วิธีการฝึก อภิญญา โดย พระราชพรหมยาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 2 กรกฎาคม 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291

    [​IMG]
    อภิญญา (ฉฬภิญโญ)

    <O:p
    อัชฌาสัยของท่านที่ชอบมีฤทธิ์มีเดชทำอะไรต่ออะไรเกินกว่าสามัญชนจะทำได้ เรียกว่า
    อัชฌาสัยของท่านผู้มีฤทธิ์หรือท่านผู้ทรงอภิญญา ๖

    อภิญญา ๖ นี้เป็นคุณธรรมพิเศษสำหรับนักปฏิบัติอีกอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องฝึกฝนตนเป็นพิเศษ
    ให้ได้คุณธรรมห้าประการก่อนที่จะได้บรรลุมรรคผลหมายความว่าในระหว่างที่ทรงฌานโลกีย์นั้น ต้องฝึกฝนให้สามารถทรงคุณสมบัติห้าประการดังต่อไปนี้

    ๑. อิทธิฤทธิ์ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
    ๒. ทิพยโสต มีหูเป็นทิพย์สามารถฟังเสียงในที่ไกลหรือเสียงอมนุษย์ได้ยิน
    ๓. จุตูปปาตญาณรู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์
    ๔. เจโตปริยญาณรู้ความรู้สึกในความในใจของคนและสัตว์
    ๕. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้

    ทั้งห้าอย่างนี้จะต้องฝึกให้ได้ในสมัยที่ทรงฌานโลกีย์ต่อเมื่อฝึกฝนคุณธรรมหกประการนี้
    คล่องแคล่วว่องไวดีแล้วจึงฝึกฝนอบรมในวิปัสสนาญาณต่อไป เพื่อให้ได้อภิญญาข้อที่

    ๖. คืออาสวักขยญาณได้แก่การทำอาสวะให้หมดสิ้นไป

    [​IMG]


    <O:p
    วิธีฝึกอภิญญา

    วิธีฝึกอภิญญานี้หรือฝึกวิชชาสาม และปฏิสัมภิทาญาณ โปรดทราบว่าเอามาจากวิสุทธิมรรคไม่ใช่ผู้เขียนเป็นผู้วิเศษทรงคุณพิเศษตามที่เขียนเพียงแต่ลอกมาจากวิสุทธิมรรค และดัดแปลงสำนวนเสียใหม่ให้อ่านง่ายเข้าใจเร็วและใช้คำพูดเป็นภาษาตลาดที่พอจะรู้เรื่องสะดวกเท่านั้นเองโปรดอย่าเข้าใจว่าผู้เขียนแอบเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณไปเสียแล้วนรกจะเล่นงานผู้เขียนแย่

    ส่วนใหญ่ในข้อเขียนก็เอามาจากวิสุทธิมรรคและเก็บเล็กผสมน้อยคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์บ้างตามแต่จะจำได้สำหรับอภิญญาข้อ๓ถึงข้อ ๕ ได้อธิบายมาแล้วในวิชชาสามสำหรับในอภิญญานี้จะอธิบายเฉพาะข้อ ๑ กับข้อ ๒ เท่านั้น


    อิทธิฤทธิ์

    ญาณข้อ ๑ ท่านสอนให้ฝึกการแสดงฤทธิ์ต่างๆการแสดงฤทธิ์ทางพระพุทธศาสนานี้ ท่านสอนให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้ ท่านให้เจริญคือฝึกในกสิณแปดอย่างให้ชำนาญ กสิณแปดอย่างนั้นมีดังนี้

    ๑. ปฐวีกสิณ เพ่งธาตุดิน
    ๒. อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ
    ๓. เตโชกสิณ เพ่งไฟ
    ๔. วาโยกสิณ เพ่งลม
    ๕. ปีตกสิณ เพ่งสีเหลือง
    ๖. นีลกสิณ เพ่งสีเขียว
    ๗. โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
    ๘. โอทาตกสิณ เพ่งสีขาว

    เหลือกสิณอีกสองอย่างคือ อาโลกสิณ เพ่งแสงสว่างและอากาสกสิณเพ่งอากาศ ท่านให้เว้นเสีย ทั้งนี้จะเป็นเพราะอะไรท่านไม่ได้อธิบายไว้ แต่สำหรับท่านที่ทรงอภิญญาจริงๆที่เคยพบในสมัยออกเดินธุดงค์ท่านบอกว่า ท่านไม่ได้เว้น ท่านทำหมดทุกอย่างครบ ๑๐ กอง ท่านกล่าวว่า กสิณนี้ถ้าได้กองแรกแล้ว กองต่อไปไม่มีอะไรมาก ทำต่อไปไม่เกิน ๗ วันก็ได้ กองยากจะใช้เวลานาน อยู่กองแรกเท่านั้นเอง ต่อไปจะได้อธิบายในการปฏิบัติกสิณพอเป็นตัวอย่าง

    [​IMG]

    ปฐวีกสิณ

    กสิณนี้ท่านให้เพ่งดิน เอาดินมาทำเป็นรูปวงกลมโดยใช้สะดึงขึงผ้าให้ตึงแล้วเอาดินทา
    เลือกเฉพาะดินสีอรุณแล้วท่านให้วางไว้ในที่พอเหมาะที่จะมองเห็นไม่ใกล้และไกลเกินไปเพ่งดูดิน ให้จำได้แล้วหลับตานึกถึงภาพดินนั้น ถ้าเลือนไปจากใจก็ลืมตาดูดินใหม่จำได้ดีแล้วก็หลับตานึกถึงภาพดินนั้น จนภาพนั้นติดตาต่อไปไม่ต้องดูภาพดินภาพนั้นก็ติดตาติดใจจำได้อยู่เสมอ ภาพปรากฏ แก่ใจชัดเจนจนสามารถบังคับภาพนั้นให้เล็ก โต สูง ต่ำได้ตามความประสงค์อย่างนี้เรียกว่าอุคหนิมิตหยาบ

    ต่อมาภาพดินนั้นจะค่อยๆเปลี่ยนสีไปที่ละน้อย จากสีเดิมไปเป็นสีขาวใสจนใสหมดก้อนและ เป็นประกายสวยสดงดงามคล้ายแก้วเจียระไนอย่างนี้เรียกว่าถึงอุปจารฌานละเอียดต่อไปภาพนั้น จะสวยมากขึ้นจนมองดูระยิบระยับจับสามตา เป็นประกายหนาทึบอารมณ์จิตตั้งมั่นเฉยต่ออารมณ์ ภายนอกกายคล้ายไม่มีลมหายใจ อย่างนี้เป็นฌาน๔เรียกได้ว่าฌานปฐวีกสิณเต็มที่แล้ว

    เมื่อได้อย่างนี้แล้วท่านผู้ทรงอภิญญาท่านนั้นเล่าต่อไปว่าอย่าเพิ่งทำกสิณกองต่อไปเรา จะเอาอภิญญากัน ไม่ใช่ทำพอได้เรียกว่าจะทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้ต้องให้ได้เลยทุกอย่างได้อย่างดีทั้งหมดถ้ายังบกพร่องแม้แต่นิดหนึ่งก็ไม่ยอมเว้นต้องดีครบถ้วนเพื่อให้ได้ดีครบถ้วน


    ท่านว่าพอได้ตามนี้แล้วให้ฝึกฝนเข้าฌานออกฌาน คือเข้าฌาน ๑.๒.๓.๔. แล้วเข้าฌาน ๔. ๓. ๒. ๑.แล้วเข้าฌานสลับฌาน คือ ๑. ๔. ๒. ๓.๓. ๑. ๔. ๒.๔. ๑. ๒. ๓.สลับกันไปสลับกันมา อย่างนี้จนคล่อง คิดว่าจะเข้าฌานระดับใดก็เมื่อใดก็ได้ต่อไปก็ฝึกนิรมิตก่อน ปฐวีกสิณเป็นธาตุดิน ตามคุณสมบัติท่านว่าสามารถทำของอ่อน ให้แข็งได้ สำหรับท่านที่ได้กสิณนี้ เมื่อเข้าฌานชำนาญแล้วก็ทดลองการนิรมิต

    ในตอนแรกท่านหาน้ำใส่แก้วหรือภาชนะอย่างใดก็ได้ที่ขังน้ำได้ก็แล้วกันเมื่อได้มาครบแล้วจงเข้าฌาน ๔ในปฐวีกสิณ แล้วออกฌาน ๔ หยุดอยู่เพียงอุปจารฌาน คือ พอมีอารมณ์นึกคิดได้ ในขณะที่อยู่ในฌานนั้นนึกคิดไม่ได้เมื่อถอยจิตมาหยุดอยู่ที่อุปจารฌานแล้วอธิษฐานว่าขอน้ำตรงที่เอานิ้วจิ้มลงไปนั้นจงแข็งเหมือนดินที่แข็ง แล้วก็เข้าฌาน๔ ใหม่ ถอยออกจากฌาน ๔ หยุดอยู่เพียงอุปจารฌาน ลองเอานิ้วมือจิ้มน้ำดูถ้าแข็งก็ใช้ได้

    แล้วก็เล่นให้คล่องต่อไปถ้ายังไม่แข็งต้องฝึกฝนฌานให้คล่องและมั่นคงกว่านั้นเมื่อขณะฝึก นิรมิตอย่าทำให้คนเห็น ต้องทำที่ลับเฉพาะเท่านั้น ถ้าทำให้คนเห็นพระพุทธเจ้าท่านปรับโทษไว้ เราเป็นนักเจริญฌานต้องไม่หน้าด้านใจด้านจนกล้าฝ่าฝืนพระพุทธอาณัติเมื่อเล่นน้ำในถ้วยสำเร็จผลแล้ว ก็คำว่าสำเร็จนั้นหมายความว่าพอคิดว่าเราจะให้น้ำแข็งละน้ำก็แข็งทันทีโดยเสียเวลาไม่ถึงเสี้ยวนาที อย่างนี้ใช้ได้

    ต่อไปก็ทดลองในแม่น้ำและอากาศเดินบนน้ำ บนอากาศ ให้น้ำในแม่น้ำ และอากาศเหยียบไปนั้น แข็งเหมือนดินและหินชำนาญดีแล้วก็เลื่อนไปฝึกกสิณอื่น ท่านว่าทำคล่องอย่างนี้กสิณเดียวกสิณอื่นพอนึกขึ้นมาก็เป็นทันที อย่างเลวสุดก็เพียง ๗ วัน ได้กองเสียเวลาฝึกอีก ๙ กองเพียงไม่เกินสามเดือนก็ได้หมดเมื่อฝึกครบหมดก็ฝึกเข้าฌานออกฌานดังกล่าวมาแล้ว และนิรมิตสิ่งต่างๆตามความประสงค์ อานุภาพของกสิณ จะเขียนไว้ตอนว่าด้วยกสิณ ๑๐

    [​IMG]

    <O:p
    ทิพยโสตญาณ

    ญาณนี้เป็นญาณในอภิญญาหกเป็นญาณที่สองรองจากอิทธิฤทธิญาณทิพยโสตญาณนี้
    เป็นญาณสร้างประสาทหูให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าประสาทหูธรรมดาสามารถฟังเสียงจากที่ไกลเกินหูสามัญจะได้ยินได้ เสียงเบาเสียงละเอียดเช่นเสียงอมนุษย์ เสียงเปร เสียงอสุรกาย ที่นิยมเรียกกันว่าเสียงผี เสียงเทวดาเสียงพรหมและเสียงของท่านที่เข้าถึงจุดจบของพรหมจรรย์ทิพยโสตญาณ ถ้าทำให้เกิดมีได้แล้วจะฟังเสียงต่างๆตามที่กล่าวมาแล้วได้อย่างอัศจรรย์

    เสียงหยาบละเอียดไม่เสมอกัน

    เสียงต่างๆที่จะพึงฟังได้นั้น มีความหยาบละเอียดชัดเจนหนักเบาไม่เสมอกันเสียงมนุษย์
    และสัตว์ที่ปรากฏร่างที่เห็นชัดเจน ย่อมมีเสียงดังมาก ฟังชัดเจนพวกมด ปลวก เล็น ไรฟังเสียงเบามาก แต่ก็ยังเป็นเสียงหยาบฟังง่ายและสะดวกกว่าเสียงอมนุษย์ เสียงเปรตอสุรกายและพวกยักษ์ กุมภัณฑ์คนธรรพ์นาค มีเสียงเบากว่าเสียงมนุษย์

    และสัตว์ที่สามารถเห็นได้ด้วยตาและเห็นได้ด้วย การใช้กล้องขยายส่องเห็น แต่ถ้าจะเปรียบกับพวกอทิสมานกายด้วยกันแล้ว บรรดาเสียงเปรตอสุรกาย ยักษ์กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ นาค ก็จัดว่ามีเสียงหยาบมากเสียงหนัก ดังมากได้ยินง่ายและชัดเจนเสียง ของเทวดาชั้นกามาวจรที่เรียกว่าอากาศเทวดาตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราช ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี ชั้นปรนิมมิตตวสวัสดี รวมหกชั้นนี้ เรียกว่าเทวดาชั้นกามาวจรเพราะยังมีอารมณ์ ท่องเที่ยว คือมี ความใคร่ในกามารมณ์เป็นภูมิชั้นของเทวดาที่ยังมีความเสน่หาในกามยังมีการครองคู่ เป็นสามีภรรยากันเยี่ยงมนุษย์

    เทวดาทั้งหกชั้นนี้มีเสียงละเอียดและเบากว่า พวกเปรต อสุรกาย ยักษ์ กุมภัณฑ์คนธรรพ์ นาค เสียงเทวดาชั้นกามาวจรละเอียด เบาและไพเราะมากฟังแล้วรู้สึกนิ่มนวล สดชื่นแต่ทว่าเทวดาทั้งหกชั้นนี้ก็ยังมีเสียงหยาบกว่าเสียงพรหมพรหมมีเสียงละเอียดและเบามาก ฟังเสียงพรหมแล้ว ผู้ที่ได้ยินใหม่ๆอาจจะเข้าใจว่า เป็นเสียงเด็กเล็กๆ หรือเสียงสตรีเสียงพรหม จะว่าแหลมคล้ายเสียงสตรีก็ไม่ใช่จะว่าเหมือนเสียงเด็กเล็กๆ ก็ไม่เชิงฟังแล้วก้ำกึ่งกันอย่างไรชอบกล

    ทุกท่านที่ได้ยิน ใหม่ๆ อดสงสัยไม่ได้สำหรับเสียงท่านที่จบพรหมจรรย์นั้น เป็นเสียงที่ละเอียดและเบามากไม่ทราบว่าจะพรรณนา อย่างไรถึงจะตรงกับความเป็นจริงเรื่อง ของเสียงมีความหนักเบาแตกต่างกันอย่างนี้แม้เสียงที่หยาบเป็นเสียงของมนุษย์และ สัตว์ที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าถ้าอยู่ไกลสักหน่อย หูธรรมดาก็ไม่สามารถจะได้ยิน

    แต่ท่านที่ได้ทิพยโสตญาณท่านสามารถได้ยินเสียงได้ แม้ไกลกันคนละมุมโลกท่านก็สามารถได้ยินเสียงพูดได้ และรู้เรื่องละเอียดทุกถ้อยคำ แม้แต่เสียงอมนุษย์เทวดา พรหม และเสียงท่านผู้จบพรหมจรรย์ก็เช่นเดียวกัน ท่านสามารถจะพูดคุยกับเทวดา พรหม ยักษ์ เปรต อสุรกาย และสัตว์นรกตลอดจนท่านผู้จบพรหมจรรย์ได้ทุกขณะ ที่ปรารถนาจะพูดคุยด้วยท่านที่ได้ทิพยโสตญาณนี้ ดูเหมือนจะมีกำไรในส่วน ของการฟังมากเป็นพิเศษ

    [​IMG]

    วิธีฝึกทิพยโสตญาณ

    ทิพยโสตญาณจะมีขึ้นได้แก่นักปฏิบัติกรรมฐาน ก็ต้องอาศัยการฝึกสำหรับท่านที่เป็น อาทิกัมมิกบุคคลหมายถึงท่านที่ไม่เคยได้ทิพยโสตญาณมาในชาติก่อนๆตามนัยวิสุทธิมรรคท่านให้ฝึกดังต่อไปนี้

    ท่านให้สร้างสมาธิในกสิณกองใดกองหนึ่ง จะเป็นกองใดก็ได้ตามใจชอบ จนได้ฌาน ๔แล้ว ท่านให้เข้าฌาน ๔ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์เงียบสงัดจากอกุศลวิตกแล้วถอยหลังจิต คือค่อยๆคลาย สมาธิมาหยุดอยู่เพียงอุปจารสมาธิ แล้วค่อยๆกำหนดจิตฟังเสียงที่ดังๆ ในที่ไกลพอได้ยินได้ และเสียงที่เบาลงไปเป็นลำดับ เช่นเสียงฆ้อง กลอง ระฆัง กำหนดฟังให้ชัดเจน แล้วค่อยๆเลื่อนฟังเสียงที่เบากว่านั้น

    ขณะที่กำหนดฟังอยู่นั้นถ้าเห็นว่าอารมณ์จะฟุ้งซ่าน ก็เข้าฌาน๔เสียใหม่ เมื่อเห็นอารมณ์ใจ สงัดดีแล้วจึงค่อยคลายสมาธิมาหยุดอยู่ที่อุปจารฌานแล้วค่อยๆกำหนดฟังเสียงที่เบาลงเป็นลำดับจนเสียงเล็นเสียงไรเสียงที่อยู่ไกลคนละทวีปและเสียงผี เสียงเปรต เสียงยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ เสียงนาค เทวดาชั้นกามาวจรเสียงพรหมเสียงท่านที่จบพรหมจรรย์ค่อยเลื่อนขึ้นเป็นลำดับแต่ทว่า

    การกำหนดฟังนั้นต้องฟังให้ชัดเจนเป็นขั้นๆ ไป ถ้าฟังเสียงหยาบยังได้ยินไม่ชัดเจนก็อย่าพยายามฟังเสียงที่ละเอียดกว่านั้น ต้องฟังเสียงอันดับใดอันดับหนึ่งให้ได้ยินชัดแจ่มใสเสียก่อน แล้วจึงเลื่อนไป ฟังเสียงที่ละเอียดกว่านั้นแล้วเข้าฌาน ๔ ออกฌาน ๔ ไว้เสมอๆ พยายามทำให้มากวันละหลายๆครั้งท่านกล่าวไว้ในวิสุทธิมรรคว่า ทำเป็นร้อยครั้งพันครั้ง ทำเสมอๆอย่าเกียจคร้าน ถ้าได้แล้วก็อย่าละเลยต้องทำไว้เสมอๆจะได้เกิดความเคยชินคล่องแคล่วว่องไวจนกระทั่งคิดว่าจะต้องการฟังเสียงเมื่อไร ก็ได้ยินเมื่อนั้น ไม่ว่าเสียงระดับใดอย่างนี้เป็นอันใช้ได้

    ทิพยโสตญาณมีวิธีปฏิบัติตามที่ท่านกล่าวไว้ในวิสุทธิมรรคอย่างนี้ขอนักปฏิบัติที่สนใจในญาณนี้ จงตั้งจิตอุตสาหวิริยะเป็นอันดี ไม่ท้อถอยแล้วเป็นมีหวังสำเร็จผลทุกราย ไม่มีอะไรที่ท่านผู้มีความวิริยะอุตสาหะจะทำไม่สำเร็จเว้นไว้แต่จะคุยโวโม้แต่ปากแต่ไม่เอาจริงเท่านั้นสำหรับฉฬภิญโญขอเขียนไว้เพียงเท่านี้ญาณอื่นๆนั้นได้เขียนไว้ในวิชชาสามครบถ้วนแล้ว
    <O:p

    (จบอิทธิฤทธิ์ไว้เพียงเท่านี้)

    [​IMG]
    ขออณุญาติ เนื่องด้วย เนื้อเรื่องยาว

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1024088/[/MUSIC]​
     
  2. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    กราบ อนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  3. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    [​IMG]
    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
     
  4. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    มีความตั้งใจ ที่จะปฏิบัติไห้ได้ แต่ก็คงขึ้นอยู่กับกำลังบุญบารมี

    แต่จะไม่ย่อท้อ...............

    อนุโมทนาธรรมครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    อนุโมทนา ในความตั้งใจ ที่จะปฏิบัติ เพื่อหวังเอาดี
    บารมี คือกำลังใจ ของเรานั่นเอง ทุกอย่าง อยู่ที่ความเพียร นะ
     
  6. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ผมเคยไปถึงหน้าวิหาร แต่ด้วยเหตุอันไม่ทราบต้องยกเลิกความตั้งใจที่จะเข้าไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    แปลกจริงหนอ..
     
  7. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    การเพ่งกสิน แบ่งออกเป็นการเพ่งด้วยตาเนื้อคือเพ่งแล้วจับภาพโฟกัสให้คมชัดอันนี้เพ่งด้วยตาเนื้อ แต่เป็นการเพ่งหลังจากหลับตาแล้วหากเพ่งแบบตาเนื้อจะเกิดอาการเกร็งปวดที่เบ้าตา และหว่างคิ้วฉนั้นควรเพ่งในลักษณะที่คล้ายกับการนอนหลับพักผ่อนเพียงแต่ประคองระลึกมโนภาพสิ่งของนั้นๆ หรือรูปธรรมที่นึกจะมโนภาพกันขึ้นด้วยจิต


    ผมเคยประสบกับตนเองช่วงที่ผมสวดมนต์ตอนเช้าแสงแดดเข้ามากระทบกับพระพุทธรูปทองเหลือง ผมก็จ้องที่องค์พระฯ แล้วบางบทสวดยาวจึงมีบางจังหวะที่ต้องหลับตาเพื่อจะได้มีสมาธิในการสวด ขณะนั้นเกิดภาพพระพุทธรูปเข้ามาในขณะที่หลับตา แล้วผมก็ลืมตาบ้างหลับตาบ้าง จนนานวันเข้าผมนั่งสมาธิไม่ได้กำหนดอะไรเลยว่าจะต้องเห็นภาพพระพุทธรูป แต่มีภาพพระพุทธรูปดังกล่าวซูมเข้ามาใกล้จนเห็นพระพักต์เพียงซีกเดียวจนเข้ามาใกล้เห็นถึงใบหู จากนั้นลองนึกให้ซูมออกก็ออกไปได้ด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
    หลังจากนั้นไม่นานผมเข้าไปบังคับกำหนดฝันตัวได้ด้วยแปลกประหลาดใจอยู่นานพอสมควร แต่ไม่คิดว่าเป็นอภิญญาแต่อย่างใด และที่กล่าวมานี้เป็นการเอาประสบการณ์มาเพื่ออยากจะเรียนถามท่านผู้รู้ที่ชำนาญด้านการฝึกกสิณช่วยกรุณาชี้แนะ
    ว่าลักษณะที่เกิดขึ้นนั้นคล้ายกับการฝึกกสินหรือไม่อย่างไร ?

    ขออนุโมทนาครับ
     
  8. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    Mr.Boy_jakkrit

    การเพ่งกสิน แบ่งออกเป็นการเพ่งด้วยตาเนื้อคือเพ่งแล้วจับภาพโฟกัสให้คมชัดอันนี้เพ่งด้วยตาเนื้อ แต่เป็นการเพ่งหลังจากหลับตาแล้วหากเพ่งแบบตาเนื้อจะเกิดอาการเกร็งปวดที่เบ้าตา และหว่างคิ้วฉนั้นควรเพ่งในลักษณะที่คล้ายกับการนอนหลับพักผ่อนเพียงแต่ประคองระลึกมโนภาพสิ่งของนั้นๆ หรือรูปธรรมที่นึกจะมโนภาพกันขึ้นด้วยจิต

    กสินคือ การจำภาพด้วยใจ คือเอาใจ (ไม่ใช้ประสาทตา) นึกถึงภาพที่เรามอง เมื่อภาพ เกิดกับใจ เรียกว่า อุคหนิมิต

    ผมเคยประสบกับตนเองช่วงที่ผมสวดมนต์ตอนเช้าแสงแดดเข้ามากระทบกับพระพุทธรูปทองเหลือง ผมก็จ้องที่องค์พระฯ แล้วบางบทสวดยาวจึงมีบางจังหวะที่ต้องหลับตาเพื่อจะได้มีสมาธิในการสวด ขณะนั้นเกิดภาพพระพุทธรูปเข้ามาในขณะที่หลับตา แล้วผมก็ลืมตาบ้างหลับตาบ้าง จนนานวันเข้าผมนั่งสมาธิไม่ได้กำหนดอะไรเลยว่าจะต้องเห็นภาพพระพุทธรูป แต่มีภาพพระพุทธรูปดังกล่าวซูมเข้ามาใกล้จนเห็นพระพักต์เพียงซีกเดียวจนเข้ามาใกล้เห็นถึงใบหู จากนั้นลองนึกให้ซูมออกก็ออกไปได้ด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง หลังจากนั้นไม่นานผมเข้าไปบังคับกำหนดฝันตัวได้ ด้วยแปลกประหลาดใจอยู่นานพอสมควร แต่ไม่คิดว่าเป็นอภิญญาแต่อย่างใด

    เป็นกำลัง ของกสิน และ มโนมยิทธิ ยังไม่ถึง อภิญญา ครับ

    และที่กล่าวมานี้เป็นการเอาประสบการณ์มาเพื่ออยากจะเรียนถามท่านผู้รู้ที่ชำนาญด้านการฝึกกสิณช่วยกรุณาชี้แนะ ว่าลักษณะที่เกิดขึ้นนั้นคล้ายกับการฝึกกสินหรือไม่อย่างไร ?

    ผมไม่ชำนาญ นะ ครับ
    เป็นกสิน ครับ แต่เป็นของเก่า วิ่งมาชน เพราะเคยได้มา ในกาลก่อน (ภาษานักปฏิบัติ) ถ้าไม่เคยได้ นี่ฝึกนาน บางที่ ๓ เดือน ยังคลำภาพไม่อยู่ เลยครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  9. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    อนุโมทนาคะลุง..ลุงคะคนธรรมดามีสิทธิ์จะได้อภิญญาป่าวคะ
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]
    ...กราบอนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ...
    ติงเคยฝึกเพ่งใบไม้
    ตอนไปเข้าเพียรที่ภูสูง
     
  11. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ขออนุโมทนากับคุณอริยบุตรร่วมถึงทุกๆ ท่านด้วยครับ...
     
  12. nutt_nst

    nutt_nst เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,470
    อนุโมทนาครับ คุณลุง

    คุณลุงตอบปัญหาได้ชัดเจนมากครับ เหมือนหลวงพ่อมาเองเลย
    เดี๋ยวมีโอกาศจะฝากตัวเป็นศิษย์ซะเลย...อิอิ
     
  13. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่า

    จะฝึกแน่ๆ
    แต่ท่าจะใช้เวลาเล็กน้อย สัก ๑ ชาติถึงแสนสาหัสชาติขึ้นไป
     
  14. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    กุล .. คนทีได้ อภิญญา ก็คนธรรมดา นีแหละ ต่างกันที่ ความเพียร เท่านั้นเอง นะ

    โมทนา สา... ธุ ครับผม

    ทีลุงตอบ นี่เป็น คำสอนหลวงพ่อ นะ .. ลุงเอง ก็ยังไม่ได้ อะไร จากการปฏิบัติ นะ

    โหหหหหหหห นี่แค่จะ ... นี่แสนชาติ แล้ว ถ้าเอาจริง ล่ะ วันเดียวเปล่า ? 555+
     
  15. KOKOKING_<<0>>

    KOKOKING_<<0>> เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    813
    ค่าพลัง:
    +1,373
    ลุงครับ ถ้าปฏิบัติเพื่อแบบ4ปฏิสัมภิทัปปัตโต(ไม่รู้เขียนถูกไหมนะครับ)อะครับ ต้องผ่านหมดแล้ว มีอะไรเป็นพิเศษรึป่าวครับ
     
  16. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    นี่พ่อคุณ มโนมยิทธิ น่ะ เอาให้คล่องก่อน นะ เอ้อ ถามในสิ่งที่ลุงทำไม่ได้ เอ้าว่ากันตาม ที่ครูบาอาจารย์ ท่านสอนมา ก็แล้วกัน นะ
    เคยได้ยินมาว่า การปฏิบัติใน ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ (ปฏิสัมภิทัปปัตโต) ต้องมีกสิน เป็นบาทใหญ่ ท่านให้ เจริญกสินให้ถึง รูปฌาณ ๔ แล้วลดกำลังลงมา ที่อุปจารสมาธิ แล้วพิจารณา อรูปฌาณอีก ๔ มีอากาสานัญจายตน เป็นเบื้องต้น และมี เนวสัญญานาสัญญายตน เป็นเบื้องปลาย จนจิตเข้าถึง อรูปฌาณ ๔ เรียกว่า สมาบัติ ๘ นะ ส่วนคุณสมบัติ ที่คลุมวิชชาสาม และอภิญญาหก และมีความสามารถพิเศษ อีก ๔ อย่าง จำไม่ได้ น่ะ
    พิมพ์ผิดหรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ ไม่ได้กางตำรา
     
  17. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    อนุโมทนาสาธุค่ะ คนที่ฝึกได้ชีวิตคงเปลี่ยนไปใช่มั้ยค่ะพี่แหลม
     
  18. jingjaijung

    jingjaijung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +311
    ขออนุโมทนาค่ะ คุณลุงแหลม (ขออนุญาตเรียกตามเด็กๆ นะคะ)
    ขอเรียนถามหน่อยค่ะ

    มีครั้งหนึ่งที่ไม่สบาย เป็นหวัดและเจ็บคอมากแถมไอด้วย ตอนกลางคืนนอนก็กลัวจะไปติดสามีและลูก จึงได้ลงมานอนที่ห้องรับแขก ขณะกำลังนอนแต่ยังไม่หลับ ก็เห็นแสงสว่างสีขาว สว่างมากแต่มองไม่เห็นภาพและมีเสียงถามว่า ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ ก็ตอบไปว่า กลัวเชื้อโรคไปติดคนอื่น
    เสียงนั้นก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นไปนอนข้างบนซะเดี๋ยวก็หาย มาจะพาขึ้นไป เราก็ลุกขึ้นคว้าผ้าห่มกับหมอนเดินตามไป เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเข้าห้องตอนไหนหลับทั้งคืน ไม่มีอาการไอ ตื่นขึ้นมาหายเป็นปกติ ก็มานั่งสงสัยว่าเมื่อคืนใครพาเราขึ้น เพราะไม่เห็นภาพ เห็นแต่แสงอยู่ด้านศรีษะที่เรานอน ส่วนเสียงก็เดาไม่ถูกว่าเป็นเสียงผู้หญิง หรือเด็ก เพราะเสียงเล็กมาก เหมือนเสียงความถี่สูงไงบอกไม่ถูก แต่ไม่ใช่เสียงผู้ชาย สงสัยจนทุกวันนี้ว่าเสียงใคร แต่เป็นเสียงใครก็กราบขอบพระคุณจริงๆ
    อีกเรื่องคือเวลานั่งสมาธิ บางครั้งมีเสียงระฆัง หรือใบระกา หรืออะไรมันดังกรุ๊งกริ๊งข้างๆ หู ได้ยินข้างหูขวา แต่เป็นบางวันไม่ทุกครั้ง จะว่าเสียงโมบายข้างบ้าน แต่บ้านเขาอยู่ด้านซ้ายมือ แล้วบ้านก็เป็นบ้านเดี่ยว ห่้างกัน ไม่แน่ใจ เสียงมันดังเบาๆ นุ่มๆ บอกไม่ถูก พอเอ๊ะใจนึกว่าเสียงกระดิ่งที่ไหนหว่า มันก็หายไป เท่านี้แหละค่ะ มาเล่าประสพการณ์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ส่วนคำสอนคำแนะนำของลุงแหลมให้หัดจับภาพพระเพื่อฝึกกสิณ เดี๋ยวจะไปเรียนถามที่กระทู้โน้นนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  19. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    อนุโมทนาบุญครับ

    คุณลุงครับ

    ผมอยากอ่าน เจโตปริยญาณ จัง
     
  20. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    jingjaijung

    ขออนุโมทนาค่ะ คุณลุงแหลม (ขออนุญาตเรียกตามเด็กๆ นะคะ)
    ขอเรียนถามหน่อยค่ะ

    โมทนา ครับผม

    มีครั้งหนึ่งที่ไม่สบาย เป็นหวัดและเจ็บคอมากแถมไอด้วย ตอนกลางคืนนอนก็กลัวจะไปติดสามีและลูก จึงได้ลงมานอนที่ห้องรับแขก ขณะกำลังนอนแต่ยังไม่หลับ ก็เห็นแสงสว่างสีขาว สว่างมากแต่มองไม่เห็นภาพและมีเสียงถามว่า ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ ก็ตอบไปว่า กลัวเชื้อโรคไปติดคนอื่น
    เสียงนั้นก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นไปนอนข้างบนซะเดี๋ยวก็หาย มาจะพาขึ้นไป เราก็ลุกขึ้นคว้าผ้าห่มกับหมอนเดินตามไป เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเข้าห้องตอนไหนหลับทั้งคืน ไม่มีอาการไอ ตื่นขึ้นมาหายเป็นปกติ ก็มานั่งสงสัยว่าเมื่อคืนใครพาเราขึ้น เพราะไม่เห็นภาพ เห็นแต่แสงอยู่ด้านศรีษะที่เรานอน ส่วนเสียงก็เดาไม่ถูกว่าเป็นเสียงผู้หญิง หรือเด็ก เพราะเสียงเล็กมาก เหมือนเสียงความถี่สูงไงบอกไม่ถูก แต่ไม่ใช่เสียงผู้ชาย สงสัยจนทุกวันนี้ว่าเสียงใคร แต่เป็นเสียงใครก็กราบขอบพระคุณจริงๆ

    คนเราทุกคน ย่อมมีเทวดาคุ้มครอง มาก น้อย ขึ้นอยู่ที่คุณธรรม ท่านสามารถ สงเคราะห์เราได้ แต่ต้อง ไม่เกินกฏของกรรม คือกรรมที่เรา กระทำขึ้นมา ด้วย กาย วาจา ใจ ของเรา เรื่องเสียง คุยทาง พีเอ็ม นะ

    อีกเรื่องคือเวลานั่งสมาธิ บางครั้งมีเสียงระฆัง หรือใบระกา หรืออะไรมันดังกรุ๊งกริ๊งข้างๆ หู ได้ยินข้างหูขวา แต่เป็นบางวันไม่ทุกครั้ง จะว่าเสียงโมบายข้างบ้าน แต่บ้านเขาอยู่ด้านซ้ายมือ แล้วบ้านก็เป็นบ้านเดี่ยว ห่้างกัน ไม่แน่ใจ เสียงมันดังเบาๆ นุ่มๆ บอกไม่ถูก พอเอ๊ะใจนึกว่าเสียงกระดิ่งที่ไหนหว่า มันก็หายไป เท่านี้แหละค่ะ

    เสียงไม่ได้หาย แต่จิตเราเคลื่อน

    มาเล่าประสพการณ์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ส่วนคำสอนคำแนะนำของลุงแหลมให้หัดจับภาพพระเพื่อฝึกกสิณ เดี๋ยวจะไปเรียนถามที่กระทู้โน้นนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ลองทำดูก่อน ติดขัด แล้วค่อยถาม นะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...