ต่อจากกระทู้เดิม แม่ไปดูหมอมาให้แล้วเค้าบอกแบบนี้ เชื่อดีไหมคะ?

หลังจากวันนั้น เราโทรไปเล่าใฟ้แม่ฟัง แม่เราเชื่อเรื่องพวกนี้ค่ะ อะไรๆก็เป็นไปได้หมด
แม่ไปเอาวันเดือนปีเกิดเราไปดูมาให้
เค้าบอกว่ามีวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งมาหาเรา
เห็นเราบ่อย (คือเราอยู่หอนี้มา 2-3 ปีแล้วค่ะ) แต่ไม่เคยบอกกล่าวเจ้าที่หรืออะไรก็ตามที่อยู่ในที่นี้ ก็จริงนะคะ เราไปไหนมาไหน นอนที่ไหน ไม่เคยบอกกล่าวอะไร
แล้วหมอดูบอกว่าเค้าชื่อว่าแม่สะไบทอง
เค้าแค่ถูกชะตากับเรา เค้าอยากคุ้มครองดูแล. อยากให้โชคให้ลาภ แต่เราไม่เคยขอ เค้าเลยต้องมาหาเราแบบนั้น
จากนั้นเค้าให้เราไหว้ทุกวันพระ ด้วยขนมหวาน น้ำ1แก้ว ดอกไม้ธูปเทียน

เราจะทำดีมั้ยคะ มันจะดูเหมือนไหว้ใครก็ไม่รู้หรือเปล่า ? เราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งด้วยแหละ ลังเลมากก ทำดีไหม?
เมื่อเช้านี้เราก็ไปวัดทำบุญกรวดน้ำให้แล้ว
ขอความคิดเห็นจากผู้เคยมีประสบการณ์ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ..

 

เอาแบบนี้นะคะ... ทำบุญใส่บาตรให้ดีกว่า หรือจะทำเป็นสังฆทานก็ได้ค่ะ บุญคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ จะทำโดยการทำทาน สังฆทานใส่บาตร หรือนั่งสมาธิแล้วอุทิศให้เขาก็ได้ แนะนำอีกอย่างคือสวดบทคาถามหาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่เพื่อปรับภพภูมิให้เขา และ สวดกรณียเมตตาสูตร ก่อนนอนนะคะ
ส่วนการไหว้ทำนองนี้ เราว่าแค่บอกกล่าวเขาก็พอค่ะ จุดธูปบอกก็ได้ ส่วนของเซ่นไหว้แล้วแต่วิจารณญาณ ประสบการณ์ส่วนตัว ตามที่เคยอยู่หอพักและมีเจ้าที่ ก็บอกกล่าวเขาว่าเราจะมาอยู่อาศัยด้วยเด้อ ให้เมตตาเราด้วย... เคยฝันเห็นและเห็นว่าเสื้อผ้าเขาขาด ก็ทำบุญไปให้ หลังๆก็มีมาขอให้ทำบุญให้
บุญคือสิ่งที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ค่ะ เน้นทำบุญให้เขา

 

ขอบคุณสำหร

บคำแนะนำมากๆค่ะพี่

 

ไม่ควรไปเชื่อ หมอดู/หมอเดา นะครับ
สิ่งที่ควรแก้ไขในจิตใจตนเอง หากเป็นผม สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ การปฏิญาณตนเป็น พุทธมามกะ ตามรายละเอียดที่ ส่งมาครับ

คำว่า พุทธมามกะ แปลว่า ผู้รับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของตน การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ หมายถึง การประกาศตนของผู้แสดงว่าเป็นผู้รับนับถือพระพุทธเจ้าเป็นของตน

การปฏิญาณตนเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะคราวเดี่ยว ทำซ้ำๆตามกำลังแห่งศรัทธาและความเลื่อมใสก็ได้ เช่น พระสาวกบางรูป ภายหลังแต่ได้รับการอุปสมบทแล้วก็ลั่นวาจาว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก” ดังนี้ เป็นต้น

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น (ว่า ๓ จบ)

ต่อด้วยว่า คำปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ดังนี้
เอเต มะยัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามะ, ธัมมัญจะ สังฆัญจะ, พุทธะมามะกาติ โน,สังโฆ ธาเรตุ.

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถึงผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แม้เสด็จปรินิพพานแล้ว ทั้งพระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะที่ระลึกนับถือ ขอพระสงฆ์จงจำข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่าเป็นพุทธมามกะ เป็นผู้รับเอาพระพุทธเจ้าเป็นของตน คือผู้นับถือพระพุทธเจ้า

(หมายเหตุ : ถ้าปฏิญาณคนเดียว ให้เปลี่ยนคำปฏิญาณ ดังนี้ เอเต มะยัง เป็น เอสาหัง, คัจฉามะ เป็น คัจฉามิ, พุทธะมามะกาติ ชายเปลี่ยนเป็น พุทธะมามะโกติ หญิงเปลี่ยนเป็น พุทธะมามิกาติ, โน เป็น มัง, แปลว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพุทธมามกะ)

การปฏิญาณตน แบบนี้ นอกจากขจัดความกลัวในจิตใจของตนเองแล้ว ยังได้รับการคุ้มครองจากเทวดาประจำตัวของเราเอง หากมีเวลาตอนเช้าตื่นมาใส่บาตร ก็เพื่อใส่จิตใส่ใจให้เทวดาประจำตัวเอง ก่อน เพื่อให้จิตใจของตัวเองมีพลังก่อน เปรียบเหมือนคนมีทรัพย์มากจนเหลือ จึงค่อยให้คนอื่น มิใช่ ตัวขาดทรัพย์แต่ก็ให้คนอื่นก่อนจะเป็นเตี้ยอุ้มค่อมไปนะครับ

การปฏิญาณตน ทำได้ไม่เสียเงิน แค่หารูปพระพุทธฯ หรือ แม้แต่ระลึกถึงรูปพระพุทธเจ้า แบบใดก็ได้ จะกล่าวออกเสียงหรือ กล่าวในใจ ก็ได้ เมื่อทำแล้ว จะมีความเชื่อมั่นและมีสติ ในการคิดทำงานทำการต่อไป

เอาเท่านี้พอ...
เจริญในธรรมครับ...