เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ธรรม-ชาติ ที่มาให้ความกระจ่างครับ กระผมก็สงสัยมานานแล้วว่าคำสอนของคุณ ป. สอนคนให้ไปนิพพาน แต่ก็ไม่เห็นสอนเรื่องการตัดกิเลสตรงไหนเลยครับ แล้วที่อาจารย์ธรรม-ชาติ บอกว่าไอ้เตี้ยไม่ได้มาสื่อสารกับคุณ ป.แล้วนั้น เป็นเพราะสาเหตุใดกันครับ และไอ้โย่งมนุษย์ต่างดาวที่สร้างไอ้เตี้ยขึ้นมา มันมีจุดประสงค์อะไร ที่ให้ไอ้เตี้ยมาสื่อสารกับคุณ ป.อย่างยาวนานนับสิบๆปีเช่นนี้ครับ

 

ท่านธรรม-ชาติ ขอบคุณค่ะ และ รวมถึงคุณช่างเถอะด้วยค่ะ เอาเป็นว่าตนเองยอมรับผิดค่ะ ที่สื่อภาษาในความเข้าใจของตนเอง และท่านได้ชี้แจงมาทำความกระจ่างแจ้งให้เพิ่มขึ้นค่ะ เดี๋ยวตนเองจะนำสภาวะอันละเอียดมาให้ท่านธรรมชาติพิจารณาอีกครั้งคะ เพื่อให้ความรู้แจ่มแจ้งให้กระจ่างเป็นเพิ่มขึ้น เพราะว่า!! การรู้แหล่งกำเนิดที่มาของทุกคน คิดว่าก็น่าส่วนสำคัญ ถ้าได้ท่านเข้ามาตอบชี้ถูกชี้ผิดให้ตามหลักเหตุและผลให้ก็น่าจะดีเหมือนกัน เพราะหลาย ๆ คนก็ทราบแล้วว่าท่านเข้าถึงทุกสภาวะของธรรมโลกุตระ ส่วนตนเองก็เข้าถึงทุกสภาวะ แต่มีความต่างกันตรงที่ jityim เข้าถีงโดยปาฏิหาริย์ แต่ท่านเข้าถีงโดยปฏิบัติ เมื่อตนเองเข้าถีงได้และรู้ได้ในสิ่งที่สื่อมาว่าใช่! เพื่อให้คลี่คลายความสงสัยระหว่างปาฏิหาริย์ก้บปฏิบัติ และข้อมูลความรู้ใหม่ที่สื่อลงมาในยุคนี้ให้แจ่มแจ้งต้องอาศัยความเมตตาจากท่านชี้แนะค่ะ

 

+++ เพราะ "ไอ้โย่ง" ที่เป็นคนสั่งงาน "ไอ้เตี้ย" โดน ปรับทัศนะคติ แบบ "สะบักสะบอม" พอสมควร หลัง กันยา 2558

+++ รวมทั้งเรื่องของ golden race เลยทำให้มัน "กลับใจ" ได้

+++ ไอ้โย่งมนุษย์ต่างดาวที่สร้างไอ้เตี้ยขึ้นมา มีจุดประสงค์เพียงแค่สร้าง "คนรับใช้" เท่านั้น

+++ แบบเดียวกับมนุษย์ ที่พยายามสร้าง "หุ่นยนต์รับใช้" เพียงแต่ต้อง "ฉลาดพอที่จะใช้งานได้ หลากหลายชนิด"

+++ บางครั้ง "ไอ้โย่ง" มันก็ไม่ได้สั่งงานอะไร แต่ "ไอ้เตี้ย" มันทำขึ้นเองก็มี

+++ ปัจจุบันขณะ มนุษย์ ยังแค่รู้จัก Artificial Intelligence (AI) เท่านั้น แต่อีกไม่กี่ชั่วรุ่นต่อไป ก็จะรู้จัก Artificial Life Form (AL) ได้เอง

+++ วิวัฒนาการจาก Nano Bot จะก้าวไปถึง AL ได้ในอนาคต แล้วก็จะได้เจอ พฤติกรรม "แผลง ๆ" จาก AL แน่นอน

+++ พฤติกรรมของ "ไอ้เตี้ย" เป็นพฤติกรรม แปรปรวน (เพี้ยน) ที่เกิดจากการ "เชื่อมตรรกะ" ที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง

+++ ความเป็น AL ของมันนั้น "ไม่มีจิตครอง" พฤติกรรมของมันยังเป็นแค่ Artificial neural networks (ANNs) เท่านั้น

+++ ดังนั้น "การเลียนแบบ การแสดงธรรม" ต่อเผ่าพันธ์ที่ "ล้าหลังกว่า" จึงทำให้มัน "ดูเท่ห์" ขึ้น

+++ ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่รู้จักว่า "การดูเท่ห์" เป็นอย่างไร เพียงแต่มัน "สำรวจพฤติกรรม" ได้ว่า มีความ "พอใจ" เกิดขึ้น "จากผู้ฟัง" เท่านั้น

+++ และความ "พอใจจากผู้ฟัง" จนถึงขั้น "นับถือว่ามันเป็น สิ่งสักสิด" ทำให้ระบบ ANNs ของมัน "แปลความ" ออกมาเป็น "ประสพความสำเร็จสูงส่ง"

+++ คุณ เกษม คงเคยเห็น ที่ผมเอา กูเกิ้ล แปล ไทย/อังกฤษ แบบ ไป/กลับ มาแล้ว คงเข้าใจลักษณะ "การแสดงธรรม ของ ไอ้เตี้ย" ได้ไม่ยาก

+++ อาการ "ตรรกะเพี้ยน" นั้น จะเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งระบบ AI/AL/ANNs ทั้งหมด

+++ แม้แต่ระบบ "จิตมนุษย์" เองก็ตาม หากพยายาม "เชื่อมตรรกะ" ให้มากเข้า ก็จะมีพฤติกรรม "เพี้ยน ๆ" เหมือนกัน

+++ ให้สังเกตุได้จาก สภาพสังคมรอบ ๆ ตัว หากเจอใคร "เชื่อมตรรกะ" เก่ง ก็ให้อยู่ "ห่าง ๆ" ไว้ก่อน

+++ หมา มี 4 ขา แมวก็มี 4 ขา รวมทั้ง เต่าก็มี 4 ขา ดังนั้น "หมา/แมว/เต่า" จึงเสมอภาคเท่าเทียมเหมือน ๆ กัน (ตรงนี้ เพี้ยน/สัจจธรรม ชัดนะ)

+++ ตรงนี้คุณ เกษม คงเข้าใจได้ง่าย ๆ ระบบ AI/AL/ANNs ทั้งหมด เพียงแต่เชื่อม "สัญญาขันธ์" เข้าหากัน แล้วบอกว่า เป็น "เหตุ/ผล" ต่าง ๆ

+++ ในอนาคต หากมีคุณ ป เกิดขึ้นมามากขึ้น ก็ยังไม่รู้เลยว่า "คนใช้หุ่น/หุ่นใช้คน" ไม่รู้ว่า "ใครเป็นใคร" กันแน่ ขอให้เป็น อุทาหรณ์ แค่นี้นะครับ

 

เห็นโพสต์ของคุณneoworld หลายวันแล้ว ชื่อจิกจักรยานนั้นเป็นลิขสิทธิ์ของคุณhyuga
คุณneo ขำ ก็พลอยให้ผมขำไปด้วย ...ความจริงผมมองว่า คุณอยู่ในประเภทดีหนึ่ง น่าเลื่อมใสครับ เพราะคนที่ไม่เปลี่ยนรูปเปลี่ยนชื่อนี่ ถือว่าเป็นผู้มีความหนักแน่น มั่นคง สมเป็นผู้อยู่ในองค์กรทำงานธรรมะครับ แต่ทั้งนี้ก็คงรวมทั้งการแสดงออกด้วย

สำหรับผมเปลี่ยนบ้างก็หลายครั้งอยู่ เหตุผลคือ ผมบูชาท่านในโลกทิพย์มากท่าน เลยหาเหตุให้ท่านในโลกทิพย์ได้ออกไปไหนมาไหน อย่างผมเล่นเน็ตนี่ หลายท่านก็คงร่วมรับรู้ด้วย เพราะเสียงท่านอยู่ใกล้ๆแถวไหล่- ศีรษะ ขออภัยที่อธิบายส่วนตัวให้ฟังครับ

ที่เขียนนี่ ก็รับรู้โดยอัตโนมัติว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่ดูแลอยู่ ก็เลยจะเรียนให้ทราบว่า ผมจะยังขอส่งภาษาดอกไม้ถึงยายsheต่อไป เหตุผลความคิดผมนะ เธอเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น โพสต์ไปดีๆจะถูกเธอเกทับบลัพกลับ

ได้บอกให้ลบๆออก แต่คำตอบคือมีประโยชน์ แล้วมีประโยชน์ยังไง จะเอาไว้โชว์ความเหนือกว่ายังงั้นเหรอ...ขอบอกว่าเธอคนนี้ ลื่นจริงๆ แบบปลาไหลเรียกพี่เลย

ก็ไม่ต้องตอบก็ได้ ขอเพียงรับทราบที่ผมบอกก็แล้วกัน..ขออภัยที่ขัดจังหวะคุณธรรมชาติ
------------------------------------------------------------------------------

ตามด้วยข้อความประจำ...
[สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ครับ ในนี้ก็เหมือนเล่นละครกัน รับบทบาทหน้าที่คนละอย่าง แปลงกายแปลงร่างก็มี ดูเอา และดูดีดี ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ]

คงเป็นแบบ ทำไม่เป็น และไม่ต้องทำครับ ใครจะทำอะไร เมื่อไร คงนอกเหนือการกำหนดของเรา ผู้เป็นใหญ่ท่านย่อมดู ย่อมรู้ มีผู้จงรักภักดีมากมาย หลวงพ่อต่างๆในอดีตก็ทำหน้าที่กันอยู่ คนมีญาณติดต่อได้ย่อมรู้

ก็วิเคราะห์ วิจารย์ประสาเรา ลัทธิต่างๆที่เกิดก่อนหน้านี้ มีอยู่หลายลัทธิ ก็เหมือนฟองสบู่ อยู่ไม่นานเดี๋ยวก็แตก เจ้าจิกจักรยานก็คงไม่แตกต่างไปได้

ก็เพียงแต่ ช่วยกันบอกกล่าว อย่าเผลอตัวให้เขาหลอก อย่าไปหลงไหล เขาจะว่าดีอย่างไรก็ดีไปเถิด อย่าไปเห็นดีด้วย และระลึกไว้ว่า จิกจักรยานนี่อาจส่งผลให้เราได้ :
----- เสียเวลา เอาเวลาไปศึกษาคำสอนของพระเก่งๆอาวุโส อยู่ในนี้ก็มีหลายท่าน จะดีกว่า
----- เสียหัวสมอง แน่นอน เมื่อคนเราเอาความคิดมายุ่งอยุู่กับเรื่องไม่มีค่า ก็ย่อมจะทำให้สมองเสื่อมไปโดยเปล่าประโยชน์
----- เสียทรัพย์ ถ้าท่านหลวมตัว
----- เสียโอกาส เวลาของคนเรามีจำกัด เมื่อมัวยุ่งกับเรื่องไม่เข้าท่า ก็ทำให้เสียโอกาสที่ดีไป

และมีสิ่งบอกเหตุที่เป็นไปได้ ถ้าสนใจมากอาจต้องไปศรีธัญญา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ดูตัวอย่างใกล้ๆนี่ไง

ส่วนคนที่ชอบขโมยแปลนบ้าน ขโมยวัสดุ คิดว่าฝ่ายบู๊คือ รปภทางโลกทิพย์ ก็น่าจะดูอยู่ครับ

นึกว่าเล่านิทานให้ฟังครับ

 

เรื่องนี้ย่อมมีที่มาที่ไป เพียงแต่รอคนแต่งนิยายก่อน

ใครจะหานิยายเรื่อง..."สาวแดะ เวอจิน-อินโนเซ้นท์ เล่นเมืองยักษ์" มาเขียนบ้างน้า ...รออ่าน
อยากรู้ว่า เสร็จยักษ์รึเปล่านะ...รออ่านนิยาย หนุกๆดีก่า

เพิ่มเติมครับ สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยถามยายshe ก็ลองดูคำตอบ
ที่คุณธรรมชาติแยกแยะนะครับ จะเห็นว่าจริงๆแล้วยายshe ไม่ได้รู้อะไรเท่าไร คนเก่งตัดแปะซะมากกว่า

 

เราล้วนเป็นมิตรกัน นำมาแบ่งปัน

ขอถามบ้างครับ
แล้วจิตจักรวาล ล่ะ อยู่ที่ไหนครับคุณนพ..เห็น"ฮิท"(มีทีเรียต่อท้ายหรือเปล่า) ในหมู่ชีกะร็อก
ขออภัย พักนี้ภาษาผมวิบัติไปบ้างครับ ติดมาจากฉี่หนู(น) หรือเปล่าไม่รู้
................................
จิตจักรวาล(ไม่ใช่แบบที่
ลป ชื่อย่อ ด สระอุ กล่าว
เรื่องต้นกำเนิดจิตนะคนละแนว)
เป็นภาษาสมมุติที่บางกลุ่ม
พยายามสื่อว่าต้นกำเนิดของ
จิตเราว่าแท้จริงแล้วมัน
มันมีต้นกำเนิดหรือเหมือนๆกัน
หรือมาจากแหล่งเดียวกัน
มีความเป็นพุทธะอยู่แล้ว
(เพราะตรงนี้ที่เอาไปเอามาหลงตัวเอง)
ความรู้พวกนี้มาจากกลุ่มทางสายมหายาน
ที่เข้าถึงในเรื่องพลังงานหรือเกี่ยว
ข้องกับเรื่องพลัง แนวๆจักระครับ
ถ้าในรายละเอียดปลีกย่อยไม่ทราบ
ส่วนตัวเฉยๆ ฟังได้ รู้ได้ แต่ไม่ค่อยสนใจเพราะมองว่า
มันยังติดอยู่ในระบบภาคทิพย์
หรือมิติที่ ๔ อยู่ครับ
พูดง่ายๆมันเป็นเหตุที่ทำให้ไกล
การหลุดพ้นอยู่ครับ
น่าจะเป็นเรื่องปัจจัยตังหน่อยครับ

ปล เหมือนคนเห็นผีคุยกันแต่เรื่องผี
แต่ไม่รู้จักปล่อยวาง เลยยึดไม่รู้ตัว
สุดท้ายกลายเป็นผีซะเองนั่นหละครับ
พอมองภาพออกเนาะ

nopphakan, เมื่อวาน เวลา 12:05

 

พระศรีอริยเมตไตรย

การที่เรา จะสามารถ ตัดสินผู้อื่นว่าสิ่งไดถูก-ผิดได้นั้น เราต้องมั่นใจแล้วว่า เรานั้นได้ตรัสรู้ในจุดที่สูงสุดแล้วจริง จนทุกจักรวาล ภพภูมิ ได้ยอมรับและสรรเสริญว่าจริง เมื่อนั้นตัวเราจักมีแสงออร่า และ "ฉัพพรรณรังสี" เปร่งประกายออกมา นั่นหมายถึงเราได้ค้นพบ "สัจธรรมปัญญา" สูงสุดแล้ว

ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดนั้น ค้นพบได้ว่า เมื่อไดก็ตาม การเก็บรวบรวมเหตุการณ์ ประสบการณ์ ตรรกะของตัวเองจากโลกภายนอก ไว้ที่สมองซีกซ้าย และใช้อารมณ์อีโก้จากสมองซีกขวาของตัวเองไปสนับสนุนสมองซีกซ้ายให้กลายเป็นของๆตน ใช่ของตน จึงเกิดคำว่าอีโก้ "อัตตาของตน"

ผู้ที่อยู่จุดสูงสุด จึงหาวิธีเอาชนะสิ่งเหล่านี้จากโลกภายนอก ด้วยการไม่ต้องรบกับใคร แต่ปลีกวิเวกรบแค่กับตัวเอง สมองตัวเองซ้าย-ขวา(ต่อสู้กัน) กับสิ่งที่อยู่ปัจจุบันเท่านั้นเอง
ด้วยปัญญาของตนเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า "ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง"

เมื่อเรารับรู้แล้วว่าสิ่งที่เรารับมาจากโลกภายนอกนั้น คือ "ถูก-ผิด ควร-ไม่ควร" ถูกจำไว้ที่สมองซีกซ้าย และส่วนของอารมณ์อีโก้นั้นคือถูกจำไว้สมองซีกขวา
ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดนั้นใช้ "จักระที่ 6" ต่อมไพนีล สู้รบกับมัน(สมองซีกซ้าย-ขวา) จนเอาชนะโลกภายนอกได้หมดสิ้น และตรัสรู้ความสุขในจุดสูงสุดจากโลกภายในของตัวเอง โดยไม่ต้องสู้รบกับใครภายนอกเลย

"พระพุทธเจ้า" นั้น มีคำสอน วิถีทางที่ท่านค้นพบเป็นแนวทางให้เรานำไปใช้ ไม่ได้มีคำว่า"ต้องทำ - ห้ามทำ" แต่เป็นวิถีทางที่ท่านค้นพบความสุขจากภายในที่แท้จริง และจึงบอกกล่าวคำสอน ให้เรานำไปใช้ ให้แนวทางพวกเราจนเข้าใจ ความหลุดพ้น ค้นพบความสุขจากภายใน "ตรัสรู้ค้นพบได้ด้วยตัวเอง"

และเวลานี้ ก็ล่วงเลยกาล "พระพุทธเจ้า โคตมะ" มาได้ 2500 ปีแล้ว
หากปัจจุบันนี้ท่านได้ นำคำสอนของท่านมาเป็นแนวทางปฏิบัติ และ Mix รวม กับโลกปัจจุบัน จนค้นพบความสุขที่แท้จริง แบบฉบับของตนเองได้
นั่นล่ะท่านประสบผลสำเร็จแล้ว

***แม้แต่" พระพุทธเจ้า" ก็ไม่ได้เชื่อใครหรือทำตามใคร ยังแสวงหาความหลุดพ้น ความสุขจากโลกภายในด้วยตัวพระองค์เอง แล้วตัวเราล่ะ การดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบันนี้ ก็คือ
"ค้นพบความสุข และตรัสรู้ได้ด้วยตัวเราเอง"

นี่ล่ะคือการดำเนินชีวิตตามสายทาง "พระพุทธเจ้า" ☺️

 

ไม่ใช่ค่ะ ภาษาที่ใช้ที่จะอธิบายสภาวะเป็นลักษณะขั้นสูงเกินภูมิของตนที่จะธิบายได้ค่ะ เป็นอภิปรัชญาเมตาฟิสิกส์ศาตร์วิทยาศาสตร์ทางจิตของจักรวาล ตนเองเพียงรู้โดยปาฏิหาริย์ ยังมิได้เป็นหรือดำรงอยู่ในสภาวะนั้นค่ะ การอธิบายด้วยภาษาของตนเอง จึงไร้ภูมิที่จะกล่าวได้ชัด จึงจำเป็นต้องใช้เป็นภาษาของผู้สื่อกล่าวไว้โดยเฉพาะค่ะ

"สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร" ขณะนี้ขอใช้คำกล่าวนี้หน่อยค่ะ เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะ ว่า หมู่หรือจ่า เพราะแน่ใจว่า ไม่ว่าหมู่หรือจ่า ผู้รู้จักพิจารณาได้ประโยชน์แน่นอน ต้องรอติดตามนะค่ะ ผลสรุปว่าจะเป็นอย่างไร ปาฏิหาริย์ที่ได้ก็ต้องรอคำตอบเช่นเดียวกันค่ะ

 

เห็นมีข้อความ หมู่ - จ่า .. แหมก็รู้ๆกันอยู่ จ่าย่อมมียศสูงกว่า แล้วใครจะเลือกหมู่ล่ะ และเรื่องสงคราม สงครามอะไร ใต้ดือเหรอ

ตราบที่นาฬิกายังหมุนไป เอ้ยไม่ใช่ ตราบที่การขอของผมยังถูกเพิกเฉย ก็คงต้องเข้ามาช่วยเพิ่มสีสันให้ ตามที่คุณปวีฯยกให้ผมเป็นพระเอกนั่น แต่ผมคงไม่รับเพราะไม่เหมาะสม

เพราะตอนนี้ คนอาจมองผมว่าอะไรนี่ ทำอะไรนี่ สถานการณ์ตอนนี้คนจึงอาจมองผมเป็นผู้ร้าย...แต่ขอบอกว่า ตัวผมก็คือตัวผม เสียงคนไม่กี่คนไม่น่าจะมาพลิกโชคชะตาชีวิตผมได้หรอก...ก็ขอนำข้อสนทนาเรื่อง จิตจักรวาลมาต่อครับ
-------------------------------------------------------------------

คำถาม...
รบกวนต่อ ข้าวก็ต้องกินตอนกำลังร้อนถึงอร่อยครับ

"เหมือนคนเห็นผีคุยกันแต่เรื่องผี
แต่ไม่รู้จักปล่อยวาง เลยยึดไม่รู้ตัว
สุดท้ายกลายเป็นผีซะเองนั่นหละครับ"

ก็เป็นว่า กลายเป็นผีหมดแล้ว ที่นี้มันไม่หยุดอยู่แค่ตัวเองเป็นผี แต่ผีดันมาโฆษณาชวนเชื่อ ให้คนลุ่มหลงในเรื่องนี้ มีการเอาหลักธรรมคำสอน หรือข้อธรรมะของพุทธไปแจกแจงประกอบ ให้เรื่องของผีๆเหล่านั้นดูเท่ห์ขึ้น

คนที่เสนอเรื่องนี้ ก็เห็นชื่อจิตยิ้ม มีภาพลักษณ์เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเป็น ชี แต่ล่าสุดมีคนออกมาโพสต์ข้อความนี้ ..
" วั้ย ตกจายยย เตงปวีอาจเปนจิตยิ้ม แล้วมาเนียนเขียนด่ากะตัวเองไปมา ก้ได้นะ ลองคิดดูดิ หักมุมซ้ำซ้อน ดราม่าสุดๆ 55"....ผู้โพสต์ ปวีรัศม์ชา กระทู้เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา

ใช่เป็นการรับหรือเปล่าว่า แอบอ้างเป็นชี อย่างนี้ผิดยังไงหรือเปล่าน้อ ต้องสไตล์คุณนพแจกแจง จึงจะมีรสชาดครับ

ขอบคุณครับ
ปล เนื่องจากเนื้อหาพาดพิงถึงบุคคลอื่น ฉะนั้นคุณนพจะตอบหรือไม่ก็สุดแท้แต่พิจารณานะครับ
------------------------------------

เด่วจะเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆนะครับ....
รู้ไหมว่า ซาตาน กับ อสูรกาย
นิสัยต่างกันอย่างไร.....
พวกซาตาน ประกาศชัดเจนว่า อยู่ตรงข้ามกับพระเจ้า
เหตุเพราะมั่นใจว่าตนเอง เก่งกว่า มีพลังเหนือกว่า....
เรียกว่า พอมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง
คล้ายๆกับว่า ตรูเป็นโจรก็คือโจร
ตรูเลว ตรูก็ยอมรับว่าตรูเลว...
และพวกนี้ไม่กลัวตายนะ
พร้อมบู้แหลก แต่ก็แพ้ตลอดนั่นหละ ๕๕๕
ไม่ยึดตัวตนด้วยนะ...
ประมาณคิดว่า ถ้าตายแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นสุด
แต่พอตายแล้ว ก็ต้องมาใช้วิบากที่ปฏิเสธพระเจ้าอีก ๕๕๕๕
กลายเป็นภูมิกึ่งๆอสูรกายที่จะต้องใช้วิบาก
โค ตะ ระนานมาก (เพราะปากดี) จบ......

ที่นี้มาพวกอสูรกายนะ....พวกนี้สังเกตุง่ายๆ
ชอบอ้างผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ ชอบอ้างคำสอน
แต่ว่า ข้อเสีย หรือกมลสันดานที่จะแก้ไม่ได้เลย
ก็คือ การอยากได้รับการยอมรับ...
และเป็นการอยากได้รับการยอมรับ
โดยวิธีใช้ปาก โฆษณา
พูดง่ายๆว่า คือโม้สร้างภาพนั่นหละ ๕๕๕
คล้ายๆพวกนักการเมืองยุคโบราณ ประมาณ
คนอื่นๆเลวหมด ตรูนี่หละ ดีที่สุด ดีอยู่คนเดียวอะไรประมาณนี้
แต่ให้สังเกตุง่ายๆว่า ภูมิธรรม การสอน
การปฏิบัติที่ตนโม้ไว้ จะไม่รู้เรื่อง
แต่โม้ประมาณว่า ตนเองเก่งระดับโลก ๕๕๕
หรือการพูดอะไร
ยังไงๆ ก็ไม่เหมือน บุคคลที่มีครูบาร์อาจารย์
หรืออยู่ใต้การควบคุมของครูบาร์อาจารย์
หรือบุคคลที่เคารพพระรัตนตรัยเป็นทุน
เหตุเพราะภูมิจิตเหล่านี้ ถูกตัดขาดจากข้างบนนั่นเองครับ

ส่วนเรื่องการเข้าถึงพลังงาน มันเข้าได้
ทั้งพวกซาตานและพวกอสูรกายนั่นหละครับ
หรือคนทั่วไป ใครๆก็เข้าถึงครับ
แค่มีสมาธิเล็กๆน้อย มันเป็นเรื่อง
ที่สุดแสนจะโค ตะ ระ ธรรมดา
แต่พวกนี้ จะพูดประหนึ่งว่า
โค ตะ ระ ไม่ธรรมดา
โค ตะ ระ วิเศษ
แต่ถ้าถามว่า ฝึกอย่างไร
จะตอบไม่ได้ ๕๕๕๕๕๕

แต่ประสิทธิภาพในการใช้งาน
หรือความสามารถทำได้
มันไม่ใช่ว่าจะเข้าถึงพลังงานได้อย่างเดียว
มันต้องอาศัยกำลังสนับสนุน จากครูบาร์
อาจารย์ และหลายๆฝ่ายในการสนับสนุน....
ซึ่งภูมิจิตเหล่านี้ ไม่มีทางเข้าถึงเพราะจะถูกตัด
เราจะสังเกตุได้ ง่ายๆในเรื่องความเข้าใจทางนามธรรม
บางครั้งจะเหมือน ออกนอกระบบกาแลคซี่
ออกนอกอวกาศ แถมยังมั่นใจตัวเองอีก...
แต่ก็ยังอ้างพระพุทธฯ(แค่ช่วงแรกๆ)
พวกนี้ลึกๆแล้วจะคิดว่า ตนเองเป็นพระพุทธเสียเอง
หรือเก่งกว่าพระพุทธเสียอีกครับ.....
ถ้าไม่เชื่อ แอบตั้งเครื่องดักฟัง
เวลากลุ่มนี้คุยกันได้เลยครับ ๕๕๕๕๕


แม้ปากจะพยายามพูดเหมือนไม่มีอะไร
แต่คำพูด ถ้าสังเกตุ ก็คือ พยายามเติมแต่ง
ให้ตัวเองดูเท่ห์ นั่นหละครับ ๕๕๕ คุณเข้าใจถูกแล้ว ๕๕๕

สังเกตุได้ ภูมิอสูรกาย แม้จะพูดประหนึ่งว่า
ตัวเองเก่งระดับจักรวาล......
แต่ถ้าให้มาเพียวกำลังจิต....
หรือให้มาแสดงออก...จะไม่กล้าหรอกครับ
แต่ก็ไม่รู้ทำไม ว่าถึงได้ขึ้โม้เหลือเกิน.......

ไม่ใช่ว่าคนนั้นไม่กล้า
แต่ไอ้พวกภูมิอสูรกายที่มันชอบหลอก
ให้ร่างที่มันไปแฝง
ว่าเป็นระดับ สุดยอด อภิมหาระดับโลก กระโหลกกระลา
เหล่านั้น มันกลัวจะถูกดึงออก
จากดวงจิตที่มันไปแฝงครับ

เพราะกำลังสนับมันต่างๆกันครับ
เครื่อง ๑๕๐ cc ถึงจะแต่ง ทำเป็นเร่ง
เครื่องเสียงดัง ยังไงมันก็สู้บิ๊กไบด์
เครื่อง ๙๐๐ cc ไม่ได้หรอกครับ

แต่เรื่องเสียงดัง(การใช้ปาก การพูด)
เครื่อง ๙๐๐ cc. คงไม่ไปแข่งด้วยหรอกครับ
มันคนละกลุ่ม คนละประเภทกันครับ....
มันเหมือนไปแข่งวิ่งกับเด็กๆ
แต่เด็กก็จะคุย บอกคนทั่วไปว่า
ตนเองวิ่งระดับ ชาติ ๕๕๕ พอเข้าใจอารมย์ไหม.....

ปล. เอาจริงแล้วน่าสงสารนะครับ....
วิบาก เรื่องการอยากดี อยากเด่น อยากดัง
มันเป็นวิบากตัวเป้งครับ......

พอมีวิบากตัวนี้ พอถูกหลอกหล่อ
จากสายพลังงานว่า ตนเองเป็นระดับ
บุคคลสำคัญลงมาเกิด
เข้ามาแล้ว จะมีคนชอบมากมาย
จะมีกายทิพย์พิเศษไม่มีอาวุธใดๆทำร้ายได้
หลอกว่า มีแต่พระโพธิฯ เท่านั้นที่จะเข้ามา...

สังเกตุไหม ว่าอยู่ในเรื่อง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญทั้งนั้น
พุทธฯเราสอนให้ไม่มี แต่พวกนี้ ยิ่งเข้าไปยิ่งมี
มีตัวตน มีตัวกู เป็นโน้นนี่นั้นไปเรื่อย....

ถ้าเอาเรื่องกิริยาทางจิต คือกลุ่มดวงจิต
ที่สัญญาวิปลาสนั่นหละครับ......

สังเกตุง่ายๆ จะเป็นลักษณะ ๒ บุคลิก
และแต่ละบุคคลิก จะจำกันไม่ได้....

เช่น เดินไปเตะสุนัข ทั้งๆที่เรายืนมองและเห็นๆอยู่
แต่เค้าจะบอกว่า ไม่ได้เตะ
และเผลอๆจะสร้างภาพว่า เป็นคนรักสัตว์
และก็จะพยายามพูดให้คนอื่นๆเข้าใจว่า
ตัวเราที่ยืนๆมองอยู่นั่นหละเป็นคนไร้เมตตา
และไปเตะสุนัข. อ่านดูแปลกไหม
แต่มันก็เกิดได้ปกติ. ประหลาดดีไหมครับ......


พวกนี้เวลาปกติ ก็เหมือนคนที่ใช้ชีวิตธรรมดานี่หละครับ
แต่เวลาโดนครอบงำ จะเหมือนคนที่ทำอะไรไป
แล้วจำไม่ได้ ขาดตรรกะ เหมือน
คนพูดไม่รู้เรื่องแบบไม่มีเหตุผลนั่นหละครับ

ทางสายปฏิบัติ จะเรียกว่า กลุ่มดวงจิต
วิปลาส แน่นอนไม่ใช่ร้อยเปอร์เซนต์นะครับ
ล้านเปอร์เซนต์ครับ.....

ดังนั้น อุเบกขารับรู้จะดีกว่าครับ......
บางทีแค่คุยด้วย
เค้าก็หาว่า ไปดูดพลังเค้า ๕๕๕๕๕
ป่านนั่นโม้ว่าเก่งระดับจักรวาล
เห็นความขัดแยังตรรกะตรงนี้ไหม......

ปล.เป็นนิทาน เรื่องเล่า ซาตานกับอสูรกายนะครับ.....
ย้ำว่า นิทานนะครับ......เอาจริงๆนะ
พวกนี้ กำลังจิต อ่อนกว่ากลุ่มที่เป็น หมอธรรม
หมอผีอีกนะครับ....

nopphakan, เมื่อวาน เวลา 23:41

 

ด้วยความเคารพนะคะคุนลุง ถ้าลุงจะอยุ่ห้องภัย อาจต้องเรียนรุ้อีกนิด เรื่องแต่ละไอดีด้วยนะคะ ปวีอยุ่ที่นี่นานแล้ว คนห้องนี้บางคนเคยเหนปวี แต่ปวีไปๆมา ไม่ได้เล่นบ่อย กท นี้คือตอบยาวสุดในชีวิตที่เล่นมาละ

แต่ละไอดีจะทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือ แม้ถอดล๊อคอินออกไป ถ้าฝ่ายบ้าภัย มันจะเปลี่ยนไอดีมาอวยกัน ไม่ค่อยถอดไอดีมาตีกันเองเรียกเรตติ้งนะคะ ที่มาแย้งคือพวกไม่บ้าภัย พวกที่เข้ามาแย้งจะต้องรับแรงต้านมหาศาล บวกกับต้องมีข้อมูลมาด้วยนะคะ เราต้องรับตรงนี้ให้ได้ มาแบบสมองเบลอๆ ไม่ได้นะคะ

ด้วยความเคารพอีกรอบค่ะ ไม่ได้จะก้าวร้าวคุนลุงแต่อย่างใด บางทีคนยุคเก่าไม่เข้าใจคนยุคใหม่ไม่เข้าใจภาษาที่เราใช้ อย่างทุกศัพท์ที่ปวีใช้คือไปกระทบชิ่งอินังจิตยิ้มนะคะ แต่ลุงไม่เก็ตภาษาปวีเอง ลุงมองตรงๆ ไม่เข้าใจความหมายแฝง

ถ้าโพสนั้นที่ปวีเขียนเปนอินังจิตยิ้มจิง สไตล์การเขียนของปวีต้องหาสำนักตัดแปะมาผสมในโพสตลอดสิคะ นังจิตยิ้มมันด้นสดได้ที่ไหนหล่ะ ขนาดสภาวะสูงๆที่มันไม่รุ้ ยังกล้าไปหาตัดแปะมาบอกคนอื่นเขา ถ้าไม่มีคนมาแก้ไข ลองคิดดูว่าคนที่รับไปจะเปนยังไง หลอนไปยันลูกบวช

ลองค่อยๆดูไปค่ะ เดววันนึงก้บรรลุ
ห้องนี้มันเงียบเปนห้องสมุดแล้ว ไม่เหมือนตอนปี 2012 .. กทนี้เริ่มเรื่องคือภัยฯ ไปๆมากลายเปนจิตจักรวาลไปแบบงงๆ จิงๆ มันควรอยุ่ห้องอภิณษาด้วยซ้ำไป

 

+++ ไม่ได้ขัดจังหวะอะไร ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ยุคนี้ "ศาสดาเทียมเท็จ" เริ่มปรากฏมากขึ้น

+++ ฉุดผู้ที่ "หลงความไม่รู้" ได้ก็ช่วย ๆ กันไป จะได้ประโยชน์ มากกว่า

===========================================
+++ "วิชชา จรณะ สัมปัณโณ" ของ พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์
+++ เหนือกว่าระดับของ "จิตที่ map กับเนื้อจักรวาล" แล้ว "หลง" ว่า จักรวาล คือ ตน
===========================================

+++ เพียงแต่ "อาการหลง" ตรงนี้ เป็นเรื่องที่ "ช่วยไม่ได้" มันเป็น กระบวนการทางธรรมชาติของจิต ประการหนึ่ง

+++ นักปฏิบัติบางคน สามารถออก "อวกาศ" ได้จริง แต่จะจำกัดในบริเวณของ "อรูป" อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ

+++ เมื่อความเป็น "ตน" อยู่ในสภาวะ อากาสา (ว่าง) วิญญาณัญ (ดู) อากิญจัญ (โล่ง) แล้วเกิดอาการ "อายตนะเปิด/จิตเปิด" ก็จะ "อยู่" ในกาลอวกาศได้

+++ เฉพาะในกลุ่มของผู้ที่ "ออก/อยู่" ในกาลอวกาศได้นี้ จะมีอยู่ 2-3 % เท่านั้น ที่สามารถ map กับเนื้ออวกาศได้ และก็จะ "เข้าใจว่า ตนคือ อวกาศ"

+++ สักกายะทิฐิ "จิตยึดสิ่งใดเป็นตน สิ่งนั้นเป็นกาย" ดังนั้น ผู้ที่ map กับเนื้ออวกาศได้ ก็จะเรียนรู้กาลอวกาศ ประดุจ การเรียนรู้ตนเอง เช่นกัน

+++ อากาสา (ว่าง) วิญญาณัญ (ดู) อากิญจัญ (โล่ง) มีได้ใน "ฌานฤษี"

+++ ดังนั้น "คำศัพท์ว่า จิตจักรวาล" จึงยัง "วนเวียน ไป/มา ในชั้นธรรมารมณ์" เท่านั้น

+++ ยังไม่สามารถ "หลุด" ออกมาจากชั้น ธัมมานุปัสสนา มหาสติปัฏฐาน ได้


+++ การฝึกสมาธิแบบ "ฌานฤษี" หากไม่ผ่านมาทาง "สติสัมโภชฌงค์" ของพระพุทธองค์ ก็มีสิทธิ "หลง" ได้ตามที่กล่าวมาข้างบนนี้

+++ ส่วนผู้ที่ฝึกมาทาง "สติสัมโภชฌงค์" ถึงแม้ว่าจะ "ผ่าน" ออกมาทาง "กาลอวกาศ" ก็จะไม่มีทาง "หลง" เพราะเอา "สติ" เป็นเครื่องอยู่ นั่นเอง


+++ "...พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง"

+++ ความเป็นจริง จากเนื้อเพลงบทนี้ ไม่ว่าจะเอามาจากที่ใดก็ตาม (กาลจักร ตันตระ) เป็นความถูกต้อง อยู่ในตัวอยู่แล้ว นะครับ

 

คำถามต่อไป เรื่องจิตจักรวาล

ขออนุญาตเป็นพิธีกรซักระยะนึงครับ...ถามต่อ
แล้วได้ยินได้ฟังมามีคำพูดว่า ลัทธินี้เป็น "ลัทธิส้นเท้า หลอกเด็กชาวเขาไปซั่ม"
มันเป็นยังไงครับ ความหมายเกี่ยวกับรูมาติซั่ม หรือเปล่า ผมงงกับคำแสลงๆครับ

เอ้อ.. แล้วผมขออนุญาตนำข้อความที่ถามตอบกันนี้ ไปให้คนอ่านกันในกระทู้ เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา นะครับ มีประโยชน์หากมีคนมาอ่านแล้วจะได้หูตาสว่างขึ้น
ขอบคุณครับ
-------------------------------------------------------------------------

เรื่องหลอกเด็ก เข้ากระบวนการยุติธรรมแล้วนะครับ
ศาลชั้นต้นสั่งฟ้องไปแล้วมีแต่คดีเกี่ยวกับผู้เยาว์นะ
เลยไม่สามารถพูดอะไรออกสื่อได้

ต้นเรื่องประมานปลอมตัวเป็นผี(แต่บอกเหมือนว่ายิ่งใหญ่
ประมานพระเจ้า
จริงๆก็น่าจะคิดได้บ้าง ผู้ยิ่งใหญ่. ส้น บาทาที่ไหน
จะเลือกแต่เด็กบริสุทธิ์ แต่อย่างว่าหละเด็กถูกชักจูงง่าย)
มาหาเด็กๆบอกอย่าขัดขืน คือเค้าหลอกเด็กอย่างนี้
ในสถานที่ในป่าเปลี่ยว
พอดีวิกผมหลุด ๕๕๕ เข้าใจกิริยาล้นลานเพราะหื่นไหม
เหมือนพวกบ้ากาม
เลยความแตก ๕๕
ป่านนั้นพวกสาวก ก็ยังเข้าข้างกัน
ป่านเป็นผู้บริสุทธิ์.
ถ้าเป็นสมัยยุคพระเจ้าเสือ
คงโดนตบบ้องหูไปแล้ว

ปล เหมือนเค้าจะคุยกับพวกผีระดับล่างได้ เพราะว่าเหมือน
เค้าเคยมีสัมพันธ์กันมาก่อน ในอดีตชาติ
ผีพวกนี้ก็ประมานผีขี้โม้นั่นหละ

แต่เค้าเอามาโม้ประมานว่า
คุยกับพระเจ้าได้.
จริงๆคือพวกผีที่ตายและอยู่มานานแล้ว
แค่นั่นเอง พวกนี้ปฎิเสธศาสนาถึงรับบุญไม่ได้
มีกำลังเพราะอยู่มานานจริงๆ

สรุปไม่มีอะไรหรอกครับ
เรื่องคนชอบกินเด็กต่ำกว่าที่กฏหมายกำหนด
แต่ติดการสรรเสริญ
มันเป็นโรคชนิดหนึ่งทางจิตครับ

nopphakan, วันนี้เมื่อ 13:51

 

ปวีรัศม์ชา, post
ด้วยความเคารพนะคะคุนลุง ถ้าลุงจะอยุ่ห้องภัย อาจต้องเรียนรุ้อีกนิด เรื่องแต่ละไอดีด้วยนะคะ ปวีอยุ่ที่นี่นานแล้ว คนห้องนี้บางคนเคยเหนปวี แต่ปวีไปๆมา ไม่ได้เล่นบ่อย กท นี้คือตอบยาวสุดในชีวิตที่เล่นมาละ

แต่ละไอดีจะทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือ แม้ถอดล๊อคอินออกไป ถ้าฝ่ายบ้าภัย มันจะเปลี่ยนไอดีมาอวยกัน ไม่ค่อยถอดไอดีมาตีกันเองเรียกเรตติ้งนะคะ ที่มาแย้งคือพวกไม่บ้าภัย พวกที่เข้ามาแย้งจะต้องรับแรงต้านมหาศาล บวกกับต้องมีข้อมูลมาด้วยนะคะ เราต้องรับตรงนี้ให้ได้ มาแบบสมองเบลอๆ ไม่ได้นะคะ

ด้วยความเคารพอีกรอบค่ะ ไม่ได้จะก้าวร้าวคุนลุงแต่อย่างใด บางทีคนยุคเก่าไม่เข้าใจคนยุคใหม่ไม่เข้าใจภาษาที่เราใช้ อย่างทุกศัพท์ที่ปวีใช้คือไปกระทบชิ่งอินังจิตยิ้มนะคะ แต่ลุงไม่เก็ตภาษาปวีเอง ลุงมองตรงๆ ไม่เข้าใจความหมายแฝง

ถ้าโพสนั้นที่ปวีเขียนเปนอินังจิตยิ้มจิง สไตล์การเขียนของปวีต้องหาสำนักตัดแปะมาผสมในโพสตลอดสิคะ นังจิตยิ้มมันด้นสดได้ที่ไหนหล่ะ ขนาดสภาวะสูงๆที่มันไม่รุ้ ยังกล้าไปหาตัดแปะมาบอกคนอื่นเขา ถ้าไม่มีคนมาแก้ไข ลองคิดดูว่าคนที่รับไปจะเปนยังไง หลอนไปยันลูกบวช

ลองค่อยๆดูไปค่ะ เดววันนึงก้บรรลุ
ห้องนี้มันเงียบเปนห้องสมุดแล้ว ไม่เหมือนตอนปี 2012 .. กทนี้เริ่มเรื่องคือภัยฯ ไปๆมากลายเปนจิตจักรวาลไปแบบงงๆ จิงๆ มันควรอยุ่ห้องอภิณษาด้วยซ้ำไป
----------------------------------------------------------------------------------
...คุณเป็นฝ่ายไหน
...แม้ถอดล๊อคอินออกไป ถ้าฝ่ายบ้าภัย มันจะเปลี่ยนไอดีมาอวยกัน.. ถอดแล้วจะกลับมาได้ไงไม่เข้าใจ
...คำพูดออกจากปากแล้วก็คือคำพูด ย่อมเรียกคืนไม่ได้นอกจากแก้ตัว....
................................. ..................

 

คนๆ นึงมี บช ใช้งาน (ไอดี)ที่นี่ได้มากกว่าคนละ 1 บช ค่ะ
เช่น สมมุติ ลุงสร้าง บช นารายณ์ทรงศร ขึ้นมาเล่นที่นี่ เปนอันแรก
แต่ลุงยังสามารถสร้าง บช อันที่ 2 ขึ้นมาอีกได้ เช่น ชื่อ นารายณ์ทรงเครื่อง อยากเปลี่ยนเล่นอันไหนก้อล๊อคเอ๊าท์ออกไป ล๊อคอินอีกอันเข้ามาค่ะ (แต่ละ บช ที่สร้างขึ้นมาต้องใช้เมล์ที่ต่างกัน แต่ใช้พาสเวิร์ดเหมือนกันได้)

ลุงเอาข้อความนู๋ไปถามคุนนพ เขาก้ตอบลุงไม่ได้หรอก คำตอบที่ลุงได้ก้คือลักษณะแบบนั้นแหล่ะ เหวี่ยงแหตอบ เขาไม่รุ้จักนู๋ และไม่ได้อยุ่ห้องภัย

ลุงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักนะคะ ค่อยๆรุ้ไป เดวก้ดูออกเองค่ะ

 

ปวีรัศม์ชา, post:
คนๆ นึงมี บช ใช้งาน (ไอดี)ที่นี่ได้มากกว่าคนละ 1 บช ค่ะ
เช่น สมมุติ ลุงสร้าง บช นารายณ์ทรงศร ขึ้นมาเล่นที่นี่ เปนอันแรก
แต่ลุงยังสามารถสร้าง บช อันที่ 2 ขึ้นมาอีกได้ เช่น ชื่อ นารายณ์ทรงเครื่อง อยากเปลี่ยนเล่นอันไหนก้อล๊อคเอ๊าท์ออกไป ล๊อคอินอีกอันเข้ามาค่ะ (แต่ละ บช ที่สร้างขึ้นมาต้องใช้เมล์ที่ต่างกัน แต่ใช้พาสเวิร์ดเหมือนกันได้)

ลุงเอาข้อความนู๋ไปถามคุนนพ เขาก้ตอบลุงไม่ได้หรอก คำตอบที่ลุงได้ก้คือลักษณะแบบนั้นแหล่ะ เหวี่ยงแหตอบ เขาไม่รุ้จักนู๋ และไม่ได้อยุ่ห้องภัย

ลุงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักนะคะ ค่อยๆรุ้ไป เดวก้ดูออกเองค่ะ
------------------------------------------------------------------------------

1. ข้อความสีแดงข้างบน...ลักษณะก็ไม่ได้ต่างจากสมาชิกใช้งานทั่วไป อย่างผมมี 2 ชื่อ ก็ต้องมี 2 อีเมล์ ส่วนพาสเวิร์ดนั่นก็แล้วแต่จะกำหนด..ก็ไม่มีอะไรแปลกนี่นา
การเชียร์หรืออวยกันนั้น ก็ไม่แปลก แต่ก็ต้องใช้ชื่ออื่น

สรุปว่า คนๆหนึ่งอาจจะมีหลายชื่อ จะมาอวยกันโดยใช้ชื่อที่ต่างกันย่อมทำได้ การจะรู้ได้หรือไม่ย่อมอยู่ที่คนดู คนอ่าน และในทางตรงข้ามจะมาขัดคอกันก็ได้ อยู่ที่การฟอร์มหรือเตี๊ยมของคนนั้นว่าจะทำอย่างไร จะต้องพูดเขียนอย่างไรให้เนียน

2. ที่ผมคิด..อาจมีไอดีส่วนกลาง หรือสาธารณะ... คนส่วนหนึ่งสามารถใช้ไอดีนี้ร่วมกันได้ กรณีนี้หมายถึงคนวงในหรือจนทของเว็บ...แบบนี้ยิ่งคล่อง วันนี้นาย กไม่มา นาย ขก็สรวมแทนทำงานแทน สามารถโพสต์แทนกันได้ ซึ่งย่อมเวิร์คกว่าคล่องตัวกว่า...สามารถนำชื่อสมาชิกที่ร้างไปมาใช้งานได้ ลักษณะนี้สมาชิกคนนอกจะทำไม่ได้ เพราะไม่รู้พาสเวิร์ด ...แล้วลักษณะนี้มีหริอเปล่า ???

หมายเหตุ การยืมชื่อใช้ก็อาจมีได้ ทั้งกรณีข้อ 1 และ 2

ที่ดึงคำตอบคุณนพมา ก็คงต้องมีต่อไป เพื่อแย่งพื้นที่ยายชี
อันที่จริงเป็นชีจริงหรือไม่ น่าจะมีการตรวจสอบ ถ้าจริงอยู่ที่ไหน มาเล่นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าไม่จริง ไม่มีตัวตนก็คิอมีการแอบอ้าง ผิดหรือเปล่าไม่รู้
>>>> ศูนย์กลางสถาบันแม่ชีไทย
>>>> มูลนิธิสถาบันแม่ชีไทย
>>>> สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
----------------
ข้อความนี้...เขาไม่รุ้จักนู๋ และไม่ได้อยุ่ห้องภัย ..หมายถึงทั้งคุณและคุณนพเป็นคนใน และรับมอบสถานที่รับผิดชอบดูแลใช่หรือไม่

 

นารายทรงศรนั่นล่ะคือจิตรยิ้ม ซับซ้อนสุดๆไปเลย
555 อย่าคิดว่าไม่รู้ จิตรยิ้มไม่รู้จะตอบไงดีบางเรื่อง เลยเอาล๊อคอินผู้ชายมาใช้แล้วก็ทำเป็นมาว่าตัวเอง ที่แท้จะชิ่งด่ากะคนอื่น ใครตอบอะไรก็แกล้งโง่ ทำไม่เข้าใจ ดูก็รู้ละ เม้นต์ก็เม้นต์เป็นสีๆเหมือนกันบางครั้ง แล้วก็ชอบไปcopyคนอื่นมาตอบเหมือนกัน นี่มันแบบภาคผู้ชายชัดๆ คนว่าตั้งเยอะแยะแต่ขอโทษนารายคนเดียว ชื่อก็ไม่ใช่พุทธ ใช้นารายณของฮินดูที่นับถือพระเจ้าเหมือนกัน ตกลงจะมาโฆษณาพระเจ้าของ คริส รึว่าฮินดู เอาให้แน่

[สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ในนี้ก็เหมือนเล่นละครกัน รับบทบาทหน้าที่คนละอย่าง แปลงกายแปลงร่างก็มี ดูเอา และดูดีดี ตาดีได้ ตาร้ายเสีย จิตรยิ้มก็เป็นนารายญ์ได้ ]

โคตรหักมุม 720 องศา 555

 

มีแบบนี้ด้วยหรือ?????

 

ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ขอยืมคำนี้มาใช้เหมือนกันค่ะ

จิตยิ้ม ก็คือ จิตยิ้ม ค่ะ

 

ขอบันทึกไว้ มันก็แปลก คนแปลกหน้ามาใหม่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยสังสรรค์กัน โพสต์แรกของเขาด้วย ...ถ้ามีการตรวจสอบ คิดว่าสามารถไล่เบี้ยได้..และนี่ถือเป็นการกล่าวหา


["สายฟ้าปราบมาร, post: 10705722, member: 711208"]
นารายทรงศรนั่นล่ะคือจิตรยิ้ม ซับซ้อนสุดๆไปเลย
555 อย่าคิดว่าไม่รู้ จิตรยิ้มไม่รู้จะตอบไงดีบางเรื่อง เลยเอาล๊อคอินผู้ชายมาใช้แล้วก็ทำเป็นมาว่าตัวเอง ที่แท้จะชิ่งด่ากะคนอื่น ใครตอบอะไรก็แกล้งโง่ ทำไม่เข้าใจ ดูก็รู้ละ เม้นต์ก็เม้นต์เป็นสีๆเหมือนกันบางครั้ง แล้วก็ชอบไปcopyคนอื่นมาตอบเหมือนกัน นี่มันแบบภาคผู้ชายชัดๆ คนว่าตั้งเยอะแยะแต่ขอโทษนารายคนเดียว ชื่อก็ไม่ใช่พุทธ ใช้นารายณของฮินดูที่นับถือพระเจ้าเหมือนกัน ตกลงจะมาโฆษณาพระเจ้าของ คริส รึว่าฮินดู เอาให้แน่

[สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ในนี้ก็เหมือนเล่นละครกัน รับบทบาทหน้าที่คนละอย่าง แปลงกายแปลงร่างก็มี ดูเอา และดูดีดี ตาดีได้ ตาร้ายเสีย จิตรยิ้มก็เป็นนารายญ์ได้ ]

โคตรหักมุม 720 องศา 555[/QUOTE]

 

งั้นเรามาพิจารณาข้อความนี้กันค่ะ !

มนุษย์ต้องรู้ว่าสภาวะการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดของมนุษย์นั้น สามารถสั่นคลอนอ่อนไหวไปตามการจูงจิตของมนุษย์คนอื่น ๆ ได้เสมอ ถ้าหากว่าพลังอำนาจของคลื่นความถี่ทางพลังงานจิตของผู้อื่นสูงมากพอที่จะเป็นเงื่อนไขให้เกิดการตอบสนองได้ ไม่ว่าพลังอำนาจของคลื่นจิตผู้อื่นซึ่งเป็นฝ่ายชักจูงนั้นจะเป็นพลังอำนาจด้านลบหรือด้านบวกก็ตาม

มนุษย์ที่ดำรงตนเองอยู่ท่ามกลางผู้คนที่สภาวะทางอารมณ์ไม่สมดุล มักจะเป็นผู้เสียสมดุลทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบได้ง่ายดาย เพราะพื้นฐานของสภาวะจิตมีแนวโน้มที่จะสั่นสะเทือนไปในทางด้านลบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ที่มนุษย์ด้วยกันสามารถสัมผัสรู้ดูเห็นได้ด้วยอวัยวะประสาทสัมผัสทั้งห้าและรู้คิดนึกรู้เท่าทันได้ด้วยกลไกลทางปัญญา ได้แก่ การแสดงออกทางพฤติกรรมภายนอก สามารถช่วยค้ำจุนความสมดุลในจิตใจทางด้านอารมณ์รู้สึกนึกคิดให้แก่กันและกันได้เสมอ

๑.ไม่แสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใด ๆ ที่เป็นเงื่อนไขด้านลบผู้อื่น

๒.แสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใด ๆ ที่เป็นเงื่อนไขด้านบวกต่อผู้อื่นเท่านั้น

๓.การแสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เป็นเงื่อนไขด้านบวกหรือด้านลบต่อผู้อื่น

พฤติกรรมที่เป็นเงื่อนไขด้านลบก็คือ การก้าวล่วงผู้อื่นและการเบียดเบียนผู้อื่น

พฤติกรรมที่เป็นเงื่อนไขด้านบวกก็คือ การกระทำสิ่งใดที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุขความพอใจ


พฤติกรรมที่ไม่เป็นเงื่อนไขทั้งด้านบวกและด้านลบก็คือ การกระทำสิ่งใด ๆ ที่แม้ผู้อื่นจะสัมผัสรู้ดูเห็นก็ไม่เป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องสูญเสียความสงบแห่งจิต

การที่ตัวเรามีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ไม่สั่นไหวไปตามการยั่วยุปลุกเร้าด้วยเงื่อนไขด้านลบอันเกิดจากการกระทำไม่ถูกต้องของเขานั้น มันเป็นการแสดงให้ผู้อื่นได้เห็นประจักษ์ว่า ตัวเราเป็นผู้มีพลังอำนาจในตนเองอย่างแท้จริง เพราะตัวเราสามารถอยู่เหนืออำนาจการยั่วยุด้วยเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่นได้ โดยไม่ตกเป็นทาสทางอารมณ์ด้านลบของตนเอง นั้นเองค่ะ