เด็กพิเศษที่มี พรสวรรค์ พรสวรรค์นั้นคือกรรมหรือเปล่าคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Thanks-Epi, 5 พฤศจิกายน 2013.

  1. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,952
    คิดอยู่นานว่าจะตั้งดีหรือเปล่าค่ะ เหมือนคำถามที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์ หรือค่อนข้างไร้สาระ แต่ก็ทำให้วันนี้ดิฉัน ตื่นแต่ตี 4 นอนไม่หลับ นั่งคิดวนไปวนมา จนต้องมาตั้งกระทู้ เรียกว่า ผงเข้าตาตัวเอง

    เด็กพิเศษ ที่มีพรสรรค์ แต่หากพรสวรรค์นั้น อาจจะขัดขวางการเรียนรู้อย่างอื่นได้ (ดิฉันใช้คำว่า ขัดขวาง เพราะเรายังไม่ทราบอนาคตค่ะ // จริงๆ อาจจะส่งเสริมเขาไปในด้านดีก็ได้ค่ะ)

    เรียกว่า กรรมหรือเปล่าคะ

    คนไทย เรียกว่า พรสวรรค์ ฝรั่งเรียก ผิดปกติค่ะ (จำได้ว่า เคยมีคนพูดค่ะ)

    หายใจเข้าลึกๆ -หายใจออกยาวๆ อยู่ค่ะ เฮ้อ...
     
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    พรสวรรค์นั้น อาจจะขัดขวางการเรียนรู้อย่างอื่นได้
    มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นน่ะครับ

    10 อัจฉริยะเด็กไทย มาดูกันครับ
    พรสวรรค์ ความสามารถพิเศษ ของเด็กๆนั้น จะสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้มากไปอีกผู้ใหญ่ก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย ถ้าสนับสนุน ชื่นชมในสิ่งที่เขารัก-ชอบ เด็กก็จะมีความสุขในการเรียนรู้และการใช้ชีวิต บางคนอาจจะไม่ได้เก่งมาตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ถ้าเขามีความเพียร พยายาม ตั้งใจ และมีเป้าหมาย สิ่งนั้นก็สามารถทำให้เขาประสบความสำเร็จได้[/size]

    1. อัจฉริยะเด็กไทย ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี : หนูน้อยมหัศจรรย์ เจ้าของ 2 สถิติโลก

    ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี ได้แสดงศักยภาพที่โดดเด่นตั้งแต่วัยเยาว์ เขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้เกินกว่าเด็กในวัยเดียวกันในหลายด้าน ๆ จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ว่า เป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษหลากหลายในระดับสูง และ มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ยังเล่นเหมือนเด็ก ๆ อารมณ์ดี เบิกบาน มีอารมณ์ขัน มีชีวิตวัยเด็กเหมือนคนทั่วไป
    ล่าสุดมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เชิญน้อง ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี เข้ามาร่วมทำงานวิจัยด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ ด้านวิทยาศาสตร์ ขณะที่อายุแค่ อายุ10 ปี เท่านั้น ! จึงถูกจัดอยู่ใรธรรมเนียบ เด็กอัจฉริยะเมืองไทย[/size]

    2. อัจฉริยะเด็กไทย เรนนี่ ปวีณรัตน์ : สอบได้คะแนนอันดับที่ 1 ของโลก

    นางสาว ปวีณรัตน์ วงศ์ประเสริฐ หรือ เรนนี่ นักเรียน จาก โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพ (Harrow International Schoolได้ทดสอบ ทำข้อสอบวัดระดับความรู้ในระบบนานาชาติของ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (International General Certificate of Secondary Education: IGCSE)
    โดย เรนนี่ ได้คะแนนเป็น อันดับที่ 1 ของโลก ถึง 2 วิชา คือ วิชาเศรษฐศาสตร์ และ วิชาภูมิศาสตร์ และทำคะแนนระดับสูงสุดของประเทศถึง 3 วิชา คือ วิชาชีววิทยา วิชาเคมี และวิชาประวัติศาสตร์

    3. อัจฉริยะเด็กไทย ปอเปี๊ยะ แพรกานต์ นิรันดร : นักเขียน นวนิยาย อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย

    นักเขียน นวนิยาย ภาษาอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย หรือที่รู้จักกันดีในแวดวงวรรณกรรมคือ ปอเปี๊ยะ แพรกานต์ นิรันดร เธอมีพรสวรรค์ด้านการใช้ภาษาอังกฤษจนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนแบบไตรภาค ที่แม้แต่ อาจารย์สุมาลี บำรุงสุข นักแปลฝีมือฉกาจฉกรรจ์ต้องยอมรับในฝีมือและตกปาก รับคำแปลต้นฉบับภาษาไทยให้ด้วยความยินดี
    ท่ามกลางนักเขียนน้องใหม่ในแวดวงวรรณกรรมเยาวชนแฟนตาซี ปอเปี๊ยะ แพรกานต์ นิรันดร คือ หนึ่งใน นักเขียนวัยใส ที่แม้จะไม่โด่งดัง และมีรางวัลมาการันตี แต่ก็จัดได้ว่า ไม่ธรรมดาอยู่เหมือนกัน เพราะ เธอมีพรสวรรค์ด้านการใช้ภาษาอังกฤษจนสามารถสร้างสรรค์งานเขียน ที่ จิระนันท์ พิตรปรีชา ฝากคำนิยมไว้ว่า เป็นผลงานระดับสากล ส่วน บินหลา สันกาลาคีรี บอกว่า เป็นหนังสือที่อ่านสนุกเล่มหนึ่งแห่งปีเลยทีเดียว

    4. อัจฉริยะเด็กไทย เค กานกวิญจน์ โค้วสีหวัฒน์ : แชมป์โลกไมโครซอฟท์เวิร์ด

    ย้อนกลับไปในยุค ไมโครซอฟท์ รุ่งเรือง (4ปีที่แล้ว) ขณะนั้น น้องเค กานกวิญจน์ โค้วสีหวัฒน์ นักเรียนอายุ 17 ปี นำความภาคภูมิใจมาให้คนไทย แสดงสุดยอดความสามารถเหนือผู้อื่น ชนะเลิศในการแข่งขันทักษะการใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ เวิร์ด 2007 ในรายการ Worldwide Competition on Microsoft Office ซึ่งเป็นรายการที่มีผู้เข้าแข่งขันมาถึง 80,000 คน จาก 53 ประเทศทั่วโลก ซึ่งต้องผ่านการคัดเลือกตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ประเทศ ก่อนมาชิงชนะเลิศกันที่โตรอนโต แคนาดา

    5. อัจฉริยะเด็กไทย ไมล์ นิพัฒน์ เจริญผลพันธ์ : รูบิคอันดับหนึ่งของเอเชีย

    ในการแข่งขัน อัจฉริยะนักบิด(รูบิค)ในงาน Thailand Championship 2012 ครั้งนี้สร้างความอัศจรรย์เมื่อ น้อง ไมล์ นิพัฒน์ เจริญผลพันธ์ ทำสถิติ RubikCube ไปด้วยเวลาเฉลี่ย 8.38 วินาที ทุบสถิติคว้าอันดับ 4 ของโลกมาได้ พร้อมกับขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย

    6. อัจฉริยะเด็กไทย วรภัทร บุญญฤทธิพงษ์ : พัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโลกของกูเกิล

    วรภัทร บุญญฤทธิพงษ์ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในฐานะนักเรียนไทยคนแรกที่คว้ารางวัลใหญ่จากการแข่งขันพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโลกของกูเกิลในระดับ มัธยมศึกษา จากการแข่งขันเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบเปิดของกูเกิล หรือ GHOP (Google Highly Open Participation)
    น้อง วรภัทร บุญญฤทธิพงษ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันประเภทระบบบริหารจัดการหลักสูตรของ Moodle ทั้งนี้ Moodle ถือเป็นซอฟต์แวร์ระบบจัดการหลักสูตร (CMS Course Management System) แบบโอเพนซอร์ส ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาการศึกษา ใช้สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้

    7. อัจฉริยะเด็กไทย พศิน มนูรังษี : อัจฉริยะทางด้านคณิตศาสตร์ของไทย

    เบื้องหลังความสำเร็จของเด็กคนนี้น่าสนใจ เพราะ เขาคือเด็กเก่ง เข้าขั้นอัจฉริยะ พศิน มนูรังษี เติบโตมาเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป แต่ฉายแววความเป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มตั้งแต่ประถมปีที่ 3 เขาสามารถคว้าเหรียญทองการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศของ สสวท.ได้ จากนั้นตอนประถมปีที่ 5 เขาก็ได้เหรียญทองอีกครั้ง พอถึงช่วงมัธยมต้น พศิน ได้ลงสนามแข่งขันระดับโลก ด้วยวัยเพียง 13 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนที่อายุน้อยที่สุด เขาสามารถคว้าเหรียญเงินคณิตศาสตร์โอลิมปิกมาครองได้สำเร็จ
    ความสำเร็จของ พศิน มนูรังษี - เหรียญทอง คณิตศาสตร์โอลิมปิก ประจำปี 2551 มีคะแนนเป็นอันดับ 8 ของโลก , รางวัลเหรียญเงิน การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2550 , รางวัลเหรียญทอง ประเภทบุคคล การแข่งขันคณิตศาสตร์โลก ครั้งที่ 6 ประเทศไต้หวัน , รางวัลเหรียญทอง ประเภทบุคคล การแข่งขันคณิตศาสตร์นานาชาติ ครั้งที่ 2 ประเทศอินเดีย


    8. อัจฉริยะเด็กไทย ณดล จูทะสมพากร : นักกีตาร์คลาสสิกระดับโลก 10 ขวบ

    ในวงการกีตาร์คลาสสิกระดับโลก ในช่วง 1-2 ปี มานี้ มีอีกชื่อหนึ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างน่าประหลาดใจ และน่าประทับใจ นั่นก็คือ ณดล จูทะสมพากร นักกีตาร์คลาสสิกระดับโลกที่มีอายุเพียงแค่ 10 ขวบ เด็กน้อยผู้มากความสามารถกวาดแชมป์จากต่างประเทศ และในประเทศมาแล้วอย่างมากมาย
    น้องดล ณดล จูทะสมพากร นักกีตาร์คลาสสิกระดับโลก ที่เริ่มค้นพบอัจฉริยะทางด้านดนตรีตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เห็นแม่เล่นเปียโนจึงขอเล่นบ้าง และเล่นได้ทั้งที่จับเปียโนเป็นครั้งแรก พออายุ 6 ขวบ เห็นคุณพ่อเล่นกีตาร์คลาสสิกก็ขอเล่นบ้าง และเล่นได้ทั้งที่ยากมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นพ่อจึงค่อย ๆ สอนเล่นกีตาร์คลาสสิกเรื่อยมา และตัดสินใจพาไปหัดเรียนอย่างจริงจัง กับอาจารย์กมล อัจฉริยะศาสตร์ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์สอนกีตาร์คลาสสิกคนแรกของเมืองไทย พร้อมส่งเสริมด้านดนตรีมาตลอด เมื่อมีรายการแข่งขันส่งเข้าประกวด และเป็นกำลังใจให้ทั้งการฝึกซ้อมและการแข่งขัน เพื่อให้มีกำลังใจทำในสิ่งที่รัก.
    ความสำเร็จของน้อง ดล ณดล จูทะสมพากร - Kyznecovs International Competition 2010 ที่เมืองมะนิโตกอร์ส ประเทศรัสเซีย , Thailand International Guitar Festival 2010 , Bangkok Guitar Festival 2010 , The 1st prize winner in Mario Egido guitar international competition 2011 at Spain during 25 th 27 th March 2011. , รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากประเทศออสเตรีย ปี 2012 ที่เมืองรัส ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน พ.ศ. 2555

    9. อัจฉริยะเด็กไทย เบส ณัฐวัตร ครองชนม์ : แฟนพันธุ์แท้ หลักธรรมะ

    เบส ณัฐวัตร ครองชนม์ วัย 10 ขวบที่มีความรู้เรื่องหลักธรรมะมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน รอบรู้เรื่องพระพุทธศาสนาชนิดแตกฉานเกินวัย
    น้อง เบส ณัฐวัตร ชื่นชอบพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะหลักคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุที่จำขึ้นใจได้เกือบทั้งหมด อีกทั้งยังท่องคาถาชินบัญชรได้อย่างคล่องแคล่ว
    ด้วยความที่สนใจหลักธรรม และคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุมาตั้งแต่เด็ก ทำให้น้องเบสมีวิธีคิด และสติในการใช้ชีวิตมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียน การมีสติอยู่กับสิ่งที่คุณครูกำลังสอน เป็นสิ่งที่น้องเบสยึดถือมาโดยตลอด ส่งผลให้การเรียนอยู่ในระดับที่ดีจนก้าวขึ้นมาเป็นที่ 1 ของห้องได้อย่างไม่น่าแปลกใจเลย

    10. อัจฉริยะเด็กไทย น้อง เซนด์ ณัฐนนท์ มหายนต์ (send) : ซ่อม-ลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว

    ย้อนกลับไป 5 ปี! ที่แล้ว น้อง เซนด์ ณัฐนนท์ มหายนต์ ( ตอนนั้นอายุ 6 ปี) สามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ ถอดประกอบชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ได้ทุกส่วน และลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งเรียนอยู่ในชั้น ป.2 และได้เกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกเทอม ทั้งที่อายุ 6 ขวบควรจะเรียนในชั้น อนุบาลปีที่ 3
    น้อง เซนด์ ณัฐนนท์ มหายนต์ เริ่มฉายแววอัจฉริยะตอน 2 ขวบ เริ่มจับเม้าส์และแป้นพิมพ์ดีดคอมพิวเตอร์ รวมทั้งเริ่มเล่นเกมในคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว โดยบิดาของน้องได้เห็นว่า โดยเห็นว่าลูกเก่งกว่าเด็กทั่วไป จึงเริ่มส่งเสริมให้เรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เรื่อยมา ทั้งๆที่ช่วงนั้นลูกชายก็ยังไม่ได้เข้าโรงเรียนและอ่านหนังสือยังไม่ออก แต่ก็สามารถเรียนรู้เรื่องคอมได้เป็นอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าจำในลักษณะภาษาภาพ
    นี่เป็นเพียงเด็กส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเด็กไทยที่มีความรู้และความสามารถ ที่ teen.mthai ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งคว้าเหรียญรางวัลระดับโลก และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ นำความภูมิใจมาให้คนไทย ในด้านการศึกษา กีฬา ฯลฯ อีกมากมายเลยคะ

    เมื่อเด็กมีความสามารถด้านหนึ่งด้านใดแบบอัจฉริยะ ผู้ใหญ่ต้องสนับสนุนผลักดันในด้านที่เด่นนั้น เพื่อให้ศักยภาพของเขาได้ถูกกระตุ้นและใช้งานได้อย่างเต็มที่ ประเทศไทยเราสูญเสียโอกาสได้รับบุคลากรในอนาคต เนื่องจากความสามารถพิเศษเหล่านี้ เมื่อไม่ได้ถูกใช้งานก็จะค่อยๆสลายไป นี้คือตัวอย่างในการส่งเสริมเด็กอัจฉริยะ


    จุฬาฯ - มหิดล ดึง ด.ช.ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี วัย 10 ปี ร่วมงานวิจัย

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

    2 มหาวิทยาลัยดัง จุฬาฯ - มหิดล ดึง น้องธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี เด็กอัจฉริยะวัย 10 ปี เข้าร่วมทำงานวิจัย หลังพบมีความรู้ความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์สูงเกินวัย
    วันนี้ (29 มีนาคม) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยเรื่องราวของ น้องธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี เด็กอัจฉริยะวัย 10 ปี ที่ถูก 2 มหาวิทยาลัยดัง อย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล เชิญตัวให้มาร่วมทำงานวิจัย หลังพบว่า น้องธวัช มีความรู้ความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์สูงเกินวัย โดยงานวิจัยที่ น้องธนัช ร่วมทำกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ การวิจัยด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เรื่อง "การลดขั้นตอนการแปลงภาษามนุษย์ ให้เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ ให้เหลือขั้นตอนเดียว" ซึ่งหากงานวิจัยชิ้นนี้สำเร็จ จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการวิทยาศาสตร์ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เพราะงานวิจัยดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่แม้แต่นักศึกษาในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ

    ในขณะที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้มอบหมายให้ น้องธนัช เข้าร่วมทำงานวิจัยเรื่องเคมี ชีวภาพ ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวเชื่อว่า ไม่ยากเกินความสามารถของ น้องธนัช แน่นอน ประกอบกับจะให้มีพี่เลี้ยงคอยดูแลขั้นตอนการวิจัยตลอด เนื่องจากขั้นตอนการวิจัยบางอย่างน้องธนัช อาจยังไม่สามารถทำเองได้





    พรสวรรค์นั้นคือกรรมดีครับ เกิดได้หลากหลายเหตุปัจจัย

    1. มหาอานิสงส์ของธรรมทาน ทำให้มีสติปัญญาดีเลิศ คิดสิ่งใดก็คิดออกได้ง่าย และ ถูกต้องกว่าแต่ก่อน
    2. หลวงพ่อจรัญกล่าวว่า "ใครอยากฉลาด อยากเรียนเก่งให้ขัดส้วม"
    3. พระพุทธองค์ ตรัสไว้ว่า "ธรรมบูชา มหาปัญโญ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2013
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,866
    ยังไม่เข้าใจคำถามของ จขกท. ครับ

    ที่ว่าเด็กมีพรสวรรค์นั้น ช่วยอธิบายว่าเป็นอย่างไร
    แล้วถึงทำไมต้องไปขัดขวางการเรียนรู้เรื่องอื่นๆ
    ขัดขวางอย่างไร
     
  4. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,952
    เขาไม่ค่อยเข้าใจภาษาไทยค่ะ (ที่เรียกว่า บกพร่องทางภาษา ) แต่ดันไปถนัดภาษาอังกฤษ หมออธิบายอย่างทางการแพทย์ไม่ได้ค่ะ ว่า เกิดจากอะไร ทำไมต้องไปถนัดภาษาอังกฤษ ทั้งสำเนียงการพูดก็จะดีไปด้วย แต่กลับพูดไทยไม่ชัด
    หรือ อาการออทิสซึ่ม อย่างนึงค่ะ
    แต่ สามารถอ่านภาษาไทยได้เลย ไม่ได้อ่านแบบเราๆ (แต่ไม่เข้าใจความหมาย ได้แต่อ่านออกเสียง)

    ขัดขวางเพราะ ดิฉัน/ลูก/พ่อ เป็นคนไทย อยู่เมืองไทย เรียน รร.ไทย
    ทุกคนใช้แต่ภาษาไทย
    เคยมีครูบอกเขาว่า ออกเสียงผิด (ภาษาอังกฤษ) เขาค่อนข้าง งง ดิฉันบอกว่า ครูสอนไงก็ว่างั้น (จริงๆครูสอนผิดค่ะ)

    การบ่งพร่องทางภาษา(ไทย) ก็มีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน/การเรียนวิชาอื่นแน่นอนค่ะ ดิฉันกำลังพยายามคิดว่า ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียน
    คือ จะไทยก็ไม่ดี จะอังกฤษก็ไม่ได้(ดี)

    ถึงบอกแต่ต้นว่า ควรจะตั้งคำถามดีมั้ยคะ
     
  5. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    เคยอ่านหนังสือมานะครับ แต่จำไม่ได้ของท่านไหน ท่านอธิบายไว้ในทางธรรมะไว้ประมาณว่า

    คนมีพรสวรรค์มี 2 นัย
    1.คือชาติที่แล้วทำสิ่งนี้มาจนถนัด เช่น เล่นเครื่องดนตรีจนมีความชำนาญ ทำได้ฝังใจ ตายไปก็ยังฝังใจกลับชาติมาก็เลยทำให้มีพรสวรรค์
    2.เกิดจากการอธิษฐานครับ
     
  6. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    ก็นี้ไงครับ จุดแข็งของตัวเด็ก

    เอิ่มไม่มี "ไกด์" เหรอครับ ผมทำงานอยู่ เป็น ไกด์ หรือ มัคคุเทศน์นำเที่ยว 500-1500/ต่อวัน นะครับ ไม่รวมทริป+คอมมิตชั่น ไกด์ ออกทัวร์ 1ทริป 5 วัน รวมทุกอย่าง จะได้อยู่ประมาณ5,400-20,000 บาท !!! (ยังไม่รวมเงินเดือนไกด์ที่ทำงานในบริษัทจะมีอีกตังหาก) ถ้ารวมก็ตกอยู่ประมาณ20,000-100,000

    ผู้ช่วยไกด์ จะได้อยู่ประมาณ วันละ 300-1,000 บาท

    ปล.อันนี้เป็นภาพรวมของเงินไกด์ ที่ได้ต่อทริป/เดือน

    http://www.dek-d.com/board/view/2118927/


    การเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นได้ชัดๆใน AEC โดยอธิบายให้เห็นภาพเข้าใจง่ายๆ เช่น
    - เรื่องภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะมีคนอาเซียน เข้ามาอยู่ในไทยมากมายไปหมด และมักจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ แต่จะใช้ภาษาอังกฤษ (AEC มีมาตรฐานว่าจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางเพื่อสื่อสารใน AEC) บางทีเรานึกว่าคนไทยไปทักพูดคุยด้วย แต่เค้าพูดภาษาอังกฤษกลับมา เราอาจเสียความมั่นใจได้ ส่วนสิ่งแวดล้อมนั้น ป้ายต่างๆ หนังสือพิมพ์, สื่อต่างๆ จะมีภาษาอังกฤษมากขึ้น (ให้ดูป้ายที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นตัวอย่าง) และจะมีโรงเรียนสอนภาษามากมาย หลากหลายหลักสูตร
    http://www.thai-aec.com/41

    ข้อมูลเพิ่มเติม
    http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2011/09/H11130930/H11130930.html

    การบ่งพร่องทางภาษา(ไทย) ก็มีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน/การเรียนวิชาอื่นแน่นอนค่ะ ดิฉันกำลังพยายามคิดว่า ชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียน
    คือ จะไทยก็ไม่ดี จะอังกฤษก็ไม่ได้(ดี)


    ส่งเรียนไหวหรือเปล่าล่ะ English Program (EP) และ International Program (IP)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2013
  7. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,952
    เคยพูดเล่นๆกับลูกค่ะ ประมาณว่า โอ๊ย..สัญญาขันธ์/ชาติที่แล้วเกิดเป็นฝรั่งหรือ (แม่เหนื่อยที่ต้องแปล ไทยเป็นอังกฤษ เพราะส่วนตัวไม่ได้มีความรู้ภาษาอังกฤษนัก)

    ย้าย รร.ค่ะ ทำให้พูดภาษาอังกฤษน้อยลง ฝึกพูดภาษาไทยยากมาก บางครั้งแต่ต้องใช้ศัพย์ภาษาอังกฤษมาช่วย

    คือ มันเหมือนกรรมที่ว่า เด็กเก่งภาษาอังกฤษ แต่ รร.ที่เหมาะกับเขาก็ให้ออก เพราะเป็นเด็กพิเศษ(สมาธิสั้นสั้นร่วมกับ บกพร่องภาษา)

    อ่านภาษาไทยได้เร็วแต่ก็ไม่มีประโยชน์ (หมอบอกว่า จะไปมีปัญหาอีกทีตอนโต ที่ต้องเขียนหนังสือด้วยตัวเอง) เพราะเขาไม่เข้าใจอะไร

    และกรรมที่ว่า เรื่องแบบนี้ กว่าจะเจอะหมอที่ให้คำตอบได้ เขาก็โตเกิน 6 ขวบแล้วค่ะ (สมองหยุดพัฒนาที่ 6 ขวบ)

    คำถามเหมือนจะวกวนค่ะ คนเป็นแม่ทุกข์เสมอถ้าเป็นเรื่องลูกค่ะ
     
  8. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    ส่งเรียนไหวหรือเปล่าล่ะ English Program (EP) และ International Program (IP)
     
  9. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,952
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2013
  10. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,952
    ย้ายออกมาจาก EP เพราะเขาไม่รับเด็กพิเศษค่ะ ตอนนี้ส่งเรียน รร.ราคาธรรมดาแทนที่เขารับเด็กพิเศษ
    (ก่อนหน้านี้เรียน 2 ภาษา ครูยังบอกว่า แม่ส่งเรียนพิเศษภาษาอังกฤษลูกหรือ ลูกเรียนอ่อนหมด แต่คะแนน ภาษาอังกฤษดึงไปนะค่ะ)

    หมอบอกว่า เคสอย่างนี้ ถ้าพ่อแม่มีเงิน หมอแนะนำให้ส่งเรียนอินเตอร์ไปเลยค่ะ ดีกว่า เรียน รร.ไทย
     
  11. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    ขอโทษครับ มือไปโดน Groans (ไม่เห็นด้วย)
     
  12. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,852
    หมอบอกว่า เคสอย่างนี้ ถ้าพ่อแม่มีเงิน หมอแนะนำให้ส่งเรียนอินเตอร์ไปเลยค่ะ ดีกว่า เรียน รร.ไทย

    ก็น่าจะเป็นอย่างั้น แต่ไม่ต้องกังวลมากครับ ผมว่าเคสนี้ไม่หนักมาก ไม่ใช่ว่าลูกไปเสพยา ท้องไม่มีพ่อ โบราณว่าไว้ อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่าเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล ถ้าลูกจะเก่งด้านภาษา ผมว่าหลังจากลูกโตแล้ว ให้หาทางให้เขาไปทำงานต่างประเทศดีกว่า เช่น ล้างจานหรือขับรถแท็กซี่ ก็ได้ อายุซัก 40 กว่า กลับมาก็กลายเป็นเศรษฐีหนุ่มแล้ว
     
  13. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เวลาเล่น ได้ให้เล่นกับเด็กคนอื่นหรือปล่าวครับ
     
  14. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,952
    เล่นค่ะ แต่ลูกพูดไม่รู้เรื่อง ประโยคภาษาไทยแต่เรียงไม่ดี คนอื่นก็ไม่เข้าใจ ทำให้เล่นไม่ค่อยได้ดี หรือเล่นแบบไม่มีคุณภาพ(ภาษาหมอ)

    เมื่อก่อน เคยพูดกับคนอื่นเป็นภาษาอังกฤษก็มีบ้างค่ะ (แต่ก็พูดไม่ได้ดีนักนะคะ) ยิ่งไม่เข้าใจกันไปใหญ่

    หลายคนเข้าใจผิดมาเยอะค่ะ คิดว่า เมื่อก่อนลูกดิฉันเรียนอินเตอร์มา
     
  15. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ต้องให้เล่นกับคนอื่นตลอด จะได้ปรับตัวได้ครับ

    ยีงมีเวลาให้เค้าปรับตัวอีกมากครับ เหมือนกับว่าเค้าเพียงแต่มีความสามารถพิเศษติดมา

    ตอนผมเป็นเด็ก ผมจะชอบนั่งมองคนอื่นๆอยู่คนเดียว ไม่ค่อยพูด ตอนโตก็เป็น

    ถ้าเป็นสมัยนี้หมอต้องว่าผมผิดปกติแน่นอน
     
  16. มณีเมขลา20

    มณีเมขลา20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +446
    ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ความจำดี...สมาธิสั้น

    [HR][/HR] ถาม :...(ไม่ชัด)...มีความจำดี
    ตอบ : ความจำดี...เกี่ยวกับสมาธิโดยตรง ถ้าสมาธิทรงตัวจิตผ่องใส สมองก็เหมือนกับจัดอันดับของตัวเองได้ สามารถเรียงลำดับเรื่องข้อมูลได้เลย เวลาอาจารย์พูดเรื่องอะไรมาก็จะจับประเด็นได้เร็ว

    ลักษณะนี้บางทีพูดแล้วก็เข้าใจยาก ยกตัวอย่างว่า หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านเจ้าคุณพระมงคลไชยสิทธิ์ เวลาไปหาท่านแต่ละทีนี่ ท่านชอบให้คาถา แล้วคาถาท่านยาวมาก พอให้เสร็จแล้วไม่พอ ท่านเขกหัวเปรี้ยงเบ้อเร่อเลย บอก...เอ้า...ให้เอ็งไปใช้

    แต่ว่าพอสมาธิดี ก็สามารถที่จะเรียงลำดับได้หมดเลยว่า คาถาของท่านเนื้อหาเป็นอย่างไร ขึ้นต้นก่อนหลังอย่างไร เราจะจัดลำดับการจำ แล้วแยกแยะออกมาเสร็จเรียบร้อย จำได้ขนาดที่ว่าถ้าไปบอกคนอื่นเขา ๓ เที่ยวแล้วยังจำไม่ได้ ถ้าสมาธิดีเหมือนอย่างกับสมองเราแยกออกเป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นระดับเอง จะจัดเรียงเรียบร้อยเลยว่าต้องจำอย่างไร แล้วก็จะจำได้

    อยากจะความจำดี ต้องภาวนาเยอะ ๆ เข้าไว้ ถ้าสมาธิดีแล้วเหมือนกับเจ้าจอย(วีรนุช นวลปลั่ง) เขานั่งมองอาจารย์อยู่ เพื่อนข้างหลังห้องก็เล่นกัน โยกโต๊ะโยกเก้าอี้ โยกไปโยกมา ทีนี้โยกเกินศูนย์ถ่วง เก้าอี้หงายฟาดโครมลงไป เพื่อนอีก ๓๐ กว่าคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน เจ้าจอยนั่งมองแต่หน้าอาจารย์ สมาธิดีขนาดรอบข้างมีอะไรไม่รู้เรื่อง ได้ยินแต่เสียงอาจารย์อยู่อย่างเดียว เขาทำได้ขนาดนั้น ถ้าเราสมาธิดีขนาดนั้นเรื่องความทรงจำไม่มีปัญหาเลย

    ส่วนใหญ่แล้วเด็กสมัยใหม่สมาธิสั้น เพราะรีโมตคอนโทรลทำพิษ..นึกออกไหม ? ไม่ชอบใจก็เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ความจำจึงขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนตัวจิ๊กซอว์ ในเมื่อความจำขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนตัวจิ๊กซอว์ ความสนใจจุดใดจุดหนึ่งก็น้อย........

    ถาม : เป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ คือคนสมัยนี้ไม่ค่อยได้เดิน สมัยก่อนเดินเยอะ
    ตอบ : ก็มีส่วนเหมือนกัน จะมากจะน้อยก็มีอยู่ แต่ว่าจริง ๆ ก็คือสังคมปัจจุบันใช้พวกคอมพิวเตอร์ หรือพวกเครื่องเล่นที่เป็นระบบดิจิตอล ซึ่งสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เร็วมาก รับข้อมูลได้เร็ว ค้นหาข้อมูลอะไรได้เร็ว สิ่งเหล่านี้ทำให้คนสมาธิสั้นลง

    ถาม : เพราะว่าสมัยก่อนชาวนาเขาปลูกข้าว กว่าเขาจะปลูกได้ไร่หนึ่งเขาใช้ความเคยชิน ถ้าเดินนี่นับ ....
    ตอบ : นับครั้งไม่ถ้วน สมัยนี้เล่นรถดำนา ...(หัวเราะ)...

    ถาม : เปลี่ยนแปลงง่าย ฉะนั้นเวลาทำอะไรซ้ำ ๆ เป็นพัน ๆ ครั้งทำให้ได้เรื่องสมาธิ
    ตอบ : ใช่..แต่ของเราความสนใจเฉพาะที่น้อย ความจำก็เลยไม่ดีไปด้วย เขาเรียก “สมาธิสั้น”

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔
    __________________

     
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๖
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ ถาม: .................?
    ตอบ : อย่างที่สมัยก่อนบวชนั้น ไปเจอพี่น้องคู่หนึ่ง ตัวน้องนี่ก็อยู่ราว ๆ ๔-๕ ขวบนี่แหละ แม่เขาพาไปเราก็พยายามสอนมโนมยิทธิจนกระทั่งเขาได้ เขาได้เสร็จ ปรากฏว่ารุ่งขึ้น แม่เขาประเภทดีอกดีใจ หอบโน่นหอบนี่มาให้ บอกว่า "ลูกเขาอีกคนที่อยู่บ้านก็ได้ด้วย" ถาม "ได้อย่างไร ?" "น้องสอน" แล้วถาม "น้องเขาสอนอย่างไร ?" "น้องเขากลับบ้านก็ไปนั่งหลับตาภาวนาของเขาอยู่ พี่มาชวนเล่นก็ไม่เล่น" ถามว่า "มัวแต่ทำอะไรอยู่ ?" เขาบอกว่า "ไปเที่ยวสวรรค์อยู่" ไอ้พี่ก็บอกว่า "ไปอย่างไร ?" น้องบอก "ก็หลับตาสิ แล้วไปด้วยกัน" แค่นั้นแน่ะ พี่ทำได้ เราสอนอยู่เป็นชั่วโมงกว่าน้องจะได้ เด็กเขาสื่อสารกันเองรู้เรื่อง โน่นก็มั่นใจว่า ถ้าหลับตาแล้วไปได้ กูหลับแล้วไปบ้างก็แค่นั้นเอง แสดงว่าของเก่าเขามีเยอะจริง ๆ นั่นน่ะเขาพูดประโยคเดียวแล้วได้ เราเป็นอาจารย์อยากจะเอาหน้าไปมุดดินหนี ถ้าหากว่าสื่อสารกันรู้เรื่องเมื่อไร ได้ทั้งนั้น
    แต่ถ้าจะเอาเกณฑ์มรรคผลจริง ๆ ต้องประมาณ ๗ ขวบขึ้นไป เพราะว่า ๗ ขวบตัวปัญญาในการตัดสินใจมีแล้ว ในเมื่อตัวปัญญาในการตัดสินใจมี ถ้าหากว่าเขาถึงธรรมในจุดไหน ตัดสินใจว่าตรงนี้เราเอาแน่ ก็จะเข้าถึงได้เลย
    ถาม : หลวงพี่รู้จักคุณแม่เกษร บ้านที่เชียงใหม่ไหมครับ ?
    ตอบ : ได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเจอตัว
    ถาม : เห็นว่าคุณป้าที่หลวงพ่อเรียกว่า "ชาโดว์" เป็นคณะที่ไปสอนตั้งแต่สมัยท่านอยู่อเมริกา เคยอ่านเจอในหนังสือบันทึกของชาโดว์ เอ่ยนามคุณแม่เกษรขึ้นมา เป็นจุดสะดวกน่ะครับ สำหรับที่ผมจะพาลูกไป ลูกผมอยู่ทางโน้น แล้ววันเสาร์เป็นวันว่าง วันเสาร์ที่แล้วขอท่านช่วยเมตตาสงเคราะห์ให้ลูก กับลูก ๆ ผมสอนเขาจับพระนิพพาน เขาก็จับ รู้สึกเขารักนะครับ เรียกว่าใครถามว่าตายแล้วไปไหน ? ท่องได้เลยว่าจะไปนิพพาน เพียงแต่ว่าอยากให้เขามีความก้าวหน้าทางจิตก็พาไปฝึก แต่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยได้อะไร ?
    ตอบ : คือบางครั้งอาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ตัวอย่างชัด ๆ คือตัวอาตมาเองฝึกครั้งแรกประมาณปลายปี ๒๕๒๑ ครูฝึกเขาถาม "เห็นอะไรไหม ?" จะไปเห็นอะไรล่ะ ? สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง "สว่างไหม ?" "ไม่สว่างครับ" "เห็นอะไรไหม ?" "ไม่เห็นครับ" ครูฝึกก็หมดกำลังท้อไปเอง
    คราวนี้เสียงอีกท่านที่อยู่ข้างหลังนั่นน่ะ ท่านถามลูกศิษย์ ตอนนั้นสอนกันตัวต่อตัว เพราะคนไม่เยอะ ถามว่า "นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารัก เราชอบซิ นึกได้ไหม ?" โอ้โฮ...เราจับภาพพระเป็นกสิณมาตั้งเป็นปี ๆ ทำไมจะนึกไม่ได้ ก็หลุดปากไปว่า "นึกได้ครับ" ครูฝึกตรงหน้าก็งง ๆ มันนึกอะไรได้ ? ก็บอกว่า "นึกถึงภาพพระได้" เขาก็ถามต่อ "ลักษณะเป็นอย่างไร ?" เราก็บรรยายได้เป็นฉาก ๆ เลย เห็นมาเป็นปี ๆ ใช่ไหม คราวนี้ครูฝึกก็มีกำลังใจขึ้นมา ก็ตะล่อมจนกระทั่งประเภทว่าตัดโน่นตัดนี่ไปเรื่อย แล้วในที่สุดก็ "อ้าว...คราวนี้ลองขอบารมีท่านดูสิ ถ้าท่านเสด็จมาจริง ขอให้ท่านเปลี่ยนภาพจากภาพท่านั่งเป็นท่ายืน" พระท่านยืนเดี๋ยวนั้นเลยนะ คราวนี้ตอนนั้นของเราจะลอยทั้งตัว ปีติตัวพองเลย นั่นน่ะคือสื่อสารผิด
    แล้วอีกตัวอย่างคือโยมแม่ เหมือนกันเลย ไอ้คนเป็นแม่เป็นลูกเป็นอะไรกันนี่ สอนกันยาก เลยไปฝากครูพรรณีให้สอน ครูพรรณีพอเข้าไปสอนได้พักหนึ่ง ก็ออกมาหัวเราะบอกว่า "ท่านเล็กสอนแม่อย่างไร ?" ถามว่า "ทำไมหรือ ?" ก็บอกว่า "ถามท่านบอกว่า เกิดมาทุกข์ไหม ?" ท่านบอกว่า "ไม่ทุกข์" ครูก็หัวเราะ เลยบอกว่า "ครูกลับไปถามใหม่ ถามว่าเกิดมาลำบากไหม ?" รับรองว่าแม่บรรยายได้สามวันสามคืน คือสื่อสารกับคนแม่ไม่เข้าใจคำว่า "ทุกข์" คนแก่เขาไม่เข้าใจหรอก ถามว่า "เกิดมาลำบากไหม ?" ลำบากแค่นิดเดียว
    เพราะฉะนั้น...การสื่อสารไม่ไปตรงใจเขา ลูกศิษย์จะไม่เข้าใจ ครูฝึกมีความสามารถแน่ เราไม่เถียง แต่คราวตอนที่จะไปสื่อกับลูกศิษย์นี่ ต้องใช้คำพูดที่ลุกศิษย์เข้าใจมันลำบาก
    แล้วอีกอย่าง เรื่องของมโนมยิทธิจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือ เราไปนิพพานได้ การที่เราไปนิพพานเป็นการตัดกิเลสโดยอัตโนมัติ เพราะจิตของเราเป็นตัวปรุงแต่ง รัก โลภ โกรธ หลง จะงอกงามไม่ได้ ถ้าจิตไม่ปรุงแต่ง คนกินอาหารถ้าไม่ใส่ชูรส ไม่ใส่น้ำปลา ไม่ใส่พริก ไม่ใส่น้ำส้ม จืดชืดไม่เป็นท่า ไม่มีอารมณ์จะกินหรอก
    เรื่องของจิตถ้าไปอยู่ข้างบน ไม่ได้อยู่กับร่างกาย รัก โลภ โกรธ หลง อย่างเก่งก็อยู่ได้ ๒-๓ นาที มันก็เจ๊งไป ถ้าทำบ่อย ๆ กิเลสจะเฉาตายไปเอง เป็นการตัดกิเลสอัตโนมัติได้ แต่ว่าปัจจุบันนี้นำมาใช้ผิดกันซะร้อยละ ๙๙ เห็นแล้วสงสาร แต่ว่าก็ยังดี เพราะว่าถึงจะใช้ผิดก็ตาม กำลังของอภิญญานี้ ถ้าตายอย่างน้อยก็ยังเป็นพรหม ของเราถ้าหากว่าผิดพลาดลืมจุดหมายเมื่อไร ก็โดนหลอกเป๋ไปเลย ของอาตมาเองมัวแต่ไปสนุกอยู่ตั้ง ๓-๔ ปี บางคนก็ชม รู้ได้ชัดเจนจัง เก่งอะไรอย่างนี้ ตัวมันพอง ก็ไปเรื่อย กลายเป็นขี้ข้าชาวบ้าน
    จนกระทั่งวันหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่า "พวกได้วิชชาสอง อภิญญาห้า สมาบัติแปด หรือว่าทรงกรรมฐาน ๔๐ ได้ แต่ไม่ใช่พระอริยเจ้านะ ห่างจากนรกแค่นิ้วกั้น" กั้นตามยาว ไอ้เราเหงื่อแตกเลย แล้วกูจะรอดไหมนี่ แล้วถ้าจะรอดได้ต้องเป็นพระโสดาบัน แล้วเทศน์อารมณ์พระโสดาบันให้ฟัง ตอนนั้นเหมือนกับหลวงพ่อเทศน์ให้ฟังคนเดียวจริง ๆ รู้อย่างเดียวว่าชีวิตนี้จะไม่พยายามยุ่งกับเรื่องอย่างนี้อีกเลย เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือพยายามเอาอารมณ์พระโสดาบันให้อยู่กับเราให้มากที่สุดให้ได้ เหมือนกับรู้ต้วว่าเป็นนักโทษประหาร แล้วอยู่ ๆ มีคนเปิดคุกให้หนีนี่ เผ่นสุดชีวิตเลย อดไม่ได้ เพราะว่ารู้โน่นรู้นี่อะไรเข้าแล้วสนุก แล้วจะเพลินไปกับมัน แต่มานึก ๆ ดู ถ้าไม่มีบทเรียน ๓-๔ ปี เราอาจจะยังติดอยู่จนทุกวันนี้ก็ได้
    ถาม : ตอนนี้กำล้งหาอุบายสอนให้ลูกมีความก้าวหน้า ได้อุบายตอนที่เขาเริ่มเรียนรู้ถึงความตาย ตอนนั้นเลยสอนเขาเรื่องพระนิพพาน ให้เขาจับพระนิพพาน พอเขาเริ่มกลัวผี ก็สอนพุทโธแบบหลวงพ่อ เอาไว้ไล่ผี (หัวเราะ)
    ตอบ : บอกเขาเลย ก่อนนอนให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปไว้ อธิษฐานให้ภาพพระครอบลงมา ผีที่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ แล้วก็ตั้งใจไว้เลย นี่เราหลับถ้าตายไปเลย ขอไปอยู่กับท่านก็แล้วกัน เอาลักษณะอย่างนั้น ตื่นนอนมาก่อนจะไปโรงเรียน ก็บอกให้ตั้งใจนึกถึงภาพพระครอบตัวเราไว้ ไปไหนจะได้ปลอดภัย อันตรายจะได้ไม่มี คิดว่าถ้าหากเรามีอันเป็นไปจะต้องตาย ก็ขอไปอยู่กับท่าน สรุปง่าย ๆ อย่างนี้ พูดยาวเด็กไม่ค่อยฟัง สมัยนี้เด็กสมาธิสั้น
    ถาม : โดยเฉพาะคนโตคงมีของเขาพอสมควร รับได้ง่าย คุณแม่ผมอยู่ทางกรุงเทพฯ นาน ๆ ครั้งเข้ามาเจอท่าน ครั้งก่อนเจอ ท่านพยายามสอนให้เด็กสวดมนต์ไหว้พระ แต่เด็กเขาเกินตรงนั้นไปแล้ว ก็แสดงให้ท่านรู้ ผมก็ใช้วิธีถามตอน ถาม "ตายแล้วอยากไปไหน ?" "ไปนิพพาน" ถาม "พ่อตายเสียใจไหม ?" "ไม่เสียใจ" แม่ร้องไห้ (หัวเราะ)
    ตอบ : ก็ลักษณะเดียวกัน คือคนถ้าไม่เข้าใจตรงจุดนี้ อาตมาเคยโดนคนเขามองเป็นลูกอกตัญญูมาแล้วอย่างไร คือพอเวลาบางครั้งแม่แกลักษณะคนแก่ แกจะบ่นจะพูดอะไรของท่านไปเรื่อย เราบอก "พอ หยุด ๆ ภาวนาพุท-โธไปห้าร้อยครั้ง ครบแล้วบอกด้วย" แกก็จะนั่งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เดี๋ยวสักพักก็เริ่มต้นใหม่ ครบแล้วบ่นต่อได้ ก็ลักษณะอย่างนี้ บางครั้งเราก็ถาม "แม่พูดอยู่นั่นแหละเมื่อไรจะตาย" แม่เขาก็เลยบอก "เออ...ข้าก็ไม่อยู่ให้เอ็งลำบากนานนักหรอก" "ตายแล้วจะไปไหน ?" "ก็ไปนิพพาน" แต่คนอื่นเขาไม่คิดหรอก เขาคิดว่าเราจะแช่งแม่ให้ตาย แต่ความจริงแม่เรารู้ว่า เราพยายามที่จะกระตุ้นให้แกเข้ามาทางด้านนี้ เขาเข้าใจ แต่ไอ้คนไม่เข้าใจก็เห็นเราเป็นลูกอกตัญญู (หัวเราะ)
    ถาม : .......................
    ตอบ : เรื่องของการปฏิบัติจะต้องมีกัลยาณมิตรที่ทำได้ใกล้เคียงกัน แล้วจะสนุก พอถึงเวลามีการสนทนาแลกเปลี่ยนหัวข้อธรรมอะไรกัน สมัยก่อนจะมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง โอ้โฮ...นั่นสุดยอดจริง ๆ เลย เราไปถึงไหนเขาไปถึงนั่น ประเภทยันกันแค่หมดกระเป๋าทุกครั้ง มาสมัยที่อ่านหนังสือหลวงพ่อที่ว่า บางครั้งหลวงพ่อ หลวงปู่บางองค์ท่านไปเจอกัน แล้วก็ประเภททดสอบวิชากัน ท่านบอกความรู้ยันกัน มาเข้าใจตอนนั้นเลย คือเราหมดกระเป๋า เขาก็หมดเหมือนกัน เสร็จแล้วต่างคนต่างก็ตะเกียกตะกายหาใหม่ อย่างไรก็ต้องเอาให้เยอะกว่าให้ได้ แล้วพอถึงเวลาก็มาชนตรงนั้นเข้าอีกพอดีเลย อันนี้เป็นคู่ปรับทางธรรมของเราจริง ๆ เลย อยู่ในลักษณะที่ว่า อะไรที่เขาได้ ก่อนจะเจอเขาสักสี่ห้าวัน เราจะได้ด้วย พอซ้อมจนกระทั่งเริ่มคล่อง ก็จะไปจ๊ะเอ๋กันเข้าพอดี เสร็จแล้วก็ไปเจอกันตรงจุดนั้นแหละ เสร็จแล้วเราก็บอกว่าไม่มีแล้ว เขาก็จะไม่เชื่อ เพราะว่าเขาได้อะไรปุ๊บแล้วเขาถามเรา เราก็จะเข้าใจ เราก็จะตอบได้ทุกครั้งอย่างนี้
    เพราะฉะนั้น...เขาจะเชื่อว่าเรามีมากกว่าทุกครั้ง จริง ๆ ก็คือเราก็หมดกระเป๋าพอกับเขานั่นแหละ สิ่งที่เขาถามบางครั้งเขาอาจจะรู้ก่อนเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ เรารู้ทีหลัง แต่บังเอิญว่าพอไล่อารมณ์ทรงตัวได้ เขาก็มาพอดี เหมือนกับว่าถ้าเขาก้าวขึ้นหน้าได้อีกก้าว เราก็เสร็จ เพราะเราติดกำแพงแล้ว แต่เขาก็ไม่มีแรงจะก้าวมา เราจะถอยหลังต่อก็ถอยไม่ได้ เราก็ชนกำแพงแล้วเหมือนกัน ลักษณะอย่างนี้จะกระตุ้นให้เราแสวงหาความก้าวหน้าให้มากขึ้น แหม...คู่แข่งเขาจะแซงเราแล้ว ต้องเอาให้ได้ บางครั้งนั่งคุยกันเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า
    ถาม : เพื่อน ๆ ที่เจอกันบ่อย ๆ ที่เขาปฏิบัติธรรมจริงจัง ก็จะเป็นทางสายอีสาน ปฏิบัติคนละอย่าง
    ตอบ : ของสายนั้นท่านจะต้องเข้มข้นมาก คือคนอีสานมากพื้นฐานความลำบาก การทำมาหากิน ดินฟ้าอากาศไม่อำนวย จะต้องต่อสู้ต้องดิ้นรนมาตลอด เพราะฉะนั้น...จิตใจท่านจะเข้มแข็ง ถ้าไม่ทรมานนี่ทัน ๆ กันนี่ เอากันไม่อยู่ ดังนั้นทางสายอีสาน เวลาการปฏิบัติ บางครั้งท่านนั่งกันข้ามวันข้ามคืน เดินจงกรมกันต่อเนื่องกันข้ามวันข้ามคื หรือไม่ก็ประเภทอดข้าวกันทีเจ็ดวันสิบห้าวันอะไรอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นเอากิเลสไม่อยู่ เพราะจิตดื้อเป็นปกติ มันไม่ยอมอยู่แล้ว มันต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่เล็กจนโต มันถนัดแต่การสู้อย่างเดียวนี่ มันไม่ยอมลงให้ใครง่าย ๆ ก็ต้องเจอไอ้ประเภทการทรมานสาหัสสากรรจ์ พอกันถึงจะเอาอยู่
    คราวนี้ของท่านเป็นสายนั้น ของเราเองจะไปด้วยก็ไม่ไหว พระพุทธเจ้าท่านแบ่งการปฏิบัติออกเป็น ๔ สาย
    ๑. สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติง่าย ๆ บรรลุเร็ว
    ๒. สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฏิบัติง่าย ๆ แต่บรรลุยาก
    ๓. ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติยาก แต่บรรลุง่าย
    ๔. ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฏิบัติลำบาก แต่บรรลุยาก
    มีอยู่ ๔ สายด้วยกัน
    ถาม : คราวนี้ต้องอธิษฐานให้ได้พระนิพพานในปัจจุบันชาติ และยังต้องแถมให้ขอได้ง่าย ๆ สบาย ๆ (หัวเราะ)
    ตอบ : อธิษฐานเป็นการตอกย้ำความตั้งใจ อยู่ที่ความเพียรพยายามของเรา อย่าท้อถอย ถ้าประเภทอย่างเดียวแล้วไม่ตั้งหน้าตั้งตาทำ โอกาสได้ก็ยากเต็มที ถ้าจะไปนิพพานแล้วไปง่าย ๆ นี่ ไม่สมกับที่ลำบากลำบนเกิดมาตั้งนานขนาดนี้ (หัวเราะ)
    ถาม : ประทับใจประวัติพระสีวลีครับ ?
    ตอบ : ปลงผม ๓ ครั้งเป็นพระอรหันต์เลย คือของท่านปัญญาท่านล้นจริง ๆ ผมหล่นเป๊ะลงไป เห็นเออ...นี่มันไม่เที่ยงนี่หว่า อีกองค์ก็พนะนางปฏาจาราเถรี นั่นตักน้ำล้างเท้าขนแรก ซึมไปหน่อยก็หมด ขั้นที่สองซึมกว้างลงไปอีกหน่อยก็หมด ราดลงไปขันที่สามซึมกว้างลงไปอีกหน่อยก็หมด ท่านก็มานึกถึงชีวิตตัวเอง ผัวตายกลางทาง ลูกคนเล็กโดนเหยี่ยวเฉี่ยวไป ลูกคนโตโดนน้ำพัดไป พ่อแม่และพี่ชายตายในกองฟอนเดียวกันอย่างนี้ ท่านก็มานึกถึง เออ...ขันแรกก็เหมือนกับตายตั้งแต่วัยเด็ก ขันที่สองก็ตายวัยหนุ่มสาว ขันสุดท้ายก็ตายในวัยแก่อย่างนี้ สรุปแล้วชีวิตนี้หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลยหรือ ท่านก็หยุดพิจารณาของท่าน เป็นพระอรหันต์อยู่ตรงนั้นเลย นั่นน่ะล้างเท้า ๓ ขันเป็นพระอรหันต์แล้ว
    ถาม : ตรงนั้นชอบ แต่วิบากก่อนหน้านั้นไม่ชอบ (หัวเราะ)
    ตอบ : สาหัสจริง ๆ แต่ต้องอยู่ในลักษณะนั้น ถ้าไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เข้าถึงธรรม จะเอาอีกอย่างก็โน่น พระพาหิย ทารุจิริยะเถระ พระพุทธเจ้าเทศน์สั้นที่สุด "พาหิยะเธอจงอย่าสนใจในรูป" จบแค่นั้นเลย ลักษณะคล้ายกับบัวพ้นน้ำแล้ว กระทบแสงแดดปุ๊บบานเลย แต่ท่านไม่มีโอกาสบวชเป็นภิกษุเต็มองค์แบบคนอื่นเขา คือช่วงไปหาจีวร ในอดีตไม่เคยทำบุญเกี่ยวกับผ้าไตรไว้เลย มัวแต่ไปเสาะหาผ้าบังสกุลอยู่ ยังไม่ทันจะได้จีวรครบผืน โดนวัวแม่ลูกอ่อนขวิดตายเสียก่อน
    ถาม : มานึกถึงชื่อพระราชาที่น่าจะเป็นพระราชาช้าง เทียบเคียงได้คือพระเจ้าอุเทน ที่พระมารดาพาท่านหนีไปอยู่ป่าตั้งแต่เล็ก หลวงพ่อเคยแสดงไว้ แล้วท่านก็ได้เรียนมนต์เรียกช้างมาใช้งาน ผมเลยสงสัยว่า เอ๊ะ...เห็นหลวงพ่อท่านเคยแสดง เรียกท่านเจ้ากรมเสริมว่าพระราชาช้าง ?
    ตอบ : อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน เพราะว่าไม่แน่ใจว่าท่านจะเอาชาติไหน พระเจ้าอุเทนนี่ท่านถามพระรัฐบาลเถระว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นคนหนุ่ม ย่อมมากด้วยกามราคะ ไฉนจึงทรงอยู่ในธรรมวินัยนี้ได้ เพราะท่านเองท่านเห็นว่า ตัวท่านเองนี่เจ๊งแน่ ๆ เลย สนมกำนัลเป็นร้อยเป็นพันอย่างนี้ อย่างไรก็ทิ้งไม่ได้ พระรัฐบาลเป็นลูกมหาเศรษฐีมีเยอะพอ ๆ กัน แล้วทำไมยังทิ้งได้
    รัฐบาลท่านก็แสดงง่าย ๆ มหาบพิตร ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ว่า มาตุคามนี้ควรตั้งอยู่ในที่แห่งมารดา ก็ตั้งอยู่ในที่แห่งมารดา มาตุคามนี้ควรตั้งอยู่ในที่แห่งพี่สาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว มาตุคามควรตั้งอยู่ในที่แห่งน้องสาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาว มาตุคามนี้ควรตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว ก็ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาดังนี้ ก็ทรงธรรมวินัยอยู่ได้ ตัวพรหมวิหารเต็มที่เลย เห็นเขาเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน
    ถาม : .........................
    ตอบ : พวกเล่นไสยศาสตร์ เขาถือวันอังคารกับวันเสาร์เป็นวันแข็ง เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าทำก็จะขลังมาก ฉะนั้น...ส่วนใหญ่แล้วเขาก็จะปล่อยวันอังคารหรือวันเสาร์ ถ้าเล่นไปมาก ๆ แล้วไม่ได้ปล่อยออก เขาเองก็จะร้อน เขาจะต้องปล่อยอออกไปครั้งหนึ่ง แล้วเสร็จแล้วพวกที่เขาทำโดยเจตนา เขาก็มักจะเลือกเอาวันอังคารหรือวันเสาร์ ยิ่งถ้าเป็นวันอังคารหรือวันเสาร์ที่ตรงกับเดือนดับอย่างเช่นว่า แรม ๑๔ ค่ำ หรือแรม ๑๕ ค่ำได้ยิ่งดี เรื่องของไสยศาสตร์จริง ๆ เหมือนกับไฟ คือเปลวทำอันตรายเราไม่ได้ เพราะเรามีวัตถุมงคลคุ้มกัน แต่บางครั้งความร้อนก็มาถึง เพราะฉะนั้น ...จะมาเอาประเภทร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ก็ต้องมีบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ
    ถาม : ถ้าเรามีตะกรุดมหาสะท้อน ?
    ตอบ : ก็ย้อนกลับไป เขาทำมาเท่าไร เขาก็ได้เท่านั้น ถ้าแก้ไม่เป็นก็แย่
    ถาม : แล้วถ้าเขาทำไม่สำเร็จ ?
    ตอบ : ถ้าเขาทำจนหมดฝีมือเขาก็เลิก แต่บางครั้งประเภทรับเงินเขามาแล้วอย่างนี้ ก็จะอาจจะไปหาคนที่เก่งกว่าเขามา เล่นกับพวกนี้ยาก ไม่ค่อยเลิกกัน เอาเถอะ...กรรมใครกรรมมัน ถ้าโดนก็ไม่ยากหรอกของเราอาราธนาพระด้วยความเคารพนะ ทำน้ำมนต์ด้วยบท "รัตนสูตร" ที่ขึ้น ยานธะภูตานิ ส่วนใหญ่สมัยนี้ตัดแค่ ยังกิญจิ วิตตัง อิธะวา หุรังวา ตั้งใจขอบารมีพระด้วยความเคารพทำน้ำมนต์รดหรือกินก็หาย คือคนที่ทำน้ำมนต์จะต้องมีสมาธิอยู่หน่อย ยิ่งทรงฌานได้ยิ่งได้ผลเยอะ กินหรือว่าอาบก็ได้ ก็ถ้าเขาโดนจะแก้ได้
    ถาม : เราปล่อยควายตัวหนึ่ง หรือวัวตัวหนึ่ง แต่เราปล่อยปลา ๑๐ ตัว จริง ๆ แล้วถ้าคิดเป็นจิตวิญญาณล่ะคะ ?
    ตอบ : ปลาเยอะกว่า แต่ถ้าจะเอาอานิสงส์ตัดเคราะห์ใหญ่ ปล่อยวัวดีกว่า เพราะว่าสัตว์ใหญ่ ถ้าเราจะฆ่าเขาต้องใช้กำลังใจมาก เพราะฉะนั้น..ถ้าปล่อยได้อานิสงส์สูงกว่า ถ้าจะต่ออายุเอาหลาย ๆ ปีหน่อย ก็ปล่อยปลาตัวละปี
    ถาม : ..................?
    ตอบ : เรือจริง ๆ ท่านแม่ตั้งจ้ะ เพราะว่าตอนนั้นมีร่างทรงร่างหนึ่งชื่อร่างทรงท่านแม่ปิยบังภัย ท่านแม่ปิยบังภัยท่านจะมาร่วมงานด้วย จริง ๆ ก็คือท่านแม่นั่นแหละส่งมา เสร็จแล้วท่านก็มาเห่เรือให้ฟัง นั่งเรือจากท่าน้ำวัดท่าซุงมาจนถึงตัวเมืองชัยนาทแล้วย้อนกลับ ท่านจะเห่เรือให้ฟังแล้วก็จะเล่าเรื่องต่าง ๆ ในอดีตให้ฟัง เสร็จแล้วก็ถามว่า "เรือมาอย่างนี้แล้วจะใช้งานอย่างไรบ้าง ?" ท่านบอกว่า "เรือใหญ่เอาไว้ทำเป็นเรือพยาบาล เรือตังเกเอาไว้ขนพวกเสบียงอาหาร เพื่อไปแจกคนน้ำท่วม ส่วนเรือเร็วเอาไว้วิ่งสำรวจดูว่าเขาเดือดร้อนกันที่ไหนบ้าง" แล้วท่านก็ตั้งชื่อให้ จะมี "คนึงหา พาถวิล สินสวาท" คนึงหา คือเรือใหญ่ เรือพยาบาล เรียก "เรือแม่ใหญ่" พาถวิล คือเรือเร็ว เรือแม่กลาง แล้วก็สินสวาท คือเรือตังเกว่าเป็นกลอนว่า
    "คนึงหาใครเอย ครั้งหนึ่งคนึงใคร
    พาถวิลถวิลไป หวนให้ถวิลหวัง
    สินสวาทถึงคลาดไกล แต่ใจยัง..."
    ท่านจะบอกเป็นโคลงเป็นกลอนเลย


    http://www.grathonbook.net/book/101.html
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    พระอาจารย์ กล่าวว่า "เมื่อวานหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ปัญหาใหญ่ปัจจุบันของเด็กไทยคือ สมาธิสั้น ต้องเร่งแก้ไขด่วน

    ถ้าจะเร่งแก้ไข อาตมาอยากจะเสนอว่า ให้ลดอาหารบำรุงทุกอย่างที่แม่กินตอนตั้งท้องลง เท่านี้ปัญหานี้ก็จะจบเลย เพราะที่เด็กทุกวันนี้พลังงานล้นเกิน เนื่องจากแม่บำรุงมากเกินตั้งแต่เด็กอยู่ในท้อง พอคลอดออกมา สติสมาธิของเขาเท่ากับเด็กทั่วๆ ไป แต่พลังงานล้นเกินจึงอยู่นิ่งไม่ได้ พออยู่นิ่งไม่ได้ ความสนใจจึงไม่ได้อยู่กับที่ กลายเป็นเด็กสมาธิสั้นไปด้วย

    รุ่นที่เกิดมาแล้วก็ช่างเถอะ ส่วนรุ่นใหม่ถ้าไม่อยากมีปัญหา คุณแม่อย่าไปบำรุงขนาดนั้น รุ่นที่เกิดมาแล้วก็จับฝึกสมาธิ จับเล่นกีฬา ใช้พลังงานให้หมด จะได้มีสมาธิมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเราจะมีลูกลิงอยู่ในบ้าน นิ่งไม่ได้ แล้วก็โทษเด็กไม่ได้ด้วย เพราะเด็กเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาเป็นอย่างนั้น

    คนเป็นพ่อเป็นแม่พอรู้ว่าเด็กอยู่ในท้องก็รีบบำรุงเต็มที่เลย พอบำรุงมากเกิน พลังงานล้นเกิน การแสดงออกก็เกินๆ อย่างที่เห็น

    รุ่นของอาตมาไม่มีหรอกที่พลังงานล้นเกิน เพราะได้กินแต่กล้วยกับข้าวบด สมัยนี้มีสารพัดนม ผสมน้ำผึ้ง ผสมวิตามิน โฟเลทสูง แอลลีนสูง ฯลฯ คาดว่าปัญหานี้พวกบริษัทที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เขารู้อยู่ แต่ไม่มีอะไรที่จะขายง่ายไปกว่าขายให้กับความรักของพ่อแม่ ในเมื่อรู้สึกว่าดีต่อลูกก็พยายามซื้อกันใหญ่ ถ้าไปบอกว่ากินแล้วไม่ดีต่อลูกใครเขาจะไปซื้อ เพราะฉะนั้น..ต่อให้รู้เขาก็ไม่พูด"

    "ช่วงการปฏิบัติธรรมที่ผ่านๆ มา ดีใจที่มีเด็กหลายคนไปปฏิบัติด้วย แม้จะอยู่ในลักษณะที่อยู่นิ่งไม่ได้ แต่เขาก็พยายามควบคุมตนเอง ต้องบอกว่า พวกนี้บุญเก่าเขาดี ถึงได้เลี้ยวไปถูกทาง ถ้าพยายามฝึกฝนดีตั้งแต่เล็กๆ โตไปจะเป็นคนที่มีสมาธิมั่นคง ส่วนคนที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนเลยก็กรรมใครกรรมมัน โดยเฉพาะกรรมของพ่อแม่นั่นแหละ ทำเองก็รับไปเถอะ..!

    ผู้ใหญ่สมัยนี้โดนแรงโฆษณาทำเสียเยอะ โดยเฉพาะพวกกินนมแคลเซียมสูง กระดูกผู้ใหญ่งอกไม่ได้แล้วเหมือนกับเด็ก เมื่อเป็นดังนั้นก็จะไปงอกอยู่ ๒ ที่ ที่หนึ่ง คือภายในโพรงฟันตัวเอง ถ้างอกมากๆ เข้าก็จะไปบีบประสาทฟัน แล้วจะปวดฟันโดยหาสาเหตุไม่ได้ ที่สอง ก็คือจะไปงอกตรงโคนเล็บ เพราะเล็บยังงอกได้อยู่เรื่อยๆ เมื่อมากเกินกว่าที่จะงอกออกมาเป็นเล็บ กระดูกนิ้วมือของพวกที่กินนมแคลเซียมสูงก็จะบวมเป็นก้อน

    ดังนั้น..ระมัดระวังด้วยนะจ๊ะ กระดูกจะแข็งแรงขึ้นอยู่ว่าได้รับแสงแดดพอไหม ? ออกกำลังพอไหม ? ไม่ใช่กินแต่นมแคลเซียมสูงอย่างเดียว ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าว่า อะไรที่พอดีเป็นทางสายกลางถึงจะดี ถ้ามากเกินเมื่อไรย่อมเป็นโทษเมื่อนั้น

    กินอาหารที่มีแคลเซียม อย่างเช่น พวกปลาเล็กปลาน้อยบ้าง ออกกำลังบ้าง รับแสงแดดบ้าง กระดูกจะแข็งแรงพอ ปู่ย่าตาทวดมีบ้างไหมที่เขากินนมแคลเซียมสูง ? ก็เห็นเขาแข็งแรงดี อายุยืนอีกต่างหาก"


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3088&page=5
     
  20. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,818
    กรรม คือ การกระทำ
    เด็กเกิดมาแล้วมีพรสวรรค์ ก็เพราะ บิดา มารดา ปู่ยา ตายาย ปู่ทวด ย่าทวด ตาทวด ยายทวด กระทำมาก่อน จึงสืบทอดมาถึง ลูกหลานเหลน
    ในสมัยโบราณ ผู้มีพรสวรรค์ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกปลาดอะไร อาจจะถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา หรืออาจจะได้รับคำชมว่า หัวดี สมองดี ความจำดีเท่านั้น
    แต่พอมาถึงยุคปัจจุบัน เด็กได้รับการสืบทอด ดีเอ็นเอ มาจาก บรรพบุรุษ ก็อาจจะแสดง ความเด่นของยีน จึงมีสมองสติปัญญา หรือมีการกระทำที่ดีกว่าบุคคลทั่วไป บางทีก็เรียกว่า มีพรสวรรค์ มีความพิเศษ อย่างเด็กไทยที่เคยเป็นข่าว พ่อแม่สอนหนังสือให้ที่บ้าน จนศึกษาในมหาวิทยาลัย วิจัยโครงงานร่วมกับ ผู้ใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น
    ถ้าจะกล่าวว่าเป็นกรรม หรือ การกระทำของเด็กหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า การกระทำ หรือ กรรมของเด็ก ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดพรสวรรค์พิเศษนั่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ย่อมเกี่ยวข้องกับ ยีนเด่น ของ บิดามารดา ปู่ยา ตายาย ปู่ทวด ย่าทวด ตาทวด ยายทวด ที่สืบต่อมาสู่รุ่น ลูกหลาน เหลน
     

แชร์หน้านี้

Loading...