ให้จำไว้ว่าไม่ว่ากายหรือจิตก็ไม่ใช่ของเรา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kengkenny, 7 กรกฎาคม 2009.

  1. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ถ้างั้นก็คงต้องขออนุญาตแก้อรรถ...

    ถ้าอ่านจบแล้วจะเข้าใจในความ(ที่ขันธ์ ๕)ไม่ใช่ของเรา
    (จิต)
    ไม่มีตัวตนได้(ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ได้หมายความว่าไม่มีตัวตน)
    ***ไม่ใช่ กับไม่มี คนละความหมาย


    เพราะเรา
    (จิต)
    ไม่สามารถบังคับมัน(ขันธ์ ๕)ได้
    ให้เป็นตามความต้องการของเรา
    (จิต)
    ได้
    เรา(จิต)บังคับกาย(ขันธ์ ๕)ให้ตั้งอยู่ไม่อาพาทไม่ดับไปไม่ได้


    เรา(จิต)บังคับให้จิต(ตนเอง)ตั้งอยู่ไม่อาพาทไม่ดับไป
    (ตามขันธ์ ๕)ได้

    ตลอดพระชนม์ชีพจึงสอนให้อบรมจิต ให้ฝึกจิตของเรา
    (ถ้าจิตไม่ใช่ของเรา แล้วจะเป็นของใคร???)


    [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่อบรมแล้ว ย่อมควรแก่การงาน เหมือนจิต
    [๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่อบรมแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต
    [๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่อบรมแล้ว ปรากฏแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต
    [๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต
    [๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ เหมือนจิต
    [๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง
    ที่ฝึกแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต

    ทรงสอนให้อบรมจิต ไม่เคยสอนให้อบรมวิญญาณ เพราะจิตไม่ใช่วิญญาณ

    (smile)
     
  2. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    ไม่ค่อยได้ใช้ความคิดมายึดติดในเรื่องนี้นะ ปกติก็จะใช้เหตุการณ์เฉพาะหน้าเป็นตัวสอน เรามากกว่าน่ะคุณที
    ความจำมันเป็นสัญญาน่ะ แล้วเราก็จะเข้าใจว่าเกิดจากปัญญาของเรา
    แต่มันไม่ใช่ความจริงมันแปรปรวนและคลาดเคลื่อนได้ เช่นพิจารณาจากความหิว ง่วง ปวด เจ็บ สุข ทุกข์ มีพลัดพลาก เอ่อ หากเราไม่เกิดคงไม่เจอหนอ
    อันนี้จะทำให้เรารู้ทันที ในไตรลักษณ์ หากเรามาท่อง ว่าร่างกาย ไม่ใช่เรา ๆ
    มันเป็นการโน้มจิต และอิน มันไม่เที่ยง คลาดเคลื่อนและเสื่อมได้
     
  3. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    [๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง
    แต่ว่าจิตนั้นแล เศร้าหมองแล้ว ด้วยอุปกิเลสที่จรมา

    ปุถุชนผู้มิได้สดับ ย่อมจะไม่ทราบจิตนั้นตามความเป็นจริง
    ฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า ปุถุชนผู้มิได้สดับ ย่อมไม่มีการอบรมจิต ฯ


    [๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง
    และจิตนั้นแล พ้นวิเศษแล้ว จากอุปกิเลสที่จรมา

    พระอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมทราบจิตนั้นตามความเป็นจริง
    ฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า พระอริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมมีการอบรมจิต ฯ

    ทรงสอนให้อบรมจิตของเรา
    ถ้าจิตไม่ใช่ของเรา จะเป็นของใคร???
    แล้วใครคือผู้อบรมจิตล่ะ??? ถ้าไม่ใช่เรา(จิต)

    (smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2009
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    แม่เสือ ยึดว่า ลูกเสือ คือ สมบัติของตน
    และคิดว่า เสือ คือ ชาติเชื้อแห่งตน คือ เผ่าพันธ์ตน คือ ตน
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุณธรรมมะสวนัง คำว่าไม่ใช่เราไม่มีตัวตนนี้ เป็นพุทธพจ ทรงแสดงไว้ ม่ใช่ข้อคิดเห็นแต่เราสามารถนำปัญญามาพิจารนาแล้วเห็นจริงตามนั้นได้หากคิดว่าไม่ใช่ก้อย่าปติบัติตามเพราะควรเชื่อด้วยปัญญา ตรงนี้เป็นส่วนของคุณ

    คำว่าจิตไม่ใช่ของเรานี้ทรงอทิบายไว้ละเอียดแล้วอย่างที่บอกท่าคิดว่าไม่ถูกไม่จริงจะไปร้องเรียนต่อคนะสงหรือจะไปประท้วงก้ตามจริตคุณได้ครับ

    ไม่ทรงเคยสอนว่าอรรมวิญญานเพราะ จิต คือ ขันธ์ ในส่วนของนาม นามประกอบ ด้วย จิต+เจตสิก ตรงนี้ท่าไม่เข้าใจก้ไปอ่าน ไหม่อีกครั้ง

    อย่าเอาภาพูดมาทำไห้สับสนมากนักมันเหมือนเอากำปั้นทุบดินใช้ปัญญาพิจารนาหากเห็นว่าไม่จริงไม่ถูกก้ไม่ต้องเชื่อไม่ต้องทำตาม
     
  6. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    จุติปฏิสนธิแห่งจิต

    ร่างกาย เหมือนเพื่อนตาย อยู่ใกล้ชิด
    พินิจอีก ก็เหมือน เรือนอาศัย
    จิตไม่มี รูปร่าง อย่างใดๆ
    สิงอยู่ใน กายยนต์ ปนชีวี

    ยังไม่ตาย กายนี้ ว่ามีจิต
    สิ้นชีวิต จิตหาย กายเป็นผี
    เหมือนเรือนร้าง ห่างหน คนไม่มี
    ย่อมเป็นที่ โรยรุด ทรุดโทรมไป

    เวลาเป็น เห็นแต่กาย ใจไม่เห็น
    ไม่เหมือนเช่น เรือนกาย ใช้อาศัย
    เรือนกายเห็น เจ้าของ ครองอยู่ใน
    แต่เรือนใจ เหมือนเจ้าของ ครองไม่มี

    แลด้วยตา ไม่เห็น เห็นด้วยใจ
    มาอาศัย อยู่ในกาย แล้วหน่ายหนี
    พูดว่าตาย ก็หมาย เอากายนี้
    สิ้นชีวี เน่าไป ใจไม่ตาย

    จิตไม่มี ร่างกาย ว่าตายไป
    เอาอะไร มาชี้ เป็นที่หมาย
    กายเกิด กายตาย หมายเห็นง่าย
    เพราะกายเป็น รูปัง สังขารา

    เป็นธาตุเกื้อ เนื้อหนัง ไม่ยั่งยืน
    ใครจะฝืน ก็ไม่สม ปรารถนา
    เกิดแล้วแก่ เจ็บตาย วายชีวา
    ธรรมดา อย่างนี้ มีทุกคน

    มันแปรแปลก แตกสลาย ไม่ใช่ตัว
    ไปพันพัว ยึดไว้ ไม่ได้ผล
    เป็นอนันต์ ไม่ใช่อัต ตาตัวตน
    เฝ้าดิ้นรน เดือดร้อน ทำไมกัน

    เกิดตาย สำหรับกาย ซึ่งเรียกร้อง
    ว่าเป็นของ ไม่แน่ ย่อมแปรผัน
    อุปาทาน หัวดื้อ ยึดถือมั่น
    เบญจขันธ์ คือเรา เอาเป็นตน

    จึงหลงกล ว่าตน แก่เจ็บตาย
    งมงายฝ่าย ตัณหา พาเสือกสน
    เป็นวิสัย ใจชั้น สามัญชน
    ย่อมมืดมน ทึบทับ อับปัญญา

    อันตัวเรา คือจิต บริสุทธิ์
    เป็นวิมุตติ หลุดพราก จากตัณหา
    ไม่ยึดถือ ขันธ์ ๕ เป็นอัตตา
    สิ้นชรา ตายเกิด กำเนิดวาย

    จิตพ้นโลก พ้นโอฆ สงสาร
    เรียกนิพพาน หรือวิมุตติ ที่สุดหมาย
    หมดทุกข์ หมดภัย ไกลอันตราย
    สุขสบาย เป็นนิจ นิรันดร์เอยฯ



    ---- เปมงฺกโร ภิกฺขุ --------

    (smile)

     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เห็นอย่างไรก้เชื่อไปอย่างนั้นครับ ความเห็นจะค่อยๆๆถูกขึ้นเรื่อยๆฝึก สติปัฐฐานเป็นทางสู่พระนิพพานอยู่แล้ว วันนึงก้เห้นกระจ่าง แต่อาจใช้เวลา
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    คำปฏิเสธปัดอัตตา

    ...ฯลฯ...แต่เหล่าพุทธมามกชน ผู้ศึกษาปฏิบัติพระพุทธศาสนา

    โดยส่วนมาก เห็นว่า พระพุทธศาสนาถือว่าไม่มีตัวตน
    ยึดคำว่า อนตฺตา นั้นเป็นหลักอ้าง

    คำว่า ไม่มีกับไม่ใช่ หมายความคนละอย่าง

    คำปัดปฏิเสธว่าไม่มี หมายถึง สิ่งที่จำนงหวังจะได้ แต่สิ่งที่ต้องการนั้นไม่มี
    ส่วนคำปัดปฏิเสธว่าไม่ใช่ นั้น หมายถึง สิ่งที่ยึดถืออยู่แล้ว แต่หมายผิด ยึดผิด
    ถือผิด เข้าใจว่าถูกเพราะฤทธิ์อวิชชา

    ผู้รู้ เช่น พระพุทธจ้าตรัสว่า ไม่ใช่ ...สิ่งที่ใช่มีอยู่ แต่สิ่งที่ยึดถืออยู่นั้นไม่ใช่
    อนตฺตา ไม่ได้หมายความว่า ตัวตนไม่มี
    ที่เข้าใจ อนตฺตา ว่าตัวตนไม่มีนั้น ควรจะพูดว่า ไม่รู้จักภาษาคน...ฯลฯ

    ------- เปมงฺกโร ภิกฺขุ--------

    (smile) ขอตัวก่อน เรียนเชิญกันตามสบายค่ะ


     
  9. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    อีกอย่างหนึ่ง ให้พิจารณา ตอนที่เราตายน่ะ สิ่งใหน ที่มันจะไปด้วยกับเรา
    สิ่งไหนที่เราเอาไปไม่ได้ พยายามปลดที่ละเปาะ ไม่งง ไม่สับสน
    อย่างไปคิดรวบยอด ทีเดียว มันรก เกินไป อวิชาจะถามหาเอา
     
  10. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ท่าเข้าใจก้ตามนั้น ผมยกพระสูตรมาไห้คุนคิดเฉยๆ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    พระอรหันต์ เห็นอย่างหนึ่ง ก็พูดให้ฟังเป็นธรรมจากจิตบริสุทธิ์
    ปุถุชน ไปอ่าน ธรรมของพระผู้มีจิตบริสุทธิ์ จะตีความให้เข้าใจอย่างไร ก็ไม่ได้เหมือนพระ
    แต่ถ้าปุถุชนสำคัญตนผิด คิดว่า ... แล้ว เพราะทำการรวมจิต จนได้เป็นจิตหนึ่ง
    แล้วสำคัญตนผิดคิดว่า จิตหนึ่งนี้คือจิตบริสุทธิ์ ก็จะยิ่งหลงจิตตนไปในทางแห่งความคิดตน
    เอาจิตตนสถานะหนึ่ง ไปตีความว่าเป็นจิตเดียวกับที่พระบอก

    ปล.ถ้าเข้าใจใครผิดไป ก็ขออภัยด้วยละกัน เพราะจิตเรามันเป็นจิตปุถุชน เวลาอ่านอะไร
    มันก็คิดแบบปุถุชน มองแบบปุถุชน ก็เลยทำให้เข้าใจคนอื่นผิดได้ เพราะ เราก็ไม่รู้จริงนะ
    เราเอาตัวเราเป็นฐานในการคิดวิเคราะห์ ถ้าคนอื่นไม่ได้เป็นปุถุชนแล้ว ก็คงเห็นต่างจาก
    เรา
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ใช่เลยครับอ่านอย่างไรมันก้ยัง มีอวิชาคลุมอยู่มันก้ยังเห็นไม่เที่ยง แต่เราก้แค่พยามพัฒนามันขึ้นเรื่อยๆๆจนในที่สุดเราก้จะเห็นเอง เหมือนเห็นครั้งแรกคิดว่าแบบนี้พอจิตถูกพัฒนามากขึ้นก้เห็นอีกแบบ
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เวลาจะอ้างอิงข้อความหลายๆอันทำไงอ่ะคับ เหอๆ
     
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขอเสริมอีกนิดนึง เวลาเราจะเข้าสู่ความสงบได้นั้น หากเราสังเกตดูให้ดี จะเห็นว่า มีความคิดตัวหนึ่งคอยหล่อเลี้ยงการกระทำของเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือออก หรือรับรู้ทางเสียง การสัมผัสทางกาย เช่นลมพัดบ้างเป็นต้น จะมีความคิดตัวหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ คอยมาวิจารณ์ความรู้สึกตัวตรงนั้นตรงนี้ หรือ คอยกำกับบทให้เรา ว่าเรากำลังคิดโน่นคิดนี่นะ ตัวนี้แหละคือความคิดจร คือตัวก่อสุขก่อทุกข์ให้กับเรา เป็นตัวการหลักเลยล่ะ ตัวนี้แหละเราต้องตามดูให้ทัน ตามทำความเข้าใจกับเขาให้มาก เราหลงเขาไปได้อย่างไร เวลาหลงหนัก ๆ จิตมันจะ็เิกิด แล้วก็อินไปกับเรื่องที่เขา plot ให้ทุกทีไป ดูให้ดี ๆ สมุทัยมันอยู่ตรงนี้เอง

    ถ้าสมาธิดี ๆ จะเห็นตัวนี้ชัดมาก แล้วมันจะหายตอนไหน ก็ตอนที่เราเอาสติจับอยู่กับกาย กับลมหายใจได้แนบสนิทจริง ๆ นั่นแหละ มันจะหายไป แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ตรงกันข้าม กลับรู้สึกโ่ล่งโปร่ง นั่นคือสภาพจิตที่เป็นปกติ อยู่กับปัจจุบันจริง ๆ นั่นเอง การมีสติอยู่กับปัจจุบัน กับอิริยาบถได้ กับลมหายใจได้จริง ๆ แท้จริงมันก็คือการดับความคิดจรอย่างหนึ่งนั่นเอง เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน ฯลฯ

    ในชีวิตจริง ถ้าเราเห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ิยิน ทุกข์มันจะเกิดได้อย่างไร จริงมั้ย เพราะฉะนั้นเราต้องมาทำความเข้าใจกับตัวนี้ให้มาก ต้องรอบรู้ในกองสังขาร (คือความคิดตัวนี้ให้มาก) แล้วเราจะได้ไม่หลงเป็นทาสของเขา อีกหน่อยเมื่อเราเข้าใจเขามากขึ้น ๆ ต่อไปเราก็จะวางเขาได้เอง เราก็จะทุกข์น้อยลง ๆ ๆ ๆ ๆ

    อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2009
  15. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    เห็นด้วยกับคุณทีอย่างหนึ่งนะ
    หากเราทำถูกทางทุกข์มันจะน้อยลง หากเราหลง เกิดทุกข์เรายัีงไม่รู้ตัวเลย
    อันนี้เริ่มใช้ไม่ได้แล้ว ไม่ยึดติดกับความคิดเรา ไม่หลงในวังวนของความคิด
    เพื่อพิชิตบ่วงมาร ....สลายอุปทาน ให้หายไป
     
  16. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ไอ้ตรงนี้ ถ้าคนที่ยังไม่เข้าใจ จะคิดว่า สมถะชัด ๆ แต่จริง ๆ มันมีอะไรแฝงเล้นอยู่มาก ปัญญามันก็อยู่ตรงนี้ ว่าแต่จะเข้าใจกันรึป่าวเท่านั้นเองนะ
     
  17. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    3 คาถาของคนทำงาน โดนจริง ๆ.


    1 . คาถาคนทำงาน ขั้นแรก...ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ

    อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง
    อาจจะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน
    อาจจะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน
    พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดน

    2. คาถาปล่อยวาง
    เราว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา
    เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
    สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย
    จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย

    3. คำสอนของพระพุทธเจ้า
    อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' เหนือ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
    อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' ต่ำ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
    อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' เสมอ เท่าเรา เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
    จงนึกเสมอว่า 'คนอื่นทุกคน' เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด

     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    อัลเอ๊ย เธอชี้ด้วยตรงไหนที่บอกว่า
    จิตเป็นวิญญาณ จิตเป็นขันธ์ อย่าเดาสวดเอาเองสิ

    ;aa24
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ไม่รู้ว่า เราจะเข้าใจถูกหรือเปล่านะ
    มาถึงตรงนี้จะมีทาง 2 แพร่ง
    คือ ถ้ามีสติสัมปชัญญะเกิดปัญญาจริงก็เดินต่อได้ถูกทาง แต่ถ้าขาดสติแล้วหลงอยู่ในความว่าง มันก็มีนะ
    คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิบากกรรมของแต่ละคน ทำมาไม่เหมือนกัน คนที่เคยเดินปัญญามาบ้าง
    เคยสะสมปัญญามาบ้าง ก็เดินต่อไปได้ถูก แต่คนที่ไม่เคยสะสมปัญญามาเลย ไม่เคยสดับธรรมของ
    พระพุทธองค์อย่างแท้จริง เคยแต่ฝึกสงบจนว่าง มันก็จะเดินไปทางว่างอย่างเดียว การได้เกิดมาสดับ
    ธรรมะในพระพุทธศาสนาได้อย่างแท้จริง ก็เป็นเรื่องที่ต้องฟังโดยแยบคาย และเปิดใจ ดูตัวอย่างจาก
    ครูบาอาจารย์ให้เข้าใจโดยถ่องแท้ พยายามตัดความคิดความเห็นส่วนตัวออกให้มากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2009
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    อุบายแห่งวิปัสสนา อันเป็นเครื่องถ่ายถอนกิเลส หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ
    http://palungjit.org/threads/จิตรวม...ไม่ใช่ที่สุด-หลวงปู่มั่น-ภูริทัตตเถระ.195568/

    ฉะนั้นพระโยคาวจรเจ้าจึงมาพิจารณาโดยแยบคายลงไปตามสภาพว่า
    สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สพฺเพ ทุกฺขา สังขาร ความเข้าไปปรุงแต่ง
    คืออาการของจิตนั่นแลไม่เที่ยง โลกสัตว์ เขาเที่ยง คือมีอยู่เป็นอยู่อย่างนั้น

    ให้พิจารณาอริยสัจธรรมทั้ง ๔ เป็นเครื่องแก้อาการของจิต
    ให้เห็นแน่แท้โดยปัจจักขสิทธิว่า ตัวอาการของจิตนี้เองมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์
    ตัวอาการของจิตนี้เองมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์

    จึงหลงตามสังขารเมื่อเห็นจริงลงไปแล้วก็เป็นเครื่องแก้อาการจิต
    จึงปรากฏขึ้นว่า สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิสังขารทั้งหลายที่เที่ยงแท้ไม่มี
    สังขารเป็นอาการของจิตต่างหากเปรียบเหมือนพยับแดด
    ส่วนสัตว์เขาก็อยู่ประจำโลกแต่ไหนแต่ไรมา

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...