ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเว้นกระทำห้ามทำร้ายชุดปิดตำนานตัว"แก้"(ผนึกเหล็กไหลตาไฟกบิลมุนี) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ภพพิสิษฐ์ EV 0221 3363 5 TH

    พี่นฤชา EV 0221 3364 4 TH

    พี่ทวีพงษ์ EV 0221 3365 8 TH

    พี่ธีรนนท์ EV 0221 3366 1 TH

    พี่รังสรรค์ EV 0221 3367 5 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 0221 3368 9 TH

    พี่วิทัส EV 0221 3369 2 TH

    พี่พรเทพ EV 0221 3370 1 TH
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พูดคุยรอบเย็น

    รอบเย็นนี้ก็มาพูดคุยกันต่อเกี่ยวกับเรื่องหมูๆของพ่ออาจารย์ ซึ่งหลายๆคนน่าจะทราบว่าหมูนี้คงไม่หมูอย่างที่คิดเป็นแม่นมั่น

    ต้องกล่าวเกริ่นนำก่อนว่าหมูของท่านนั้นดุเพราะเป็นหมูที่ปราบได้แม้แต่เสือสมิง แต่ความดุนั้นไม่ใช่ทั้งหมดเพราะที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างหมูนั้นนอกจากเหตุแก้ปีชง หนุนดวงให้คนใช้ท่านยังต้องการให้ชีวิตคนใช้ไม่ลำบากในทุกๆด้านด้วย ดั่งที่กล่าวไว้ "ท่านว่าหมูมันสบาย ชีวิตมีแต่นั่งกินนอนกินแล้วก็โตขึ้นๆไม่หยุด ท่านจึงอุปมาว่าชีวิตแบบหมูๆคือการเติบโตแบบง่ายๆสบายๆดั่งวิสัยของคนนั่งกินนอนกินและต้องเจริญขึ้นเท่านั้น"

    หมูของท่านนั้นนอกจากเป็นพยนต์นารายณ์....(จะสำคัญอย่างไรให้ติดตาม)แล้วท่านยังลงวิชาหมูกินเสือไว้ด้วย วิชานี้ชื่อประหลาดเพราะปกติหมูต้องเป็นเหยื่อเสือ ต้องเป็นฝ่ายที่ถูกกิน แต่หมูกินเสือนั้นท่านว่าเป็นวิชาที่กลับร้ายให้กลายเป็นดี เปรียบตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนด้อยไร้ฤทธานุภาพแต่เหล่าผู้มากด้วยวาสนาบารมีก็ยังมาตายคาปาก มาให้เรากินถึงที่ ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องดิ้นรน อิ่มแบบมีเกียรติไม่ใช่อิ่มไปมื้อๆขอไปที

    ตรงนี้ท่านว่าสำคัญมากสมัยนี้คนเราชอบแสวงหาสิ่งที่ช่วยเหลือชั่วมื้อชั่วคราวประดุจหิวข้าวก็จะหาโภชนาหารเพียงเติมให้เต็มท้อง แก้หิว แก้อยากไปมื้อๆ อิ่มเช่นนี้เป็นอิ่มมื้อเดียว มื้อหน้าก็ต้องเหนื่อยออกหากินใหม่ กว่าจะได้กว่าจะอิ่มอีกก็เสียเวลาสูญเสียช่วงชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย

    ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงทำวิชาหมูกินเสือเพื่อแก้ปัญหาวาสนาชะตาคนให้มีชีวิตที่ง่ายขึ้น ทำอะไรก็ง่ายไปหมด และเป็นผู้ชนะตลอดกาล แต่ทว่าท่านทำก็จริงทั้งนี้ท่านก็ยังไม่ได้นำพาจะประกาศออกให้ใครบูชานัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามวลสารนั้นหายากเป็นที่สุด ของอาถรรพ์บางอย่างมีอายุเป็นพันปี บางอย่างสมัยนี้หาดูยังไม่มีท่านจึงหวงแหนไว้เฉพาะผู้เดือดร้อนเท่านั้น

    ที่ผ่านมาก็เห็นจะมีเพียงสองท่านที่ได้ไป โดยทั้งสองล้วนสอบถามเข้ามาเพื่อบูชาสมิงพระกาฬสมัยนั้นทั้งหมด แต่จุดประสงค์การใช้งานของพวกเขาตอนนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่ามันคนละเรื่อง เอาสมิงพระกาฬไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ท่านถึงให้หมูสำคัญ...นั่นไป

    - คนหนึ่งจากเซลขายเครื่องกรองน้ำ มีหนี้สินชนิดที่ว่าเจ้าหนี้ตามล่าตัวก็ว่าได้ เสี่ยงกับการโดนทำร้ายร่างกาย โดนซ้อม เป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง แต่ปัจจุบันในระยะเวลาไม่กี่ปีนี้สามารถถีบตัวขึ้นมาเรื่อยๆจนเป็นเจ้าของตลาดนัดได้ ด้วยอาถรรพ์หมูกินเสือ
    - อีกคนหนึ่งแฟนเก่าที่เลิกลาไปก่อเหตุนำบัตรเครดิตไปรูด ยอดใบนึงตกหลายๆแสน บางใบเจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำที่สำคัญคือรูดไปเกือบทุกใบ ทุกธนาคาร ต้องทำมาหากินใช้หนี้ที่ตนไม่ได้ก่อ จนเกือบจะถูกฟ้องอายัดแม้กระทั่งเงินเดือน แต่ปัจจุบันกลับจับงานออนไลน์พุ่งแรงสามารถใช้หนี้ได้หมด ซ้ำยังกลายเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาแรงแบรนด์หนึ่งอีกด้วย เขาว่าคู่แข่งในตลาดมีก็เยอะ เด็กรุ่นใหม่ความคิดดีๆก็มาก แต่ไม่รู้ทำไมพอเขาลงมือทำแล้วอะไรก็ง่ายไปหมด นี่ก็อีกรายด้วยอาถรรพ์วิชาหมูกินเสือ


    ทำไมหมูกินเสือของพ่ออาจารย์ท่านถึงมีอาถรรพ์มาก จุดสำคัญนั้นจะเปรยไว้คร่าวๆ มันเป็นสิ่งที่สุดยอดอย่างแท้จริง นั่นคือวิชาแก้เคราะห์ หากพูดถึงวิชาแก้เคราะห์แล้ว ตัวนี้ท่านว่ามันต่างกับเคราะห์ทุกตัว ด้วยเป็นเวทย์สวรรค์ที่ออกจากโอษฐ์ท้าวมหาพรหม หรือจะเรียกว่าเวทย์ดึกดำบรรค์ก็ได้ โดยปกติวิชาแก้เคราะห์จะหมายให้แก้เคราะห์ฉาบฉวย หรือเคราะห็ที่มันหนักๆเอาให้ถึงตาย เคราะห์เช่นนั้นจะเบาลงไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ยังมีผลของเคราะห์กรรมอยูดี ด้วยมนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อเสวยกรรม แต่วิชานี้กลับระบุครอบคลุมสามสถานนั่นคือ

    - เคราะห์วัน
    - เคราะห์เดือน
    - เคราะห์ปี

    เรียกว่าหากล่วงสามสถานนี้ก็ไม่มีเคราะห์หามยามร้ายไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ใดๆกล้ำกรายได้อีกแล้ว ด้วยอาญาสิทธิ์แห่งพระบรมบิดาพรหมเทพ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้มันสอดคล้องกับการจะเปลี่ยนชีวิตคนที่ยากลำบากให้มีชีวิตแบบหมูๆ กินแบบหมูๆ สบายแบบหมูๆ ท่านจึงจำเป็นต้องงัดวิชาที่เคยไปเรียนในบังบดขึ้นมาทำ

    * จะมีซักกี่ครั้งที่พ่ออาจารย์ท่านจะทำวิชาสมัยเรียนกับฤาษีในเมืองบังบด จะสอดคล้องกันอย่างไร....ต้องติดตามกันให้ดี ท่านว่าสมัยนี้เศรษฐกิจมันทรุดลง คนบ่นๆกันมาเยอะว่าหากินยาก ท่านจึงนำหมูที่เสกเก็บไว้ซึ่งปกติจะหวงมากถึงมากที่สุดออกมาให้คนได้ใช้อาราธนาหากิน ด้วยหวังอานิสงค์ข่มเคราะห์กรรมให้มีชีวิตสบายๆกันแบบหมูกินเสือ รวมไปถึงแก้ชง แก้เคราะห์สามสถานด้วยอาญาสิทธิ์อำนาจท้าวมหาพรหม ...พรุ่งนี้ห้ามพลาด

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2018
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ร่วมทำบุญบูชา องค์กำเนิดบรรพกาลวราหาคลี่แผ่นดิน(หมูกินเสือตรีกาลมหาสะเดาะ)

    " วราหาผู้เป็นเจ้า ได้เสด็จออกปราบมหายักษ์ คลี่แผ่นดินทั้งสี่ทวีปให้เจริญรุ่งเรือง "
    วิชาหมูนั้นมีอยู่หลายสาย เหมือนที่พ่ออาจารย์ว่าหมูนั้นมีหลายตัว บางตัวก็ปราบได้แม่แต่เสือเย็น หรือเสือสมิง นั้นคือหมูที่มีเดชมาก บางตัวก็กันพวกภูติผีปีศาจ ปล่อยออกไปได้เหมือนพยนต์ที่คอยทำลายอาถรรพ์ร้ายทั้งหลาย แต่บางตัวก็ดีด้านโชคลาภอย่างถึงที่สุด ในยุคนี้หลายๆที่นิยมสร้างหมูนารายณ์กันมากแต่กลับทำได้เพียงแค่ชื่อด้วยไม่ได้มีจิตแห่งพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง กอปรกับของบางอย่างภิกษุทำไม่ได้อย่างสิ้นเชิง พ่ออาจารย์ท่านจึงใคร่สร้างยอดเครื่องรางวราหาวตารนี้ให้ปรากฏ

    หมูนารายณ์หรือพระวราหะนั้นสำคัญไฉน พ่ออาจารย์ท่านอุปมาไว้ดั่งว่าเมื่อเกิดกลียุค หิรัณยากษะมหายักษ์ใคร่จะเป็นเจ้าโลก จึ่งกระทำฤทธานุภาพให้ปรากฏม้วนแผ่นดินทั้งสี่ทวีปเอาลงไปในบาดาล สรรพสัตว์ตลอดจนมนุษย์รวมไปถึงพระแม่ธรณีล้วนได้รับความทุกข์แสนสาหัส พูดง่ายๆคือกำลังจะตาย และตายกันชนิดล้างเผ่าพันธุ์ ในปางนั้นพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าได้ทรงกู้สถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นด้วยการอวตารพญาหมูป่าตัวเผือกขาวดังสำลีมีเขี้ยวโง้วยาวเป็นเพชรลงไปสังหารมหายักษ์ ครั้นแล้ว" วราหาผู้เป็นเจ้า ได้เสด็จออกปราบมหายักษ์ คลี่แผ่นดินทั้งสี่ทวีปให้กลับเจริญรุ่งเรือง "

    ดังนั้นจึงถือคติที่ว่าเมื่อพระวราหาวตารคลี่แผ่นดิน คือนำแผ่นดินที่สิ้นหวังแล้ว แผ่นดินที่ตายแล้วทั้งสี่ทวีป อันสรรพสัตว์ทั้งหลายหากำลังใจหรือความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้วนำกลับมา คลี่ออกให้กำเนิดสรรพชีวิตขึ้นใหม่ สถาปนาแผ่นดินสี่ทวีปขึ้นใหม่จนถึงแก่ความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่สุด ด้วยคตินี้จึงอุปมาวราหาคลี่แผ่นดินเป็นวิชาที่ทำให้ชีวิตได้เริ่มต้นใหม่จนถึงที่สุดแห่งความเจริญรุ่งเรือง ถึงแม้จะเป็นชีวิตที่พิกลพิการ ลำบากยากแค้นสิ้นหวัง แม้จะแห้งเหี่ยวแล้ว ใกล้ดับสูญแล้ว ร้ายแรงถึงปานนั้นก็ยังกู้กลับขึ้นมาได้

    พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าถ้าท่านไม่ทำขึ้นมาจริงๆจังๆคนที่รู้และทำได้จริงก็ดูจะไม่มีเสียแล้ว ดังนั้นท่านจึงตั้งใจทำหมูของท่านมากด้วยวิชาพยนต์นารายณ์เป็นหลักเพื่อกู้แก้วิกฤติที่เลวร้ายสิ้นหวังทุกสถาน ซ้ำยังลบผงวิชาหมูทุกตัวผสานลงไปด้วย นอกจากนั้นด้วยปัจจัยที่ว่าหมูมันกินจุ กินเก่ง กินไม่เลือก กินได้ตลอดดุจดั่งลาภลอยมีให้กินไม่ขาด จะกินใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด "ท่านว่าหมูมันสบาย ชีวิตมีแต่นั่งกินนอนกินแล้วก็โตขึ้นๆไม่หยุด ท่านจึงอุปมาว่าชีวิตแบบหมูๆคือการเติบโตแบบง่ายๆสบายๆดั่งวิสัยของคนนั่งกินนอนกินและต้องเจริญขึ้นเท่านั้น"

    ท่านตั้งใจทำหมูชุดนี้ให้มีอานุภาพ มีตัวตนโดยใช้มวลสารเฉพาะทางที่ท่านเก็บไว้นั่นคือเขี้ยวหมูตันพันปีซึ่งแข็งเป็นหิน ของชิ้นนี้มีอานุภาพมากท่านวว่าใช้ได้ทุกอย่างดุจอาวุธเทวดา มีเดชมาก แรงครูสูง วันดีคืนดีมักปรากฏเป็นหมูเผือกเขี้ยวเพชรออกมาหาข้าวกิน ท่านได้นำเขี้ยวหมูหินหรือเขี้ยวเพชรนี้บดเป็นผงเพื่อสร้างวราหาคลี่แผ่นดิน โดยฝังชิ้นส่วนเขี้ยวที่บดไม่ละเอียดไว้ด้านหน้าเป็นขุมพลังพญาหมูส่วนหนึ่ง ทั้งยังผสมด้วยผงลบวิชาหมูนารายณ์รวมถึงหมูทองแดงและหมูทุกสาย รวมไปถึงซ้องหมูป่าทนสิทธิ์ทรงอำนาจที่มีความเชื่อว่าหากหมูป่าไม่ตายหรือคายออกมาเองจะไม่สามารถพบได้เลย ท่านถือคติว่ากูไม่ตายคนอื่นก็ไม่ได้กินเช่นนั้นซ้ำซ้องหมูป่ายังมีเดชมาก ผงทั้งหมดนำมารวมกับว่านยาและไม้เฉพาะทางตามตำรับสร้างหมูนารายณ์ที่ท่านไม่ให้เปิดเผย ท่านว่าว่านและตัวยาแต่ละอย่างล้วนหายาก ไม่แปลกใจเลยที่โบราณจารย์จะกำหนดขึ้นไว้และเมื่อสร้างเสร็จนั้นหมูนั้นจะมีเดชมากพิฆาตได้แม้กระทั่งเสือสมิง

    รูปนั้นสำคัญไฉน ..ด้วยรูปเป็นสื่อที่บ่งบอกกิริยาและมีความสำคัญในการเรียกอาการตลอดจนสำเร็จตัวตนทั้งหมดพ่ออาจารย์ท่านจึงแกะพิมพ์หมูสำคัญนี้เป็นพระวราหะเขี้ยวยาวโง้งทูนแผ่นดินทั้งสี่ทวีปไว้บนศรีษะ ดุจว่ากำลังคลี่ออกเพื่อรูปนี้จะให้กำเนิดสรรพชีวิตเป็นที่สุดแห่งความเจริญรุ่งเรือง พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงปฐวีธาตุผสมกับยันต์กำเนิดแม่พระธรณีทำพิธีบูชาไฟสักการะรูปนามแห่งมหาเทวีก่อนจะปั้นเป็นลูกกลมๆบรรจุไว้ที่หัวของพระวราหะ ท่านว่าใช้แม่ธรณีนี่แหละแทนแผ่นดินที่กำลังคลี่ออก เป็นมงคลสองต่อทั้งชนะมาร ปราบแผ่นดิน คลี่คลายวิบัติดุจผู้พกนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่หมูนารายณ์นี้กำลังแก้ไขคลี่คลายปัญหาโลกแตกตลอดเวลา ไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆใดจะมาปิดกั้น อุดตัน หรือเป็นอุปสรรคให้ฝ่าไปไม่ได้

    นอกจากสำเร็จรูปพยนต์นารายณ์แล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังลงตะกรุดทำวิชาหมูกินเสือฝังไว้ด้านหน้ากำกับพยนต์หมูด้วย วิชานี้ชื่อประหลาดเพราะปกติหมูต้องเป็นเหยื่อเสือ ต้องเป็นฝ่ายที่ถูกกิน แต่หมูกินเสือนั้นท่านว่าเป็นวิชาที่กลับร้ายให้กลายเป็นดี เปรียบตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนด้อยไร้ฤทธานุภาพแต่เหล่าผู้มากด้วยวาสนาบารมีก็ยังมาตายคาปาก มาให้เรากินถึงที่ ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องดิ้นรน อิ่มแบบมีเกียรติไม่ใช่อิ่มไปมื้อๆขอไปที ตรงนี้ท่านว่าสำคัญมากสมัยนี้คนเราชอบแสวงหาสิ่งที่ช่วยเหลือชั่วมื้อชั่วคราวประดุจหิวข้าวก็จะหาโภชนาหารเพียงเติมให้เต็มท้อง แก้หิว แก้อยากไปมื้อๆ อิ่มเช่นนี้เป็นอิ่มมื้อเดียว มื้อหน้าก็ต้องเหนื่อยออกหากินใหม่ กว่าจะได้กว่าจะอิ่มอีกก็เสียเวลาสูญเสียช่วงชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงทำวิชาหมูกินเสือเพื่อแก้ปัญหาวาสนาชะตาคนให้มีชีวิตที่ง่ายขึ้น ทำอะไรก็ง่ายไปหมด และเป็นผู้ชนะตลอดกาล

    ด้านหลังพยนต์หมูนี้ท่านฝังของมงคลเพื่อหนุนธาตุวิชาให้เสริมอานุภาพซึ่งกันและกัน กลืนกินไม่ขัดแย้งกัน ดังนี้
    - องค์กำเนิดนัยน์ตามหาเทพ ด้วยความเชื่อและศาสตร์บรรพกาลในการบูชาลึงค์ดุจเทพเจ้านับพันปีพ่ออาจารย์ท่านจึงแกะองค์กำเนิดอันเป็นขุมพลังแห่งเทวะไว้ นั่นคือมหาศิวะลึงค์เบิกเนตรพระสยม ซึ่งตาที่สามอันปรากฏนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการหยั่งรู้ คือรู้กาลอดีต รู้กาลปัจจุบัน และหยั่งรู้ในอนาคตกาล บูชาไว้เปิดญาณทัศนะของตนจะดีมาก ด้วยดวงเนตรนี้หาได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความรู้แจ้งเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังการทำลายล้างสูงสุดอันเกิดมีมาแต่เดิมในฐานะพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย เหนือกว่าและมากกว่าเทพอาวุธอันทรงอานุภาพทั้งหลายของเทพเจ้านั้น ที่เหล่าเทพเจ้านั้นเกรงกลัวและเคารพองค์พระศิวะเทพเป็นที่สุดนั้นก็เพราะกลัวอำนาจการทำลายล้างของดวงเนตรนี้ แม้พระองค์มีพระประสงค์จะทำลายมหาจักรวาลให้ถึงกาลพินาศย่อยยับไป ก็จะเกิดเพลิงประลัยกัลป์ขึ้นมาจากพระเนตรที่สามนี้ เผาผลาญห้องมหาจักรวาลให้พังพินาศไป ด้วยคติแม้สัญลักษณ์ดวงเนตรพระสยมปรากฏขึ้นที่ใด เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายย่อมกลัวเกรงในอาญาสิทธิ์นี้ของพระเป็นเจ้า จึงอาจจะกล่าวได้ว่าบุคคลที่ได้ครอบครองไว้ สามารถปราบและข่มเขาได้ทั้งโลก วิชานี้ถือว่าเป็นมหาปราบอย่างที่สุดอีกสายหนึ่งทีเดียว โดยองค์กำเนิดเบิกเนตรนี้มีอานุภาพแลมงคลทั้งสถานะความเป็นพ่อ ด้วยพลังฝ่ายเทวะที่สรรค์สร้างและให้ทุกสิ่งตามี่ผู้บูชาปรารถนา รวมไปถึงการปราบปรามทำลายล้างศัตรูที่มุ่งร้ายอย่างที่สุด ดวงเนตรนั้นย่อมประกอบด้วยมงคลต่างๆ ดังนี้

    1. ปกตินั้นตาเป็นสัญลักษณ์ของการมองเห็น เป็นเครื่องรู้ เช่นเดียวกันกับนัยน์ตามหาเทพนี้ หากเบิกขึ้นแล้ว ผู้ครอบครองไว้จะไม่เดินทางผิด สิ่งที่ไม่เห็น ไม่รู้ ไม่เคยประสบพบเจอ นับจากนี้ไปก็จะได้เห็นได้ทราบเฉพาะตัวของตนเอง
    2. ตาเป็นสัญลักษณ์ของการเห็น การรู้แจ้ง เป็นสัญลักษณ์ของปัญญาอันยิ่ง ท่านว่าดวงนัยน์ตานี้ดีนัก ให้เอาไว้กับตัวสมองจะปลอดโปร่ง ความคิดจะแจ่มใสขึ้น จะคิดอ่านทำสิ่งใดย่อมเกิดตัวรู้ ตัวปัญญาเด่นชัด ไม่ขุ่นเคือง
    3. แม้ในพระพุทธศาสนา สมเด็จพระสุคตบรมครูท่านก็ได้แสดงธรรมไว้อย่างชัดเจนแล้วถึงความสำคัญของการมองเห็น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิชชาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา สิ่งนี้นั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเราถือเป็นเคล็ด สำหรับคนที่ยังมืดบอดอยู่ ยังไม่รู้จักคำว่ามี เพราะเรายัดหัวใจพระธรรมจักรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงไปด้วย สิ่งใดที่ปรารถนาจะมี ยังไม่เกิด ยังไม่มี นับจากนี้ให้เกิดมีตามที่เรานี้สาปสรรค์เอาไว้
    4. นัยน์ตา คำนี้สื่อถึงความหมายยิ่งใหญ่ ประดุจสิ่งรัก สิ่งที่มีค่าสูงสุดของเจ้าของ ดั่งที่คำโบราณท่านเปรียบเปรยว่าแก้วตาดวงใจ นัยน์ตานี้ก็คือแก้วตาสื่อถึงความรักหวงแหนสูงสุด เป็นอิทธิคุณแฝดทางด้านมหานิยม มหาเสน่ห์ใหญ่อย่างที่สุด ถ้ารักใครชอบใครนั้น ต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก ดุจเราได้ครองของสำคัญคือแก้วตาดวงใจของเค้าไว้แล้วนั่นเอง ให้ตั้งจิตนึกเอาว่าเรากุมแก้วตาดวงใจของเขาไว้ อยู่ในตัวเราเขาอยู่ในอุ้งมือเราแล้ว จะใช้ทางเสน่ห์เล่ห์กลใดก็สุดแต่ใจเถิด
    5. เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจการทำลายล้างสูงสุดในจักรวาล พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้ในเหล่ามาร อสุรกาย เทพเจ้า และพระเป็นเจ้าด้วยกัน ก็ยังเกรงอำนาจการทำลายล้างอันเป็นปรมัตถ์นี้ เพราะเป็นการทำลายขั้นสูงสุด พกไว้กับตัวเป็นมหาเดช มหาอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด เป็นที่เคารพและเกรงกลัว จนเข้าต้องรีบเข้าหาเรามาประจบเอาใจเราเช่นนั้น

    - องค์กำเนิดลัชชาเคารี เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยอุบัติขึ้นจากโยนีของมหาสตรี พ่ออาจารย์ท่านว่านอกจากเป็นครรภ์หรือที่กำเนิดในทุกสรรพสิ่ง เป็นที่สุดแห่งความอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นตัวแทนพลังกำเนิดของฝ่ายอิตถีเทวะหรือมหาศักติทั้งปวงอีกด้วย เป็นปฐมครรภ์แห่งจักรวาล มารดาแห่งโลก รูปแห่งอารมณ์ มหามายา ปัญญา ความรู้แจ้ง ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนอยู่ในรูปของมหาศักติผู้ให้กำเนิดจักรวาล โดยถือว่าแม่คือตัวแทนของคำว่าความรัก ความปรารถนาดีที่มีต่อลูก เป็นสายใยที่ไม่มีวันตัดขาด ต้องอุปถัมภ์ค้ำจุนให้พรกันตลอดไป ในอารายธรรมโบราณนั้นถือได้ว่าเทวีลัชชาเคารีนี้เป็นต้นกำเนิดของแม่เป๋อฝั่งเราก็ว่าได้ ดังนั้นเมื่อพ่ออาจารย์ท่านตั้งใจจะสร้างองค์กำเนิดทั้งสอง ท่านจึงปรารถนาจะทำให้เป็นที่สุดโดยใช้องค์กำเนิดบรรพกาล ซึ่งนอกจากจะมีอำนาจด้านมหามงคลดลบันดาลได้ร้อยแปดแล้ว ยังเป็นที่สุดแห่งเสน่ห์ มหาเมตตา ความเย้ายวนสุขสันต์ด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด นั่นก็คือรูปแบบพลังงานชีวิต พลังงานต้นกำเนิดอันเกิดแต่การสร้างสรรค์ดั้งเดิมของปฐมครรภ์ล้วนบริสุทธิ์ พ่ออาจารย์ท่านว่ามนุษย์นั้นเกิดมากี่ภพชาติ อุบัติมาตั้งแต่ตัวตนสูงสุดยันต่ำสุด แปดเปื้อนมามากไม่รู้จะเท่าไหร่ พลังงานแห่งชีวิต พลังงานตั้งต้นล้วนมัวหมองไม่สมดุลย์ทั้งสิ้น เพื่อจะเปลี่ยนคนให้ได้ดี มีความสุข มีปรกติชีวิตที่จะเจริญก้าวหน้าได้ต่อไป จึงต้องใช้อานุภาพแห่งมหาเคารีนี้ขัดเกลาพลังงานชีวิตให้บริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นยิ่งใช้ชีวิตเวียนว่ายตายเกิดผจญเคราะห์กรรมก็ยิ่งจะมัวหมองมากลงไปเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเราหากพลังงานชีวิตมันค่อยๆบริสุทธิ์ขึ้นทีละน้อยๆจนเต็มเปรี่ยมให้สังเกตุได้เลยว่าเรื่องดีๆทั้งหลายมันจะวิ่งเข้ามาหาเราเอง อุปมาดุจคำว่าผู้มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่แม้ตกไปอยู่แห่งใดก็ย่อมสุขสบายไม่อนาทรร้อนใจ
    - ตะกรุดเวทย์สวรรค์ตรีกาลมหาสะเดาะ เป็นสูตรทำตะกรุดชุดของพ่ออาจารย์นว่าด้วยวิชาแก้เคราะห์กรรม หากพูดถึงวิชาแก้เคราะห์แล้ว ตัวนี้ท่านว่ามันต่างกับเคราะห์ทุกตัว ด้วยเป็นเวทย์สวรรค์ที่ออกจากโอษฐ์ท้าวมหาพรหมหรือจะเรียกว่าเวทย์ดึกดำบรรพ์ก็ได้ โดยปกติวิชาแก้เคราะห์จะหมายให้แก้เคราะห์ฉาบฉวย หรือเคราะห์ที่มันหนักๆเอาให้ถึงตาย จะเปร่งอานุภาพเป็นครั้งคราวจนหลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมชีวิตมันยังติดๆหรือดูแย่อยู่ จะมีก็แต่เรื่องแรงๆที่ผ่านไปได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เคราะห์รายวันเล็กๆน้อยๆก็ยังเจอยังต้องปวดหัวคลี่คลายกันต่อไป ตรงนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าให้สังเกตุเอา ก็ดวงดาวทั้งหลายยังเคลื่อนตัวไม่หยุดที่จะให้พระเคราะห์ไม่ทำงานนั้นจะเป็นไปได้ที่ไหน ถึงหลายๆครั้งมหาเคราะห์เช่นนั้นจะเบาลงไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ยังมีผลของเคราะห์กรรมอยูดี ด้วยมนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อเสวยกรรม แต่วิชานี้กลับระบุครอบคลุมเคราะห์กรรมสามสถานนั่นคือ
    - เคราะห์วัน
    - เคราะห์เดือน
    - เคราะห์ปี

    เรียกว่าหากล่วงออกมาจากเคราะห์สามสถานนี้ก็ไม่มีเคราะห์หามยามร้ายใดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่กล้ำกรายได้อีกแล้ว ถึงจะหยุดการเคลื่อนไหวของดวงดาวไม่ได้ แต่ก็ล่วงเคราะห์ด้วยเวทย์สวรรค์ ด้วยอาญาสิทธิ์แห่งพระบรมบิดาพรหมเทพเป็นปฐม ซึ่งเคราะห์สามสถานนั้นครอบคลุมชีวิตคนทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเคราะห์วันตลอดจนเดือนหรือปี พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้มันสอดคล้องกับการจะเปลี่ยนชีวิตคนที่ยากลำบากให้มีชีวิตแบบหมูๆ กินแบบหมูๆ สบายแบบหมูๆ ท่านจึงจำเป็นต้องงัดวิชาที่เคยไปเรียนในบังบดขึ้นมาทำ โดยตั้งใจจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่ามงคลและอาถรรพ์ที่ฝังเสริมลงไปนั้นทุกสิ่งล้วนขานรับซึ่งกันและกัน ด้วยหมูเขี้ยวเพชรนี้แม้จะดุดันอย่างไร เมื่อคลี่คลายแผ่นดินทั้งสี่ทวีปแล้วก็หาได้มีพลังแห่งการสร้างสรรค์ พลังแห่งองค์กำเนิด ต่อให้คลี่คลายไปวิกฤติต่างๆย่อมเรียงหน้ามาให้คลี่ใหม่อยู่เรื่อยๆ ไม่อาจจะพัฒนาได้ เหมือนชีวิตคนเจออุปสรรคแก้ไปอย่างก็มีอีกอย่างไม่รู้จบสิ้น ชีวิตต้องเวียนแก้อยู่อย่างนั้น ถึงจะแก้ได้แล้วจะอย่างไรในเมื่อเสียเวลาไปทั้งชีวิตกับการแก้ไขเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ ในขณะเดียวกันการพัฒนาต่อยอดพลังงานชีวิตนั้นหากติดซึ่งเคราะห์กรรมทุกอย่างก็จะหยุดนิ่ง ท่านจึงว่าเมื่อคลี่คลายแล้วจำต้องสร้างสรรค์แลระงับเคราะห์หยุดกรรม สรรพสิ่งจึงจะถึงซึ่งความรุ่งเรือง ท่านมองเห็นความสำคัญของวิชาหมูนี้โดยก่อนจะสร้างท่านคิดและขอคำปรึกษาจากครูเทพพรหมทั้งหลาย ว่าทำอย่างไรจึงจะปลดล๊อคชีวิตคนที่มันติดขัดได้สิ่งใดเมื่อทำแล้วจะแก้ไขปัญหาครบคลุมทั้งระบบชีวิตทั้งยังเป็นขั้นตอนและกระบวนการที่นำไปสู่การพัฒนา เมื่อลงตัวแล้วท่านพิจารณาว่าหากคนเราคลี่คลายปัญหา มีพลังชีวิตขับดันสร้างสรรค์ก่อเกิดสรรพสิ่ง เพื่อจะลิขิตชะตาแลวาสนาตนเองได้ ซ้ำยังก้าวล่วงเคราะห์ฟ้าชะตาดิน เมื่อนั้นชีวิตแบบหมูๆที่จะเจริญและพัฒนาไปเรื่อยๆก็จะเกิดขึ้น

    หมูนี้พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้เป็นพยนต์นารายณ์มีอานุภาพมาก ท่านว่าให้ใช้เป็นเครื่องรางหรือทำพวงกุญแจก็ได้ คาดเอวก็ได้มีตัวมีตนแรงมากนัก วันดีคืนดีจะเห็นหมูเผือกเขี้ยวยาว ถ้าใครตาดีหน่อยก็จะเห็นกันง่ายมาปรากฏ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีเคล็ดการเลี้ยงง่ายๆเพื่อให้บูชาได้ผลทันตาเช่นกัน
    * เคล็ดการบูชาหมูนั้น ท่านว่าหมูมันหากินเก่ง กินไม่หยุด แต่เราผู้เป็นเจ้าของมัน อย่าให้มันหากินเอง เราต้องเลี้ยงมัน อย่าให้มันกินสิ่งใดในบ้านของเราไม่เช่นนั้นมันจะกินจนไม่เหลือ ได้ไปต้องบอกกล่าวกันก่อนว่าห้ามหากินเองหรือกินข้าวของในบ้าน พ่อสัญญาว่าจะเลี้ยงเจ้าให้ดี พูดให้เข้าใจง่ายๆคือให้ถือเคล็ด ไปซื้อข้าวสารจากนอกบ้านมาซักถุง และตั้งใจไว้เลยบอกกับหมูเลยว่าข้าวสารนี้คืออาหารของเค้าตั้งใจเลยว่านี่คืออาหารหมู วันพระหนนึงก็เปลี่ยนให้มันทีนึง ถือคตินี้มันจะหากินนำทรัพย์สินจากภายนอกเข้ามาหาเราไม่หยุด โดยที่ทรัพย์สินภายในจะอยู่คงเดิมไม่ขาดตกบกพร่องมีแต่จะเพิ่มพูนยิ่งๆขึ้นไป อุปมาดั่งกินแต่ของนอกบ้านหาเข้าบ้าน ลากมากินในบ้านจนอิ่ม ซ้ำยังไม่แตะต้องสมบัติทรัพย์สินใดๆในบ้านนั้น เมื่อจะขอสิ่งใดก็ให้ขอตอนเลี้ยงอาหารเขาเถิด


    คาถาบูชา
    โอม ศานตาการัม ภุชะคะศะยะนัม ปัทมะนาภัมสุ เรศัม วิศวาธารัม คะคะนะสะทฤศัม เมฆะวรรณัม ศุภางคัม ลักษมีกานตัม กะมะละนะยะนัม โยคิภีร์ ธยานะคัมมยัม วันเทวิษณุมอภะวะภะยะหะรัม สรรวะโลกัยกานาถัม


    * วราหาคลี่แผ่นดินนี้ พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้ 8 ตน มีให้บูชาไปแล้วสองตนและท่านเลี้ยงข้าวน้ำไว้เป็นพยนต์พิทักษ์เองหนึ่งตน จึงมีให้บูชาทั้งหมด 5 ตน สำหรับผู้บูชาให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย พ่อาจารย์ท่านจะบอกกล่าวสั่งสอนเพื่อมอบอาญาสิทธิ์ให้เจ้าของใช้งานได้เต็มที่พร้อมกับเจิมประสิทธิ์มงคลชัยอีกวาระหนึ่ง รายได้สมทบทุนสร้างหอระฆังและเมรุเผาศพที่ชำรุดต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา องค์กำเนิดบรรพกาลวราหาคลี่แผ่นดิน(หมูกินเสือตรีกาลมหาสะเดาะ) บูชา 4,000 บาท

    Shiva.jpg
    32679034_2195163900770019_5435999841505247232_n.jpg 32683119_2195163894103353_4816300476611952640_n.jpg
    32395259_2195163877436688_6947438634429579264_n.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    * หมูชุดนี้ ท่านได้อธิษฐานจิตพิเศษเฉพาะเพิ่มเติมให้ในพิธีขอเงินพระจันทร์ ทั้งยังเสกปิดในฤกษ์เสาร์ห้าเป็นกรณีพิเศษ จึงเป็นที่สุดของฤทธานุภาพและโชคลาภเงินทอง ท่านว่าที่สุดของสายทำมาหากิน ยิ่งกว่าชชีวิตเจ้าสัวก็ต้องชีวิตง่ายๆแบบหมูๆนี่แหละ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    วันนี้ผมไม่ได้ส่งของนะครับ ไว้เริ่มส่งวันจันทร์ทีเดียว แจ้งไว้เพื่อทราบ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พูดคุยรอบเช้า
    1526777820875.jpg
    1526777824091.jpg

    เช้าๆก็ได้รับบอกเล่าประสบการณ์หมูไปเข้านิมิตคนถึงสองคนเลยทั้งๆที่ของยังไม่ได้ส่ง ต่อไปคงจะเฮี้ยนแน่ๆรายการหมูเดี๋ยวเอาไว้ยกมาพูดคุยกันอีกที

    วันนี้จะมาเริ่มที่ตะกรุดมหาสะท้อนก่อน ก็พอดีมีมาให้พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์กันเข้ามา ซึ่งวันนี้ผมพิมพ์ในโทรศัพท์เลยกดไม่ค่อยสะดวก ปกติจะเล่าไปพิมพ์ไปแต่วันนี้ต้องอาศัยแคปเอาดีกว่า บอกได้คำเดียวว่าใครมีตะกรุดมหาสะท้อนชุดนี้ให้ใช้ดีๆ อย่าไปประมาทว่าดอกเล็กรึราคาเบา เอาว่าพ่ออาจารย์ท่านทำมาดีแน่นอนหายห่วง พกไว้อุ่นใจ ผมว่าศัตรูหรือพวกอำนาจมืดที่คอยกลั่นแกล้งรังแก ต่อไปเค้าจะทำอะไรคนที่ใช้มหาสะท้อนคงต้องทบทวนกันให้ดี

    * แถมนิดหน่อยกระบือประหารก็แรงไม่ตกจริงๆใครมีติดตัวอุ่นใจได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2018
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ตอบ PM ครบนะครับวันนี้ พอดีมีคนฝากคำถามเข้ามาก็เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันต่อแล้วจะตอบทีเดียวพรุ่งนี้เช้า ;)
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้มาติดตามเรื่องพูดคุยกันโดยเฉพาะคำถามที่ฝากไว้ ส่วนเช้านี้ก็จะเบาๆผ่อนคลายกันด้วยสาระความรู้เหมือนเดิม โดยเริ่มจากเรื่องของสายตา ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าคนเรายิ่งอายุมากใช้งานสายตามาก มันก็จะพร่ามัวหรือเสื่อมไปเป็นธรรมดา มาดูกันว่าเราจะดูแลอาการเหล่านี้ด้วยการรับประทานอาหารอะไรบ้าง

    บำรุงสายตาด้วยวิตามินอะไรดี หลายคนอาจลืมเลือนไปว่าวิตามินบำรุงสายตามีวิตามินอะไรบ้าง และแหล่งวิตามินบำรุงสายตาหาได้จากอาหารประเภทไหน ดังนั้นเพื่อความไม่มัว ไม่พร่าเลือนของสายตาเลยจัดวิตามินบำรุงสายตามาให้ มาดูซิว่าหาได้จากอาหารอะไรบ้าง

    บำรุงสายตาด้วยวิตามินอะไรดี
    วิตามินบำรุงสายตามีอยู่หลายตัวด้วยกัน โดยหน้าที่ของแต่ละวิตามินบำรุงสายตาก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้

    1. วิตามิน A
    วิตามินเอเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตาในส่วนการทำงานของจอประสาทตา มีบทบาทสำคัญด้านการมองในที่มืด ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินเอค่อนข้างสูง จะอยู่ในอาหารประเภทผักใบเขียว เช่น ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบวิตามินเอได้ในฟักทอง แครอท เสาวรส มะละกอ มะม่วงสุก และตับหมูอีกด้วย

    2. วิตามิน B
    ไม่ใช่แค่ป้องกันโรคเหน็บชาหรือปากนกกระจอกเท่านั้น แต่วิตามินบีก็มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา โดยเฉพาะวิตามิน B1 และ B12 ซึ่งมีบทบาทในการชะลอการเกิดต้อกระจก โดยแหล่งที่มีวิตามินบีอยู่มากก็ได้แก่อาหาร เช่น ตับ ไข่ เนื้อสัตว์ นมสด เป็นต้น

    3. วิตามิน C
    มีการศึกษาที่พบว่า วิตามินซีมีส่วนช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกได้ ด้วยสรรพคุณของสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยบำรุงหลอดเลือดฝอยให้แข็งแรง ทำให้ส่งเลือดไปยังจอประสาทตาและเลนส์ตาได้ดีขึ้น จึงช่วยชะลอความเสื่อมจากโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้
    ทั้งนี้เราสามารถหาวิตามินซีได้จากผลไม้ ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม และผักอย่างพริกหวาน มะเขือเทศ กะหล่ำดอก รวมไปถึงบรอกโคลี

    4. วิตามิน E
    วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเซลล์รับแสงที่จอประสาทตา ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด และยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินอีมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกได้ โดยแหล่งอาหารที่พบวิตามินอีอยู่มากก็ได้แก่ ข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง งา ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด และถั่วเหลือง เป็นต้น

    5. เบต้าแคโรทีน
    สารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ดังนั้นนอกจากจะมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระแล้ว เบต้าแคโรทีนยังช่วยในการมองเห็นในที่มืดเช่นเดียวกับคุณสมบัติของวิตามิน A โดยเราสามารถรับเบต้าแคโรทีนได้จากแครอท มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง เป็นต้น

    6. ลูทีนและซีแซนทีน
    ลูทีนและซีแซนทีนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย โดยวิตามินทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และจากการศึกษายังพบด้วยว่า ลูทีนและซีแซนทีนมีส่วนช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งสามารถหาลูทีนและซีแซนทีนได้จากผัก-ผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลือง เช่น ผักคะน้า ปวยเล้ง ผักโขม บรอกโคลี ข้าวโพด และพบได้ในไข่แดง เป็นต้น

    7. ซีลีเนียม
    สารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่งที่พบได้มากในหอยนางรม หอยลาย ตับไก่ และเมล็ดทานตะวัน โดยซีลีเนียมมีส่วนช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกและมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

    8. สังกะสี
    สังกะสีมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน และจากการศึกษายังพบด้วยว่า สารต้านอนุมูลอิสระในสังกะสีมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาที่มีอาการอยู่แล้ว ให้เกิดความเสื่อมช้าลง โดยแหล่งที่พบสังกะสี ได้แก่ หอยนางรม ตับ และเนื้อสัตว์

    9. โอเมก้า 3
    กรดไขมันอย่างโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้มากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลากะพง ปลาช่อน และในผลไม้ เช่น กีวี เป็นต้น

    10. เคอร์ซีทิน
    สารเคอร์ซีทินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านความเสื่อมของจอประสาทตา และป้องกันการเกิดโรคต้อหิน โดยเราสามารถหาแหล่งของเคอร์ซีทินได้ในหอมแดง


    a-colorful-selection-of-fruits-and-vegetables.jpg
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ทวีพงษ์ EV 0221 9765 3 TH

    พี่สิวริศร EV 0221 9766 7 TH

    พี่ศิระ EV 0221 9767 5 TH
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ซุงหนึ่งท่อน แลกพระหนึ่งองค์
    หากเอ่ยถึงยอดพระปิดตาของหลวงปู่แก้ว แห่งวัดเครือวัลย์ที่มีราคาหลักสิบล้าน เชื่อได้ว่าหลายๆคนย่อมอยากได้มาไว้ในครอบครอง ต่อให้ไม่รู้ประวัติหรือพุทธคุณ เพียงแต่ได้ยินชื่อก็ทราบแน่ชัดว่าเป็นของดี ...สืบเนื่องจากมีคนถามหาพระปิดตาพร้อมกับบางคนที่อยากได้เครื่องมงคลแบบลิมิเต็ดทำนองว่าเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก ทั้งขอแบบที่พอเช่าบูชาไหว วันนี้ก็เลยจะยกเรื่องพระปิดตาขึ้นมาพูด แน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงพระปิดตาที่เป็นตำนานแล้วย่อมหนีไม่พ้นของหลวงพ่อแก้วนั่นเอง

    พูดถึงพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว หลายคนมักนึกถึงพระปิดตาเนื้อผงจุ่มรัก หรือเนื้อผงคลุกรักของท่าน...แต่ก่อนที่ท่านจะนำมวลสารมากดเป็นพิมพ์พระปิดตาหลังแบบที่เราคุ้นเคยกันนั้น ก่อนหน้านี้ท่านได้สร้างเป็นพิมพ์ปั้นก่อน ซึ่งกว่าจะปั้นเสร็จทีละองค์ๆย่อมใช้เวลามากกว่าการกดแม่พิมพ์เพราะฉะนั้น ความเข้มขลัง พิเศษ ตลอดจนเอกลักษณ์ของพระเมื่อปั้นทีละองค์ ทุกองค์พอเหมือนกันได้แต่ต้องไม่เหมือนกัน ถือว่าแต่ละองค์เป็นหนึ่งเดียวในโลกก็ว่าได้

    พ่ออาจารย์ท่านศึกษาและรวบรวมมวลสารต่างๆเพื่อสร้างพระปิดตาพิมพ์ปั้น ตามตำรับหลวงพ่อแก้ว ดั่งที่หลวงพ่อแก้วเคยทำไว้ แต่ท่านไม่ได้ทำในปริมาณมากจนต้องนำผงไปคลุกกับรัก ดังนั้นท่านจึงใช้มวลสารล้วนๆปั้นขึ้นเลยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในส่วนผสมการสร้างพระปิดตาตำรับหลวงปู่แก้วนั้นได้แก่ ใช้ผงที่ลงเลขยันต์อักขระหลายตำรับวิชาแล้วลบเก็บผงไว้ ใช้เกสรดอกบัวที่นาคถวายพระอุปัชฌาย์ ไคลเสมาหรือตะไคร่น้ำติดเสมาหน้าโบสถ์ เกสรบุนนาคที่เก็บจากป่าโป่งจากบริเวณโป่งช้างหรือโป่งสัตว์ ส่วนใหญ่เป็นดอกไม้ เช่น ดอกบุนนาค ดอกนมแมว ท่านจะรอให้แมลงตอมดอกไม้เสียก่อน ดอกไม้ที่ไม่มีแมลงตอม.. ท่านว่า ไม่หอม...ไม่เอา ส่วนผสมต่อมา เรียกว่าไม้ไก่กุก ไม้ที่ไก่เจาะจงไปใช้จงอยปากเคาะ..คนโบราณถือว่า เป็นไม้เสน่ห์มหานิยม ชายได้ก็ใช้ทัดหู หญิงได้ก็ห้อยไว้ที่อก เชื่อกันว่าจะเสริมความสวยความงามขึ้นอีกสิบเท่า ...ขาดไม่ได้ก็คือผงกะลาตาเดียว ผงกะลาไม่มีตา...และมวลสารลับอื่นๆตามตำรับหลวงพ่อแก้ว ส่วนผสมสุดท้ายคือน้ำ ตำรับหลวงพ่อแก้วนั้นใช้ขันรองน้ำที่หยดจากผนังถ้ำ ท่านเรียกว่าหยดน้ำตา หยาดน้ำตก ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความอาลัย ในยามที่จะพลัดพรากจากกัน

    ในอดีตกาลนั้นหลวงพ่อแก้วท่านนั่งปั้นพระของท่านเอง จนเมื่อกายสังขารชราภาพมากขึ้นและมีผู้นิยมบูชาพระท่านมากขึ้นจึงเปลี่ยนมาใช้การกดพิมพ์ ขณะเดียวกันความนิยมที่ยิ่งเพิ่มขึ้นก็ทำให้ในภายหลังมีหลายๆคนนอกจากพระเณรมาช่วยท่านกด ระหว่างการพิมพ์พระปรากฏว่ามีหนุ่มๆสาวๆที่มาช่วย กระทั่งสามเณร มีอันต้องรักใคร่ได้เสียกันหลายคู่ทั้งพระสงฆ์ก็สึกหาลาเพศไปเพราะสีกา กล่าวกันว่าเพราะผงทำพระของท่านเป็นเหตุ หลวงพ่อจึงเปลี่ยนวิธีผสมเนื้อใหม่ ใช้รักผสมเนื้อให้เหนียวจะได้ไม่ปลิวไปทำให้ใครต่อใครรักใคร่กันเกินเลย...โดยไม่จำเป็น

    สรรพคุณของพระปิดตาหลวงพ่อแก้วโด่งดังทุกด้านแต่ที่หลายคนปรารถนามากที่สุดก็คือมหาเสน่ห์ ถึงขนาดกล่าวกันว่า ถ้าเป็นผู้หญิงมีพระติดตัวก็ไม่ต้องผัดหน้า ถ้าเป็นผู้ชายก็ไม่ต้องหวีผม แม้ขอทานชรายังได้เมียสาว ...แม้ชีวิตศัตรูมีมากก็จะน้อยลงถ้าศัตรูน้อยก็จะหมดไป

    เรื่องโชคลาภก็แรงเช่นกันถึงขนาดที่ว่า ถ้าเป็นแม่ค้าท่านท้าว่าถ้าขายของไม่หมดหาบ ท่านจะซื้อของที่เหลือในหาบ ท่านย้ำหนักหนาว่าพระของท่านแก้จนได้ แม้ใครเบื่อเอาพระไปคืนท่าน ท่านจะให้เงิน1ตำลึง เงิน1ตำลึงสมัยนั้นมีค่ามาก แต่ก็ยังน้อยกว่าพระ เพราะค่าพระของท่าน แลกซุงได้หนึ่งท่อน ต่อมาระยะหลังๆท่านตีราคาพระของท่านเพิ่มขึ้นถึงองค์ละ 1ชั่งทองคำ

    ในยุคแรกสมัยก่อนใครอยากได้พระปิดตาพิมพ์ปั้นจากมือหลวงพ่อแก้ว ต้องทำงานโค่นไม้ งานชักลากไม้ในป่า ซึ่งเป็นงานหนักและเหนื่อย ถ้าใครมาช่วยชักลากซุงจากป่ามาถึงวัด ท่านก็ให้พระหนึ่งองค์ ใครเอาซุงมาถวายท่าน 1 ท่อน ท่านก็จะให้พระ 1 องค์ แต่ภายหลังที่ท่านทำพระไม่ไหวแล้ว แม้แต่พระพิมพ์ก็ยังมีค่ากว่าหนึ่งชั่งทองคำ

    ดังนั้นคนสมัยก่อนจึงติดปากเรียกพระปิดตาหลวงพ่อแก้วว่ารุ่นลากซุงก็ถูก จะเรียกรุ่นแลกซุงก็ไม่ผิด นอกจากพุทธคุณทางด้านมหาเสน่ห์เน้นคู่ครอง ตลอดจนโชคลาภเปลี่ยนชีวิตดั่งปกาศิตของหลวงพ่อว่าพระท่านนั้นแก้จนได้ แม้ในด้านคุ้มครองก็ยังถือว่าเยี่ยมเพราะเมื่อตอนแจกท่านจะบอกว่า เอาไว้ป้องกันไข้ป่า ป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายหรือโรคร้าย คนที่เอาพระอมไว้หรือห้อยคอ ลดอันตรายจากไข้และสัตว์ร้ายได้ไม่น้อย ภูตผีปิศาจก็ไม่อาจเข้าใกล้

    จะเห็นได้ว่า พระปิดตาตำรับหลวงพ่อแก้วนั้นมีพุทธคุณโดดเด่นทุกด้านจึงเป็นสุดยอดปรารถนามาแต่โบราณ วันนี้ก็เลยนำประวัติมาให้อ่านกันคร่าวๆ ซึ่งปัจจุบันนั้นแน่นอนว่าหาไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังมีกาลครั้งหนึ่ง ที่หลวงพ่อแก้วเคยปกาศิตสื่อสารให้พ่ออาจารย์ทำพระปิดตาตำรับของท่านเพื่อสืบสายวิชาไว้ โดยได้บอกมวลสารลับและวิธีการทำต่างๆรวมถึงเมตตามาช่วยสำเร็จพระปิดตาพิมพ์ปั้นอันจะเป็นตำนานนั้น ใครที่ขอของดีแบบทำกับมือ พ่ออาจารย์ท่านปั้นเองทุกขั้นตอน ใครที่ชอบสายพระปิดตาทรงโบราณที่เน้นพุทธคุณทุกด้านพร้อมกัน ทั้งยังให้ร่วมบุญในราคาเบาให้ติดตามดีๆ ...เนื่องด้วยพระมีจำนวนน้อยมาก

    * เครดิตภาพ พระปิดตาพิมพ์ปั้นพ่ออาจารย์พล

    32972108_2197736290512780_707868592439296000_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2018
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ กระแสมาแรงมากสำหรับพระปิดตามพิมพ์ปั้นมือของพ่ออาจารย์ บางคนตาในดีๆเขานั่งจ้องรูปทั้งคืนเล่าให้เราฟังว่าองค์พระนี้หากินเก่งมาก มือใหญ่อย่างกับใบพาย กอบทรัพย์เก่ง หยิบฉวยได้เยอะผิดปกติ ก็เลยจะนำมาพูดคุยกันต่อรอบเช้า

    ...พระปิดตาพ่ออาจารย์ดีอย่างไรคนใช้เท่านั้นถึงจะรู้ ก็ท่านนั่งปั้นนั่งทำทีละองค์ทำไปเสกไปเชิญหลวงพ่อแก้วท่านมาทำตั้งแต่ยังเป็นผง คราก่อนที่ท่านออกพระปิดตามีแต่คนบอกว่าใช้ดีแต่ติดที่องค์ใหญ่เทอะทะ แต่พระปิดตาพิมพ์ปั้นนั้นขนาดกำลังห้อยไม่หนักคอ และที่สำคัญคือเน้นมวลสารมาก ใส่ผงเก่าหลวงพ่อแก้วเยอะเนื้อจึงสวย ภาษาคนช่อบส่องพระต้องพูดว่ายิ่งส่องยิ่งมันส์เช่นนั้น

    วัตถุประสงค์ของท่านคือทำบูชาครู ทำเพื่อให้ใช้แทนของเก่าได้ ใครหาพระปิดตาหลวงพ่อแก้วแท้ๆไม่ได้ มาเอานี่ไปพ่ออาจารย์ท่านว่าพุทธคุณก็เหมือนกัน ใช้ได้เช่นเดียวกัน

    สมัยก่อนนั้นพิมพ์แลกซุง ถือว่าเป็นพระหายากกว่าพิมพ์หลังแบบมาก เพราะปิดตาพิมพ์นี้สร้างยาก สมัยหลวงปู่แก้วตอนแจกท่านบอกว่า "เอาไว้ป้องกันไข้ป่า ป้องกันภัยจากสัตว์ร้าย หรือโรคร้าย คนที่เอาพระอมไว้หรือห้อยคอ ลดอันตรายจากไข้และสัตว์ร้ายได้ไม่น้อย ภูตผีปีศาจก็ไม่อาจเข้าใกล้" เรียกได้ว่านอกจากเป็นเสน่ห์ เป็นปิดตาพารวย ยังกันได้ทุกอย่างอีกด้วย

    ลูกศิษย์บางคนเรียกว่า "รุ่นแลกซุง" บางคนเรียก "รุ่นลากซุง" พ่ออาจารย์ท่านว่าต่อให้มวลสารดีอย่างไรก็ต้องมีเชื้อเก่าผสมด้วย ท่านจึงเอาผงหลวงพ่อแก้วที่เก็บไว้ใส่ลงไปหมดหน้าตักเพื่อนำมาสร้างพระปิดตาพิมพ์ปั้นหรือพิมพ์แลกซุงนี้

    พ่ออาจารย์บอกว่าพระปิดตาชุดนี้มีอาถรรพ์มาก เพราะเน้นตำรับรวยเร็วของท้าวจตุโลกบาลที่ได้สอนท่านไว้ จึงต้องผสมของสำคัญเพิ่มไปอีกสองอย่าง คือ

    - ผงนางโกย
    - น้ำมันเศรษฐีเจ็ดเรือน

    ของสำคัญทั้งสองนี้...จะมากอาถรรพ์อย่างไรให้ติดตามกันให้ดี ท่านว่าอาถรรพ์มากตั้งแต่ตอนทำตอนผสมผง ทั้งฝูงแมลงบินมาตอมผงเสมือนเล่นกับดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ทิพย์กายทั้งหลายก็ส่งเสียงอื้ออึงแซ่ซ้องสาธุการกันให้ขวักไขว่ไปหมด สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเจ้าของผงหรือองค์หลวงพ่อแก้วท่านมานั่งคุมพิธีเองตั้งแต่ทำผงจนปั้นพระเสร็จไม่ยอมไปไหนเลย ..เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าพระปิดตาชุดนี้สำคัญมาก

    หลวงพ่อแก้วท่านสั่งความไว้ ให้ทำตามสมัยท่านนั่นคือซุงหนึ่งท่อนหรือทองหนึ่งชั่งแลกพระไปหนึ่งองค์ ที่ผ่านมาพ่ออาจารย์ท่านก็ยึดปฏิปทานี้เวลาใครทำบุญให้ทองคำมามากๆเพื่อไปเทยอดเจดีย์บ้างหรือบริจาคเงินทุนการศึกษาเด็กมาเยอะๆท่านก็จะมอบพระให้ไปหนึ่งองค์ ปรากฏว่าพระปิดตาพิมพ์ปั้นนั้นมีประสบการณ์มากทั้งความเจริญก้าวหน้าและเสน่ห์ชู้สาวไม่ผิดกับที่หลวงพ่อแก้วสร้างแต่อย่างใด

    แต่ในภาวะปัจจุบันนั้นคนหากินกันยากขึ้น โชคลาภขาดมืออยากได้พระดีๆราคาเบาๆห้อยเป็นขวัญกำลังใจ พ่ออาจารย์ท่านจึงขออนุญาติหลวงพ่อแก้วบอกกล่าวท่านเพื่อนำพระปิดตาที่เรียกว่าหลวงพ่อแก้วมาช่วยท่านสร้างอย่างเต็มที่นี้ออกให้บูชากัน ในราคาที่ไม่สูงไม่เกินกำลังมาก ท่านว่าให้บูชาหนเดียวเอาไว้แก้ปัญหาคนที่หากินไม่คล่อง เหลือเท่าไหร่ก็เก็บเอาไว้ให้กับคนที่มีบุญมาบริจาคทุนเช่นเดิม

    * จึงกล่าวได้ว่าเป็นโอกาสเดียวจริงๆ ด้วยงบบูชาเท่านี้ไม่อยากให้พลาดเลย ใครชอบสายพระปิดตาติดตามกันนะครับ

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2018
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่พรเทพ EU 7489 1963 5 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EU 7489 1964 4 TH
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ใครที่จะจองบูชา พรุ่งนี้มาติดตามพระปิดตาพิมพ์ปั้นกันนะครับ ...ห้ามพลาด
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ร่วมทำบุญบูชา พระปิดตาจตุมหาโลกาพิมพ์ปั้น,ดักทรัพย์,ล้มลุก,มือโต,พารวย(ผงนางโกย น้ำมันเศรษฐีเจ็ดเรือน)
    ...สืบเนื่องจากมีคนถามหา พระปิดตาพร้อมกับบางคนที่อยากได้เครื่องมงคลแบบลิมิเต็ดทำนองว่าเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก ทั้งขอแบบที่พอเช่าบูชาไหว ด้วยปัจจัยต่างๆดังกล่าวนี้ซึ่งมีกาลครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อแก้วเคยปกาศิตสื่อสารให้พ่ออาจารย์ทำพระปิดตาตำรับของท่านเพื่อสืบสายวิชาไว้ โดยได้บอกมวลสารลับและวิธีการทำต่างๆรวมถึงเมตตามาช่วยสำเร็จพระปิดตาพิมพ์ปั้นอันจะเป็นตำนานนั้น ใครที่ขอของดีแบบทำกับมือ พ่ออาจารย์ท่านปั้นเองทุกขั้นตอน ใครที่ชอบสายพระปิดตาทรงโบราณที่เน้นพุทธคุณทุกด้านพร้อมกัน จึงพลาดไม่ได้

    ทำไมต้องสร้างพระปิดตาตำรับหลวงพ่อแก้ว คนแต่โบราณเชื่อกันว่าพระปิดตาตำรับหลวงพ่อแก้วนี้มีอานุภาพเป็นเอกอยู่ด้านเดียว แต่ก็เป็นอานุภาพที่เหนือกว่าแม้กระทั่งพระสมเด็จวัดระฆังหรือมงคลวัตถุอื่นๆด้วยกันนั่นก็คือพลังงานด้านโชคลาภ เมตตา ไปไหนไม่มีคนเกลียดมีแต่คนรัก เมื่อพูดถึงพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว หลายคนมักนึกถึงพระปิดตาเนื้อผงจุ่มรัก หรือเนื้อผงคลุกรักของท่าน...แต่ก่อนที่ท่านจะนำมวลสารมากดเป็นพิมพ์พระปิดตาหลังแบบที่เราคุ้นเคยกันนั้น ก่อนหน้านี้ท่านได้สร้างเป็นพิมพ์ปั้นก่อน ซึ่งกว่าจะปั้นเสร็จทีละองค์ๆย่อมใช้เวลามากกว่าการกดแม่พิมพ์เพราะฉะนั้น ความเข้มขลัง ความพิเศษ ตลอดจนเอกลักษณ์ของพระเมื่อปั้นมือทีละองค์ ทุกองค์พอเหมือนกันได้แต่ต้องไม่เหมือนกัน ถือว่าแต่ละองค์เป็นหนึ่งเดียวในโลกก็ว่าได้

    พ่ออาจารย์ท่านศึกษาและรวบรวมมวลสารต่างๆเพื่อสร้างพระปิดตาพิมพ์ปั้นตามตำรับหลวงพ่อแก้ว ดั่งที่หลวงพ่อแก้วเคยทำไว้ แต่ท่านไม่ได้ทำในปริมาณมากจนต้องนำผงไปคลุกกับรัก ดังนั้นท่านจึงใช้มวลสารล้วนๆปั้นขึ้นเลยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในส่วนผสมการสร้างพระปิดตาตำรับหลวงปู่แก้วนั้นได้แก่ ใช้ผงที่ลงเลขยันต์อักขระหลายตำรับวิชาเช่นผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงสาริกาหลงรังเป้นต้นแล้วลบเก็บผงไว้ ใช้เกสรดอกบัวที่นาคถวายพระอุปัชฌาย์ ไคลเสมาหรือตะไคร่น้ำติดเสมาหน้าโบสถ์ ว่านยาศักดิ์สิทธิ์ได้แก่ยอดกาหลง, ยอดรักซ้อน, ยอดสวาท, ดินโป่ง กาฝากรัก และเกสรดอกไม้... เกสรบุนนาคที่เก็บจากป่าโป่งจากบริเวณโป่งช้างหรือโป่งสัตว์ ส่วนใหญ่เป็นดอกไม้เช่น ดอกบุนนาค ดอกนมแมว ท่านจะรอให้แมลงตอมดอกไม้เสียก่อน ดอกไม้ที่ไม่มีแมลงตอม.. ท่านว่า ไม่หอม...ไม่เอา ส่วนผสมต่อมา เรียกว่าไม้ไก่กุก ไม้ที่ไก่เจาะจงไปใช้จงอยปากเคาะ..คนโบราณถือว่า เป็นไม้เสน่ห์มหานิยม ชายได้ก็ใช้ทัดหู หญิงได้ก็ห้อยไว้ที่อก เชื่อกันว่าจะเสริมความสวยความงามขึ้นอีกสิบเท่า ...ขาดไม่ได้ก็คือผงกะลาตาเดียว ผงกะลาไม่มีตา...และมวลสารลับอื่นๆตามตำรับหลวงพ่อแก้ว ส่วนผสมสุดท้ายคือน้ำ ตำรับหลวงพ่อแก้วนั้นใช้ขันรองน้ำที่หยดจากผนังถ้ำ ท่านเรียกว่าหยดน้ำตา หยาดน้ำตก ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความอาลัย ในยามที่จะพลัดพรากจากกัน พ่ออาจารย์ท่านว่าต่อให้มวลสารดีอย่างไรก็ต้องมีเชื้อเก่าผสมด้วย ท่านจึงเอาผงหลวงพ่อแก้วที่เก็บไว้ใส่ลงไปหมดหน้าตักเพื่อนำมาสร้างพระปิดตาพิมพ์ปั้นหรือพิมพ์แลกซุงนี้

    พ่ออาจารย์บอกว่าพระปิดตาชุดนี้มีอาถรรพ์มาก เพราะเน้นตำรับรวยเร็วของท้าวจตุโลกบาลที่ได้สอนท่านไว้ผสานลงไป จึงต้องผสมของสำคัญเพิ่มไปอีกสองอย่าง คือ
    - ผงนางโกย พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้เรียกเต็มๆก็คือนางกอบโกย หมายถึงวิชาที่ใช้ทางขวนขวายหาทรัพย์เก่ง ได้ทรัพย์มาก มักนิยมใช้เสี่ยงโชค ถ้าเป็นทางหากินท่านว่าใช้ได้หมดไม่เลือกว่าจะสุจริตหรือไม่สุจริตก็ตาม ผู้ใช้อยากได้อะไรท่านว่าก็ขนเอาไป มีทรัพย์มาก ขนได้มาก โกยได้เยอะทำอะไรก็โกยเอาๆ เป็นมงคลเหนือกว่าการค่อยๆทยอยเก็บกินดอกผลไปเรื่อยๆ วิชานางโกยนี้ดุจแม่นางฟ้าผู้ใจดีรวบรวมขุมทรัพย์จำนวนมากเปิดทางสะดวกให้เราพร้อมตักตวงกอบโกยได้เต็มที่ พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นวิชาของเทวดา...บอกได้เพียงเท่านี้
    - น้ำมันเศรษฐีเจ็ดเรือน น้ำมันนี้จะว่าทำยากก็ยาก เพราะต้องซื้อน้ำมันจันทร์ไปขอให้เศรษฐีที่ร่ำรวยมีความเป็นอยู่สบายมีกินมีใช้ไปเจ็ดชั่วโคตรก็ไม่หมด ให้เขาช่วยอธิษฐานบารมีหนุนเนื่องกันลงไปในน้ำมันนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องทำจนได้เจ็ดคน แล้วจึงนำมาอธิษฐานจิตหุงด้วยว่านยาพร้อมกับเสกด้านเปิดวาสนาชะตาชีวิตหนุนดวงเศรษฐี ท่านว่าสูตรนี้เป็นน้ำมันเปิดดวงเศรษฐี ให้เศรษฐีที่มีบุญบารมีมากถึงเจ็ดคนอธิษฐานใจใช้บารมีเศรษฐีเก่าหนุนให้คนมีดวงเศรษฐีได้ใช้ จะได้มีวาสนาเป็นเศรษฐีสืบต่อกันไป
    ของสำคัญทั้งสองนี้ท่านว่าอาถรรพ์มากตั้งแต่ตอนทำตอนผสมผง ทั้งฝูงแมลงบินมาตอมผงเสมือนเล่นกับดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ทิพย์กายทั้งหลายก็ส่งเสียงอื้ออึงแซ่ซ้องสาธุการกันให้ขวักไขว่ไปหมด เมื่อทำพิธีผสมผงนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้บอกกล่าวหลวงพ่อแก้วไว้ ท่านว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเจ้าของผงหรือองค์หลวงพ่อแก้วท่านมานั่งคุมพิธีเองตั้งแต่ทำผงจนปั้นพระเสร็จไม่ยอมไปไหนเลย ..เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงว่าพระปิดตาชุดนี้สำคัญมาก


    ด้วยได้เมตตาจากองค์หลวงพ่อแก้ว ผสานกับที่ท่านใช้วิชาของท้าวจตุโลกบาลที่มีความเป็นห่วงมนุษย์ อยากจะประทานโชคลาภเปิดวาสนาแต่หาอุบายอันใดโดยตรงไม่ได้ จึงได้บอกเป็นเคล็ดวิชาให้พ่ออาจารย์ท่านทำขึ้น ด้วยเหตุดังนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งชื่อพระปิดตารุ่นนี้เป้นเกียรติประวัติแก่จอมเทพทั้งสี่ว่า "พระปิดตาจตุมหาโลกาพิมพ์ปั้น" นั่นเอง ทั้งนี้นอกจากจะเน้นเนื้อหามวลสารแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังได้ทำตะกรุดสองดอกสูตรของหลวงพ่อแก้วฝังไว้ในพระปิดตาด้วยดอกหนึ่งเร่งรวยลืมจน ดอกสองนะเสน่หา ท่านว่าพระปิดตาหลวงพ่อแก้วลำพังแบบปกติก็หายากแล้ว แต่แบบที่ฝังตะกรุดนั้นยิ่งกว่าพลิกแผ่นดินจะหา ท่านว่าไหนๆเราทำแล้วก็ให้มันสุดๆไปเลย ต้องดีที่สุด

    ในอดีตกาลนั้นหลวงพ่อแก้วท่านนั่งปั้นพระของท่านเอง จนเมื่อกายสังขารชราภาพมากขึ้นและมีผู้นิยมบูชาพระท่านมากขึ้นจึงเปลี่ยนมาใช้การกดพิมพ์ ขณะเดียวกันความนิยมที่ยิ่งเพิ่มขึ้นก็ทำให้ในภายหลังมีหลายๆคนนอกจากพระเณรมาช่วยท่านกด ระหว่างการพิมพ์พระปรากฏว่ามีหนุ่มๆสาวๆที่มาช่วย กระทั่งสามเณร มีอันต้องรักใคร่ได้เสียกันหลายคู่ทั้งพระสงฆ์ก็สึกหาลาเพศไปเพราะสีกา กล่าวกันว่าเพราะผงทำพระของท่านเป็นเหตุ หลวงพ่อจึงเปลี่ยนวิธีผสมเนื้อใหม่ ใช้รักผสมเนื้อให้เหนียวจะได้ไม่ปลิวไปทำให้ใครต่อใครรักใคร่กันเกินเลย...โดยไม่จำเป็น

    สรรพคุณของพระปิดตาตำรับหลวงพ่อแก้วโด่งดังทุกด้านแต่ที่หลายคนทราบมากที่สุดก็คือมหาเสน่ห์เป็นเลิศ เมื่อดูจากมวลสารและวัสดุต่างๆที่นำมาเป็นส่วนผสมเกือบทุกอย่าง ล้วนมุ่งเน้นไปทางด้านเมตตามหานิยมทั้งสิ้น โดยเฉพาะผงอิทธิเจจะมีอานุภาพทางด้านเมตตามหาเสน่ห์อย่างแรงแก่สตรีเพศ ตามตำรากล่าวว่าแค่ขูดผงเพียงเล็กน้อยให้ผู้หญิงกินผู้หญิงคนนั้นจะรักและจงรักภักดีกับผู้ชายที่ขูดผงให้กินแบบโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว และมวลสารอีกอย่างหนึ่งก็คือไม้ไก่กุก ก็เป็นไม้มหาเสน่ห์เช่นกันเกิดจากไก่ตัวผู้คาบกิ่งไม้ชิ้นเล็กๆแล้วร้องเรียกให้ไก่ตัวเมียเข้ามาหา เมื่อตัวเมียจิกคาบชิ้นไม้นั้นแล้วคล้ายๆบ่งบอกถึงการรับไมตรีจากไก่ตัวผู้ จากนั้นไก่ตัวผู้ก็จัดการเผด็จศึกทันที ตำราโบราณจึงถือว่าไม้ไก่กุกเป็นของอาถรรพ์ทางเมตตามหาเสน่ห์อย่างแรง นอกจากนี้ยังใช้ดีในด้านโชคลาภหรือโภคทรัพย์ ให้สังเกตเวลาได้พระปิดตาตำรับหลวงพ่อแก้วมาการค้าขาย การงาน กิจการงานต่างๆจะดีขึ้น ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังอุดมด้วยโภคทรัพย์สมบัติ ธนสารสมบัติ โดยเฉพาะ"มหาเสน่ห์" ใครเห็นใครก็รักยิ่งกับเพศตรงยิ่งข้ามชะงักนัก จนหลวงพ่อแก้วปรามโดยสาปแช่งไว้ว่า "ถ้าได้มาเป็นเมียแล้วไม่เลี้ยงดู ทิ้งขว้าง ให้ตายแบบหมาข้างถนน"ทีเดียว ส่วนด้านแคล้วคลาดคงกระพันก็มีคนเจอประสบการณ์มามากมาย

    พุทธคุณพระปิดตานั้นถึงขนาดกล่าวกันว่า ถ้าเป็นผู้หญิงมีพระติดตัวก็ไม่ต้องผัดหน้า ถ้าเป็นผู้ชายก็ไม่ต้องหวีผม แม้ขอทานชรายังได้เมียสาว ...แม้ชีวิตศัตรูมีมากก็จะน้อยลงถ้าศัตรูน้อยก็จะหมดไป เรียกได้ว่านอกจากเป็นเสน่ห์ เป็นปิดตาพารวย ยังกันได้ทุกอย่างอีกด้วย เรื่องโชคลาภก็แรงเช่นกันถึงขนาดที่ว่า ถ้าเป็นแม่ค้าท่านท้าว่าถ้าขายของไม่หมดหาบ ท่านจะซื้อของที่เหลือในหาบ ท่านย้ำหนักหนาว่าพระของท่านแก้จนได้ แม้ใครเบื่อเอาพระไปคืนท่าน ท่านจะให้เงิน1ตำลึง เงิน1ตำลึงสมัยนั้นมีค่ามาก แต่ก็ยังน้อยกว่าพระเพราะค่าพระของท่านแลกซุงได้หนึ่งท่อน ต่อมาระยะหลังๆท่านตีราคาพระของท่านเพิ่มขึ้นถึงองค์ละ 1ชั่งทองคำ ในยุคแรกสมัยก่อนใครอยากได้พระปิดตาพิมพ์ปั้นจากมือหลวงพ่อแก้ว ต้องทำงานโค่นไม้ งานชักลากไม้ในป่า ซึ่งเป็นงานหนักและเหนื่อย ถ้าใครมาช่วยชักลากซุงจากป่ามาถึงวัด ท่านก็ให้พระหนึ่งองค์ ใครเอาซุงมาถวายท่าน 1 ท่อน ท่านก็จะให้พระ 1 องค์แต่ภายหลังที่ท่านทำพระไม่ไหวแล้ว แม้แต่พระพิมพ์ก็ยังมีค่ากว่าหนึ่งชั่งทองคำ ดังนั้นคนสมัยก่อนจึงติดปากเรียกพระปิดตาหลวงพ่อแก้วว่ารุ่นลากซุงก็ถูก จะเรียกรุ่นแลกซุงก็ไม่ผิดนอกจากพุทธคุณทางด้านมหาเสน่ห์เน้นคู่ครอง ตลอดจนโชคลาภเปลี่ยนชีวิตดั่งปกาศิตของหลวงพ่อว่าพระท่านนั้นแก้จนได้ แม้ในด้านคุ้มครองก็ยังถือว่าเยี่ยมเพราะเมื่อตอนแจกท่านจะบอกว่า เอาไว้ป้องกันไข้ป่า ป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายหรือโรคร้าย คนที่เอาพระอมไว้หรือห้อยคอ ลดอันตรายจากไข้และสัตว์ร้ายได้ไม่น้อย ภูตผีปิศาจก็ไม่อาจเข้าใกล้

    จะเห็นได้ว่า พระปิดตาตำรับหลวงพ่อแก้วนั้นมีพุทธคุณโดดเด่นทุกด้านจึงเป็นสุดยอดปรารถนามาแต่โบราณ แต่สำหรับผู้มีศรัทธาก็ยังไม่สิ้นความหวังไปด้วยมีกาลครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อแก้วเคยปกาศิตสื่อสารให้พ่ออาจารย์ทำพระปิดตาตำรับของท่านเพื่อสืบสายวิชาไว้ โดยได้บอกมวลสารลับและวิธีการทำต่างๆรวมถึงเมตตามาช่วยสำเร็จพระปิดตาพิมพ์ปั้นอันจะเป็นตำนานนั้น

    ...พระปิดตาพ่ออาจารย์ดีอย่างไรคนใช้เท่านั้นถึงจะรู้ ก็ท่านนั่งปั้นนั่งทำทีละองค์ทำไปเสกไปเชิญหลวงพ่อแก้วท่านมาทำตั้งแต่ยังเป็นผง คราก่อนที่ท่านออกพระปิดตามีแต่คนบอกว่าใช้ดีแต่ติดที่องค์ใหญ่เทอะทะ แต่พระปิดตาพิมพ์ปั้นนั้นขนาดกำลังห้อยไม่หนักคอ และที่สำคัญคือเน้นมวลสารมาก ใส่ผงเก่าหลวงพ่อแก้วเยอะเนื้อจึงสวย ภาษาคนช่อบส่องพระต้องพูดว่ายิ่งส่องยิ่งมันส์เช่นนั้น วัตถุประสงค์ของท่านคือทำบูชาครู ทำเพื่อให้ใช้แทนของเก่าได้ ใครหาพระปิดตาหลวงพ่อแก้วแท้ๆไม่ได้ มาเอานี่ไปพ่ออาจารย์ท่านว่าพุทธคุณก็เหมือนกัน ใช้ได้เช่นเดียวกัน

    หลวงพ่อแก้วท่านสั่งความไว้ ให้ทำตามสมัยท่านนั่นคือซุงหนึ่งท่อนหรือทองหนึ่งชั่งแลกพระไปหนึ่งองค์ ที่ผ่านมาพ่ออาจารย์ท่านก็ยึดปฏิปทานี้เวลาใครทำบุญให้ทองคำมามากๆเพื่อไปเทยอดเจดีย์บ้างหรือบริจาคเงินทุนการศึกษาเด็กมาเยอะๆท่านก็จะมอบพระให้ไปหนึ่งองค์ ปรากฏว่าพระปิดตาพิมพ์ปั้นนั้นมีประสบการณ์มากทั้งความเจริญก้าวหน้าและเสน่ห์ชู้สาวไม่ผิดกับที่หลวงพ่อแก้วสร้างแต่อย่างใด แต่ในภาวะปัจจุบันนั้นคนหากินกันยากขึ้น โชคลาภขาดมืออยากได้พระดีๆราคาเบาๆห้อยเป็นขวัญกำลังใจ พ่ออาจารย์ท่านจึงขออนุญาติหลวงพ่อแก้วบอกกล่าวท่านเพื่อนำพระปิดตาที่เรียกว่าเป็นชุดที่หลวงพ่อแก้วมาช่วยท่านสร้างอย่างเต็มบารมีนี้ออกให้บูชากัน ในราคาที่ไม่สูงไม่เกินกำลังมาก ท่านว่าให้บูชาหนเดียวเอาไว้แก้ปัญหาคนที่หากินไม่คล่อง เหลือเท่าไหร่ก็เก็บเอาไว้ให้กับคนที่มีบุญมาบริจาคทุนเช่นเดิม

    คาถาบููชา
    นะโมพุทธัสสะคะวัมปะติสสะ นะโมธัมมัสสะคะวัมปะติสสะ นะโมสังฆัสสะคะวัมปะติสสะ สุขา สุขะ วะรัง นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา เจวะเสกขาธัมมา ยะธาพุทโมนะ

    สาระสำคัญ* พระปิดตาพิมพ์ปั้นมือนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าพระหนึ่งองค์กลับดวงเปิดชะตาชีวิตได้หนึ่งคน แต่ถ้าใครอยากรวยเร็วคิดว่าไม่ทันใจ เห็นอนาคตว่าจะลำบากอีกนานก่อนจะสบาย อยากเรียกคู่หรือแม้แต่ทำให้คนรักผูกติดไม่แตกแยก ท่านว่าให้บูชาสององค์หันหลังพระฝั่งที่มีตะกรุดผสานกัน ชนกัน ประกบกันแล้วหาสายสิญจน์มาผูกไว้ดั่งพิมพ์หัวบายศรี แล้วใช้อาราธนาองค์พระห้อยคอตามปกติ ซึ่งพระปิดตานี้พ่ออาจารย์ท่านเปิดให้บูชาเพียงวาระเดียวเท่านั้น เพราะท่านว่าทำยาก แม้มวลสารต่างๆจะหาได้ทำได้ แต่วาระฟ้าชะตาดินที่หลวงพ่อแก้วท่านจะนั่งคุมช่วยทำปรกบารมีเช่นนี้ ย่อมไม่เกิดขึ้นง่ายๆ

    ร่วมทำบุญบูชา พระปิดตาจตุมหาโลกาพิมพ์ปั้น,ดักทรัพย์,ล้มลุก,มือโต,พารวย(ผงนางโกย น้ำมันเศรษฐีเจ็ดเรือน) บูชา 1,000 บาท

    32972108_2197736290512780_707868592439296000_n.jpg 33046844_2197736297179446_599267818919165952_n.jpg
    1404130892.png
    33081679_2197737470512662_1301215274954915840_n.jpg
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ EV 0222 1749 4 TH

    พี่ธเนศพล EV 0222 1750 3 TH

    พี่สุรวุฒิ EV 0222 1751 7 TH

    พี่ภิญโญ EV 0222 1752 5 TH
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ตำนานพระปิดตา

    เย็นนี้ก็จะมาพูดคุยกันถึงเรื่องตำนานพระปิดตากันนะครับ เพราะหลายๆคนอาจจะยังงงๆว่าทำไมพระถึงต้องปิดตา และพระปิดตาเป้นใครสำคัญอย่างไร

    ตำนานพระปิดตาตำนานหนึ่งกล่าวว่า "พระปิดตา"ชนิดนี้คือพระมหากัจจายน์เถระเจ้า ปางอธิษฐานเนรมิตกาย ความเดิมมีว่าท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าท่านนี้ เป็นเอตะทัคคะในการขยายความย่อให้พิสดาร และเป็นผู้วางหลักสูตรพระบาลีมูลกัจจายน์คือการสอนพระบาลีไวยากรณ์ในสมัยก่อน

    ท่านเกิดในวรรณะพราหมณ์ในสกุลกาญจนโคตร ประกอบผิวพรรณวรรณะอาการแห่งลีลารวมทั้งวรกายละม้ายคล้ายองค์พระบรมศาสดาเจ้า หากดำเนินมาแต่ไกลผู้คนมักจะจำผิดพากันคิดว่าพระพุทธองค์เสด็จและแม้แต่เทพยดาก็พากันหลงผิดด้วยลีลาท่านสง่างามยิ่งนัก เป็นที่เสน่หานิยมชมชอบของเทพยดาแลมนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย และพากันถวายฉายาว่า “ควัมปติ” แปลว่าผู้มีวรกายแลละม้ายคล้ายพระศาสดา (ได้ค้นศัพท์ในพจนานุกรมแล้วไม่มีปรากฏ)

    ในกาลครั้งหนึ่งโสไรยเศรษฐีบุตร พ่อค้าวานิช ได้คุมกองคาราวานไปค้ายังเมืองไกล บังเอิญประจวบเหมาะได้พบเจอกับท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าก็คิดรำพึงอยู่ภายในไจว่า ภรรยาเรานะนับว่ามีความงามเป็นเลิศ ยังมิอาจเทียบเท่ากับสมณะท่านนี้ หากเราได้ภรรยาเช่นนี้จะปลื้มใจสักเพียงใด พอความนึกคิดสะดุดหยุดลง โสไรยเศรษฐีบุตรพลันกลับกายร่างเป็นเพศหญิงในทันทีทันใด บังเกิดความละอายยิ่งนักหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบประผู้คนทั้งไม่ยอมกลับไปยังสถานที่อยู่เดิมทอดทิ้งบุตรภรรยาและบิดามารดาให้รอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ

    สุดท้ายหมดเนื้อหมดตัวไปได้สามีแลได้บุตร๒ คนรวมกับบุตรที่มีอยู่เดิม ๒ คนเป็น ๔ คน ยิ่งฟุ้งซ่านใหญ่กาลเวลาผ่านมาหลายปี จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งนางก็ได้เห็นท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ นางจรึงจัดภัตตาหารพร้อมด้วยขันใส่ข้าวสุกไปคอยดักใส่บาตรและเล่าเรื่องข้อความเป็นไปให้ทราบอ้อนวอนให้ท่านพระมหากัจจายนะเจ้าจงโปรดช่วยเหลือ ท่านมหากัจจายนะเถระเจ้าจึงนัดพบหลังจากเสร็จจากการบิณฑบาตและกระทำภัตตกิจเรียบร้อยแล้ว

    ท่านกล่าวว่านึกไม่ถึงและไม่มีเจตนาแต่ประการใดเพียงแต่มีข้อแม้ว่าหากท่านช่วยอธิษฐานกลับเพศให้ได้ดังเดิมแล้ว โสไรยเศรษฐีบุตรต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนาโสไรยเศรษฐีบุตรจึงตกลงรับคำและกลับเพศให้สมปรารถนาท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าได้เป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทให้โดยเรียบร้อย ภายหลังต่อมาพระโสไรยก็ได้บรรลุอรหัตผล

    ท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าจึงรำพึงว่าอันความสวยความจนทำให้เทพยดาแลผู้คนพากันใหลหลงเป็นของมีโทษเรียกว่ากามวิตก เป็นหนทางแห่งการมัวหมองเราควรจะแปรเปลี่ยนสรีระเสียใหม่ให้สิ้นซึ่งความสง่างาม รำพึงดังนั้นแล้วท่านก็ทรุดองค์ลงนั่งคู้บรรลังก์ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์อธิษฐานเนรมิตวรกายให้มีรูปร่างอ้วนเตี้ยม้อต้อมีอุทรอันพลุ้ยสิ้นซึ่งความสง่างาม จำเนียรกาลแต่นั้นรูปพระมหาเถระเจ้าก็เปลี่ยนไป

    * ตำนานพระปิดตานี้มีอยู่หลายแบบ บางที่ก้ว่าพระสังกัจจายน์ บ้าง พระภควัมปติบ้าง บางที่ก็รวบเอาทั้งสองเป็นองค์เดียวกันไปเลยบ้าง แต่ไม่ว่าจะความเชื่อใดท่านก็เป็นพระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษเช่นเดียวกันทั้งสองท่านนั่นเอง

    image.png

     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    การนอนหลับ

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ก็มาพูดคุยกันเช่นเดิม ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM เข้ามา ในส่วนของรอบเช้าก็จะนำบทความสาระความรู้มาให้อ่านกัน ซึ่งวันนี้เราจะยกบทความเกี่ยวกับประโยชน์ของการนอนหลับขึ้นมา

    นอนหลับอย่างเป็นสุข เพื่อสุขภาพที่ดี ...การนอนหลับคือการชาร์จพลังให้กับร่างกาย ถือเป็นช่วงที่อวัยวะต่างๆ จะได้หยุดพักหรือทำงานน้อยลง และทำการซ่อมบำรุงส่วนที่สึกหรอ

    เมื่อเรานอนหลับสนิทจะทำให้ร่างกายของเรามีประสิทธิภาพที่ดีในการทำงานในวันต่อไป แต่ทว่าปัญหาก็คือ บางครั้งเราอาจไม่สามารถที่จะข่มตาให้นอนหลับได้อย่างสบายใจ
    ....เคยบ้างมั้ย ที่บางคืนคุณกำลังคิดถึงเรื่องบางอย่าง จนไม่สามารถข่มตาหลับได้
    .....เคยบ้างมั้ย ที่ร่างกายของคุณเกิดความผิดปกติ จนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
    .....เคยบ้างมั้ย ที่ใจคุณสั่น ตื่นเต้นกับเรื่องอะไรบางอย่าง จนไม่สามารถจะหลับตานอนได้
    .....เคยบ้างมั้ย ที่คุณต้องใช้ยานอนหลับ เพื่อทำให้ตัวเองสามารถหลับได้ง่ายขึ้น

    อย่างที่บอก พอนอนไม่หลับหนักๆเข้า บางคนถึงกับต้องอาศัยยาเพื่อจะทำให้ตัวเองหลับได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อใช้นานไปก็เริ่มที่จะขาดไม่ได้ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือการติดยานอนหลับ แถมในบางรายยังต้องเพิ่มปริมาณยาให้มากขึ้นเพราะเริ่มดื้อยานั่นเอง

    ที่จริงแล้วปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นจนเป็นสาเหตุทำให้คุณนอนไม่หลับนั้น บางอย่างก็ยังพอมีวิธีแก้ไขได้ นั่นคือ
    -หลีกเลี่ยงการนอนหลับยาวในช่วงตอนกลางวัน
    -งดดื่ม ชา กาแฟ อย่างน้อย 5 ชั่วโมงก่อนเข้านอน โดยอาจหยุดดื่มชา กาแฟ ตั้งแต่ 5 โมงเย็น หากคุณเข้านอนเป็นประจำตอน 4 ทุ่ม
    -ไม่รับประทานอาหารมื้อเย็นจนแน่นท้อง เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นอนไม่หลับ เนื่องจากกระเพาะจะทำงานหนักจนนอนหลับไม่เต็มที่
    -หยุดกิจกรรมทุกอย่าง รวมทั้งความคิด ความกังวลต่างๆ ที่คุณมี โดยใช้วิธีทำสมาธิก็ได้ ก่อนที่คุณจะเข้านอนประมาณ 1 ชั่วโมง
    -เลือกชุดนอนที่ใส่แล้วสบายที่สุด และควรพาตัวเองออกมาจากสิ่งรบกวนทั้งหลาย
    -การดื่มนมอุ่นๆ จะช่วยทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น
    -ถ้านอนไม่หลับก็อย่าฝืน ลุกจากเตียงแล้วหาหนังสือที่มีเนื้อหาไม่หนักมากนักมาอ่าน เดี๋ยวก็ง่วงเองเชื่อสิ
    -สำหรับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน คุณควรเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม เพื่อจะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นในยามเช้า

    นอนอย่างไรไม่ให้ปวดหลัง
    อาการปวดหลังก็เป็นสาเหตุสำคัญอีกข้อนึงที่ทำให้หลายคนนอนไม่หลับ แล้วจะนอนท่าไหนดีล่ะ นอนหงาย นอนคว่ำ พลิกซ้าย ตะแคงขวา จะนอนอย่างไร ถึงจะทำให้เราหลับได้อย่างสบายเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
    ถ้าคุณไม่อยากตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหลัง แนะนำว่าคุณจะต้องนอนโดยรักษาแนวกระดูกสันหลังให้ถูกต้องตามสรีระของร่างกาย ไม่ว่าคุณจะนอนในท่าใดๆ ก็ตาม

    1.นอนตะแคง
    ท่านอนตะแคงที่จะทำให้คุณไม่ปวดหลังก็คือ ให้นอนตะแคงในข้างที่คุณถนัด งอขามาด้านหน้าเล็กน้อย แล้วนำหมอนหรือหมอนข้างมารองไว้ระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง พูดง่ายๆ ว่านอนหนีบหมอนไว้นั่นแหละ เพื่อป้องกันการบิดตัวของสะโพก การนอนในลักษณะนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ปวดหลังหรือปวดสะโพก สำหรับหมอนที่ใช้หนุนศีรษะก็ควรเลือกหมอนที่มีความหนาเท่ากับช่วงความกว้างของไหล่ เพื่อจะได้รองรับคอและศีรษะได้ดีขึ้น
    ทิปส์ : รู้หรือไม่ว่า การนอนตะแคงด้านขวาจะช่วยให้หัวใจทำงานได้สะดวกกว่าการนอนตะแคงด้านซ้าย เพราะหัวใจของเราจะรอดพ้นจากการถูกกดทับในเวลานอน

    2.นอนหงาย
    สำหรับคนที่ชอบนอนหงาย ควรหาหมอนมารองไว้ที่ใต้เข่า แต่ไม่ต้องใช้หมอนที่สูงมากนัก เพื่อจะเป็นการช่วยรักษาแนวกระดูกสันหลังของคุณให้อยู่ในแนวปกติ นอกจากนี้คุณอาจจะใช้ม้วนผ้าขนหนูผืนเล็กๆ มาหนุนไว้ที่คอเพื่อรองรับช่องว่างระหว่างคอกับหมอน ซึ่งการนอนในลักษณะนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดเอวได้

    3.นอนคว่ำ
    การนอนในท่านี้จะทำให้หลังของคุณต้องรับภาระหนักพอสมควร เพราะกระดูกสันหลังจะแอ่น นอกจากนี้แล้วการนอนในท่านี้จะทำให้เกิดอาการปวดต้นคอได้ง่าย และยังเกิดการกดทับหน้าอกและช่องท้องของคุณ ซึ่งจะส่งผลให้หายใจลำบาก แต่ถ้าคุณจะต้องนอนหลับในท่านี้จริงๆ ให้ลองใช้ผ้าที่หนาสักหน่อยหรือหมอนนุ่มๆ มารองบริเวณเชิงกรานและท้องน้อย และใช้หมอนหนุนศีรษะที่ไม่สูงมากนัก

    นอกจากจะนอนให้ถูกท่าถูกทางแล้ว ที่นอนกับหมอนหนุนศีรษะก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องจากสองสิ่งนี้จะช่วยรองรับกระดูกสันหลัง คอ และศีรษะตลอดเวลาที่คุณหลับ และยังช่วยรองรับและกระจายน้ำหนักของร่างกายคุณอีกด้วย

    ดังนั้น ที่นอนที่ดีควรจะเรียบและแน่น แล้วต้องไม่แข็งมากเกินไป ก็จะทำให้คุณรู้สึกสบายเวลานอน ส่วนหมอนที่ดีนั้นควรเป็นหมอนที่สามารถรองรับส่วนโค้งที่คอได้ และไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ก็จะดีต่อการนอนหลับแน่นอน


    20150702_neonatal_health_1.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ฐิตกาญจน์ EV 0223 2365 7 TH

    พี่ทวีพงษ์ EV 0223 2366 5 TH

    พี่อัครพงศ์ EV 0223 2367 4 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    - แชร์ประสบการณ์นิดนึง

    ตอนแรกที่ได้หุ่นพยนต์ ก็คุยกับหุ่นพยนต์ครับ เลยลองดู อธิษฐานในใจ ทำใจนิ่งแล้วขอครับ
    อยากพิสูจน์เลยขอในใจให้เพื่อนผู้หญิงโทรหา ซึ่งคนนี้ไม่มีทางโทรหาผมก่อนแน่ๆ ก็ขอตาอินทร์ยายจันทร์ 2 วันเองครับ โทรมาจริงๆ ตอนแรก นึกว่าบังเอิญครับ ก็ลองซ้ำครับ ผลเหมือนเดิมเลยครับ ก็เลยบอกท่านว่าเห็นแล้ว ยอมรับแล้ว หุ่นพยนต์ของพ่ออาจารย์แรงจริง ไวจริง ครับ

    * ยังมีประสบการณ์เรื่องๆอื่นๆอีก เดี๋ยวพรุ่งนี้นำมาพูดคุยกันนะครับติดตามๆ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,308
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ผื่นคัน

    อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ติดตามพูดคุยกันนะครับ ส่วนเช้าๆก็ขอเอายาสมุนไพรที่หาได้ไม่ยากซึ่งใช้แก้ผื่นคันกับโรคสะเก็ดเงินมาลงไว้ให้อ่านกันนะ

    4 สมุนไพรรักษาผื่นคัน พร้อมแก้โรคสะเก็ดเงินด้วยของใกล้ตัว ผื่นคันตามผิวหนัง กลาก เกลื้อน หรือโรคสะเก็ดเงินที่เป็นอยู่ ลองรักษาอาการคันด้วยสมุนไพรใกล้ตัว ผื่นคันชนิดไหนก็ไม่ต้องกลัวเลย

    วิธีรักษาผื่นคันแบบไม่ต้องพึ่งยา ทราบไหมว่าอาการคันจากผื่นลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ หรืออาการจากโรคสะเก็ดเงินเราสามารถบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยสมุนไพร 4 ชนิดที่ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อยาทาแก้ผื่นคันให้เปลืองสตางค์ในกระเป๋าก็ได้ ลองรักษาผื่นคันด้วย 4 สมุนไพรเหล่านี้ดูก่อนไหมล่ะ

    1. ขมิ้นชัน
    ขมิ้นมีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับผิวหนัง เพียงรับประทานขมิ้นชันวันละ 1 ช้อนชาเป็นประจำก็จะช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบชนิดต่าง ๆ ได้ ไม่เว้นโรคสะเก็ดเงิน

    2. น้ำมันมะกอก
    น้ำมันมะกอกมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับเซลล์ผิวต่าง ๆ ได้ดี โดยนำน้ำมันมะกอกอุ่น ๆ (นำไปต้ม) แล้วนำมาถูบริเวณที่คันหรือเป็นผื่น

    3. เมล็ดแฟลกซ์
    เมล็ดแฟลกซ์เป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่นกัน จึงมีสรรพคุณช่วยลดและต้านอาการอักเสบที่เกิดกับเซลล์ผิวหนังได้ โดยควรรับประทานเมล็ดแฟลกซ์เป็นประจำวันละ 2-3 ช้อนชา

    4. ว่านหางจระเข้
    วุ้นของว่านหางจระเข้จัดเป็นสมุนไพรที่ช่วยต้านอาการอักเสบ และยังมีคุณสมบัติรักษาแผลแสบร้อนได้เป็นอย่างดี โดยนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณผื่นคันตามผิวหนัง ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

    ไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงินหรือเป็นผื่นคันจากลมพิษก็ตาม เราสามารถรักษาอาการคันด้วยของหาง่าย ๆ ตามนี้ได้ นับเป็นวิธีรักษาผื่นคันอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่เบา


    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...