หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม

​

​

[FONT=courier new,courier,monospace]พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง โกวิโท)[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace][/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]วัดจุฬามณี ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม [/FONT]​

ผู้หยั่งรู้ “เลขในอนาคต” ดุจตาเห็น

เมืองสมุทรสงครามมี พระเกจิอาจารย์ ที่เข้มขลังโด่งดังมาแต่อดีตมากมายหลายรูปเช่น หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย, หลวงพ่อร้าย วัดเขายี่สาร, หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก, หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ต่อมาที่กระเดื่องเลื่องลือนามก็คือ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เพราะเป็นผู้มีฌานหยั่งรู้ “ตัวเลขแห่งอนาคต” ได้แม่นยำดุจตาเห็น “เหนือลิขิต? ประกาศิตฟ้าดิน” จึงขอนำเรื่องราวที่พิสูจน์มาแล้วว่าช่างน่าอัศจรรย์ใจให้ท่านผู้อ่านสัมผัส เพื่อจะได้รู้เกจิผู้เข้มขลังนั้นมีจริงในแผ่นดินไทย

เมื่อปี พ.ศ.2508 ที่ วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีงานประจำปีซึ่งปีนั้นคึกคักกว่าปกติ เพราะมีวงดนตรีชื่อดังมาแสดงในงานคือวงดนตรีลูกทุ่ง สุรพล สมบัติเจริญ ผู้คนจึงมาวัดมากกว่าปีก่อนๆและหลังจากดนตรีแสดงจบ บรรดานักร้องนักดนตรีที่ทราบกิตติศัพท์ในการให้ “ตัวเลขในอนาคต” ได้แม่นยำของ “หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท” ซึ่งเป็น เจ้าอาวาส ต่างไปกราบนมัสการก่อนลากลับแถมด้วยการ ขอเลขเด็ด จากหลวงพ่อที่มีเมตตาจึงบอกเลขไปโดยมีชาวบ้านที่อยู่ในกุฏิ ล้วนได้ยินกันทั่วหน้าวัน รุ่งขึ้นจึงพากันนำเลขตัวนั้นไปแทงล็อตเตอรี่กันทั้งเมือง ปรากฏว่าทั้งชาวบ้านและนักดนตรีต่างได้เงินกันทั่วถ้วน เมื่อเลขที่หลวงพ่อให้ออกแบบตรงๆโดยไม่ต้องแปลงหรือแปลแต่อย่างใด เป็นผลให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อเนื่อง เลื่องลือกระฉ่อนดังนั้นในงวดต่อมาจึงมีผู้คนไปหาท่านเต็มวัด มากกว่าผู้ที่มาดูดูวงดนตรีเสียอีก

 

ด้วยเหตุนี้ข่าวที่ผู้คนไหลไปที่วัดจุฬามณีจึงโด่งดังไปถึง เจ้าคณะภาค15 ซึ่งสมัยนั้นคือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก (สนิท เขมจารี) เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทร (ต่อมาเป็นสมเด็จพระธีรญาณมุนีวัดประทุมคงคา) จึงบัญชาให้ตั้ง เจ้าคณะอำเภอ คือ พระครูปัญญาสมุทรคุณ (พจน์) เป็นประธานไปทำการสอบสวนเพราะเห็นว่า หลวงพ่อเนื่อง แสดง อวดอุตริ ไม่เหมาะแก่สมณวิสัยและในวันที่ไปสอบสวนนั้นท่าน เจ้าคุณพระธรรมปิฎก วัดเพชรสมุทร ก็เดินทางไปร่วมสอบด้วยโดย หลวงพ่อเนื่อง ท่านบอกว่าไม่ได้อวดอุตริแต่อย่างใดเพียงแต่เห็นอะไรก็บอกไปอย่างนั้น ทำให้คณะกรรมการพากันสงสัยว่าจะเป็นจริงหรือไม่จึงมีการพิสูจน์กันขึ้นซึ่ง หลวงพ่อเนื่อง จึงเขียนตัวเลขของ ล็อตเตอรี่รางวัลที่1 ที่จะออกในงวดนั้นแล้วใส่หีบไว้พร้อมมัดด้วยเชือกให้แน่นหนา แขวนไว้ตรงกลางศาลาที่ทำการสอบสวนจากนั้นท่านบอกว่าในวัน หวยออก ให้มาเปิดดูแล้วค่อยสอบสวนต่อซึ่ง คณะกรรมการ ก็ไม่ได้ไว้ใจจึงจัดเวรยามทำการเฝ้ากล่องไม้ที่แขวนไว้ตลอด 24 ชั่วโมง

กระทั่งถึงวันล็อตเตอรี่ออกหลังจากทราบ ตัวเลข ที่ออกมาแล้วคณะกรรมการจจึงไปเปิดกล่องไม้แล้วดู ตัวเลขในกระดาษ ที่ หลวงพ่อเนื่อง เขียนไว้ล่วงหน้าปรากฏว่า ตัวเลข ที่เขียนไว้ทั้งหกตัวตรงกับ รางวัลที่ 1 ของงวดนั้นแบบเรียงกันทุกตัวไม่มีสลับที่แม้แต่ตัวเดียว คณะกรรมการจึงสิ้นสงสัยแต่ก็ได้แต่บอกว่า หลวงพ่อเนื่อง ว่าจะอย่างไรก็ตามการบอกตัวเลข (หวย) ให้ชาวบ้านนั้นเป็นการประพฤติที่ไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัย จึงขอให้หลวงพ่อเนื่องห้ามบอกอีกต่อไป

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อเนื่อง จึงยุติการบอกตัวเลขตามคำตักเตือนของคณะกรรมการสอบ สวน แต่เมื่อชาวบ้านไปขอกันมากๆท่านจึงได้แต่บอกใบ้ไปบ้าง หรือชาวบ้านที่ไปเฝ้าดูพฤติกรรมของท่านนำไปตีเป็นตัวเลขเอง และพอนำตัวเลขทั้งที่เป็นการใบ้และตีความกันเองไปแทงล็อตเตอรี่ ก็ถูกกันตลอดมาพอถูกก็แบ่งเงินไปถวายท่านบ้างตามกำลังของแต่ละคนซึ่ง หลวงพ่อเนื่อง ก็ไม่ได้สนใจนักเมื่อมีผู้คนนำเงินไปถวายท่านก็ได้แต่ยัดไว้ในตู้บ้าง ในโต๊ะบ้าง ซอกกุฏิบ้าง โดยไม่เคยไปนับดูหรือหยิบเอาใช้แต่อย่างใดกระทั่งท่านมรณภาพ เจ้าอาวาส รูปปัจจุบันคือ พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (อิฏฐ์ ภัทจาโร) จึงไปเก็บของในกุฏิของหลวงพ่อปรากฏว่าพบเงินที่ท่านซุกๆเอาไว้ และอยู่ในซองเก่าตามที่ผู้คนนำมาถวายซึ่ง ล้วนแต่เป็น ธนบัตรเก่า จำนวนมากนับแล้วได้เงินถึง ยี่สิบล้านบาท เป็นที่น่าอัศจรรยยิ่ง

และเมื่อเร็วๆนี้คือ วันที่ 28 สิงหาคม 2551แม้หลวงพ่อเนื่องจะมรณภาพไปนานแล้วแต่ เจ้าอาวาส รูปปัจจุบันก็ยังคงจัดงานทำบุญ “สลากภัตร” ตามประเพณีที่เคยทำต่อมาโดยเชิญรองผู้ว่าราช การจังหวัด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ไปเป็นประธานในพิธีและหลังจากพิธีเปิดงานผ่านไปแล้วทางวัดก็เชิญรองผู้ว่าฯ ทำการจับ “สลากภัตร” ประเดิมเป็นคนแรกปรากฏว่าจับเบอร์สลากภัตรได้กองสลากภัตรของ หลวงพ่อเนื่อง ที่ทางวัดจัดไว้เป็นที่ระลึกถึงหลวงพ่อทุกปีและเบอร์ที่จับได้คือเบอร์ “666”Ž โฆษกวัดจึงประกาศให้ชาวบ้านทราบทั่วกัน ชาวบ้านที่นิยมแทงล็อตเตอรี่จึงนำเลขเบอร์นั้นไปซื้อล็อตเตอรี่ ปรา กฏว่าเลขออก “666” ตรงตัวเปะและบางคนนำเลข “666” แปลเป็น “36”Ž ปรากฏว่าล็อตเตอรี่เลขท้ายงวดนั้นออก “36” อีกด้วยทำให้ชาวบ้านยิ้มกันไปทั่วหน้าต่อมารองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสุทธิพงษ์ ไปบูชา รูปหล่อบูชาหลวงพ่อเนื่อง เพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้กับ พล.ต.ต.สถิตย์ นันทวิศิษฏ์ ที่ย้ายจากจัง หวัดสมุทรสงครามไปประจำ กองนิติเวชสำนักงานตำรวจฯ ทางวัดจึงมอบให้ท่านรองผู้ว่าฯเป็นที่ระลึกอีก 1 องค์ ท่านรองฯจึงอาราธนาไปตั้งไว้ในรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน789 สมุทรสงคราม เพื่อเป็นสิริมงคลบรรดาคนขับรถในศาลากลางจังหวัดฯ เห็นรูปหล่อหลวงพ่อเนื่องตั้งอยู่จึงนำเลขท้ายทะเบียนรถของรองผู้ว่าคือ “89”Ž ไปซื้อล็อตเตอรี่ปรากฏว่าถูกกันทั่วหน้าเป็นที่เลื่องลือกันทั้งศาลากลางจังหวัดว่า “แม้หลวงพ่อเนื่องจะมรณภาพไปแล้วก็ยังมาให้หวยแม่นเหมือนเดิม”

 

ในเรื่องความเข้มขลังของ หลวงพ่อเนื่อง นอกจากเรื่องของ “ตัวเลข” แล้ว “วัตถุมงคล” ของท่านก็ศักดิ์สิทธิ์โดยมีประสบการณ์มากมายอย่างเช่น นายอดิศักดิ์ คุ้มแสง อยู่บ้านเลขที่ 37/3 หมู่ 6 ต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โทรศัพท์ 08-1917-4362 เจ้าของร้านอาหารและรีสอร์ทคุ้มแสงทอง อดีตเป็นมือกีตาร์เบสให้ “วงดนตรีแหลมเมอริสัน” มีฉายา “อี๊ด เมอริสัน” เล่าว่าเขานับถือหลวงพ่อเนื่องมากในคอแขวน เหรียญหลวงพ่อเนื่องรุ่นแรก ในรถมีธงยันต์ของหลวงพ่อเนื่องติดไว้ในรถ เคยขับรถประสบอุบัติเหตุหลายครั้งแต่ไม่ได้รับอันตรายเลย และอีกเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญแบบลืมไม่ลงคือเหตุ “รถแก๊สระเบิด” ที่ ถนนเพชรบุรี ในกรุงเทพฯเมื่อหลายปีมาแล้วเขาได้ขับรถเพื่อไปเล่นดนตรีที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งต้องผ่านตรงบริเวณที่เกิดเหตุรถแก๊สระเบิดแต่พอขับมาถึง ศูนย์การค้าเมโทร ก็เกิดอยากสูบบุหรี่แต่ปรากฏว่า บุหรี่หมด จึงเลี้ยวรถเข้าไปซื้อบุหรี่ในศูนย์การค้าเมโทรจากนั้นจึงขับรถออกถนนเพชรบุรี แต่กลับมีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งตัดหน้ากระชั้นชิด อิ๊ด เมอริสัน รีบเบรกรถอย่างกะทันหันทำให้ เครื่องยนต์ดับลง และพอสตาร์ทรถติดเพื่อขับไปเล่นดนตรีก็เห็น ลูกไฟพุ่งมาตามถนน จึงรีบเลี้ยวรถหันกลับไปทางศูนย์การค้าเมโทรแล้วขับออกไปทางแยกมักกะสัน กระทั่งไปถึงที่เล่นดนตรีจึงทราบว่าเกิดเหตุรถแก๊สพลิกคว่ำแล้วระเบิด ทำให้แก๊สไหลไปตามถนนทำให้ผู้คนบนรถที่จอดติดกันอยู่บริเวณนั้น ตายอย่างสยดสยอง นับร้อยคน ส่วนที่เขารอดก็เพราะแวะซื้อบุหรี่ไม่งั้นคงอยู่ในจุดที่รถแก๊สระเบิดพอดีดังนั้น อี๊ด เมอริสัน จึงเชื่อว่ารอดจากเหตุครั้งนั้นก็ด้วยบารมีของ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี บันดาลให้เป็นไปแน่นอน

 

พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง โกวิโท) ชื่อเดิม เนื่อง เถาสุวรรณ เกิดเมื่อ 2 ฯ 3 5 ค่ำปีระกา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2452 บิดาชื่อ นายถมยา มารดาชื่อ นางตาบ เกิดที่บ้านคลองใหญ่ หมู่ที่ 4 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม อุปสมบทเมื่อวัน 4 ฯ 8 15 ค่ำ ปีมะแม วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2475 ณ วัดบางกะพ้อม ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยมี หลวงพ่อคง ธมฺมโชโต เจ้าอาวาส วัดบางกะพ้อม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแช่ม โสฬส เจ้าอาวาสวัดจุฬามณีเป็นพระกรรม วาจาจารย์ อาจารย์ปล้อง วัดบางกะพ้อม เป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่อ พ.ศ.2463 สำเร็จการศึกษาชั้นประ ถมศึกษาปีที่ 4 จาก โรงเรียนวัดบางกะพ้อม ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พ.ศ.2479 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดจุฬามณีมีความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาและพุทธาคมโดยศึกษาจาก หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อแช่ม วัดจุฬามณี และ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากชาวอัมพวามาก จนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เมื่อ พ.ศ.2496 เป็นพระครูสัญญาบัตรในนาม “พระครูโก วิทสมุทรคุณ” แล้วเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาธุระในปี พ.ศ.2517 และ
ในปี พ.ศ.2529 หลวงพ่อเนื่อง บอกกับศิษย์เอกซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ หลวงพ่ออิฏฐ์ ภัทจาโร ว่า “ปีหน้าฉันก็จะสบายแล้ว” ครั้นพอถึงต้นปี 2530 หลวงพ่อก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วยจนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2530 ก็ได้มรณภาพอย่างสงบปรากฏว่าสังขารของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย ทางวัดจึงนำสังขารของท่านบรรจุไว้ในหีบแก้ว ให้ศิษย์ได้กราบไหว้บูชาติดต่อกันมาจนถึงทปัจจุบันและทุกวันที่ 27 พฤศจิ กายน ของทุกปี หลวงพ่ออิฏฐ์ ภัทจาโร จะจัดงานทำบุญอุทิศให้ หลวงพ่อเนื่อง จึงขอเชิญญาติโยมไปร่วมพิธีทำบุญเพราะปีนี้อาจมีของดีมอบให้ท่านผู้ร่วมพิธีโดยทั่วกัน (ขอขอบพระคุณ พระครูปลัดวิสุทธิวัฒน์ (บู้) วัดจุฬามณี กรุณาอำนวยความสะดวก)

แฉ่ง บางกระเบา​

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ :

 

อ่านเรื่องหลวงพ่อเนื่องแล้วนับว่าเป็นศิริมงคลกับขันห้ามาก ขอขอบคุณพี่Joe29 มาก
นะครับที่นำเสนอเรื่องนี้มา ขอพลังอำนาจแห่งความดีจงดลบันดาลให้พี่หายปวดหัวไว ๆ