พระพุทธกิจ 5 ประการของพระศาสดา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย อวิปลาส, 12 มีนาคม 2009.

  1. อวิปลาส

    อวิปลาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +353
    พระพุทธกิจ คือกิจที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ถือปฏิบัติ หลังจากตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาน ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์แล้ว พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพุทธจริยา อันเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ชาวโลก ทรงโปรดเวไนยสัตว์ ด้วยพระอัธยาศัยอันเปี่ยมด้วยพระมหากรุณา ทรงอนุเคราะห์เกื้อกูลมวลสัตว์โลกให้ตั้งอยู่ในสรณะ ให้เป็นสุขพ้นจากทุกข์และบรรลุอมตธรรม ไม่ว่าพระองค์จะประทับอยู่ ณ สถานที่ใด พระองค์ก็มิได้ทรงละกิจ 5 ประการ คือ

    กิจในปุเรภัต เวลาเช้า เสด็จบิณฑบาต
    กิจในปัจฉาภัต เวลาเย็น ทรงแสดงธรรมโปรดมหาชน
    กิจในปฐมยาม เวลาค่ำ ประทานโอวาทแก่ภิกษุ
    กิจในมัชฌิมยาม เวลาเที่ยงคืน ทรงวิสัชนาปัญหาแก่เทวดา
    กิจในปัจฉิมยาม เวลาใกล้รุ่งทรงตรวจดูสัตว์โลกอันควรเสด็จไปโปรด


    กิจในปุเรภัต พระภู้มีพระภาคเจ้าทรงตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ หลังจากปฏิบัติพระสรีระแล้ว ประทับบนพุทธอาสน์ เพื่อรอเวลาภิกขาจาร ครั้นได้เวลา ทรงครองจีวร ถือบาตร เสด็จดำเนินไปบิณพบาตยังคามนิคม บางครั้งเสด็จไปเพียงพระองค์เดียว บางครั้งมีสงฆ์สาวกตามเสด็จ ชนทั้งหลายพากันบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกไม้และของหอม เป็นต้น แล้วกราบทูลอาราธนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดประทานภิกษุแก่ข้าพองค์ 10 รูปบ้าง 20 รูปบ้าง 30 รูปบ้าง เพื่อรับอาหารบิณฑบาตยังเรือนของพวกข้าพระองค์ แล้วรับบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปูลาดอาสนะ น้อมถวายอาหารบิณฑบาตโดยเคารพ
    เมื่อพระพุทธองค์เสร็จสิ้นภัตกิจแล้ว ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรด ชนเหล่านั้นบางพวกตั้งอยู่ในสรนคมน์ บางพวกตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล สกทาคามิผล หรืออนาคามิผล ทรงอนุเคราะห์มหาชนดังนี้แล้ว เสด็จกลับไปยังวิหาร ทรงรอภิกษุที่กลับจากบิณฑบาต ครั้นภิกษุทั้งหลายเสร็จจากภัตกิจแล้ว ภิกษุผู้อุปัฎฐากจะกราบทูลให้ทรงทราบว่าเหล่าภิกษุพร้อมแล้ว
    พระพุทธองค์จะเสด็จมาประทับ ณ ธรรมศาลา ทรงประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด แล้วตรัสเตือนด้วยคาถาว่า
    การเกิดเป็นมนุษย์ หาได้อยาก
    การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า หาได้อยาก
    พระสัทธรรมหาได้ยากยิ่ง
    การถึงพร้อมด้วยศรัทธา หาได้ยาก
    การออกจากเรือนบวช หาได้ยาก
    การได้ฟังพระสัทธรรม หาได้ยาก
    ณ ที่นั้น ภิกษุบางพวกทูลถามกัมมัฏฐาน พระผู้มีพระภาคเจ้าก็จะประทานกัมมัฏฐานที่เหมาะแก่จริตของภิกษุนั้น จากนั้น บรรดาภิกษุถวายบังคมลา แล้วไปสู่ที่พักกลางวันของตน บางพวกไปป่า บางพวกไปสู่โคนไม้ บางพวกไปยังภูเขา และถำ้เป็นต้น
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จเข้าพระคันธกุฏี หากมีพุทธประสงค์ก็จะทรงสำเร็จสีหไสยาครู่หนึ่ง ครั้นพระวรกายปลอดโปร่งแล้ว เสด็จลุกขึ้นประทับนั่งตรวจดูสัตว์โลกที่สามารถบรรลุธรรม ณ คามหรือนิคมที่พระองค์ประทับอยู่ในเวลานั้น
    กิจในปัจฉาภัต ในช่วงเย็น ครั้นได้เวลาอันสมควร มหาชนต่างพากันถือดอกไม้และของหอม เป็นต้น เข้าไปประชุมกันในพระวิหาร เมื่ิอบริษัทพร้อมเพรียงกันแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาประทับ ณ บวรพุทธอาสน์ ทรงแสดงธรรมอันควรแก่กาลสมัย และจริตของมหาชนเหล่านั้น

    กิจในปฐมยาม หลังจากเสร็จกิจในปัจฉาภัตแล้ว หากทรงมีพระพุทธประสงค์จะโสรจสรงพระวรกายก็จะเสด็จเข้าซุ้มอันเป็นที่สรงสนาน เสร็จแล้วทรงครองจีวรเฉวียงบ่า เสด็จไปประทับนั่งบนพุทธอาสน์ ที่ภิกษุอุปัฏฐากเตรียมไว้ ประทับอยู่ครู่หนึ่งแต่ลำพังพระองค์เดียว
    เมื่ิอภิกษุทั้งหลายพากันมาเฝ้า บางพวกทูลถามปัญหา บางพวกทูลขอกัมมัฏฐาน บางพวกทูลขอฟังธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุเคราะห์ภิกษุเหล่านั้น ทรงแก้ปัญหา ทรงแสดงธรรม แล้วประทานโอวาท พระพุทธองค์ประทับอยู่ตลอดยามต้นด้วยกิจเหล่านี้

    กิจในมัชฌิมยาม เมื่อพระพุทธองค์สิ้นสุดกิจในปฐมยามแล้ว เหล่าเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ได้โอกาสก็พากันเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ต่างทูลถามปัญหาที่เตรียมมา โดยที่สุดแม้ปัญหานั้นจะมีอักขระเพียง 4 คำ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็จะทรงวิสัชนาปัญหาแก่เทวดาเหล่านั้น ทรงยังให้มัชฌิมยามผ่านไปด้วยการอนุเคราะห์แก่เทวดาทั้งหลาย

    [COLOR=Blue]กิจในปัจฉิมยาม [COLOR=Black]เวลาใกล้รุ่ง ทรงแผ่ข่ายพระญาณตรวจดูสัตว์โลก
    กิจในปัจฉิมยาม พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแบ่งเวลาเป็น 3 ระยะ คือ

    [COLOR=Blue]ระยะแรก เสด็จจงกรม เพื่อทรงเปลื้องความล้าแห่งพุทธสรีระ
    ระยะที่สอง ทรงสำเร็จสีหไสยา โดยพระปรัศว์เบื้องขวา
    ระยะที่สาม เสด็จลุกขึ้นประทับนั่ง ทรงตรวจดูสัตว์โลก

    [COLOR=Black]ในระยะที่สามนี้ พระบรมศาสดาจะทรงพิจารณาบุคคลผู้สร้างสมบุญญาธิการไว้ด้วยอำนาจทานและศีล มาตั้งแต่สมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดในอดีต เพื่อจักเสด็จไปโปรดชนเหล่านั้นไห้ได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ หรือนิพพานสมบัติตามบุญบารมีของแต่ละบุคคลโดยมิทรงคำนึงถึงสถานที่และระยะทางว่าจะไกลหรือใกล้เพียงใด

    พระบรมศาสดาทรงบำเพ็ญพระพุทธกิจ 5 ประการนี้ ด้วยพระพุทธจริยา คือ ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่พระญาติ และทรงบำเพ็ญประโยชน์ทุกประการในฐานะของพระพุทธเจ้า ด้วยพระมหากรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ ทั้งในพรรษากาลและนอกพรรษากาล [COLOR=Blue]นับแต่ตรัสรู้จนกระทั่งเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เป็นเวลา 45 พรรษา พรรษาที่ 45 ทรงประทับจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม ใกล้กรุงเวสาลี แคว้นวัชชี ครั้นออกพรรษาแล้ว เสด็จโปรดเวไนยสัตว์ตามเส้นทางจาริกครั้งสุดท้าย จากแคว้นวัชชีไปยังแคว้นมัลละและเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ กรุงกุสินารา

    [COLOR=Red][SIZE=4] [SIZE=5]กุสินาราจึงเป็นสถานที่สิ้นสุดการเดินทาง
    กุสินาราจึงเป็นสถานที่สิ้นสุดพระโอวาท
    กุสินาราจึงเป็นสถานที่สิ้นสุดพระพุทธกิจ
    กุสินาราจึงเป็นสถานที่สิ้นสุดพระชนชีพ
    กุสินาราจึงเป็นสถานที่สิ้สุดภพชาติ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้
    [/SIZE][/SIZE][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/COLOR]


     
  2. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    อนุโมทนาครับ... พระศาสดา ท่านเปรียมด้วยความเมตตา โปรดสรรพสิ่งทุกวันทุกเวลา ไม่เคยบ่นและท่านต้อนรับทุกคน ถึงแม้ท่านจะใกล้ปรินิพพาน ก็ยังทรงให้เข้าเฝ้าเพื่อตอบปัญหาธรรม แก่ชนทั่วไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...