ใช้เป็น ก็ถึง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 5 มิถุนายน 2016.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    ศาสตร์ของหลวงปู่ดู่ ที่หลวงตาม้าท่านสอน เมื่อทำได้คล่อง ก็มีผลคล้ายมโนมยิทธิเหมือนกันครับ

    บางท่านสวดพระคาถาจักรพรรดิ แต่หลวงปู่องค์อื่นก็มาสอน
    มีคำตอบสองประการคือ หลวงปู่ดู่ท่านปรับรูปลักษณ์ของท่านให้เป็นเหมือนครูบาอาจารย์ที่เรานับถือได้ เพื่อมาสอนเรา เช่นที่ญี่ปุ่นที่หลวงตาม้าเพิ่งไปโปรดวิญญาณ ตั้งกองบุญฯลฯมาหมาดๆ วิญญาณที่ญี่ปุ่นเค้าไม่รู้จักรูปลักษณ์หลวงปู่ดู่ ท่านก็แสดงภาพออกมาเป็นพระยืนองค์ใหญ่ ที่วิญญาณที่นั่นรู้จัก เพื่อให้เหล่าวิญญาณนั้นน้อมแสงบุญไปเกิดเป็นต้น

    ประการที่สอง กระแสของพระไม่ว่าองค์ไหน ก็กระแสไตรสรณคมน์เหมือนกัน
    องค์ที่มีสายบุญตรงกับเรามาก่อน จะปรากฏภาพออกมา ถ้าเราทำใจเฉยๆสวดต่อไป อย่าตื่นเต้นมาก ถ้าเป็นแค่ภาพหรือพลังตกค้างของท่านภาพจะหายไป ตามลำดับที่บันทึกในจิต เดี๋ยวภาพไหนเป็นองค์จริงที่มา ท่านจะอยู่นานไม่หาย แล้วจะบอกอะไร ที่พิสูจน์ได้ว่าของจริง เช่นอนาคตอันใกล้ที่เราไม่สามารถปรุงแต่งได้

    ไม่ว่าพระที่เป็นของสำนักใดทำก็ตาม สามารถสวดพระคาถาจักรพรรดิได้

    และ พระของสายหลวงปู่ดู่ จะสวดมนต์บทไหนก็ได้ที่มาจากพระไตรปิฎกหรือมนต์สำคัญๆที่เป็นของหลวงปู่ต่างๆที่เรารู้จัก.


    ถ้าสวดจนหลวงปู่ดู่ท่านยิ้มให้ มาคุยด้วย ก็จบขั้นต้น

    ต่อไปสามารถเรียนที่จะไปตรวจดูสิ่งต่างๆแบมโนมยิทธิได้ และมิีวิธีพิสูจน์ว่าไปจริงหรือไม่จริง
    ไว้ค่อยไปเรียนกับหลวงตาม้าได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2016
  2. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    ก่อนนั่งสมาธิ.. ก็กราบพระรัตนตรัยและบอกหลวงปู่ ที่เคารพทุกองค์ว่า เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มหัดนั่งสมาธิ.. ซึ่งก็ยังนั่งแบบมั่วๆ มืดๆ :'(

    ก็เลยอธิษฐานบอกท่านไปว่าเพื่อหาว่าตัวเองเหมาะกับการนั่งการปฏิบัติแบบไหน จึงจะขอนั่งและปฏิบัติตามแบบของหลวงปู่ที่เคารพ และศรัทธา อาทิตย์ละแบบ 5555
    โดยอาทิตย์นี้ จะนั่งแบบแนวทางของ หลวงพ่อพระราชพรหมยานก่อน (แต่ไม่รู้ว่านั่งถูกไหม อาจจะไม่ถูกตามหลักคำสอนท่านก็ได้ -__-!)

    อาทิตย์หน้าถึงจะนั่งแบบ หลวงปู่ดู่ค่ะ (มีทั้งพระผง และลูกแก้วค่ะ)

    แต่แล..หนทาง ช่างห่างไกล 5555 (ไม่รู้ของเก่ามีไหม หรือชาติที่แล้วทำบาปหนาอะไรมาบ้าง) แต่ก็จะพยายามต่อไปค่ะ... เพราะไม่อยากลงนรก กลัว:boo:

    ปล. อยากจะลองไปวัดถ้ำเมืองนะเมือนกันค่ะ... อยากไปกราบหลวงตาม้า ต้องหาแนวร่วม เพราะต้องขับรถ เกือบ 6 ชั่วโมงเลยค่ะ...
    เสาร์อาทิตย์นี้ไม่มีใครว่างพาไปเลย... เดี๋ยวขับไปคนเดียวสะเลย :cool:
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    ขอให้สวดให้ต่อเนื่อง ท่านเน้น " ความเบา สบาย ของจิตใจ "
    เมื่อ เบาจากกระแสโลก ( ท่านใช้คำพูดง่ายๆ ถ้าใช้คำทางเทคนิคคอลเทอมทางธรรมะก็คือ ห่างจากนิวรณ์ เครื่องเศร้าหมองของใจ ) ไม่ว่าจะอยู่ไหน
    ท่านไปสอนได้ ( จริงนะ ขอยืนยัน ) ท่านเคยบอกว่า ถ้านับถือกันจริงอยู่ไหนก็ไปสอนได้ ( สอนแบบไม่เอาตัวกายเนื้อหนักๆไป )

    บางคนบวชอยู่ถ้ำฯ ถ้าปฏิบัติไม่จริง ไม่ต่อเนื่อง ไม่เบา ก็สู้อยู่ไกลแต่ทำจริงไม่ได้


    เรื่องของเก่า ก็เหมือนกัน ตัดกังวลเรื่องนี้ไป ทำปัจจุบันให้เบา สบาย ต่อเนื่องครับ
     
  4. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    ขอบคุณค่ะ... เด๋ววันนี้นั่งอีก รู้สึกว่าเมื่อคืนถ้าจะนั่งก็นั่งต่อได้ อีกนาน
    แต่มัวแต่กังวล และสงสัย ขัดใจตัวเองตลอด
    ..จะเพิ่งกสินไฟ กสินแสงสว่าง ท่อง นะมะพะธะ ท่องพุทโธ หรือคิดถึงองค์พระพุทธรูป มันขัดแย้งกันตลอด ... สงบนิดเเดียวคิดอีกแหละ (แล้วจะนั่งได้ไง555)
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    ขึ้นชื่อว่า ไตรสรณคมน์ หรือ พระรัตนตรัย

    ไม่ว่า ผู้มีร่างกายเนื้อขันธ์ห้าอันหนักนี้ จะใช้ชื่อเสียงเรียงนามอันสมมุติว่าอะไร แต่ถ้าภายในเป็นกระแสของไตรรัตน์แล้ว ย่อมถึงกันหมด

    จะคำภาวนาอะไร สำนักอะไร ห่มสีอะไร ถ้าใจเป็นพระ กระแสพลังงานก็คือพระ


    ให้วางความกังวล เรื่องชื่อเสียงเรียงนามและรูปลักษณ์ครูบาอาจารย์ที่ต้องการเลือกใช้ แค่เรามั่่นใจ ถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัยแล้ว ไม่ว่าภาวนาคำไหน
    จิตใจเราก็นึกถึงพระเดียวกัน ( ลังเล กังวลมาก ก็กลายเป็นนิวรณ์ขวางตนเองไป )
     
  6. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา สาธุ _/\_
     
  7. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ บางทีเหมือนจิตขัดแย้งกัน
    พยายามนึกถึงหน้าหลวงปู่ดู่ กลับนึกไม่ออก
    นึกได้แต่หน้าหลวงปู่มั่นซะงั้น คือไม่ได้ห้อยพระหลวงปู่ดู่
    น่ะค่ะ ทุกวันนี้ขอยืมพระลป.ดู่จากน้องสาวมากำเฉพาะตอน
    สวดสองทุ่มครึ่ง ก็คงต้องหาเช่ามาห้อยที่คอบ้างแล้ว
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    เข้าไปที่เว็บวัดถ้ำเมืองนะ แล้วขอพระผงกรรมฐานแจกฟรี กับลูกแก้ว(แบบปูนผสมผงจักรพรรดิหรือแบบวัสดุอื่น) พร้อมประคำ หนังสือคู่มือการใช้ แผ่นพับสำหรับพก+แจก ได้เลยครับ

    ........แจกฟรีครับ.........
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]



    พระเก่าหมายความว่าอย่างไร

    หลวงปู่ดู่ท่านว่า "ก็หมายถึงพระพุทธเจ้าน่ะสิ ท่านเป็นพระเก่า พระโบราณ พระองค์แรกสุด"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    [​IMG]

    หลวงปู่ดู่
    "ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า
    เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์
    เป็นลูกเป็นหลาน
    สร้างบุญกุศลมากับข้ามา

    แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรม
    ของข้า แต่พอพบ
    เห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า
    แล้วเกิดศรัทธา
    คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญ
    สร้างกุศลมากับข้า
    เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์
    เป็นลูกเป็นหลานของข้า

    ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

    เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว
    รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า
    ข้าจะคอยช่วยศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง

    แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า
    ข้าก็คิดถึงแก
    ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้ "

    ***********************
    อ่านโพสนี้ แล้ว น้ำตาไหล (ไปแอบ copy มาจากเว็บ pantip)... เมื่อคืนเพิ่งจะหัดนั่ง สมาธิแบบหลวงปู่ดู่ค่ะ
    โดยกำลูกแก้วจักรพรรดิ (ไม่รู้ปฏิบัติถูกวิธีไหม) แต่นั่งแป๊บเดียว.. วันนี้เอาใหม่ 555
    อนุโมทนา สำหรับผู้ที่ปฏิบัติได้ค่ะ _/\_
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ช่วยงานหลวงปู่ โดยวางลูกแก้วไว้ที่ต่างๆ เพื่อกระจายบุญปรับภพภูมิ

    [​IMG]


    ด้วยจิตใจที่มีเมตตา กรุณา ต้องการให้ชีวิตอื่นเป็นสุข พ้นทุกข์ ถ้าเราช่วยนำลูกแก้วไปวางในที่ต่างๆ ตามวิธีการที่หลวงปู่หลวงตาสอนไว้ จะเป็นการช่วยงานท่านในการวางพื้นฐานรื้อถอนสรรพชีวิต ทั้งยังเป็นการสร้างบารมีให้ตนเอง และช่วยชีวิตอื่นไปในตัว

    ..........ทำดูสิครับ ด้วยใจรัก แล้วจะทราบว่าเกิดมาพบท่าน ช่างเป็นวาสนานัก และโชคดีมหาศาลที่ยังมีกายเนื้อของมนุษย์ในการสร้างบารมี

    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1753858228226967&set=pcb.1753858324893624&type=3&theater
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 สิงหาคม 2016
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    ---------------------------------------------------------------

    [​IMG]






    ข้าไม่มีศิษย์เอก ไม่มีคนโปรด ข้ารักศิษย์ทุกคนเหมือนกันหมด ข้าอยู่กับทุกคนและช่วยเหลือเหมือนกัน อยู่ที่ใครจะเข้าถึงข้าได้หรือไม่ หมั่นภาวนาเข้าไว้

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    สาธุ... กราบหลวงปู่ค่ะ _/\_
     
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    หลวงปู่สอนให้ทวนกระแส แต่ไม่ให้ต้านกระแส
    หลวงปู่สอนให้ทุกคน "ทวนกระแสกิเลสของตน"
    แต่ไม่ให้ไปคิดต้านหรือเปลี่ยนกระแสโลก หรือคิดเปลี่ยนใคร ๆ
     
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    การอัญเชิญบารมีพระ ในพิธีเปิดโลก

    ตัดตอนส่วนหนึ่ง จากหนังสือ "17 อภิญญาสมาบัติ ทิพย์แห่งจิต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ " บันทึกโดย อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ( ในการเล่า ใช้คำว่า " ผู้เขียน ")

    -------------------------------------------------------------


    ...ก่อนจะเริ่มพิธีเมื่อกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัย และขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยแล้ว ผู้เขียนได้กล่าวอาราธนาหลวงปู่ว่า

    "ขออาราธนาพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้โปรดเมตตาอธิษฐานจิต ปลุกเสกรูปเหมือนหลวงปู่ทวด และวัตถุมงคลในพิธีที่คณะลูกศิษย์ได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นเครื่องระลึกถึงพระไตรสรณคมน์และการนำไปปฏิบัติธรรมของเหล่าคณะศิษย์ของวัดสะแก ซึ่งมีหลวงปู่ทวดเป็นประธาน สืบต่อไป"

    หลังจากนั้น หลวงปู่ก็ได้ให้ผู้เขียนกล่าว ชุมนุมเทวดา เพื่อให้มาโมทนาและร่วมในพิธี ต่อไปนี้เป็นคำพูดของหลวงปู่ ที่กล่าวไว้เสมือนกับเป็นอมตะวาจา ที่ทิ้งไว้ให้ระลึกถึง เพื่อให้ลุกศิษย์เกิดศรัทธาปสาทะ มีกำลังใจที่จะสร้างคุณงามความดี จนในที่สุดกลายเป็น อจลศรัทธา สามารถพึ่งตนเองได้ วาจาของหลวงปู่มีดังนี้

    "ตั้งใจกันทุกคน ภาวนาไตรสรณคมน์ นิมนต์ท่านด้วยทั้ง ๔ องค์" (ในวันนั้นมีพระสงฆ์อยู่ด้วย ๔ รูป)

    หลวงปู่ "เชิญพระมาทั้งหมดแสนโกฏิจักรวาล เทวดาด้วย ขอให้ท่านมาช่วยกัน หลวงพ่อทวดมาหรือยัง"

    ผู้เขียน "มาแล้วครับ"

    หลวงปู่ "หลวงพ่อเกษม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ที่แปลพระไตรปิฎกฉบับลังกา หลวงพ่อบุดดามาแล้วใช่ไหม"

    ผู้เขียน "ครับ"

    หลวงปู่ "ตั้งจิตยกของทั้งหมดตามหลวงพ่อทวด ไปพุทธาภิเษกที่วิมานแก้วพระพุทธเจ้า ขอให้พระพุทธเจ้ารับ ท่านรับแล้วหรือยัง"

    ผู้เขียน "ครับ รับแล้ว" หลวงปู่ยกมือขวา ลูบพระทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าท่าน ๒-๓ ครั้งอย่างช้าๆ

    หลวงปู่ "ตั้งจิตไว้ไปวิมานพระธรรม วิมานพระสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอให้ท่านช่วยเสร็จแล้วใช่ไหม ตอนนี้สว่างไปหมด พรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก ดูพุทธนิมิตของหลวงพ่อทวดเต็มท้องฟ้าไปหมด ตั้งจิตนำของทั้งหมดไปนมัสการพระพุทธเจ้าที่ดอยสุเทพ ที่ดอยสุเทพมีพระธาตุพระพุทธเจ้าอยู่ ขอพระพุทธเจ้าให้ท่านประสิทธิ ดูซิของทั้งหมดสว่างหมดหรือยัง"

    ผู้เขียน "สว่างหมดแล้ว"

    หลวงปู่ "ยกของทั้งหมดมาที่วัดสะแก อย่าเพิ่งลง ทำทักษิณาวัตรรอบภูเขาบุญกว้าง ๑ เส้น สูง ๑ เส้นก่อน ๓ รอบ ตอนนี้หลวงพ่อทวดอยู่ที่ไหน ลอยอยู่ในอากาศเห็นหรือยัง อัญเชิญพุทธนิมิตหลวงพ่อทวดมาปฏิสนธิสถิตในของทั้งหมด ดูซิของทั้งหมดสว่างไสวไปหมด แสงแตกกระจายออกไปเหมือนไฟพะเนียงแตก ขอหลวงพ่อทวดคุ้มครองรักษา ฝากเทวดาช่วยปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ตลอดไป ปิดอันตรายทุกอย่าง ของสว่างใช้ได้แล้วหรือยัง ตั้งใจให้ดี อุทิศกุศลไปให้โดยรอบสุดขอบจักรวาฬ อนันตจักรวาฬ ฉันจะให้พรแทน"

    หลวงปู่ให้พรและกรวดน้ำแทนคณะศิษย์ทั้งหลาย เนื่องจากวันนั้นเสียงหลวงปู่เบามาก จึงได้ยินกันไม่ค่อยทั่วถึง หลังจากพิธีเสร็จแล้วในวันต่อมา ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ ท่านบอกว่า

    "เกือบจะปลุกเสกไม่ได้ เนื่องจากมีคนจัดยาให้ท่านฉันผิด จึงทำให้ท้องเสีย ถ่ายท้องหลายครั้ง แต่เมื่อถึงพิธีกลับทำได้"

    นับว่าหลวงปู่มีขันติธรรมอย่างยิ่ง และเป็นความเมตตาอนุเคราะห์แก่คณะศิษย์อย่างมาก

    วัตถุมงคลต่างๆ ที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ คณะของคุณวรวิทย์ได้แจกจ่ายให้กับศิษย์ที่ปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องเสียเงินใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นเหรียญชนิดเงินและทอง ซึ่งคิดเท่ากับต้นทุนตามที่มีผู้สั่งจอง เนื่องจากมีผู้ได้รับแจกมาก จึงทำให้บางคนที่ไม่รู้จักคุณค่านำไปแลกเปลี่ยนจำหน่ายในสนามพระ

    ปัจจุบันวัตถุมงคลดังกล่าว ยังมีเหลืออยู่บ้างในจำนวนไม่มากนัก ซึ่งต้องแล้วแต่กาลเวลา เพราะต้องดูโอกาสที่ควรจะเปิด ท่านที่อยากได้ก็จงอธิษฐาน ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา นึกถึงหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ถ้าวาสนาของท่านดี คงมีโอกาสได้รับวัตถุมงคลรุ่นนี้ ที่เรียกกันว่า "รุ่นเปิดสามโลก" หรือที่เซียนพระเรียกว่า "รุ่นดัง" นั่นเอง

    มีเพื่อนของลูกศิษย์ผู้เขียนเคยนำหนังสือ พระผู้จุดประทีปในดวงใจ ซึ่งพิมพ์ครั้งพระราชทานเพลิงศพของพ่อผู้เขียน ไปถวายเพื่อนของเขาซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ เมื่อเขาเห็นหนังสือ เขาได้บอกว่า

    "เพิ่งจะรู้ว่าหลวงพ่อดู่ที่หลวงพ่อเกษมกล่าวถึงคือองค์นี้เอง"

    จึงได้เกิดการซักถามกันขึ้น พระจึงเล่าให้ฟังว่า เคยไปนมัสการหลวงพ่อเกษม กับโยมมารดาของท่าน ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช มารดาได้พาไปนมัสการหลวงพ่อเกษม เพื่อจะขอบารมีให้ลูกชายบวช หลวงพ่อเกษมท่านนั่งหลับตานิ่งอยู่ ได้เอ่ยถามมารดาของท่านว่า

    "รู้จักหลวงพ่อดู่ วัดสะแกไหม"

    ซึ่งมารดาเรียนตอบท่านว่า ไม่เคยรู้จัก หลวงพ่อเกษมท่านจึงพูดต่ออีกว่า

    "เคยได้ยิน เหรียญเปิดโลกไหม"

    เธอก็ตอบอีกว่า "ไม่เคยได้ยิน"

    หลวงพ่อเกษมจึงพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า "ให้ไปหามาบูชา เหรียญนี้ดี กันนิวเคลียร์ได้"

    พระองค์นี้ก็ได้แต่สงสัยว่า หลวงพ่อดู่อยู่ที่ไหน และจะหาเหรียญได้ที่ใด เป็นเวลาเกือบปี จึงเกิดความกระจ่างจากหนังสือที่ได้รับ แสดงว่าหลวงพ่อเกษมท่านใช้ อนาคตังสญาณ คือ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอนาคต ที่ท่านและมารดาของท่าน จะต้องมาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่อย่างแน่นอน


    --------------------------------------------------------


    พุทธนิมิต - ภูตพระพุทธเจ้า

    คำว่าภูตนี้ มักใช้กับพวกภูตผีปีศาจ ตามที่โบราณบอกไว้ว่า เมื่อคนเราตายลงไป ก็จะมีภูติเกิดขึ้นคือ ภูตดิน ภูตน้ำ ภูตลม และภูตไฟ คนที่ไปเจอผี หลวงปู่บอกว่า บางทีก็ไปเจอภูตเหล่านี้ ตามความเห็นของผู้เขียน ภูตนี้หมายถึง พลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่ของปุถุชนทั่วไป เสมือนไปที่เราก่อไว้ แม้ดับลงไปแล้ว เมื่อเราเอามือไปจับ จะรู้สึกว่ายังมีความร้อนสะสมอยู่ แล้วจะค่อยๆ เย็นตัวลงเป็นลำดับ แต่สำหรับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ พลังงานของท่านเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ ซึ่งท่านอธิษฐานไว้ เพื่อช่วยเหลือพระพุทธศาสนา อันเปรียบเสมือนตัวแทนของพระองค์ท่าน แม้จะทิ้งสังขารไปแล้ว สิ่งที่เราเรียกว่ารูปธรรมนั้น ก็น่าจะเป็นรูปธรรมละเอียด หรือจะเป็นนามธรรมก็ได้ เพราะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถสัมผัสหรือรู้ได้ โดยลักษณาการทางจิตที่ปฏิบัติได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลไร้สาระ

    การปฏิบัติให้จิตพ้นทุกข์นั้นมีหลายวิธีการ บางท่านก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่โลดโผน บางท่านมีนิสัยวาสนาในด้านความลึกลับ ซึ่งไปตามอัธยาศัยหรือความชอบ แต่จุดมุ่งหมายใหญ่คือ ความพ้นทุกข์ เพื่อให้ได้เข้าถึงธรรมคือ พระนิพพาน ที่กล่าวกันว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต" ถ้าเรามาตีความหมายในขั้นละเอียด คืออะไรเป็นตัวเห็น ตอบว่าจิต หมายถึงจิตเห็นเสมือนตาเห็นรูป เพราะไม่มีอำนาจใดจะเท่ากับอำนาจของจิตได้ ผู้ที่นั่งสมาธิและเห็นพระก็เช่นเดียวกัน แต่อยู่ในระดับที่ยังเอาพระเป็นที่พึ่งไม่ได้ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่การเห็นเหล่านี้ ก็อยู่ในขั้นที่เราได้สัมผัส กับพลังงานของพระที่มีอยู่ ทำให้ไม่สงสัยว่าจะมีจริงหรือไม่ ทางพุทธศาสนาเรียกว่าเป็น พุทธนิมิต ธัมมนิมิต สังฆนิมิต

    แรงบันดาลใจที่ทำให้หลวงปู่ดู่ต้องการมาศึกษาเรื่องนี้ คือว่ามีชาวบ้านอยู่คนหนึ่ง กลืนพระวัดตระไกรลงไปในท้อง แล้วมาปรึกษาท่านว่า ควรจะทำอย่างไร

    ท่านก็บอกว่า ให้ลองเอาผ้าขาวปูเวลานอนหลับ พอตอนเช้าพระก็ออกมาที่ผ้าขาว ซึ่งหลวงปู่ก็คิดว่า การที่พระออกมาที่ผ้าขาวได้นั้น แสดงว่าพระจะต้องมีพลัง พลังอันนี้ก็คือ ภูตพระพุทธเจ้า

    ในเรื่องของการเคลื่อนที่ของพระ ยังมีอีกองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ ตะกรุดที่ท่านทำเขาเรียก "ตะกรุดโลกธาตุ" บางคนที่เผลอกลืนเข้าไป ท่านจะสั่งให้เอาผ้าขาวปู พอตอนกลางคืนเขาก็พยายามที่จะไปดูว่า ตะกรุดจะออกมาตอนไหน จนกระทั่งม่อยหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาปรากฏว่า ตะกรุดออกมาอยู่ที่ผ้าขาวแล้ว นี่แสดงถึงพลังงานของพระที่ยังมีอยู่ หลวงปู่จึงต้องการจะศึกษาว่า พลังงานของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานไปแล้ว ก็ยังมีพลังงานเหล่านี้อยู่

    ส่วนในเรื่องข้อขัดแย้งระหว่างหลวงปู่กับอาจารย์เฮง (ไพรวัลย์) ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงปู่สี วัดสะแก อาจารย์เฮงจะทำในด้านเกี่ยวกับพรหม คือจะเชื่อว่าพรหมยังมี แต่ในขณะเดียวกันจะถือว่า พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์พอเข้านิพพานแล้วก็สูญ ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีพลังเหลือ

    หลวงปู่จึงถามท่านว่า อาจารย์เคยไปพระปฐมเจดีย์แล้วเห็นพระธาตุเสด็จหรือเปล่า

    ท่านก็บอกว่า อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย คือ สมัยที่เป็นเสือป่าตามเสด็จรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระบรมโอรสาธิราช ในคืนนั้น พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ได้เสด็จออกจากพระปฐมเจดีย์ ระยะหนึ่งแล้วก็กลับมาโดยมีรัศมีสีเขียวเป็นลูกกลมเท่าผลส้มเกลี้ยง ซึ่งในการเห็นครั้งนี้ รัชกาลที่ ๖ พร้อมทั้งข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็เห็นโดยทั่วกัน

    พระองค์จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาไปถึงพระราชบิดา หรือพระพุทธเจ้าหลวง โดยทรงอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า

    "อาจจะเกิดจากสารเรืองแสง แต่ทรงมีข้อสงสัยว่า น่าจะต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ฝนตก แต่การเสด็จของพระธาตุนั้น เกิดขึ้นในขณะที่ฟ้าโปร่ง"

    รัชกาลที่ ๕ ได้มีพระราชหัตถเลขาตอบมาว่า

    "ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนี้ เพราะพระองค์พร้อมทั้งข้าราชบริพารได้เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของ พระพุทธานุภาพคือ เป็นบารมีของพระบรมสารีริกธาตุ นั่นเอง"

    ตรงนี้อาจารย์เฮงก็บอกว่า ตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น

    หลวงปู่จึงได้บอกว่า

    "ถ้าพระธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุ เคลื่อนที่ไปได้ก็แปลว่า จะต้องมีพลังงานในการขับเคลื่อน ซึ่งพลังและบารมีนี้ก็แสดงว่าไม่ได้สูญหายไปไหน"

    หลวงปู่ยังกล่าวอีกว่า

    "กระดูกคนตายหลายร้อยหลายพันราย เห็นทิ้งกันให้เกลื่อนกลาดดาษดื่น ถ้าภูตพระพุทธเจ้าหมดไปแล้ว พระบรมธาตุจะเสด็จไปได้อย่างไร"

    อาจารย์เฮงเลยนั่งเงียบ ไม่สามารถจะหาข้อมาโต้แย้งกับท่านได้ เพราะการที่พระธาตุเสด็จ ก็เสด็จไปด้วยอำนาจของภูตเหล่านี้

    เมื่อหลวงปู่กล่าวจบ ท่านได้เล่าความฝันให้ฟังต่อว่า มีพระองค์หนึ่งเป็นพระสงฆ์มีรูปร่างใหญ่ผิวดำมาบอกว่า

    "ถ้าท่านต้องการของดี ทำไมท่านไม่หา ภูตพระพุทธเจ้า ให้พบ"

    แล้วพระองค์เดียวกันนั้น ท่านได้มาเขียนคาถาใส่ธง ๓ ธง ขณะที่เขียน ท่านเอียงข้างเขียน จึงมองไม่เห็นว่าท่านเขียนอะไร เสร็จแล้วท่านเอามือตบที่ธง ๓ ครั้ง ธงก็ลอยขึ้นไปพะเยิบพะยาบ หลวงปู่จึงตื่นขึ้น

    อีกครั้ง หลวงปู่ฝันเห็นพระ องค์ท่านแบกใบลานเข้ามาบอกว่าจะเอามาให้กิน

    หลวงปู่บอกว่า ผมจะกินเข้าไปได้ยังไง ใบลานตั้งแบก

    ท่านบอกว่ากินได้ ประเดี๋ยวท่านจะทำให้

    ท่านก็เผาใบลาน พอดีหนูเจ้ากรรมกระโดดตกลงมาบนบาตร เลยตกใจตื่นไม่ทันได้กิน ซึ่งแสดงถึงว่าท่านต้องเคยได้มาแล้วในอดีต เมื่อเคยได้มาแล้วในอดีต ก็เกิดแรงบันดาลใจเกี่ยวกับความฝัน จึงทำให้หลวงปู่คิดจะค้นคว้าว่า ภูตพระพุทธเจ้า หรือพลังงานของพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่

    สำหรับ พระสงฆ์องค์ที่หลวงปู่พบในฝัน ก็คือหลวงปู่ทวด นั่นเอง แสดงถึงบุญบารมีเก่าที่เคยสร้างมา ทำให้หลวงปู่จึงมาเกิดในนิมิตในเรื่องนี้

    พระพุทธโฆษาจารย์ พระภิกษุชาวอินเดียยุคหลังพระพุทธเจ้านิพพานประมาณ ๑ พันปี ได้เขียนไว้ในอรรถกถาธรรมบท ขุททกนิกาย ภาค ๖ เรื่องว่าด้วยตอนพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ เสด็จขึ้นไปแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดายังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดาติดต่อกันตลอด ๑ พรรษา

    ตามท้องเรื่องก็ว่า พระพุทธมารดาทรงฟังธรรมพระพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่องตลอด ๑ พรรษา เวลาใดพระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาต เวลานั้นพระพุทธเจ้าจะทรงเนรมิตสิ่งที่เรียกว่า "พระพุทธนิมิต" ซึ่งเสมือนพระพุทธเจ้าทุกประการ ทำหน้าที่แสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดา โดยพระพุทธเจ้าองค์จริงทรงแสดงธรรมถึงไหนแล้ว หยุดไว้ตรงใด เพราะต้องเสด็จไปบิณฑบาต พระพุทธนิมิตก็เข้าทำหน้าที่แสดงต่อจากตรงนั้นไป ครั้นพระพุทธเจ้าทรงฉันอาหารเสร็จแล้ว เสด็จมาแสดงธรรมต่อ ก็ทรงแสดงต่อจากพระพุทธนิมิตได้แสดงไว้ ส่วนพระพุทธนิมิตก็หายไปเป็นอย่างนี้ตลอดพรรษา ๓ เดือน

    ภูตพระพุทธเจ้า จึงมีความหมายถึง พลังงานหรือความดีของพระที่ยังคงอยู่ ไม่ได้สูญหายไปไหน

    มีผู้ไปเรียนถามหลวงปู่บุดดา ถาวโร ว่า การที่มีผู้ได้มโนมยิทธิ ในสายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หรือแม้แต่ในสายของหลวงปู่ดู่ก็ดี จะสามารถไปนมัสการพระจุฬามณี และไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้จริงหรือไม่

    ในเรื่องนี้หลวงปู่บุดดาท่านบอกว่า

    "สิ่งเหล่านี้เป็นพุทธนิมิตของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีศาสนาสิ่งเหล่านี้ก็สิ้นไป แม้แต่ในศาสนาพราหมณ์ ก็ยังมีการปฏิบัติจิต สามารถที่จะพบกับพระพรหม หรือเทวดาในศาสนาของตัวเองได้ หรือแม้แต่ในศาสนาอื่น ก็ยังมีการปฏิบัติทางจิต เช่น ศาสนาคริสต์ แล้วทำไมพุทธศาสนาซึ่งว่าด้วยพระพุทธเจ้า ผู้ที่ปฏิบัติก็น่าที่จะไปพบพระพุทธเจ้าได้"

    การที่ไปพบพระพุทธเจ้าได้นั้น ก็แสดงว่าพลังงานและพลังจิตไม่ได้สูญหายไปไหน ยังคงมีอยู่ ท่านอธิษฐานไว้ถึง ๕,๐๐๐ ปี แม้ในปัจจุบันจากหนังสือ ที่พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เขียนถึงเรื่องพระอาจารย์มั่น ว่า แม้แต่พระอาจารย์มั่นก็ยังพบกับพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเชิงวิจารณ์ในเรื่องนี้ โดยอ้างตามบาลีว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เมื่อนิพพานแล้วย่อมมีสภาพสูญ แต่สูญในที่นี้หมายถึง สูญจากกิเลส ตัณหา อุปทาน ดังนั้น การที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พบนั้นก็คือ พุทธนิมิตที่พระพุทธองค์ หรือสังฆนิมิต ที่พระอรหันต์มาแสดงให้เห็น แม้แต่เมื่อพระอาจารย์มั่นนิพพานไปแล้ว ลูกศิษย์ของท่านอีกหลายองค์ เช่น หลวงปู่ขาวก็ดี หลวงปู่แหวนก็ดี เมื่อปฏิบัติถึงจุดหนึ่งแล้ว พระอาจารย์มั่น ก็จะมาโปรดในนิมิต ซึ่งแสดงว่าพระอาจารย์มั่นมิได้สูญหายหรือสูญเปล่าไป

    การเสด็จโปรดสัตว์โลก ซึ่งเป็นพุทธกิจของพระพุทธเจ้า ปกติท่านจะเสด็จด้วยพระองค์เอง แต่บางโอกาสก็จะเสด็จโดยพุทธนิมิตในภาวนาก็ได้ ตามพระธรรมทัฏฐกถา กล่าวไว้หลายต่อหลายครั้งว่า พระสาวกของพระองค์กำลังพิจารณาธรรมอยู่ เกิดขัดข้องในการพิจารณาธรรม อันเป็นช่วงสำคัญด้วยประการใดก็ตาม พระพุทธเจ้าระหว่างประทับอยู่ในพระคันธกุฏิ จะทรงเปล่งพระโอภาส แสดงพุทธนิมิตปรากฏพระองค์อยู่ต่อหน้าพระสาวกองค์นั้นๆ ด้วยพระเมตตาธรรม ทรงตรัสแนะ ทรงเฉลยธรรม และเมื่อพระสาวกองค์นั้นพิจารณาตามไป ก็สามารถบรรลุมรรคผล อรหัตผลได้โดยไม่ยาก

    พุทธนิมิตจึงมิได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะสมัยนี้ หากแต่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ผู้รู้ท่านกล่าวว่าเกิดจากกระแสพระเมตตาธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ทรงแผ่สู่เวไนยสัตว์เป็นอัปปมาโณพุทโธ คือ ไม่มีประมาณ ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ที่สรรเสริญคุณความดีของพระพุทธเจ้านั้น จึงเปรียบเสมือนนกบินไปมาในอากาศ ผู้ที่เข้าถึงธรรมดังพระอริยสาวก จะเป็นผู้เข้าถึงพุทธนิมิต ธัมมนิมิต สังฆนิมิต ตามภูมิจิตภูมิธรรมของตน

    หลวงปู่เคยเล่าว่า แต่ครั้งพุทธกาล พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ที่มาประชุมกันในวันมาฆบูชา เพ็ญเดือน ๓ นั้น ท่านได้ภูตพระพุทธเจ้าหรือพุทธนิมิตนี้ ท่านจึงมีใจตรงกันที่จะมานมัสการพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าได้ประทาน "โอวาทปาฏิโมกข์" ซึ่งถือเป็นต้นบัญญัติในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในครั้งนั้นว่า

    ขันติ ปะระมัง ตะโป ตีติกะขา

    ความอดทน คือความทนทาน เป็นตะบะอย่างยิ่ง

    นิพพานัง ปะระมัง ทันติ พุทธา

    ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมกล่าว พระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม

    นหิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาติ

    บรรพชิต ผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น

    สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐยันโต

    ไม่ชื่อว่าสมณะเลย

    สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง

    การไม่ทำบาปทั้งปวง

    กุสสะละสู ปะสัมปะทา

    การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม

    สะจิตตัง ปริโยทะปะนัง

    การทำจิตของตน ให้บริสุทธิ์แจ่มใส

    เอตัง พุทธานะ สาสะนัง

    สามอย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    อนูปวาโท

    ความไม่เข้าไปว่าร้ายกันด้วย

    อนูปฆาโต

    ความไม่เข้าไปล้างผลาญกันด้วย

    ปฏิโมกเข จะ สังวโร

    ความสำรวมในพระปาฏิโมกข์ด้วย

    มัตตะญะญุตา จะ ภัตตสังสะมิง

    ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหารด้วย

    ปันตัญจะ สะยะนาสนัง

    ที่นอนที่นั่งอันสงัดด้วย

    อธิจิตเต จะ อาโยโค

    ประกอบความเพียรในอธิจิตด้วย

    เอตัง พุทธานะ สาสะนัง

    นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    ในสมัยปัจจุบันท่านธัมมวิตักโก (เจ้าคุณนรรัตน์) ท่านก็ยังเคยส่งกายทิพย์ไปรักษาฝรั่งที่สหรัฐอเมริกา ตามข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เมื่อมีคนไปเรียนถาม ท่านได้อธิบายว่า

    "พลังจิตเปรียบเสมือนคลื่นวิทยุ สามารถรับได้ทุกแห่งที่ส่งไป แต่การส่งมีมาแต่แหล่งใหญ่เพียงที่เดียว"

    ผู้เขียนเคยเรียนถามหลวงปู่อินทร์ วัดไทรงามเหนือ จังหวัดกำแพงเพชร เกี่ยวกับเรื่องนิพพานสูญ ท่านตอบสรุปได้ว่า

    "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง สุญ คือ สูญจากกิเลสโลภ โกรธ หลง แต่ไม่ใช่สูญไปหมด เหลือแต่จิตอันบริสุทธิ์"

    ซึ่งหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านอธิบายว่าเป็นลักษณะของจิตที่เข้าสู่สุญญตา หรือความว่างของจักรวาลเดิม ทำให้จิตหมดความคิดปรุงแต่ง ดังที่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง ท่านใช้คำว่า "ใจ" นั่นเอง หรืออย่างกับคำกล่าวของหลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ที่ว่า

    "ความเห็นเป็นต้นเหตุแห่งความคิด ความคิดเป็นต้นเหตุแห่งความเห็น คิดดีก็เป็นทางเย็น คิดไม่เป็นก็เย็นสบาย"

    ดังนั้น คำว่า ภูตพระพุทธเจ้า ที่หลวงปู่กล่าวถึง ก็คือพลังงานบริสุทธิ์ที่ยังคงอยู่ ไม่ได้เสื่อมสูญหายไปไหน ขอให้นักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ได้โปรดเข้าใจ สิ่งใดก็ตาม ที่ทางโลกไม่รู้ไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือยังพิสูจน์ไม่ได้ เขาจะพูดว่าไม่มี แต่สำหรับทางธรรมนั้น การเรียนรู้ถึงกิเลส เป็นสิ่งละเอียดเกินกว่าทางโลกจะเข้าไปสัมผัสได้ถึง จึงมิควรที่จะกล่าวว่าสิ่งนั้นไม่มี เหมือนกับเรามองไม่เห็นเชื้อจุลินทรีย์ได้ด้วยตาเปล่า แต่ถ้าใช้กล้องจุลทรรศน์ซึ่งทางโลกประดิษฐ์ขึ้น ก็สามารถจะรู้ได้เป็นลำดับ จนปัจจุบันมีการประดิษฐ์กล้องอิเล็กตรอน ทำให้เรามองเชื้อโรคเป็นสิ่งไม่ลึกลับอีกต่อไป

    ส่วนธรรมะของพระพุทธองค์นั้น มีอยู่สิ่งเดียวที่เราจะเข้าถึงได้คือ การเรียนรู้ถึงเรื่องของจิตใจ อันเป็นสิ่งที่ต้องประพฤติปฏิบัติด้วยตนเอง เรียกว่า "ปัจจัตตัง" ทำให้เราเป็นคนฉลาด คือมีกุศลกรรมบังเกิดขึ้นและจะไม่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการสบประมาทต่อสิ่งที่เราคิดว่าไม่มี เพื่อไม่ให้เกิดผลกรรมที่ตัวเองเป็นผู้กระทำโดยไม่ตั้งใจ

    กล่าวโดยสรุป เมื่อประมาณปี ๒๕๒๘ ที่วัดสะแก ได้เกิดพุทธนิมิตขึ้น คือ เกิดขึ้นที่พระพุทธรูป แก้วน้ำ หรือสิ่งต่างๆ ซึ่งการเกิดนี้มีลักษณะที่เป็นพระพุทธรูป เป็นวิมานแก้ว หรือเป็นรูปหลวงปู่เองก็ดี รูปพระสงฆ์องค์อื่นก็ดี มีพุทธศาสนิกชนมาดูกันมากมาย แล้วก็วิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ว่าจะเป็นการสะท้อนของแสงหรือไม่ แต่เมื่อพิสูจน์กันอย่างจริงจังแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเป็นภาพลวงตา

    หรือแม้แต่ภาพถ่ายซึ่งมีอยู่ปีหนึ่ง ถ่ายรูปหลวงปู่ในงานถวายกระทง รูปหลวงปู่ก็เกิดมีเส้นแสงของพลังเกิดขึ้น พลังนี้ไม่ใช่มีแต่เฉพาะหลวงปู่องค์เดียว หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ก็ดี หรือหลวงพ่ออีกหลายๆ องค์ก็ดี อย่างเช่น พระอาจารย์จวน ก็เกิดแสงสว่างแบบนี้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นตัวชี้ว่า พลังงาน พลังจิตนั้นเป็นของมีจริง และในเหตุการณ์ปัจจุบันที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ ในงานหล่อพระที่วัดพุทไธสวรรค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ เป็นพระพุทธรูปปางอู่ทอง ที่จะนำไปประดิษฐานที่ สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้สร้างให้หลวงปู่เป็นอนุสรณ์ ในเทปวิดีโอที่ปรากฏขึ้นมานั้นก็มี ลักษณะของวิมานแก้ว และลักษณะของพลังรัศมี ๖ ประการ เกิดขึ้น ในขณะที่กำลังเททองหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ หรือแม้แต่ในถ้ำเมืองนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ ก็ยังมีลักษณะของเส้นแสงเกิดขึ้นเช่นกัน

    ที่วัดพระพุทธฉาย จังหวัดสระบุรี มีรูปขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏอยู่บนหน้าผา ซึ่งรูปนี้มีประชาชนไปเคารพสักการะมาก หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เคยเดินธุดงค์ไปแล้ว ได้อธิษฐานและนั่งสมาธิ ท่านก็รับรองพระพุทธฉายนั้นเป็นของจริง มีจริง สำเร็จได้ด้วยพระพุทธบารมี หมายถึงพระพุทธองค์ถ่ายรูปเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ บารมีของพระพุทธองค์นั้น เป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ย่อมสามารถที่จะแสดงสิ่งที่เหนือมนุษย์ได้ สิ่งเหล่านี้ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "อภิญญา" คือ ความรู้ยิ่ง ดังนั้นในเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธนิมิต สิ่งที่จะเป็นตัวเสริมว่า สิ่งเหล่านี้มีจริงนั้น ก็ต้องอยู่ที่จะต้องมีการประพฤติปฏิบัติ เพราะบุคคลที่จะประพฤติปฏิบัติแล้วไปพบพระพุทธเจ้า พบหลวงปู่ดู่ พบหลวงปู่ทวดได้ ก็จะเป็นเครื่องเจริญศรัทธา จะมีความก้าวหน้า เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

    สำหรับผู้มีปัญญาแล้ว การได้มานมัสการก็ดี ได้ชมพุทธนิมิตด้วยตนเองก็ดี จะเป็นภาพติดตาติดใจ เป็นพุทธานุสสติกรรมฐานอีกด้วย ดังคำหลวงปู่ที่ว่า

    ดูแล้วให้จำ จำแล้วเอาไปทำ (ปฏิบัติ) ที่บ้าน

    ถ้าเราทำเป็น ทำที่บ้านเราก็เห็น ไม่ต้องมาวัดหรอก
     
  20. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ประสบการณ์ลูกแก้วมณีนพรัตน์

    เมื่อสร้างลูกเเก้วสารพัดนึกรุ่นเเรกได้๑๒๕๐ องค์ เท่ากับจำนวนพระอรหันต์ที่เดินทางมาพบพระพุทธเจ้า โดยไม่ได้นัดหมายในวันมาฆบูชา เเละเป็นการกำเนิดของการเเสดงโอวาทปาฏิโมกข์ซึ่งหลวงปู่บอกว่าพระอรหันต์เหล่านี้ได้ภูติพระพุทธเจ้าจึงส่งจิตถึงกันหลวงปู่ได้อธิฐานจิต ลักษณะเป็นสีดำเพราะทาสีเป็นอักษรว่า พ หมายถึงพรหมปัญโญ หลวงปู่ได้เเจกให้ฟรีทุกๆคนที่มานมัสการท่านโดยท่านกำชับว่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ให้ภาวนา รักษาศีล คุณพระจะได้รักษา หลวงปู่ได้เล่าให้อาจารย์ศุภรัตน์ฟังว่า ลูกเเก้วเเสดงปาฏิหาริย์เเล้วละเเก มีเด็กมันตกน้ำไม่จมตัวเองลอย เเม่เขาเอาลูกเเก้วคล้องคอให้ อาจารย์ศุภรัตน์ฟังท่านเเต่ไม่คิดมาประสบเเก่ตัวเอง อาจารย์ศุภรัตน์เดินทางไปกับเพื่อนๆเพื่อไปงานบวชของเพื่อนคนหนึ่งที่อำเภอ หล่มสัก จังหวัด เพชรบูรณ์ การเดินทางไปกลางคืนระยะทางจากพิษณุโลก อำเภอหล่มสัก เป็นทางคดเคี้ยวมาก เมื่อผ่านด่านตรวจทหารพรานขณะที่ขับมาเพื่อนของอาจารย์ศุภรัตน์ที่เป็นคนขับบังคับรถไม่อยู่เพราะทางโค้งมาก ได้เพียงบอกว่ารถจะพลิกเเล้ว ทุกคนตกตลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถพลิกคว่ำเลื่อนมาตามถนน ซึ่งเป็นเหวอยู่ข้างทางอาจารย์ศุภรัตน์นึกถึงพระนึกถึงหลวงปู่เเละการปฏิบัติธรรมตัดสิ้นใจว่าเป็นอะไรก็ตามเราควรปฏิบัติเเละภาวนา สักพักจิตจะเป็นสมาธิเห็นเเสงสว่างรอบตัวรถใจสบาย ตอนเเรกกลัวตาย ตอนนี้เฉยๆ รถเลี้ยวมาประมาณ๕๐เมตรหยุดนิ่ง ทุกกคนไม่เป็นอันตรายเเต่รถยับเยิน เศษกระจกติดตามตัวทุกคน เสียงทหารที่ฐานเดินมาตามทางได้ยินเสียงพูดว่า สังสัยจะตายหมด วันก่อนกก็ตายไป๒๗ศพ บางคนบอกว่าคงเหลือ สักคนนึงททเมื่อมาถึงเห็นพวกเราปลอดภัย คำเเรกที่เขาถามคือคุณห้อยพระอะไร โค้งนี้คนตายมาเเล้ว อาจารย์ศุภรัตน์ให้ดูลูกเเก้วในคอส่วนเพื่อนอีกสองคนก่อนจะขึ้นรถ อาจารย์ศุภรัตน์ได้ให้พระหลวงพ่อไว้คนละองค์ กลับมาถึงอยุธยาอาจารย์ศุภรัตน์ไปนมัสการหลวงปู่ดู่เพื่อจะเล่าเหตุการณให้ฟัง หลวงปู่ดู่พูดขึ้นมาก่อนว่า เเก่เชื่อลือยังระว่าพระข้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้เสกเอง พระพุทธเจ้าเป็นคนเสก อาจารย์ศุภรัตน์รีบตอบว่า เชื่อเเล้วครับผมไม่ต้องลองของอีกเเล้วนะหลวงปู่ดู่
    ปกติอาจารย์ศุภรัตน์สอนวิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร วันนึงได้สอนวิชาถนอมอาหารเกี่ยวกับการทำถนอมอาหารกระป๋องให้เเก่นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา โดยนำเเห้วมาอัดกระป๋องซึ่งต้องใช้หม้อนึ่งอัดความดันหลังจากผ่านขบวนการผลิต จนสุดท้ายเป็นการถนอมอาหารโดยใช้ความร้อนซึ่งต้องใช้ความดัน๑๕ปอนด์ ต่อตารางนิ้วเป็นเวลา๑๕นาที อาจารย์ศุภรัตน์คุมนักศึกษาคนเดียวดูเเลไม่ทั่งถึงมีนักศึกษากลุ่มนึงมาดูมาตรวัดความดันผิด รีบเปิดผาเลยทำให้ฝาหม้อกระเด็นขึ้นมาอย่างเเรง น้ำร้อนในหม้ออัดความดันกระจายออกมาเต็มห้อง อาจารย์ศุภรัตน์อยู่ใกล้สุดจึงโดนน้ำร้อนเเบบอาบน้ำนึกในใจว่าคราวนี้สุกเเน่นอน เเต่อัศจรรย์น้ำร้อนเป็นเพียงน้ำอุ่นๆ ที่ราดตัว มีนักศึกษาคนนึ่งโดนไอน้ำร้อนเข้าที่หน้า เกิดการเห่อเเดงขึ้นมาเเต่ไม่เป็นอันตรายมาก อาจารย์ศุภรัตน์ทราบว่าเป็นอำนาจของพระพุทธคุณเมื่อไปเล่าให้หลวางปู่ดู่ฟังท่านพูดว่า ก็รีบเปิดฝา ไม่รู้ว่าความดันเท่ากับศูนย์หรือยัง เออข้านี้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ไปกับเขาเสียเเล้ว หลวงปู่ดู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี


    ข้อความจาก หนังสือ"กายสิทธิ์ยุคอภิญญา"
    ( อาจารย์ ศุภรัตน์ แสงจันทร์ )

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...