การป้องกันตัวจากผู้มีฤทธิ์..ที่ใช้ฤทธิ์ในทางฝ่ายต่ำ

ในเรื่องการทำสมถภาวนานั้น ยังมีสิ่งที่ชวนให้ลุ่มหลงอีกอย่างหนึ่งคืออภิญญา หรือความสามารถพิเศษทางจิต เช่นการระลึกชาติได้ การรู้ความเคลื่อนและความหยั่งลงเกิดของสัตว์ การมีทิพยจักษุ การมีทิพยโสต การรู้วาระจิตผู้อื่น การรู้อนาคต และการแสดงฤทธิ์ได้ สิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่จิตส่งออกไปรู้สิ่งภายนอก หรือเคลื่อนไหวทำงานออกมา โดยมีกำลังของอัปปนาสมาธิสนับสนุนอยู่ อภิญญาเป็นดาบสองคม ใช้เพื่อความปล่อยวาง หรือเพื่อความยึดถือก็ได้ เช่นเมื่อสามารถระลึกชาติได้ ก็จะรู้ว่า ตายแล้วไม่สูญ กฎแห่งกรรมมีจริง และจะเกิดความเบื่อหน่ายเอือมระอา ต่อการเวียนว่ายตายเกิด หรือการหยั่งรู้วาระจิตผู้อื่น ก็มีประโยชน์เป็นเครื่องมือในการสอนการปฏิบัติสมาธิภาวนาได้เป็นอย่างดี
<O</O
แต่บุคคลผู้หนาไปด้วยกิเลส อาจใช้อภิญญาในการล้างผลาญตนเองและผู้อื่นได้ เช่นสะกดจิตผู้อื่นให้เป็นเชื่อฟัง และมอบทรัพย์สมบัติให้ หรือใช้ทำร้ายร่างกายและชีวิตของผู้อื่น หรือทำเสน่ห์ เป็นต้น ดังนั้นผู้ปฏิบัติที่ยังไม่ตกกระแสธรรม จำเป็นจะต้องมีศีลเป็นรั้วกั้นพฤติกรรมของตนให้ดี มิฉะนั้นหากมีฤทธิ์อำนาจขึ้นมาแล้ว ก็อาจก่อกรรมทำชั่ว ทำผู้อื่นให้เดือดร้อน แล้วนำผลบาปมาสู่ตนในที่สุด
<O</O
สำหรับการป้องกันตัวจากการเบียดเบียนของผู้มีฤทธิ์อำนาจนั้น ไม่มีสิ่งใดดีเท่าการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ยิ่งเป็นผู้ที่สามารถรู้จักจิตผู้รู้แล้ว เพียงมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวอยู่ธรรมดาๆ เท่านั้น ฤทธิ์อำนาจฝ่ายต่ำจะไม่สามารถแผ้วพานได้เลย

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ
ขอถามนิดนึงนะคะ ถ้าเราสวดมนต์ทุกวันแล้ว อำนาจฝ่ายต่ำก็ไม่สามารถที่จะแผ้วพานเราได้ใช่มั้ยคะ (เคยได้ยินเค้าว่ามาอย่างนั้นค่ะ)

 

ถ้าหากบุคคลใดถึงซึ่งไตรสรนคมณ์แล้วย่อมปลอดภัยจากอำนาจฝ่ายต่ำแน่นอนน้องเวฬุวัล..
..

 

ขอบคุณค่ะ พี่ชายที่ให้ความกระจ่าง ^-^

 

จะให้แน่นอน...ต้องมีศีลกำกับด้วย ครับ

เพราะศีลเป็นกำแพงแก้ว เกราะป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง

 

อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.

บุญฤทธิ์ดีที่สุดครับ

อนุโมทนาครับ.
บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
โทร.1900-222-200 6บาท/นาที​

<!-- / message -->
<!-- / message --><!-- edit note -->

 

นอกจาก กำแพงพระรัตนไตร เกราะแก้วแห่งดวงศีลแล้ว

ยังมีม่านแสง ที่ทรงพลังอีกประการคือ การแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลครับ

การแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลนี้อย่าขี้เกียจนะครับ ระลึกแผ่ไปทั้งในกาย
ทั้งนอกกาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทั้งผู้มีคุณและเฉยๆ โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร
ผู้ปฏิบัติธรรมที่แผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลอยู่เป็นนิจ ไปไหนมาไหนเจอ
อุปสรรคใดๆมักไม่อับจน ท่านว่า มักเนื้อหอม เทวดา โอปปาติกะรักษาน่ะครับ

 

ปกติถ้าปฏิบัติตนมาทางสายพุทธศาสนาจริงๆคงไม่มีใครเอากำลังพิเศษเหล่านี้ไปเบียดเบียนกัน ยกเว้นผู้จิตใจไม่ใช่ภูมิมนุษย์อาฆาตแค้นไม่เลิก อันนั้นก็จงปล่อยวางตัวเราเองให้พ้นจากบ่วงไปเอาจิตเราไปฝากไว้กับพระกับครูบาอาจารย์ที่มีบุญมีบารมีใหญ่ดีกว่า

เรานึกถึงพระพระก็อยู่กับเรา พระก็นำทางเราให้หันเหไปในทางที่ดี เราสอนใจเราเองให้มันพยายามละชั่วทีละเล็กละน้อย มาอยู่กับพระ พระคือผู้ประเสริฐดีแล้ว เรามีพระไว้ในใจ เราจะดูจิตเราเองว่าเรายังไม่ดีพอ จะไม่พยายามดูส่วนไม่ดีของคนอื่น เพื่อเพิ่มความไม่ดีให้กับตัวเรา

จิตเกาะพระไว้ตลอดถึงมีสิ่งไม่ดีเข้ามา แต่สิ่งดีจากพระที่เราจิตเกาะอยู่มีมากกว่า จิตเราจะได้ละวางความขุ่นมัวต่างๆฟอกตัวเองให้บริสุทธิ์ร่มเย็นขึ้นจิตอยู่กับพระตลอดไป

 

ช่วงไหนรู้สึกว่าไม่ปกติ อาจจะโดน

ให้อาราธนาศีล แล้วสวด พาหุง เวลานั้นเลย

 

มีด้วยหรือครับพวกเอาอภิญญาไปล้างผลาญคนอื่นถ้ามีเล่าประสบการณ์ไห้ผมฟังที/ส่วนตัวเจอแต่พวกคุณไสยกะโหลกกะลาปลากระป๋องครับ

 

คนที่น่ากลัวที่สุดคือตัวเรา