ และมีเสน่ห์เย้ายวนให้เกิดอารมณ์เคลิบเคลิ้ม ก็เริ่มเกี้ยวพาราศีตามวิสัยชายเจ้าชู้ และรุกเร้าตามแบบฉบับปากว่ามือถึง ซึ่งฝ่ายหญิงมีจิตปฏิพัทธ์เป็นทุนอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดำเนินไปตามวิถีทางแห่งกามโลกีย์ประหนึ่งกึ่งฝันกึ่งจริง
    แม้ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นมนุษย์ซึ่งมีชีวิตเลือดเนื้อครบถ้วน และอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นเพียงวิญญาณซึ่งไร้รูป (แต่มีฤทธิ์ได้บางอย่างสามารถประสานกลมกลืนกันจนได้)
    นับตั้งแต่คืนที่ผีสาวลินจงตกเป็นเมียของทัศนัย เธอก็ยิ่งรักใคร่ผูกพันกับหนุ่มธนาคารคนนี้มากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ทัศนัยก็เป็นคนเจ้าชู้เหลือกำลัง บ่อยครั้งที่เขาไปเที่ยวคลับเที่ยวบาร์กับเพื่อนฝูงมักจะหิ้งพาร์ตเนอร์สวย ๆ ออกไปหาความสุขสนุกสนานเป็นประจำ ซึ่งระยะแรก ๆ ลินจงก็พอทนได้ แต่ทัศนัยก็ประพฤตินอกใจเธอเช่นนี้ บ่อย ๆ ทำให้ลินจงเกิดความหึงหวงจนระงับไม่ไหว
    ข้อสำคัญที่สุดก็คือ ในคืนแรกก่อนที่ผีสาวลินจงจะตกเป็นเมียของทัศนัย หนุ่มหล่อได้ให้สัจสัญญาแก่เธอว่า หากเธอยอมเป็นของเขา เขาจะยอมมีแต่เธอคนเดียว จะรักเดียวใจเดียว ไม่ยอมนอกใจไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นเด็ดขาด
    สัจวาจานี้มนุษย์ทุกรูปทุกนามถือว่า..มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่การไม่รักษาสัจจะในหลายกรณี อาจให้ผลไม่ร้ายกาจรุนแรงนัก หรืออาจทำให้ตัวผู้เสียสัจจะเสื่อมจากความน่าเชื่อถือความไว้วางใจจนหมดสิ้นไปเท่านั้น
    เช่นในกรณีระหว่างชายกับหญิง หากผู้ชายเคยให้สัจสัญญาจะรักเดียวใจเดียว จะไม่นอกใจไปวุ่นวายกับหญิงอื่นต่อมาภายหลังแอบไปมีหญิงอื่นเข้า จะชั่วคราวหรือถาวรก็ตามทีเถอะ ถ้าปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ได้ความวุ่นวายก็ไม่เกิดขึ้น
    แต่สำหรับทัศนัยกับผีสาวลินจงคู่นี้ ฝ่ายชายแอบไปทำเหลวไหลนอกใจฝ่ายหญิงโดยคิดจะปิดบังซ่อนเร้นไว้เป็นความลับไม่ได้เลย เพราะลินจงมีอัตภาพเป็นวิญญาณ คุณสมบัติของวิญญาณนั้นย่อมมีหูทิพย์ ตาทิพย์ และสามารถติดตามทัศนัยไปได้ทุกหนทุกแห่ง ทั้งกลางคืน การกระทำตามวิสัยผู้ชายเจ้าชู้ของทัศนัย ลินจงจึงรู้เห็นหมดสิ้น
    เมื่อรู้เห็นเช่นนั้น เธอก็โกรธเกรี้ยวเพราะความหึงหวงและถือว่าทัศนัยผิดสัจสัญญากับเธออย่างร้ายแรง ตอนแรก ๆ ผีสาวก็ลงโทษเขาสถานเบา คือทำให้เขาเกิดปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามร่างกายหลังจากที่เขาพาผู้หญิงอื่นไปหาความอภิรมย์สมสู่กัน
    แต่ทัศนัยก็ยังไม่เลิกพฤติการสำส่อนวุ่นวายกับหญิงอื่น.ลินจงจึงเพิ่มมาตรการการลงโทษหนักเข้าไปอีก โดยทำให้ประสาทจิตใจของเขาอ่อนไหวต่อเสียง และกระทบกระเทือนทางใจอย่างอื่น ซึ่งทัศนัยเองก็รู้ว่าเป็นการกระทำของเมียผี เขาได้ขอร้องให้เธอหยุดกระทำต่อเขาเช่นนั้นเสีย โดยให้สัญญากับลินจงว่าจะเลิกความประพฤติเหลวไหลนอกใจเธออย่างเด็ดขาด ลินจงก็ยอมถอนอำนาจเหนือมนุษย์ของเธอออกไป
    แต่ทัศนัยทำตัวตามคำมั่นสัญญาได้ไม่นาน เขาก็ทนความเย้ายวนของเสน่ห์ผู้หญิงกลางคืนไม่ไหว จึงแอบไปแสวงความสุขตามแบบเดิมอีก ผีสาวลินจงซึ่งหึงหวงสามีมนุษย์รุนแรงจึงโกรธอย่างมาก คราวนี้เธอเล่นงานทัศนัยรุนแรงกว่าทุกครั้งด้วยการกดดันจิตประสาทอย่างหนัก ทำให้มีกริยาอาการเหมือนเป็นโรคประสาทดังที่เกิดขึ้น
    ท่านพลโทสมาน จึงได้บอกแก่วิญญาณลินจงว่าถ้าท่านจะไปพูดกับทัศนัยให้เลิกประพฤติตัวอันเป็นความผิดต่อคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้แก่เธอ และจะให้เขาทำบุญอุทิศไปให้เธอจะเลิกลงโทษและอโหสิกรรมแก่ทัศนัยเสียได้หรือไม่
    ลินจงก็ยอมตกลงและให้สัญญาว่าจะไม่บิดพริ้วอย่างแน่นอน หากเธอไม่ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้จะยอมให้ท่านพลโทสมานลงโทษทุกอย่าง
    จากนั้นพลโทสมานได้สอบถามวิญญาณลินจงว่าเป็นอะไรตาย ทำไมจึงตายตั้งแต่ยังสาวเช่นนี้ ผีสาวลินจงก็ได้เล่าเรื่องของเธออย่างละเอียดให้ท่านพลโทสมานฟังดังต่อไปนี้.
    ลินจงเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวคนจีนแท้ ๆ ที่ค่อนข้างยากจน เธอมีน้องชายและน้องสาวหลายคนกำลังเรียน ลินจงนั้นเรียนกวดวิชาเวลากลางคืน เวลากลางวันทำงานเป็นพนักงานขายของห้างใหญ่แห่งหนึ่งย่านเยาวราช เธอรู้ภาษาไทย จีนได้ดีมาก และรู้ภาษาอังกฤษเล็กน้อย พอพูดและอ่านได้เฉพาะจำเป็นที่ต้องใช้
    เวลานั้นลินจงอายุได้ 18 ปี ความสวยของเธอกำลังเปล่งปลั่ง รูปร่างอวบอัดเย้ายวนอารมณ์ไปทุกสัดส่วน ดังนั้นจึงมีเพื่อนชายที่โรงเรียนกวดวิชา และชายหนุ่มคนอื่น ๆ มาหลงไหลลินจงแทบทุกคน แต่เธอยังไม่ได้ปักใจรักใคร เพียงแต่ให้ไมตรีเสมือนเพื่อนเท่ากันหมด
    ต่อมา..มีอาเสี่ยหนุ่มคนหนึ่ง เป็นบุตรชายเถ้าแก่ใหญ่ระดับเศรษฐีมาซื้อของที่ห้างแล้วติดใจความสวยของลินจง จึงเข้ามาพัวพันอย่างจริงจัง มาคอยรับคอยส่ง ซื้อของขวัญมีค่าราคาแพง ๆ ให้ไม่ขาด ตลอดจนอุดหนุนจุนเจือด้วยเงิน ทำให้ครอบครัวของเธอซึ่งค่อนข้างอัตคัตขาดแคลนมีความสุขยิ่งกว่าเดิม อาเสี่ยจะขับรถเก๋งมารับลินจงไปเที่ยวบ่อย ๆ ระยะแรก ๆ ก็มีเตี่ยบ้าง แม่บ้าง น้องบ้างไปเป็นเพื่อน ระยะหลัง ๆ อาเสี่ยกับลินจงมักไปกันเพียงสองคน เมื่อใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้นลินจงก็ตกเป็นของเสี่ยในวันหนึ่งด้วยความยินยอมพร้อมใจของเธอเอง
    หลังจากลินจงได้เสียเป็นของเสี่ยแล้ว เขาก็หาบ้านให้อยู่ เอาอกเอาใจสารพัดด้วยความรัก ความหลง ตลอดจนให้เงินทองใช้อย่างฟุ่มเฟือย แต่ลินจงก็อยู่ในฐานะเมียน้อย เพราะอาเสี่ยมีเมียหลวงอยู่ก่อนแล้ว
    ช่วงนี้ลินจงและครอบครัวมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องจากอาเสี่ยให้ความอุปการะทุกอย่าง ซึ่งเตี่ยและแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรซ้ำยังเตือนให้เอาอกเอาใจเพื่อที่จะได้เมตตาสงสารมาก ๆ
    ตอนที่แอบได้เสียกันประมาณเดือนกว่า ลินจงเกิดตั้งครรภ์ แต่อาเสี่ยจัดการพาไปทำแท้งเสีย โดยอ้างว่าเธอยังสาวสวยเขาไม่อยากให้เธอมีลูกก่อนวัยอันสมควร จะทำให้ร่างกายทรุดโทรมหมดความสวยไป
    ซึ่งลินจงก็ยอมทำตามโดยดี จากนั้นแล้วความรักความใคร่ของลินจงกับอาเสี่ยก็ดูเหมือนจะเปี่ยมแปร้ด้วยความสุขความหวานชื่นประหนึ่งไม่มีวันจะเสื่อมคลาย
    อยู่กันมาได้ 6 เดือน อาเสี่ยก็ให้ลินจงลาออกจากโรงเรียนกวดวิชาตอนกลางคืน โดยให้เหตุผลว่ามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อย ลินจงก็ตามใจ ดังนั้นในเวลากลางคืนทั้งสองจึงมีเวลาเที่ยวเตร่ ดูหนังและสนุกสนานเพลิดเพลินตามสถานบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น
    ต่อมาอาเสี่ยก็ให้เธอลาออกจากงานประจำตอนกลางวันที่ห้างใหญ่อีก เนื่องจากเขาหึงหวงเพราะทราบมาว่ามีผู้ชายมาพัวพันเธอหลายคน
    ตอนแรก ๆ ลินจงไม่ยอมเพราะเสียดายเงินเดือนพันกว่าบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เธอนำมาจุนเจือครอบครัว แต่อาเสี่ยสัญญาว่าจะจ่ายเงินเท่ากับรายได้ประจำเดือนให้แก่เธอเอง โดยไม่เกี่ยวกับเงินที่เขาให้เธอใช้ประจำอยู่แล้ว ลินจงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาเตี่ยกับแม่ ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ขัดข้องถ้าเธอจะลาออกจากงาน
    ลินจงลาออกจากงานประจำตามใจอาเสี่ย เจ้าของห้างเสียดายเธอมาก เพราะลินจงเป็นพนักงานที่สวยมีเสน่ห์ที่สุดและทำงานคล่อง เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าไม่ขาดสาย แม้แต่เพื่อนร่วมงานก็พากันอาลัยเสียดายเธอทุกคน
    เวลานั้นลินจงเชื่อฟังอาเสี่ยหนุ่มซึ่งเป็นชายในดวงใจของเธอทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะพูดจะบอกอะไร เธอจะทำตามทันทีด้วยความเชื่อมั่นและมุ่งหวังจะอยู่กินกับเขาตราบชั่วชีวิต ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์อันไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นกับตัวเธอแม้แต่น้อย
    นั่นคือเวลาผ่านไปนานพอสมควรอาเสี่ยก็เริ่มประพฤติผิดไปจากเดิมทีละเล็กละน้อย จากที่เคยมาหาลินจงทุกวันก็เปลี่ยนเป็น 2 3 วันมาครั้ง โดยอ้างว่ามีงานมากงานยุ่งติดพันกระทั่งปลีกตัวมาไม่ได้ ซึ่งลินจงก็ไม่ได้ระแวงแคลงใจอะไร
    ระยะหลัง ๆ อาเสี่ยชักจะหายหน้าไปนานหลายวัน ประกอบกับมีเพื่อน ๆ ของลินจงมารายงานว่าเห็นอาเสี่ยพาผู้หญิงไปเที่ยว ลินจงจึงแอบสะกดรอยตามไป และก็เห็นกับตาว่าอาเสี่ย มีผู้หญิงอื่นจริง ๆ
    ตอนแรก ๆ ลินจงพยายามอดทน ไม่ต่อว่าหรือพูดจาให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัว แต่ยิ่งนานวันอาเสี่ยหนุ่มก็ยิ่งแสดงความเหินห่างหนักขึ้นทุกที คราวนี้เกิดปากเสียงทะเลาะกันบ่อย ๆ แต่อาเสี่ยก็ยังประพฤติเหมือนเดิม
    ในที่สุดเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรงถึงขั้นเลิกราจากกันอย่างเด็ดขาด อาเสี่ยไปได้กับผู้หญิงคนใหม่ ส่วนลินจงก็เป็นอิสระพร้อมกับเกิดความรู้สึกฝังใจว่า ต่อแต่นี้ไปจะไม่ยอมโง่เขลาเอาตัวไปเป็นสมบัติคอยปรนเปรอความสุขให้แก่ชายหนึ่งชายใดเด็ดขาด
    ลินจงไปได้งานทำเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารที่ภัตตาคารมีชื่อแห่งหนึ่ง โดยเข้าทำงานตอนกลางวันตั้งแต่เวลา 10.00 - 14.00 น.ส่วนตอนกลางคืนเริ่มงานตั้งแต่เวลา 17.00 22.00 น. ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 700 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าล่วงเวลาและเงินทิปจากแขกที่มาดื่มกันอีก รวมแล้วทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,200 1,500 บาท ซึ่งก็นับว่ามากทีเดียวในสมัยนั้น
    เมื่อมีเวลาว่างลินจงก็จะเที่ยวเตร่ไปกับเพื่อน ๆ ดูหนังฟังเพลงอย่างเพลิดเพลิน บ่อยครั้งที่มีอาเสี่ยใหญ่ใช้เงินเหมือนเป็นเศษกระดาษมาดื่มกินอาหารที่ภัตตาคาร แล้วเกิดติดอกติดใจในความสวยความสาวของลินจง นัดหมายรับเธอไปเที่ยวลินจงจะได้รับการเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอจากคนพวกนี้ และอาเสี่ยพวกนี้ยังให้เงินเธอครั้งละมาก ๆ ทำให้ความเป็นอยู่ของลินจงและครอบครัวสมบูรณ์พูนสุขพอสมควรทีเดียว
    อยู่มาวันหนึ่งลินจงก็พบกับชายหนุ่มรูปหล่อสมาร์ทเป็นที่ต้องตาเพศตรงข้าม จนเกิดความพอใจซึ่งกันและกัน มีการนัดพบนัดเที่ยวกันบ่อย ๆ ในที่สุดลินจงก็ได้เสียกับชายหนุ่มคนนี้และเธอก็รักเขาสุดชีวิตจิตใจ ทว่าแฟนรูปหล่อของลินจงออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันซ้ำยังมาตกงานเสียอีก ลินจงจึงต้องคอยจุนเจือเขาเรื่อยมา
    ลินจงรักใครได้เสียกับหนุ่มหล่อเกือบปีด้วยความสุข แต่ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขี้หึงอย่างรุนแรง และมีอารมณ์โหดร้ายน่ากลัว
    ระยะหลัง ๆ ลินจงและแฟนหนุ่มมักจะทะเลาะมีปากเสียงรุนแรงกันบ่อย ๆ สาเหตุก็มาจากความระแวงหึงหวงของชายคนรักของเธอนั่นเอง เมื่อใดที่เขาบันดาลโทสะเขาจะระเบิดสันดานดิบอันกักขฬะโหดร้ายออกมา ทำให้ลินจงคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจฆ่าเธอตายแน่ ๆ ด้วยฤทธิ์หึงนี่แหละ ดังนั้นลินจงจึงพูดกับชายคนรักต่าง ๆ ว่าถ้าเขายังไม่เลิกนิสัยบ้า ๆ แบบนี้เธอจะเลิกกับเขาแน่ ซึ่งฝ่ายชายก็ให้สัญญาว่าจะไม่ทำอีก
    ต่อมาวันหนึ่ง หนุ่มหล่อคนรักใหม่ของลินจงเห็นลินจงพบปะพูดคุยกับอาเสี่ยแฟนเก่า เขาก็เกิดความระแวงหึงหวงขึ้นอีกและเกิดปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง แล้วหนุ่มหล่อก็เล่นบทโหดเหมือนเดิม ทำให้ลินจงตัดสินใจเลิกมีความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าฝ่ายชายจะมางอนง้อขอโทษ ขอนัดพบหรือเขียนจดหมายมาหาอย่างไร ลินจงก็ไม่ยอมใจอ่อน ไม่ยอมไปพบทุกกรณี
    แต่แล้วลินจงก็หนีหนุ่มหล่อคนรักเก่าไม่พ้น ผีสาวลินจงเล่าให้ท่านพลโทสมานฟังว่าเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่สงสัยว่าไม่น่าจะเป็นการบังเอิญ บางทีชายหนุ่มคนรักเก่าอาจจะวางแผนไว้ล่วงหน้าและสะกดรอยตามลินจงไปเงียบ ๆ ก็ได้
    คราวนี้ลองมาฟังผีสาวลินจงเล่าถึงเหตุการณ์ตอนสำคัญซึ่งทำให้เธอสิ้นชีวิตจากโลกมนุษย์ไปอย่างน่าอนาถให้ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะรับรู้ และท่านได้บันทึกเอาไว้โดยละเอียดดังต่อไปนี้
    คืนหนึ่ง ขณะที่หนูออกจากโรงภาพยนตร์แถววังบูรพาได้พบเข้ากับเขาโดยบังเอิญ แม้หนูจะหลบหลีกอย่างไรก็ไม่พ้น เพราะเขาเห็นหนูก่อน และเขาก็เข้ามาหาหนูและจับมือหนูไว้ แสดงความดีอกดีใจอย่างลิงโลด ปากก็พร่ำพูดว่าเขาคิดถึงหนูใจจะขาด เขารักหนูจนล้นหัวใจ และอะไรต่อมิอะไรร้อยแปดพันประการ
    ในที่สุดก็อ้อนวอนขอคืนดีด้วย รับรองว่าจะไม่ให้มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น และเขาก็ชวนหนูไปเที่ยวกับเขา หนูก็ใจอ่อนเพราะความจริงหนูยังรักเขาเหมือนกัน หนูจึงไปกับเขาด้วยความซื่อไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นแผนการณ์ของเขาที่จะทำจนถึงตาย
    เขาได้คบคิดกับเพื่อนอีกสองคนไว้ล่วงหน้าแล้วในการที่จะลวงหนูไปทำปู้ยี้ปู้ยำและฆ่าหนูให้ตาย หนูไม่รู้เลยว่าจะตกหลุมที่เขาขุดดักไว้ตามแผนการณ์ของเขา
    เราเดินคุยกันมาตั้งแต่วังบูรพาจนถึงสามแยก เขาก็ชวนหนูไปยังห้องพักของเขาซึ่งอยู่บริเวณสามแยกนั้น ที่นี่เราเคยมาด้วยกันบ่อยครั้งในระหว่างที่เราติดต่อกัน และเป็นที่ที่เราเคยอยู่ร่วมกัน จึงไม่เป็นเรื่องแปลกอะไรที่เราจะพบกันอีก
    แม้หนูจะรู้ดีว่าการที่เขาชวนหนูมาเพื่อต้องการอะไร แต่หนูก็หาเฉลียวใจ หรือมีลางสังหรณ์อะไรไม่ ว่าชะตาของหนูจะถึงฆาตในคืนนั้น หนูไม่ได้คิดสักนิดเดียวว่าหนูกำลังเดินทางไปหาความตายและที่ตายของหนูจะอยู่ที่นั่น
    เมื่อเราทั้งสองเข้าไปในห้องพักหรือที่อยู่ของเขาแล้ว เขาก็ปิดประตูใส่กลอนตามที่เคยทำมา แล้วเขาก็เริ่มทำกับหนูอย่างเคยเหมือนเมื่อครั้งเรายังรักกันอยู่ หนูก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรจากนั้นหนูก็หลับไปพักใหญ่
    ตกดึกประมาณตีสอง หนูรู้สึกว่ามีคนมาทับอยู่บนตัวหนู ไฟก็มืดไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ตามสังเกตรู้สึกว่าจะมีคนสัก 3 คนแต่ละคนไม่พูดพล่ามทำเพลง ทุกคนลงมือทำกับหนูจนสำเร็จความต้องการทั่วกัน แม้หนูจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทางต่อสู้ได้ เพราะถูกมัดมือและเอาผ้าอุดปากไว้ แล้วถูกอีกสองคนกดตัวให้นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงตลอดเวลา
    ครั้นคนทั้งสามทำกับหนูจนพอใจแล้ว เขาก็ช่วยกันเอาผ้ามารัดคอหนูแน่นเข้าทุกที หนูหายใจไม่ออกเลยทั้งดิ้นทั้งร้องแต่ก็ร้องไม่ออก กำลังร่างกายก็อ่อนเพลียลงไปทุกที ๆ จนในที่สุดก็สิ้นสติและหมดลมหายใจ
    ต่อจากนั้น เมื่อเขาทั้งสามเห็นหนูตายสนิทแล้วเขาก็ชวนกันยกร่างหนูเอาผ้าผูกคอโยงไว้กับเพดานห้องน้ำให้ร่างหนูแขวนห้อยอยู่ ดูเหมือนคนผูกคอตาย แล้วคนเหล่านั้นก็หลบหนีไปหมดกว่าจะมีคนมาพบเวลาก็ล่วงเลยไป 12 ชั่วโมง เป็นอันไม่ต้องพูดถึงการช่วยเหลือ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
    "นับแต่นั้นมา วิญญาณก็สิงอยู่ในห้องนั้นเอง จนได้พบกับคุณทัศนัยดังที่หนูได้เล่าให้ฟังแต่ต้น ส่วนชายทั้งสามคนต่อมาภายหลังก็ถูกจับได้หมดทุกคน ขณะนี้กำลังติดคุกอยู่ตามคำพิพากษาของศาลตามกรรมที่เขาได้กระทำไว้ ซึ่งหนูก็ได้ให้อภัยแก่เขาหมดแล้ว เป็นอันสิ้นเวรสิ้นกรรมกันไปเสียที"
    นี่คือเรื่องราวของผีสาวลินจงซึ่งได้เล่าให้ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะรับรู้ตั้งแต่ต้น จนถึงมีความสัมพันธ์อันพิศดารเหลือเชื่อฉันท์สามีภรรยา กับหนุ่มธนาคารชื่อทัศนัย กระทั่งเธอให้คำมั่นถอนอำนาจทรมานเขาตามที่พลโทสมานขอร้อง
    พลโทสมาน วีรไวทยะ ทำพิธีเรียกวิญญาณลินจงมาพบด้วยจิตตานุภาพในเวลากลางคืนอันเงียบสงัด กระทั่งรับรู้รายละเอียดทุกอย่างจนกระทั่งหมดสิ้นและเช้าวันนั้นท่านก็ได้นัดหมายจะไปพบหนุ่มทัศนัยในวันต่อมา
    แต่พอเย็นวันนั้น พลโทสมานก็ได้รับข่าวว่าทัศนัยหายจากอาการจิตประสาทแล้ว สติสัมปชัญญะของเขากลับคืนเป็นปกติทุกอย่างเหมือนกับเขาไม่เคยเกิดอาการวิปริตประหนึ่งวิกลจริตมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก และญาติผู้ใหญ่ของทัศนัยปีติดีใจเป็นอย่างยิ่ง
    ท่านพลโทสมานได้พบกับญาติผู้ใหญ่ของหนุ่มทัศนัยท่านได้สอบถามรายละเอียดจากผู้ปกครองของทัศนัยได้ความจริงเพิ่มเติมมาอีกว่า อาคารตึกแถวละแวกสามแยกที่ทัศนัยอาศัยอยู่เป็นร้านค้าของญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเซ้งให้ทัศนัยมานอนเฝ้าร้านในตอนกลางคืน โดยทัศนัยไม่รู้ว่าห้องที่เขานอนเป็นห้องที่ลินจงถูกฆ่าตาย กระทั่งได้เกิดเรื่องพิสดารขึ้น
    พลโทสมานได้อธิบายให้ญาติผู้ใหญ่ของทัศนัยรู้ว่า เรื่องราวอันเหลือเชื่อนี้มีความเป็นมาอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่ควรกระทำก็คือทัศนัยควรที่จะบวชให้เมียผีของเขาคือลินจง ญาติผู้ใหญ่ก็เห็นด้วยตกลงกันว่าจะให้ทัศนัยบวชแน่นอน
    พลโทสมาน วีระไวทยะ จึงเรียกวิญญาณลินจงมาพบและแจ้งให้เธอทราบว่าฝ่ายชายจะบวช เพื่อบำเพ็ญกุศลให้แก่เธอวิญญาณของลินจงมีความพอใจอย่างมากเพราะกุศลในการบวชครั้งนี้จะทำให้เธอได้อยู่อย่างเป็นสุขยิ่งกว่าเดิม
    แต่วิญญาณของลินจงยังเปี่ยมด้วยความรัก ความหึงสามีมนุษย์ของเธออยู่ เธอได้ขอร้องท่านพลโทสมานให้ไปขอสัญญากับทัศนัยว่า ก่อนที่จะถึงเวลาบวชอย่าให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นเด็ดขาด หากเขาไม่เชื่อฟังและยังและแอบนอกใจเธออีกเธอจะกระทำร้ายต่อเขายิ่งกว่าเดิม พร้อมกันนั้นวิญญาณลินจงยังขอให้ท่านพลโทสมานรับปากกับเธอว่า อย่ายุ่งเกี่ยวกับเธอและสามีหากเขาผิดคำสัญญา ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างสามีภรรยาเถิด
    พลโทสมานรับคำว่าจะกระทำตามที่เธอพูด และท่านได้บอกกับลินจงว่าให้เธอหยุดอาละวาด อย่าไปรบกวนทัศนัยอีก ให้ปล่อยเขาเป็นอิสระระหว่างการเตรียมตัวบวชนี้ ลินจงก็ให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น
    พลโทสมานได้ไปพบกับญาติผู้ใหญ่ของทัศนัย เล่ารายละเอียดที่ท่านเรียกวิญญาณลินจงมาพบ และได้ตกลงเรื่องอะไรกับวิญญาณลินจงไปบ้าง ฝ่ายญาติผู้ใหญ่ผู้ปกครองของทัศนัยก็รับรองยืนยันว่าจะปฏิบัติตามท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ บอกกล่าวแนะนำทุกอย่าง และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทัศนัยก็เป็นปกติไม่มีอาการโรคจิตประสาทแต่อย่างใดปรากฎแม้แต่น้อย
    อันที่จริงเรื่องเหลือเชื่อเรื่องนี้ ซึ่งเริ่มต้นในทางร้ายน่าจะจบลงด้วยดีทุกฝ่าย รอคอยเพียงเวลาถึงกำหนดบวชของทัศนัยเท่านั้นเอง แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างกลับพลิกผันเปลี่ยนแปลงเป็นตรงกันข้ามหมดสิ้น ดังที่ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ ได้เขียนเอาไว้ต่อไปนี้
    "เหตุการณ์นี้.เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันคือ พ.ศ 2505 ใกล้จะถึงเวลาบวชเข้าพรรษาอยู่แล้วระหว่างนั้นเป็นระยะเวลาของการบวชอันเป็นประเพณีนิยมของชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ทางฝ่ายชายกำลังเตรียมตัวจะบวชและสิ่งของต่าง ๆ ในการบวชก็ได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว
    "เด็กหนุ่มทัศนัยกำลังท่องบทเล่าเรียนบทขานนาคอยู่กับพระภิกษุซึ่งจะเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ เป็นอันว่าทุกอย่างคงสงบเป็นปกติไม่มีวี่แววว่าจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นเลย แต่แล้ววันหนึ่งนายทหารเพื่อนของข้าพเจ้าก็มาหา และเล่าให้ฟังว่าทัศนัยซึ่งขณะกำลังเตรียมตัวบวชอยู่ได้เกิดมีการอาละวาด เหมือนคนเสียสติขึ้นมาอีก ทั้งยังรุนแรงกว่าเก่าที่เคยเป็นมาแล้วมาก จนไม่สามารถจะอยู่วัดได้ต้องนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาปากคลองสาน ขอให้รีบช่วยหน่อยเพราะจวนถึงเวลาบวชแล้ว
    "ข้าพเจ้าได้ทราบเรื่องก็ตกใจ และพลอยเสียดายที่ได้ช่วยให้คนบวชอันเป็นกุศลสูง แต่กลับบวชไม่สำเร็จ เพราะมามีเรื่องขึ้นอีก ข้าพเจ้ารู้ดีว่าแม่สาวสวยลินจงเกิดแผลงฤทธิ์อีกแล้ว คงจะเป็นเพราะอารมณ์หึงหวงอันเป็นนิสัยดั้งเดิมของสตรีนั่นเอง ตอนแรกพอได้ฟังเรื่องทำให้ข้าพเจ้านึกตำหนิวิญญาณของลินจงสาวคนนี้ แต่เมื่อนึกถึงคำมั่นสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ให้แก่กันก็คิดว่า ทางฝ่ายคนของเราคงจะเสียนิสัยเป็นแน่ และข้าพเจ้าก็ได้รับปากดวงวิญญาณของหญิงสาวแล้วว่า ถ้าเกิดมีการผิดคำสัตย์กันขึ้น ข้าพเจ้าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีก ปล่อยให้เป็นเรื่องของผัว ๆ เมีย ๆ คนกับผีเขาจัดการเอง
    "เมื่อเพื่อนทหารกลับไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงเรียกวิญญาณของหญิงสาวมาสอบถามดูว่าเหตุใดเธอจึงทำกับเขาเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะบวชให้ในไม่กี่วันนี้ คราวนี้หญิงสาวมาปรากฎตัวแก่ข้าพเจ้า พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังพลางร้องไห้ว่า.
    "หนูได้บอกกับท่านแล้ว ให้ขอร้องเขาไม่ให้ยุ่งกับหญิงคนอื่นหรือไปเที่ยวซุกซนที่ไหน แต่เขาไม่รักษาสัตย์ที่สัญญากับหนูไว้ เขาแอบไปเที่ยวกับแฟนของเขา และไปหาความสุขร่วมกัน เขานึกว่าหนูไม่รู้ แต่หนูรู้ทุกอย่าง หนูจึงลงโทษเขาหลังจากที่เขากลับที่พักแล้ว ครั้งนี้หนูจะไม่ยอมให้อภัยเขาอีกเลย ทั้ง ๆ ที่เขาจะบวชอยู่แล้ว เขายังกล้าทำได้ เมื่อเขาไม่รักษาคำมั่นที่เขาให้ไว้ เขาก็ควรจะได้รับโทษให้สมกับความไม่ซื่อตรงต่อสัจจะ ขอท่านได้กรุณาให้ความเป็นธรรมแก่หนูด้วย ถึงท่านจะลงโทษหรือตำหนิหนูอย่างไรหนูยอมทั้งนั้น
    "แม้ข้าพเจ้าจะได้ชี้แจงให้วิญญาณของหญิงสาวลินจงทราบถึงวิบากกรรม คือผลแห่งการกระทำที่ขัดต่อบุญกุศลทางศาสนาว่า จะได้รับโทษต้องชดใช้กรรมนั้นอย่างไร ซึ่งดวงวิญญาณทุกดวงย่อมรู้กฎเกณฑ์เหล่านี้ดี แต่ความหึงหวงและแรงโทสะกล้าเกินกว่าที่จะหักห้าม และทำให้มองเห็นถึงความผิดชอบชั่วดีได้เสียแล้ว ผลที่สุดข้าพเจ้าก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมอย่างช่วยไม่ได้
    "ครั้นตอนเย็นวันรุ่งขึ้นเมื่อข้าพเจ้าได้พบกับญาติซึ่งเป็นผู้ปกครองของทัศนัย และได้สอบถามถึงความเป็นมาของเรื่องที่ทำให้เกิดอาการคลั่งขึ้นมาอีกในตอนแรก ทางญาติได้ปฏิเสธไม่ยอมบอกความจริง แต่ข้าพเจ้าเล่าเรื่องที่ดวงวิญญาณของสาวน้อยลินจงบอกกับข้าพเจ้า ปรากฎว่าทางผู้ปกครองของทัศนัยถึงกับอึ้งพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง และในที่สุดก็ยอมรับว่าทุกอย่างที่ข้าพเจ้าทราบมาจากดวงวิญญาณนั้นเป็นความจริง
    "เพราะตอนค่ำวันที่จะเกิดเรื่อง เด็กหนุ่มคนนี้ได้ออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อน ๆ ฉลองการจะเข้าบวชในบวรพุทธศาสนา ซึ่งจะถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากกินเลี้ยงกันแล้ว พวกเพื่อน ๆ ได้ชวนไป
    สถานราตรีแห่งหนึ่งจนดึกประมาณ 1 นาฬิกา จากนั้นได้พาหญิงสาวคู่เต้นรำในราตรีสถานไปเที่ยวกันตามลำพังสองต่อสอง พอกลับบ้านได้สักพักใหญ่ หลังจากอาบน้ำจะเข้านอนก็เกิดมีอาการอาละวาดทันที และพูดว่าจะไม่ยอมบวช จะไม่ยอมบวช ถึงจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ย่อมบวชเป็นอันขาด
    "พวกพี่ ๆ ก็ได้ช่วยกันปลอบโยน และชี้แจงว่าทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว วันเวลาก็ใกล้เข้ามามาก ขอให้แข็งใจบวชสักพักหนึ่งให้คุณพ่อคุณแม่และผู้มีพระคุณ เจ้าตัวก็ร้องไม่ยอมบวช ๆ อยู่ท่าเดียว ถึงใคร ๆ จะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมฟังทั้งนั้น ยิ่งพูดกันมากเข้าก็ยิ่งแสดงกิริยาอาละวาดรุนแรงยิ่งขึ้นทุกที จนไม่สามารถจะเอาตัวไว้ได้ จึงต้องนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา
    "เป็นอันว่าการบวชของเด็กหนุ่มนั้นต้องล้มเลิกไป เพราะเจ้าตัวขาดคุณสมบัติของการบวช เพราะเหตุที่ผิดต่อสัจจะสัญญาปล่อยกายปล่อยใจให้เหลวแหลกไปกับกามคุณอย่างปราศจากสติ"
    ไม่กี่นาทีจริง ๆ ที่เป็นความสุขในกามราคะ
    และเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น.เวลาอันยาวนานช่วงหนึ่งของชีวิตต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดายเช่นทัศนัยหนุ่มธนาคารผู้มีเมียผีคนนี้
     
  2. rukmac

    rukmac เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +377
    ขอบคุณครับที่นำมาเล่าสู่กันฟัง จากเรื่องนี้ก็ทำให้คิดสงสัยว่าการได้เกิดมามีรูปร่างหน้าตาดี จะถือว่าเป็นบุญหรือเปล่า? เท่าที่ผมเคยรู้จักมาแต่ละคนก็จะข้องแวะมัวเมากิเลสตัญหาทั้งนั้น
     
  3. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ปีศาจตนนี้ คงเป็นผู้หญิงมั่งครับ เพราะชื่อ ลาคะ
     
  4. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ขอโทษนะครับผมก็เคยแต่ผมแค่นิดเดียวโดนขึ้นไม่ถึงนาทีผมก็เรียกพระเวสมาช่วย เพราะผมรู้ว่าคนกับผีอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ในโลกมนุษย์ผมก็มีเมียอยู่แล้วด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...