สอบถามเรื่องแสงประหลาดที่ปรากฏออกจากตัวหน่อยครับ

เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้ผมนั่งสมาธิช่วงเย็นและได้ลองใช้กล้องโน๊ตบุ๊คบันทึกภาพตังเองในขณะนั่งสมาธิดูเล่นๆ นั่งไปประมาณ11 นาทีกว่า มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดอย่างนึงตอนมาดูภาพย้อนหลังในนาทีที่ 2.11 มีแสงสีเหลืองขนาดเล็กกว่าหน้าผมนิดนึงเคลื่อนตัวจากบริเวณปลายจมูกและเลื่อนตัวขึ้นบริเวณกลางหน้าผากแล้วหายแวปไปใช้เวลาประมาณ 1 วินาที และอีกครั้งในนาทีที่ 4.02 เป็นลักษณะลำแสงสีขาวมีหางคล้ายดาวหางขนาดหน้าจะประมาณกำปั้น พุ่งออกจากบริเวณไหล่ข้างขวาขึ้นไปในแนวเฉียงใช้เวลาประมาณ 1 วินาทีแล้วหายไปเช่นกันไม่ทราบท่านใดพอรู้บ้างว่าปรากฏการณ์นี้มันคืออะไร รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะครับขอบคุณครับ

 

เค้าเรียกกว่าการเชื่อมกระแสบ้างก็เรียกการเชื่อมเส้นสายครับ
ก่อนหน้านั้นมันจะเป็นคล้ายๆควันพุ่งออกมาแบบหัวหอมก่อน
แล้วพัฒนามาเป็นแบบเป็นเส้นที่ดูมีความกว้างแต่ว่าไม่มีความหนา
ที่คุณมองดูคล้ายดาวหางนั่นหละครับ แต่ว่ามันอาจจะดูไม่ตรงมากครับ
เป็นกิริยาที่เกิดได้เนื่องจากจิตเริ่มจะเชื่อมกระแสพลังงานภายในตัว
กับกระแสพลังงานภายนอกต่างๆได้..โดยมีอากาศธาตุเป็นตัวกลาง
พวกสีทองคือพลังงานจากภาพนอกเป็นธาตุทองจะเกี่ยวข้อง
กับการรักษาธาตุภายในร่างกายตนเองก่อน.
ส่วนบางคนเห็นเป็นสีแดง สีเขียว หรือสีน้ำเงินแล้วแต่บารมีที่เคยสะสมมา.
.พวกสีขาวๆเป็นลักษณะของพลังงานที่ออกจากตัวเรา
หรือถ้ายังสีเทาๆดำอยู่ถือว่าเป็นพลังงานส่วนเกิน..
สีขาวๆแต่ไม่มีความสว่างในตัวเองเหมือนสีทาบ้านทั่วไปนี้
ถือว่าปกติแต่บอกได้บางอย่างว่าร่างกายยังมีอะไรบกพร่อง
แต่จะให้ดีตรงให้เป็นสีใสๆครับ ซึ่งอีกไม่นานมันจะใสได้เองครับ

..และลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นบริเวณใดๆก็ได้ทั้งตัว.
แรกๆจะเกิดเป็นเฉพาะจุดก่อนอย่างที่เป็นตอนนี้
.ถ้าปฏิบัติต่อไปโดยไม่ต้องสนใจ พวกแสงหรือ
ที่ดูคล้ายลำแสงพวกนี้จะพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรงออกจากทุกส่วนของร่างกาย
เราได้ในขณะที่เรานั่งสมาธิ.ถ้าร่างกายเราไปรับพลังงานส่วนเกินหรือ
มีพลังงานตกค้างมากไปบางครั้งจะออกเป็นสีดำก่อนก็มี
แล้วจะลดลงมาเป็นสีขาวๆก่อน..และต่อไปจะพัฒนา
เป็นสีใส.แต่หลักสังเกตุคือจะวิ่งขึ้นไปด้านบนทั้งหมด.จนบางครั้ง
เราอาจจะตกใจว่ามีควันขึ้นรอบตัวได้..ความจริงแล้วพวกนี้เป็นกิริยาปกติ
ของคนที่จิตจะก้าวเข้าสู่ในโหมดวิญญานธาตุได้..หากทำได้อย่างที่บอก
ต่อไปแค่ยกมือไหว้พระ ก็จะเห็นเส้นสายหรือลำแสงแบบนี้พุ่งออกจากมือ
หรือจากตัวได้เป็นปกติด้วยตาเปล่าในกำลังสมาธิระดับธรรมดาครับ.
หรือสามารถเชื่อมกระแสแบบนี้กับพระพุทธรูป หรือ รูปปั้นต่างๆได้
หรือแหล่งพลังงานใดๆก็ได้ ไม่ว่าวัตถุใดๆ .
ส่วนสีทองๆนั้นต่อไปถ้าเห็นได้..แล้วสามารถบังคับให้มันหมุนได้
ซึ่งมันจะดูเหมือนมีหลายๆเส้นแต่มีระยะห่างพอสมควร.แล้วหมุนมัน
ให้รวมตัวได้ก็จะเป็นฐานให้พัฒนาต่อยอดไปอรูปฌานได้ ตามแบบ
ฉบับที่เรียกว่าวิชาเดินธาตุโบราณครับ....

 

สีขาวๆที่เป็นพลังงานออกจากตัวนี่รวมถึงแสงขาวๆนวลๆรอบตัวคนด้วยไหมคะ เช่นเวลาเรามองใครก็ตาม จะเห็นเป็นเหมือนรังสีขาวๆนวลๆรอบๆตัวเค้า โดยเฉพาะช่วงศีรษะมาถึงไหล่ แต่ละคนความกว้างสูงของแสงไม่เท่ากัน หรือมันเกิดจากตาเสียอ่ะค่ะ

 

เห็นแบบขาวๆแบบนวลๆเห็นช่วงหลังศรีษะบุคคลอื่นๆนั้น
ไม่ใช่ตาเสียเค้าเรียกตาดีมากกว่าปกติ.ดูคนเวลาป่วยจะออก
สีเทาๆดำๆ.และการเห็นสีขาวอย่างนั้นอยู่เป็นอวัยวะร่างกายบางอย่าง
ของเรามันเริ่มพร่องไปและถือว่ายังไม่ดี ถ้าดีจะเห็นแบบไม่มีสี
ให้หัดถ่ายเทพลังงานส่วนเกินออกจากร่างกายให้เป็นนิสัย
ต่อไปการเห็นของเราที่มองบุคคลอื่นๆสีจะค่อยๆจางลง
จากสีขาวจนเห็นเป็นสีใสได้ ร่างกายจะกลับเป็นปกติ..
แต่เห็นได้คล้ายๆกันที่ว่าร่างกายพร่องแน่ๆ
คือถ้าแต่เราเห็นเป็นแสงแบบพวกออร่าต่างๆด้วยตาเปล่า
เวลามองคนอื่นๆนะ..จะเป็นอาการของโรคอวัยวะภายใน
อะไรซักอย่างมันบกพร่องอยู่แต่ส่วนไหนจำไม่ได้
เนี่ยหละจำไม่ได้
ปล.ดีนะที่ถาม..

 

แอร้ยย กำๆๆๆ เป็นมานานแล้ว ช่วยแนะนำวิธีถ่ายเทพลังงานให้ได้ไหมคะคุณพี่nopphakan มิน่าล่ะร่างกายไม่ค่อยดีเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

 

http://palungjit.org/threads/อาการแบบนี้คืออะไร-อันตรายหรือเปล่าคะ.531240/page-4

ตอบ แนะนำได้อยู่ครับคุณน้อง..เชิญพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง
จะทราบทั้งกิริยาทางจิตและกิริยาทางกายที่เปลี่ยนแปลงได้
ด้วยตัวเอง..จะทำให้เข้าใจอะไรๆได้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก..
อ่านกระทู้ที่แปะลิงค์ไว้ให้ตรง Rep # 62 p.4 และ Rep # 81 p.5

 

ขอบพระคุณมากค่ะคุณพี่nopphakan

 

อยากให้ จขกท. ลงภาพให้ดูหน่อยค่ะ
เป็นความรู้ ขอบคุณค่ะ

 

มีแสงเกิดขึ้นมีแสงดับไป มันเป็นเช่นนั้นเอง

 

มีคลิปให้ดูมั้ยครับนิ อยากเห็นเหมือนกัน

 

ขอบคุณทุกท่านที่สนใจแต่อย่าดีกว่าครับไม่อยากออกสื่อ

 

อัันนี้น่าจะเป็นกายทิพย์ของตัวคุณเองที่หลุดออกจากกายมนุย์จึงออกมาจากทางรูจมูกขวา (ชายจะออกมาจากทางรูจมูกขวาอันนี้ว่าตามที่หลวงพ่อสดวัดปากน้ำสอนไว้) แสงสีเหลืองนี่แสดงว่าคุณมีอารมณ์พุทธภูมิแต่บารมียังอ่อนๆมากๆๆ ถ้าบารมีแก่กล้าจะเป็นแสงสีทอง
แล้วที่บอกว่า ..เลื่อนตัวขึ้นบริเวณกลางหน้าผากแล้วหายแวปไป..นี่เป็นอาการที่คุณติดว่าอยากมีตาที่สามหรือตาทิพย์
จริงๆแค่ออกทางรูจมูกก็ไปไหนๆได้แล้ว ไม่ต้องเลื่อนขึ้นบริเวณกลางหน้าผากหรอกค่ะ

อันนี้น่าจะเป็นแสงของครูบาอาจาร์ของคุณที่บารมียังน้อยกว่าคุณอีกละมั้ง ถึงมาเกาะที่ไหล่ ถ้าบารมีมากๆนี่เหยียบหัวคุณเลย

 

ขออนุญาติถามท่านผู้รู้ด้วยคนนะคะ
สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษานะคะเมื่อไม่นานมานี้มะสวดมนต์โดยเอาประคำออกมานับ เห็นเป็นเหมือนควันขาวๆออกมาจากประคำค่ะ บางทีก็มีเหมือนคลื่นใสๆก่อน จากนั้นพอดูที่ตัวเองเห็นเหมือนตัวเองมีขอบเป็นแสงสีฟ้าทั้งตัว ไม่ทราบว่าอันนี้คืออะไรคะ และเกิดจากอะไรหรือเป็นการจินตนาการคะรบกวนช่วยแนะนำมะด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

ขอดูคลิปหน่อยได้มั้ยครับ จะได้มีกำลังใจในการนั่งสมาธิ เพื่อเป็นธรรมทานต่อไปครับ

 

แล้วการที่คนนั่งสมาธิแล้วมีแสงออกมาได้นี่ คุณ noppakhan ว่ามันคืออะไรครับ

 

พี่งเห็นข้อความครับ เด่วเล่าให้ฟังนะครับ..
คือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโหมดวิญญานธาตุครับที่ก้าวพ้น
เรื่องของธาตุ ๔ ที่ประกอบเป็นร่างกายคือ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
และเชื่อมเข้ากับอากาศธาตุที่มีอยู่ภายนอกเป็นปกติ
เราจึงเห็นคล้ายว่าเคลื่อนที่ได้...ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูลักษณะ
ของแสงที่ปรากฏด้วยครับ..โดยปกติแล้วมันก็คือคลื่นประจุ
ไฟฟ้าที่มีความถี่ชนิดหนึ่งครับ
.ที่เราเห็นเป็นแสงได้เพราะเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้ครับ..
๑.สภาวะความเคยชินของจิตที่เคยมีมาในอดีตชาติ
ซึ่งอาจทำให้เราเห็นได้บ้างไม่ได้บ้าง..
๒.การสวดพระคาถาสายสร้างบารมีบางสาย
จนจิตเชื่อมเข้าสู่พลังงานภายนอกได้.
ร่วมกับการทำงานของจิตที่เริ่มเป็นทิพย์ตั้งแต่
ระดับขนิกสมาธิจนถึงระดับฌาน ๑
.๓.จากการฝึกสมาธิสายพระอาจารย์ในดงบางท่าน.
ซึ่งเป็นเรื่องปกติของบุคคลที่ฝึกถึงระดับวิญญานธาตุ
๔.ผลของความสงบของการฝึกสมาธิในระดับ
การหายใจเข้าออกถึงท้องบวกกับการรักษาอารมย์
ความสงบของจิตระดับที่นานเพียงพอ
จนจิตดึงเข้าสู่สภาวะความเป็นทิพย์และกำลังทำการ
ปรับธาตุร่างกายตัวเอง(รักษาตัวเอง)
ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดสามารถเห็นคลื่นความถี่แบบนี้
ออกจากตัวเองได้ทั้งหมดด้วยตาเปล่า
และที่เห็นเป็นสีได้ เพราะอาศัยธาตุน้ำเป็นองค์ประกอบ
และสีที่เกิดจากสภาวะจิต ซึ่งแตกต่างกันได้หลายๆสี
และหลายๆความหมาย..ลักษณะของ
แสงจะออกจากตัวหรือส่วนไหนก็ตามในแนวตั้งฉาก
กับผิวหนังก่อน และจะย้อนขึ้นข้างบน.มีหลายๆแบบ
แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นแบบที่ไม่มีสี คือแบบสีใส คล้ายๆน้ำ
แบบไม่มีฟองแต่ดูผิวไม่ค่อยเรียบครับ..
ประมาณนี้ครับ

 

เอามาลงถาม ถ้าเพียงเพราะอยากจะคุยด้วยเฉยๆ
ก็ไม่ว่ากันครับ...แค่ส่วนตัวแค่คาดไม่ถึงว่าจะถาม
เรื่องแบบนี้เฉยๆ...และไม่คิดว่า จะต้องมาสนใจ
เรื่องทำนองแบบนี้อีกนะครับ.......
ซึ่งปัจจุบัน ควรเฉยๆ ช่างๆไปเหอะ


แสงแบบนี้
กรณีแบบนี้ส่วนตัวเรียก แสงแฟร์ หรือ Flare
เป็นกรณี ที่มีแสงไม่ว่าจะแสงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
หรือ แสงสว่างจากหลอดไฟต่างๆ
ผ่าน เข้ามา กระทบที่เลนส์กล้องที่เราใช้ถ่ายภาพ
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องจะฟูลเฟรม
กล้องอัตโนมัติ หรือ กล้องแบบไหนก็ได้
ที่มีเลนส์ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปครับ

ปล. ท้ายนี้ ขอแบบตรงๆเลยนะครับ
ไม่ค่อยอยากพูดอ้อมๆ หรือ ว่าต้องรักษาน้ำใจอะไรกัน

ไม่จำเป็น จำไว้ว่า อย่าเอารูปตัวเองแบบนี้เที่ยวมาลงถาม
อะไรแบบนี้ในเวบสาธารณะแบบนี้นะครับ
โดยเฉพาะยิ่งเป็น ญ และถ้าไม่แข็งพอ
ที่จะมีท่านๆต่างๆคอยคุ้มครองได้แล้ว
เนื่องจากไม่มีวิบากด้านพลังงานต่างมาตัดทอนเรานะครับ

ถ้าจะถาม ควรถามใน pm แต่ให้มั่นใจก่อนว่า
ไอ้คนที่จะถามนะเชื่อใจได้หรือเปล่า
เป็นพวกที่เก็บความลับอยู่ไหม หรือเป็นพวกชอบอวด
เวลามีคนมาถามใน pm แล้วเอามาประกาศให้โลกรู้
และควรดูให้ออกว่าให้ออกว่าเป็นพวกร่างทรงหรือเปล่า
ซึ่งต้องดูด้วยว่า อยู่ในวิถีพุทธไหม(คือ ไม่ติด ลาภ ยศ สุข
สรรเสริญ เน้นเรื่องปัญญาไหม)
หรือเป็นพวกที่เค้าบำเพ็ญมาทางสายพลังงานที่ยัง
ไม่อยู่ในแนวพุทธศาสนาหรือเปล่า
หรือเป็นพวก บ้านามธรรม ติดเรื่องพิเศษอะไร
ติดชื่อเสียง ติดการสรรเสริญ อะไรหรือเปล่า
พยายามระมัดระวังให้ดีๆ...


โดยเฉพาะการเอารูปมาลงเวบที่มียังมีการ
เกี่ยวข้อง กับเรื่องพลังงานที่ยังไม่ใช่สายพุทธ
แทรกซึมอยู่แบบนี้......บางครั้งตัวเค้าอาจจะไม่มีอะไร
แต่พวกที่ตาม ที่แทรกกลุ่มบุคคลเหล่านั้น
อาจจะมีเจตนาไม่ดี

เนื่องด้วยเห็นว่า
เรามีสัมผัสรับรู้ภายในหรือทางด้านพลังงาน
ที่ดีกว่าคนปกติทั่วไป
แต่ว่า ตัวเราเองนะอ่อนกำลังสติและกำลังสมาธิ
ซึ่งจะเป็นสเปค สำหรับกลุ่มนามธรรมเหล่านี้
เพราะว่าจะถูกชักจูงได้ง่ายกว่าปกติ


ถ้ามาอ่านเจอ
ก็กรุณา ลบทิ้งซะนะ

ตัวคุณเองนะ มีวิบากกรรมทางด้านพลังงานอยู่
น่าจะพอรู้ตัวเองนะครับ......
ส่วนตัวมองว่าถ้าคุณไม่ได้
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งช่วยไว้

ส่วนตัวมองว่า
คุณน่าจะ เกือบวิปลาสไปแล้วนะครับ
เกือบเอาตัวไม่รอดด้วย
ก็น่าจะจำไว้เป็นบทเรียนนะครับ

ดังนั้น อย่าประมาทกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น
อย่าคิดว่า พวกไม่ดีไม่มี และอย่าคิดว่า
เค้าไม่สามารถทำอะไรเราได้....
วิบากกรรมด้านพลังงานเนี่ย
ถ้าลองมันเคยเข้ามาแทรกได้แล้วเนี่ย
โอกาสจะหายขาด มันยากอยู่นะครับ...
ดังนั้น ต้องมาเน้นเรื่อง เจริญสติ
เรื่องสร้างสมาธิสะสมและการเดินปัญญาให้มากๆ
มากกว่า มัวแต่ไปสนใจในเรื่องนามธรรมต่าๆ
ที่เรายังไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยตนเองนะครับ จำไว้....
แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะครับ.....

เพราะถ้ายังไม่แน่นพอ หรือ ภูมิต้านทานดีพอ
และไม่ได้มากมีด้วยพันธมิตรทางภพภูมิ
ที่เราได้สร้างไว้ด้วยตนเองมาแล้ว....
กรุณา ระมัดระวังเรื่องที่ ส่วนตัวเตือนไว้ให้มั่น......

เข้าใจตรงกันนะครับ.......

 

ขอบคุณค่ะที่ส่งรูปมาให้ดู ขอตอบว่าไม่ได้ใช้เiphoneค่ะ อีกอย่างแสงที่ได้ก็ไม่เหมือนกับรูปที่คุณส่งมา แสงสะท้อนแบบคุณพวกนี้ดิฉันถ่ายได้บ่อยค่ะ และคงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้งคะที่ทั้ง2จุดคือ ตรงบริเวณที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง

 

เกิดจากการถ่ายย้อนแสงครับ กล้องหันเข้าหา มีดวงอาทิตย์์ หรือแหล่งกำเนิดแสง

ลองไปถ่ายตามแสงดูรับ หันหลังให้ดวงอาทิตย์ แหล่งกำเนิดแสง รับรองว่าไม่เจอ ครับ

 

ขอบคุณค่ะ ที่ตอบอย่างมีเหตุผล ไม่มีอคติ แต่การถ่ายย้อนแสงแล้วสามารถชี้จุดที่เป็นมะเร็งได้ถูกต้องทั้ง2 ที่นี่แหละค่ะที่แปลก