ติดตามสถานะการณ์

สถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มในประเทศเกาหลีใต้ยังวิกฤติหลังฝนตกเป็นเวลายาวนานถึง 46 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในรอบ 7 ปี
.
ล่าสุด 9 ส.ค. 63 มีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 30 คน และสูญหายอีกกว่า 10 ชีวิต รัฐบาลเกาหลีสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 6,000 คน
.
ขณะที่สายการบินหลายแห่งประกาศยกเลิกเที่ยวบิน ส่วนรถไฟความเร็วสูงระงับบริการในจังหวัดช็อลลาเหนือและจังหวัดช็อลลาใต้ นอกจากนี้ทางการเกาหลีใต้ยังได้ออกประกาศให้ประชาชนในกรุงโซล หลีกเลี่ยงการอยู่ชั้นใต้ดินของตึกอาคาร หุบเขา และริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมยกระดับเตือนภัยขั้นสูงสุด ระวังเหตุดินถล่มทั่วประเทศ

 

รายงานเหตุไฟไหม้โรงแรมในประเทศอินเดีย
โรงแรมแห่งนี้มีผู้ป่วยโควิด -19 รายงานมีผู้เสียชีวิต 7 คนและผู้บาดเจ็บหลายคน

 

เลขาธิการ #ฮิซบุลเลาะห์ ชี้ การระเบิดในกรุง #เบรุต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮิซบุลเลาะห์

ซัยยิดฮัสซัน นัศรุลเลาะห์ เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์แห่ง #เลบานอน กล่าวว่า การระเบิดในกรุงเบรุต ถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ และกลุ่มฮิซบุลลอฮ์พร้อมที่จะช่วยเหลือรัฐบาลให้พ้นจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้

เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์แห่งเลบานอน กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ (8 สิงหาคม) เกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคและในประเทศ หลังเหตุระเบิดท่าเรือเบรุต

นัศรุลเลาะห์ กล่าวในตอนต้นของสุนทรพจน์ว่า วันนี้ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นในเลบานอน

เขาได้ชี้ว่า ณ วันนี้เรากำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมระดับชาติครั้งใหญ่ โดยเขากล่าวว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 150 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเลบานอน และจำนวนหนึ่งคือชาวซีเรียและชาวต่างประเทศ

เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ กล่าวว่า ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกคน และขอพระเจ้า ผู้ทรงยิ่งใหญ่โปรดประทานความอดทนและความสันติแด่ญาติและผู้รอดชีวิต และขอให้พระเจ้าทรงเยียวยาผู้บาดเจ็บทั้งหลาย

นัศรุลเลาะห์ กล่าวอีกว่า เรากำลังเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ซึ่งมีผลกระทบที่ใหญ่หลวงและเป็นอันตรายอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และมนุษย์ อีกทั้งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ จะต้องได้รับการจัดการด้วยวิธีที่ยอดเยี่ยมอย่างสมบูรณ์

เขายังได้ชี้ถึงการที่ประชาชนอยู่เคียงข้างรัฐบาลและการเข้าถึงของคณะผู้แทนและองค์กรภาคประชาสังคมอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดโศกนาฏกรรม กล่าวว่า โศกนาฏกรรมนี้ ต้องได้รับการโต้ตอบที่ยอดเยี่ยมในทุกระดับ

ซัยยิดฮัสซัน นัศรุลเลาะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มฮิซบุลเลาะห์จะใช้ศักยภาพทั้งหมด รวมทั้งหน่วยงาน องค์กรทางสังคมและปัจเจกบุคคล ให้กับรัฐบาลเลบานอนและชาวเลบานอน

เขายังได้เน้นว่า‌ ฮิซบุลเลาะห์พร้อมที่จะเข้าร่วมในการให้ที่พักพิงสำหรับครอบครัวที่ไร้ที่อยู่อาศัย เราพร้อมที่จะให้ที่พักพิงกับครอบครัวที่ไม่มีที่อยู่อาศัยและจัดหาที่อยู่ให้พวกเขา

เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ กล่าวว่า เรามองเห็นถึงความเห็นอกเห็นใจในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากจุดประสงค์คือการรักษาเอกภาพ

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ คือการเดินทางเยือนของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เรามองในเชิงบวกสำหรับผู้ที่มาเยือนเลบานอน หรือให้การช่วยเหลือเลบานอน

เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่ เวทีทางด้านต่างประเทศ (เมื่อเผชิญกับการระเบิดที่เบรุต) เป็นเชิงบวก และนี่เป็นโอกาสดีสำหรับเลบานอนที่จะหลุดพ้นจากการถูกปิดล้อมและสถานการณ์ที่ยากลำบากที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ในเลบานอน นับตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการระเบิดที่สื่อบางแหล่ง และกลุ่มทางการเมืองบางส่วนได้พูดถึงเหตุการณ์นี้ โดยเลขาธิการฮิซบุลเลาะห์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า สำหรับพวกเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอุบัติเหตุหรือไฟไหม้หรือมีการวางแผนล่วงหน้า แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาคือฮิซบุลเลาะห์ต้องรับผิดชอบ

ซัยยิดฮัสซัน นัศรุลเลาะห์ กล่าวอีกว่า จุดประสงค์ของเหตุการณ์นี้ ก็เพื่อปลุกระดมชาวเลบานอนให้ต่อต้านฮิซบุลเลาะห์ จริงๆแล้วนี่คือความอธรรมและการใส่ร้ายป้ายสี

เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์แห่งเลบานอน กล่าวว่า ข้าพเจ้าขอประกาศอย่างหนักแน่นว่า เราไม่มีคลังเก็บอาวุธหรือปืนหรือไนเตรทในท่าเรือ และไม่เคยมีไว้ครอบครองเลย

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

สรุปเรื่อง อเมริกันแบน จาก Huawei สู่ TikTok และ Tencent / โดย ลงทุนแมน
สหรัฐอเมริกา และ จีน
สองประเทศนี้ เป็นสองขั้วอำนาจ ที่กำลังขับเคี่ยวกันทุกด้าน
โดยเฉพาะเรื่อง “เทคโนโลยี”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีของจีน
อย่างเช่น Huawei, ByteDance และ Tencent
กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น

ทำให้บริษัทจีนเหล่านี้ ถูกเพ่งเล็งโดยสหรัฐอเมริกา
ประเทศที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกมาหลายทศวรรษ
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จนนำมาสู่การ “แบน” การใช้งานเทคโนโลยี
และแอปพลิเคชันของหลายๆ บริษัทจากจีนในสหรัฐฯ

เรื่องทั้งหมดนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง

เริ่มจาก Huawei บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีน
และหนึ่งในผู้พัฒนาระบบ 5G รายใหญ่ของโลก

เรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019
เมื่อ ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่า
Huawei อาจเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ

โดยกล่าวหาว่า Huawei ส่งเทคโนโลยีเข้ามาในสหรัฐฯ
เพื่อล้วงเอาข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญาของคนอเมริกัน

อีกทั้งกล่าวหาว่า Huawei ได้รับเงินสนับสนุนจากหน่วยความมั่นคงของจีน
และเริ่มสั่งให้คนในหน่วยงานรัฐบาลเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Huawei

นอกจากนั้นยังได้ส่งคำเตือนไปยังประเทศที่เป็นพันธมิตร
เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา อิตาลี ว่าอุปกรณ์และเทคโนโลยี 5G ของ Huawei อาจเป็นอันตรายต่อข้อมูลของคนในประเทศ

แม้ทาง Huawei จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
แต่เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และ Huawei ก็ไม่มีทีท่าจะดีขึ้น
สุดท้าย ดอนัลด์ ทรัมป์ ก็สั่งแบน Huawei ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019

และนั่นทำให้ โทรศัพท์ของ Huawei ที่ผลิตหลังจากนั้นจะไม่ใช่สามารถใช้บางบริการของบริษัทอเมริกันได้ เช่น Google Services ต่างๆ

หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศแบน Huawei ไปได้ไม่นาน
ก็มีแอปพลิเคชันตัวหนึ่ง ที่เกิดกระแสความนิยมขึ้นมา
และทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก
นั่นก็คือแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “TikTok”

TikTok เป็นโซเชียลมีเดีย ในรูปแบบวิดีโอสั้น
ที่มีเจ้าของคือ ByteDance บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน

หลังจากเปิดให้ดาวน์โหลดทั่วโลกได้ในปี 2017
ไม่นาน TikTok ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนมียอดดาวน์โหลดทั่วโลกในเดือนเมษายน ปี 2020 มากกว่า 2,000 ล้านครั้ง

ที่สำคัญคือ ผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ
มีมากกว่า 40 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงอินเดียประเทศเดียว

พอเป็นแบบนี้ TikTok ที่มีเจ้าของเป็นคนจีน ก็ถูกเพ่งเล็งทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และอินเดีย
ซึ่งอินเดียมีความขัดแย้งกับประเทศจีนเรื่องชายแดนระหว่าง อินเดีย-จีน
อินเดียจึงสั่งแบน TikTok ด้วยเหตุผลความมั่นคง

หลังจากนั้น TikTok ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแอปที่เป็นภัยต่อข้อมูลของคนอเมริกัน คล้ายกันกับกรณีของ Huawei

ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok
ปฏิเสธว่าข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ นั้นไม่เป็นความจริง
และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

เริ่มตั้งแต่การตั้ง Kevin Mayer
อดีตประธานบริหารสัญชาติอเมริกันของ Walt Disney
ขึ้นเป็น CEO คนใหม่ของ TikTok

และวางแผนเปิดสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ
เพื่อแสดงภาพลักษณ์ว่า TikTok มีความเป็นสากล
และไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับรัฐบาลจีน

แต่ความพยายามนั้นเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับ ดอนัลด์ ทรัมป์..

เพราะล่าสุด ทรัมป์ได้ลงนามแบน TikTok ในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลในอีก 45 วัน
โดยคำสั่งดังกล่าวจะห้ามไม่ให้พลเมือง และบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมกับ TikTok
รวมถึงแอปอื่นที่ ByteDance เป็นเจ้าของ

ทางเลือกที่อาจเหลืออยู่ก็คือ ByteDance ต้องขาย TikTok ให้กับบริษัทอื่น ที่ไม่ใช่บริษัทจากจีน
และมีความเป็นไปได้ว่า TikTok อาจจะถูกขายให้กับ “Microsoft” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน

เรื่องนี้ไม่หยุดแค่ TikTok และ ByteDance เพียงเท่านั้น
แต่ยังลามมาถึง “WeChat” แอปแช็ตยอดนิยมจากจีน ที่อยู่ในรายชื่อโดนแบนในสหรัฐฯ ด้วย
ซึ่งเจ้าของ WeChat ก็คือ “Tencent” บริษัทพัฒนาเกมและเทคโนโลยีสัญชาติจีนอีกเช่นเคย
ซึ่ง Tencent เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่สุดในจีน ก็หนีไม่รอดจากเรื่องนี้เช่นกัน

จากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้บริษัทเทคโนโลยีจากจีน
ได้มีโอกาสแจ้งเกิดและเติบโตในเวทีโลกได้ง่ายๆ

จากที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า บริษัทจากจีนรายไหนที่กำลังโดดเด่น
ก็มักจะโดนแบนในสหรัฐฯ แทบทั้งสิ้น

แต่ความจริงแล้ว ก็ไม่ใช่สหรัฐฯ ที่แบนจีนอยู่ฝ่ายเดียว
เพราะอย่างที่หลายคนรู้กันว่า
แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มจากสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น Facebook, Instagram, Twitter, Google
ก็ถูกแบนในประเทศจีน มาตั้งนานแล้ว เช่นกัน..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-08-07/trump-signs-tiktok-ban-as-u-s-boosts-pressure-for-sale-of-app?sref=Wmf2L5h5
-https://www.statista.com/statistics/1100836/number-of-us-tiktok-users/#:~:text=TikTok%3A%20number%20of%20users%20in%20the%20United%20States%202019%2D2024&text=In%202019%2C%20social%20video%20app,45.4%20million%20users%20in%202020.
-https://techsauce.co/news/full-timeline-on-how-and-why-is-huawei-banned
-https://www.theverge.com/2020/5/13/21257675/trump-extends-huawei-ban-may-2021-china-us-android-google-telecom

 

วันนี้ตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ร่วมประชุมกับประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน และเมื่อสักครู่ตัวแทนจากสหรัฐมาถึงไต้หวันเเล้วเช่นกัน

ตัวแทนทั้ง2 ประเทศ ได้รับการยกเว้นกักตัวดูอาการ14 วันหลังเข้าไต้หวัน แต่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย และรับการตรวจโควิด

วันนี้ปธน.ไช่อิงเหวินได้เข้าร่วมประชุมกับตัวแทนของญี่ปุ่น ซึ่งทางตัวแทนญี่ปุ่นนั้นมาร่วมประชุมแค่วันเดียวและกลับทันที (เช้าเย็นกลับไม่ค้าง)

ส่วนตัวแทนจากสหรัฐนั้นเครื่องเพิ่งลงจอดเมื่อครู่ และจะเข้าพบปธน.ไช่อิงเหวินในวันพรุ่งนี้
ทางไต้หวันมีขอเรียกร้องว่า เมื่อลงเครื่องจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกคน และต้องตรวจโควิดในห้องรับรองที่จัดให้

 

กรุงเทพ 7-12 ส.ค.ร่วมวิถีแต่งกายผ้าไทยเพิ่มช่องทาง สร้างรายได้ให้ชุมชน ช่วงโควิด-19
.
วันที่ 7 ส.ค. 63 ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดงาน “ย้อนวันวาน วิถีผ้าไทยในสยาม” ซึ่งเป็นความร่วมมือโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย กับมูลนิธิร่มเกล้าเยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจร่มเกล้า ชมรมรวมใจภักดิ์จักรีวงศ์ และมูลนิธิรถไฟไทย จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2563
.
นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน รฟท. เปิดเผยว่า การจัดงาน ย้อนวันวาน วิถีผ้าไทยในสยาม ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งกิจกรรมของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2563 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร
.
ตลอดจนเป็นการรวมพลังทานน้ำใจของคนไทยในการช่วยเหลือกลุ่มแม่บ้านผ้าทอให้มีช่องทางจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าทอในช่วงเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด โดยการรณรงค์ให้คนไทยออกมาสวมใส่ และซื้อหาผลิตภัณฑ์ผ้าไทย รวมถึงสินค้าอื่นๆจากท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและกลุ่มแม่บ้าน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเกิดความเข้มแข็ง
.
ในโอกาสนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยเข้าร่วมชมงาน “ย้อนวันวาน วิถีผ้าไทยในสยาม” เพื่อรำลึกวิถีแต่งกายด้วยผ้าไทย และร่วมกันแต่งกายชุดไทย ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ตั้งแต่วันที่ 7-12 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00-18.00 น.
.
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย หมุนเวียนตลอดทุกวัน อาทิ การจัดแสดงเดินแบบแฟชั่นผ้าไทยโดยนายแบบนางแบบกิติมศักดิ์ การออกร้านผ้าไทยและงานหัตศิลป์ต่างๆ กว่า 40 ร้านค้า การจัดซุ้มอาหารรสเด็ด 4 ภาค การพยากรณ์ดูดวงจาก 20 นักพยากรณ์ชื่อดัง รวมถึงร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2563 เวลา 18.00 น. ที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพียงกัน
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/business/detail/9630000081045
-------------------------------

 

9 ส.ค. 63 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลผ่านเพจเฟซบุ๊ก “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ Weerasak Kowsurat” ระบุว่า สหรัฐอเมริกาจัด "ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเรื่องโรคโควิด-19"
.
(8 สิงหาคม 2563) ศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ การวิจัยและพัฒนา ของ ศบค. โดยศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) เปิดเผยผลวิเคราะห์สถานการณ์โรคโควิด-19 ในระดับนานาชาติ ว่า การระบาดยังรุนแรงมากทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันเกือบ 300,000 คนหรือเพิ่มขึ้นหนึ่งล้านคนในทุก 3-4 วัน และที่สำคัญคือแนวโน้มการระบาดได้เปลี่ยนไปอีกระยะ จากการมีจุดศูนย์กลางการระบาดเป็นบางหย่อมกลายเป็นการระบาดในเกือบทุกจุดทั่วโลกพร้อมๆกัน รวมทั้งได้เกิดการระบาดระลอกที่สองในหลายประเทศที่เคยควบคุมการระบาดได้ดี
.
สรุปข้อมูลการประเมินความเสี่ยงเพื่อคำแนะนำการเดินทาง โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
.
1. กลุ่มความเสี่ยงสูง จำนวน 207 ดินแดน
2. กลุ่มความเสี่ยงปานกลาง ไม่มี
3. กลุ่มความเสี่ยงต่ำ จำนวน 7 ดินแดน โดยในทวีเอเชีย ได้แก่ ไทย และนิวซีแลนด์
4. กลุ่มความเสี่ยงต่ำมาก จำนวน 13 ดินแดน โดยในทวีปเอเชีย ได้แก่ บรูไน ลาว มาเก๊า ไต้หวัน ติมอร์-เลสเต
5. กลุ่มที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะประเมิน จำนวน 14 ประเทศ
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaipost.net/main/detail/73861
-
-------------------------------

 

(สำนักข่าว xinhua) เมื่อวันเสาร์ (8 ส.ค.) ทางการบราซิลเปิดเผยจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศสะสมมากกว่า 3 ล้านราย โดยมีผู้ป่วยเสียชีวิตกว่า 100,000 ราย
.
กระทรวงสาธารณสุขของบราซิล รายงานการตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 905 ราย และผู้ป่วยใหม่ 49,970 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง ทำให้บราซิลมียอดผู้ป่วยเสียชีวิตและผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศ 100,477 ราย และ 3,012,412 ราย ตามลำดับ
.
รัฐเซาเปาลู ซึ่งเป็นรัฐที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของประเทศ ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่หนักหน่วงที่สุด โดยตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 25,016 ราย และผู้ป่วย 621,731 ราย ตามด้วยรีโอ เดจาเนโร ซึ่งตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิต 14,070 ราย และผู้ป่วย 178,524 ราย
.
ริคาร์โด คูเชนเบกเกอร์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาประจำมหาวิทยาลัยสหพันธ์แห่งริโอกรันเดโดซู กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดใหญ่ในบราซิลยังคงน่าเป็นกังวล "แม้ตัวเลขผู้ป่วยและผู้ป่วยเสียชีวิตในพื้นที่ตอนเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือจะลดน้อยลง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับสูงมาก”
.
คูเชนเบกเกอร์กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "นั่นหมายความว่าประชาชนต้องไม่หยุดปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อาทิ สวมหน้ากากอนามัย แยกตัวจากสังคม หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น และล้างมือบ่อยครั้ง ... มาตรการเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเราอาจต้องใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสอีกนาน"
.
นักระบาดวิทยาอธิบายว่า "ในประเทศที่มีขนาดกว้างใหญ่ราวกับทวีปอย่างบราซิล เราไม่มีเส้นโค้งการระบาดระดับประเทศ แต่เรามีผลรวมเส้นโค้งการระบาดระดับภูมิภาค ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง"
.
บราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 หนักหน่วงมากที่สุด โดยเป็นรองเพียงสหรัฐฯ ทั้งในด้านผู้ป่วยสะสมและผู้ป่วยเสียชีวิต
.
-------------------------------
แหล่งข่าว

-------------------------------

 

บำรุงราษฎร์ x ลงทุนแมน
โรคน้ำเกินในโพรงสมอง รักษาได้ หากวินิจฉัยเร็ว

27.2% คือสัดส่วนผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีของประเทศไทยที่คาดการณ์
ในปี 2030 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า

ในวันที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หมายถึงปัญหาสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น
หนึ่งในนั้นคือโรคทางสมองที่รู้จักกันแพร่หลาย อย่างโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน

แต่นอกจากทั้ง 2 โรคนี้แล้ว
ยังมีโรคอีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในคนวัย 60 ปีขึ้นไป นั่นคือ “โรคน้ำเกินในโพรงสมอง”
ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายกับคนเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคพาร์กินสัน
เช่น มีอาการเดินก้าวสั้น ๆ คล้ายซอยเท้า ล้มบ่อย และมีอาการหลงลืม

โดยปกติสมองของคนเราจะมีโพรงอยู่ภายใน
ในโพรงสมองจะมีน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospinal Fluid: CSF)
ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันสมองและไขสันหลัง จากแรงกระทบกระแทกภายนอก

สมองจะผลิตน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลังในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน
และดูดซึมในปริมาณที่เท่าๆ กับที่ผลิต
แต่เมื่อสมองมีการดูดซึมน้ำที่ผิดปกติไป น้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลังจะคั่ง
จนดันให้โพรงสมองมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีน้ำเกินในโพรงสมอง

อาการของโรคจะมีความผิดปกติอยู่ 3 ส่วนหลักๆ

อาการแรกที่ปรากฏให้เห็น คือ ปัญหาการเดินและการทรงตัว
ผู้ป่วยจะเดินก้าวแรกด้วยความยากลำบาก รู้สึกเหมือนเท้าติดอยู่กับพื้น
เดินซอยเท้า ก้าวสั้นๆ ร่วมกับการทรงตัวที่ผิดปกติ

อาการต่อมา สมองจะเริ่มทำงานช้าลง ความจำเสื่อมลง จำเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปชั่วครู่ไม่ได้ ไม่มีสมาธิ เชื่องช้า ขาดความสนใจสิ่งรอบตัว และซึมหลับง่าย

หากอาการลุกลามไปเรื่อยๆ จะส่งผลให้ผู้ป่วยควบคุมการถ่ายปัสสาวะไม่ได้
ปัสสาวะราดออกมาโดยไม่บอก ไปห้องน้ำไม่ทัน
และอาจลุกลามจนควบคุมการถ่ายอุจจาระไม่ได้

หากปล่อยทิ้งไว้ อาการเหล่านี้จะแย่ลงจนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้..

การสังเกตอาการของผู้ป่วยในระยะแรกๆ แล้วพามาพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรค
จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

โดยแพทย์จะทำการซักประวัติร่วมกับการตรวจร่างกาย หากผู้ป่วยเป็นโรคน้ำเกินในโพรงสมอง แพทย์มักพบว่าผู้ป่วยเดินไม่เป็นปกติและอาจมีอาการหลงลืมควบคู่กัน

นอกจากนี้แพทย์ยังใช้การทดสอบอื่นๆ ร่วม โดยเฉพาะการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
เพื่อดูว่าโพรงน้ำในสมองมีขนาดใหญ่กว่าปกติหรือไม่

การตรวจ MRI สามารถให้ภาพที่แยกความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ชัดเจน
สามารถทำการตรวจได้ในทุกๆ ระนาบ ทำให้มีความถูกต้องแม่นยำในการวินิจฉัยโรค

สิ่งสำคัญก็คือ โรคน้ำเกินในโพรงสมองเป็นโรคที่รักษาได้ หากมีการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ

ดังนั้นเมื่อสังเกตพบผู้สูงอายุในครอบครัว มีอาการผิดปกติที่เข้าข่ายโรคน้ำเกินในโพรงสมอง
ควรรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์ก่อนที่จะสายเกินไป..

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีแพ็กเกจ Brain Health Screening (MRI Brain) เพื่อตรวจคัดกรองโรคน้ำเกินในโพรงสมอง
สำหรับคนที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อแพ็กเกจในราคาพิเศษได้ที่
http://bit.ly/3kc8JNO

References:
-https://www.populationpyramid.net/thailand/2030/

 

ข่าวล่าสุด Twitter จะเข้าแย่งซื้อ TikTok ด้วย
แต่ตอนนี้มูลค่าที่ประเมิน แค่ TikTok เฉพาะส่วนสหรัฐ ก็ใหญ่กว่า Twitter ทั้งบริษัทแล้ว
ถ้าซื้อจริง Twitter คงต้องกู้เงินมหาศาลมาซื้อ..
ขอบคุณข้อมูลเพจ MarketThink

 

ดาวเทียมเป๋ยโต่วของจีน ได้รับการยอมรับจาก UN เป็น 1 ใน 4 ระบบนำทางสากล
.
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานสารสนเทศของสภาแห่งรัฐจีน (Information Office of the State Council) จัดงานแถลงข่าวเกี่ยวกับการเปิดให้บริการของระบบนำทางด้วยดาวเทียมเป๋ยโต่ว-3 (BDS-3) ในงานดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่าระบบ BDS-3 เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการให้บริการระบบนำทางด้วยดาวเทียมระดับโลก
.
อนึ่ง ดาวเทียมเป๋ยโต่ว-3 เริ่มสร้างขึ้นในเดือนพ.ย. ปี 2009 กว่าสิบปีที่ผ่านมา การก่อสร้างโครงการได้ผ่าน 5 ขั้นตอน คือ ขั้นปรับแก้ไขเทคโนโลยีหลัก ขั้นทดลองโครงการดาวเทียม ขั้นการเปิดระบบน้อยที่สุด (Minimal System) ระบบพื้นฐาน และระบบโดยสมบูรณ์
.
การวางตำแหน่งดาวเทียมทั่วโลกของเป๋ยโต่ว ได้แล้วเสร็จล่วงหน้าครึ่งปี และเปิดให้บริการทุกระบบไปก่อนแล้ว ได้แก่ ระบบเป๋ยโต่วได้เข้าให้บริการแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การคมนาคมขนส่ง ความปลอดภัยสาธารณะ การบรรเทาภัยพิบัติ การเกษตร ป่าไม้ ปศุสัตว์และประมง ฯลฯ ผนวกกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ ได้แก่ พลังงานไฟฟ้า การเงินและการโทรคมนาคม
.
ทั้งนี้ ในระดับสากล ดาวเทียมเป๋ยโต่วได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ (UN) ให้เป็นหนึ่งในสี่ระบบนำทางด้วยดาวเทียมทั่วโลก ได้แก่ จีพีเอส (สหรัฐฯ) กาลิเลโอ (สหภาพยุโรป) โกลนาส (รัสเซีย) และล่าสุด เป๋ยโต่ว (จีน)
.
#ดาวเทียมจีน #เป๋ยโต่ว #BDS3 #ระบบนำทาง #GPS #เทคโนโลยีจีน #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

 

จุดชมวิว ‘น้ำตกหูโข่ว’ ถูกน้ำท่วมเสียหาย ทางการจีนประกาศปิดทำการ
.
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สะพานชมทิวทัศน์น้ำตกหูโข่วในอำเภอจี๋เซี่ยน เมืองหลินเฝิน มณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน ซึ่งเป็นน้ำตกธรรมชาติขนาดใหญ่ของแม่น้ำเหลือง และใหญ่สุดอันดับ 2 ของจีน ถูกมวลน้ำหลากเอ่อท่วมจนเหลือให้เห็นแค่ส่วนที่โผล่พ้นน้ำเพียงเล็กน้อย
.
อนึ่ง สืบเนื่องจากมวลน้ำหลากช่วงต้นของแม่น้ำเหลืองเพิ่มระดับถึงขีดสูงสุด จุดชมวิวน้ำตกหูโข่วจึงปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่วนกำหนดการที่จะกลับมาเปิดนั้นจะมีการแจ้งภายหลัง
.
ภาพจาก Xinhua
.
#น้ำตกหูโข่ว #ซานซี #น้ำท่วม #อุทกภัย #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

 

จีน-เกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงร่วมมือเชิงลึกด้านการค้าและการลงทุน
.
คณะกรรมการเศรษฐกิจและการค้าจีน-เกาหลีใต้ จัดการประชุมครั้งที่ 24 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตามการเปิดเผยของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM) เมื่อวันที่ 3 ส.ค. พบว่าการประชุมครั้งนี้จีนและเกาหลีใต้ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันจำนวนหนึ่ง โดยทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยที่จะส่งเสริมความร่วมมือเชื่อมโยงข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนกับนโยบาย “นิวเซาท์” (New South) และ “นิวนอร์ท” (New North) ของเกาหลีใต้อย่างลึกซึ้งต่อไป ส่งเสริมการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีจีน-เกาหลีใต้ระยะที่ 2 และค้นหาพื้นที่และศักยภาพทางการค้ามากยิ่งขึ้นอย่างแข็งขัน
.
อนึ่ง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนและเกาหลีใต้มีการแลกเปลี่ยนด้านการค้าและการลงทุนกันอย่างใกล้ชิด จีนคือหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุด ตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด และประเทศที่มาของการนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้ก็เป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน จากสถิติพบว่านับถึงปลายปี 2019 เกาหลีใต้มียอดลงทุนจริงในจีนจำนวน 82,580 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.58 ล้านล้านบาท) ส่วนจีนมียอดลงทุนจริงในเกาหลีใต้จำนวน 7,870 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 245,859 ล้านบาท)
.
#จีนเกาหลีใต้ #บรรลุข้อตกลง #การค้า #การลงทุน #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

 

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางถึงไต้หวันแล้วในวันนี้ นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดที่เยือนไต้หวันนับตั้งแต่สหรัฐหันไปรับรองความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลปักกิ่งเมื่อปี 1979
.
คณะผู้แทนสหรัฐฯ ชุดนี้นำโดยนายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข เดินทางถึงสนามบินซงซาน ในกรุงไทเปแล้วเพื่อเยือนไต้หวันเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งในระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายอาซาร์ จะพบกับประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน นายอาซาร์ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดที่เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีที่เดินทางเยือนไต้หวันในรอบหลายทศวรรษ
.
การเดินทางครั้งนี้ของเขาเกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกคำสั่งจำกัดการใช้งานของแอปพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมของจีน อย่างติ๊กต๊อก และวีแช็ต ในขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็คว่ำบาตรผู้นำฮ่องกง จากการใช้กฎหมายเข้มงวดกวาดล้างผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาล
.
รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมว่า การเดินทางของนายอาซาร์ เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ของไต้หวันในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่
.
ด้านนายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการเยือนกรุงไทเปของอาซาร์เพียงว่า ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหวังว่าสหรัฐจะยุติการแสดงออกในรูปแบบใดก็ตาม อันจะสร้างความเสียหายให้กับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับรัฐบาลปักกิ่ง

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.channelnewsasia.com/news/world/us-taiwan-visit-highest-level-in-decades-13004386

https://www.scmp.com/news/china/dip...relations-azars-visit-taiwan-sign-washingtons

https://tna.mcot.net/world-495864

https://www.dailynews.co.th/foreign/789069
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyo

 

สำนักข่าวซินหัวรายงาน-- วัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันศุกร์ (7 ส.ค.) ว่าจีนได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์อื่นๆ ให้แก่สหรัฐฯ แล้วกว่า 2.65 หมื่นล้านชิ้น และหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด -19) ได้ในเร็ววัน
.
วังกล่าวว่าโรคระบาดที่แพร่ระบาดโดยไม่เกี่ยงพรมแดนหรือชาติพันธุ์คือศัตรูร่วมกันของมนุษยชาติ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมืออาจเป็นอาวุธอันทรงพลังที่สุดในการต่อต้านไวรัสชนิดนี้ และภารกิจเร่งด่วนที่สุดในห้วงยามเช่นนี้คือการช่วยชีวิตผู้คน
.
วังกล่าวตอบเทอรร์รี แบรนสตัด (Terry Branstad) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน ที่ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (6 ส.ค.) โดยระบุว่าจีนได้มอบความช่วยเหลือมากมายแก่สหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 อย่างหนักหน่วงด้วยความเห็นใจและเข้าใจ ทั้งในด้านเวชภัณฑ์ป้องกันไวรัส รวมถึงสนับสนุนและอำนวยความสะดวกสหรัฐฯ ในการจัดหาเวชภัณฑ์ในจีนด้วย
.
ทั้งนี้ แบรนสตัดกล่าวระหว่างเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ว่าเวชภัณฑ์ที่จีนส่งมอบให้สหรัฐฯ นั้นช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย อีกทั้งแสดงความหวังว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนและดำเนินความร่วมมือกับจีนต่อไป เพื่อร่วมกันเอาชนะผลกระทบจากโรคโควิด-19
.
วังระบุว่าจีนส่งมอบหน้ากากอนามัยกว่า 2.65 หมื่นล้านชิ้น ชุดป้องกัน 330 ล้านชุด แว่นตาป้องกัน 31 ล้านอัน ถุงมือผ่าตัด 610 ล้านคู่ และเครื่องช่วยหายใจ 11,500 เครื่อง ให้แก่ฝ่ายสหรัฐฯ เมื่อนับถึงวันที่ 2 ส.ค.
.
วังระบุเพิ่มเติมว่า “เราหวังว่าสหรัฐฯ จะเอาชนะการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ในเร็ววัน” ขณะเดียวกันนักการเมืองสหรัฐฯ บางกลุ่มควรยุติการหยิบยกประเด็นโรคระบาดมาเล่นเกมการเมือง หยุดกล่าวโทษจีน และดำเนินงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อเอาชนะผลกระทบจากโรคโควิด-19”
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/china/detail/9630000081504
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ตระกูลราชปักษาครองศรีลังกาแล้ว
.
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางศรีลังกามีการจัดการเลือกตั้งทั่วไประดับเทศ ซึ่งจะเป็นการแข่งขันนัดสำคัญว่าใครจะสามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาของศรีลังกาไปได้
.
หลังจากเมื่อช่วงปลายปี 2019 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในศรีลังกาไปแล้ว นั่นคือการขึ้นสู่อำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดีของนาย โกตาบาย่า ราชปักษา น้องชายของนายมหินทรา ราชปักษา
.
แน่นอนว่าในการเลือกตั้งรอบนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนสำคัญที่ลงช่วงชิงอำนาจในครั้งนี้คือนายมหินทรา ราชปักษา ที่เคยครองตำแหน่งผู้นำของประเทศศรีลังกามาอย่างยาวนาน และเป็นบุคคลสำคัญที่ยุติปัญหาสงครามกลางเมืองภายในประเทศ
.
แม้ต่อมาศรีลังกาต้องเผชิญกับปัญหาการคว่ำบาตรอย่างหนักจากนานาชาติจากการละเมิดสิทธิมุนษยชน จนต้องหันเหไปพึ่งความช่วยเหลือจากจีน และเกิดเป็นปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะของประเทศ
.
ทั้งนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพรรคแนวร่วมประชาชนศรีลังกา ซึ่งสนับสนุนประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และชูนายราชปักษาเป็นนายกรัฐมนตรี สามารถชนะการเลือกตั้งในรอบนี้ได้แบบถล่มทลาย ในลักษณะที่กวาดที่นั่งกว่า 2 ใน 3 ของรัฐสภา (146 ที่นั่งจาก 225 ที่นั่ง) ในขณะที่อดีตพรรครัฐบาลทำคะแนนได้น้อยลงอย่างมาก
.
การครองที่นั่งในสภาจำนวนมหาศาลเช่นนี้ส่งผลให้ในวันนี้เองนายมหินทรา ราชปักษาพร้อมด้วยประธานาธิบดีโกตาบาย่า ราชปักษา ได้เดินทางไปยังวัดศักดิ์สิทธิของชาวพุทธในศรีลังกาและประกอบพิธีสาบานตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศโดยสมบูรณ์
.
ฉะนั้นนี่จึงถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ศรีลังกาที่ทั้งผู้นำสูงสุดของประเทศและผู้นำฝ่ายบริหารมีสายสัมพันธ์ที่แนบชิดกันในระดับที่เป็นพี่น้องกัน นอกจากนี้สมาชิกในตระกูลราชปักษาหลายคนทั้งลูกชาย และหลาน ๆ ในตระกูลนี้ก็ได้รับเลือกตั้งเข้าเป็น ส.ส. เป็นจำนวนมาก
.
ต้องบอกอย่างนี้ครับว่าในอดีตนั้นอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศศรีลังกานั้นอยู่ในมือประธานาธิบดีมาโดยตลอด จนกระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2015 ซึ่งส่งผลให้อำนาจถูกถ่ายโอนมาที่รัฐสภาและนายกรัฐมนตรีทดแทน
.
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มหินทรา ราชปักษาจะเลือกให้่น้องชายลงสมัครในตำแหน่งประธานาธิบดี และตัวเองหันมาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้เขายังดันลูกชายตัวเองซึ่งต่อไปจะเป็นทายาททางการเมืองอย่างนายนามอล ราชปักษาให้เข้าสู่สังเวียนเลือกตั้งรอบนี้ด้วย
.
เรียกได้ว่า "ตระกูลราชปักษาได้ปกครองศรีลังกาอย่างแท้จริงแล้ว"
.
#กระแสเอเชียใต้ #พูดทั้งโลก #ศรีลังกา #ราชปักษา #การเมือง #SriLanka

 

รู้สึกว่าจะคล้ายๆ ยูเครน แต่ผลลัพธ์จะเป็นแบบยูเครนหรือเปล่า รอดูกันต่อไป เพราะเลบานอน มี ฮิลบุลเลาะห์ กลัวจะเกิดปัญหาอื่นๆ กับอิสราเอลขึ้นมาแทน

ชาว #เลบานอน ประท้วงรัฐบาลจากเหตุการณ์ระเบิดกรุง #เบรุต ขณะที่สหรัฐฯออกมาสนับสนุน



เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ชาวเลบานอนหลายพันคน เกิดความไม่พอใจต่อรัฐบาลจากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุงเบรุต(เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา) ได้ออกมารวมตัวประท้วงกลางจุตรัสกรุงเบรุต ใกล้อาคารรัฐสภาเลบานอน โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้บุกเข้าอาคารสำนักงานกระทรวงต่างประเทศเลบานอน และสร้างความเสียหายแก่สำนักงานสมาพันธ์ธนาคารเลบานอน ส่งผลทำให้มีการปะทะเกิดขึ้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 238 คน ส่วนโฆษกตำรวจเลบานอนยืนยันมีตำรวจถูกสังหาร 1 นาย

แหล่งข่าวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตนั้นตกลงมาที่ช่องลิฟต์ของอาคารในบริเวณใกล้เคียงจุดการปะทะกับฝูงชน

ส่วนกระทรวงต่างประเทศเลบานอน มีผู้ประท้วงหลายสิบคนบุกเข้าไปด้านในและจุดไฟเผารูปภาพของประธานาธิบดีเลบานอน มิเชล อูน

“พวกเรารวมตัวอยู่ที่นี่ พวกเราเรียกร้องให้ประชาชนเลบานอนออกมาเข้ายึดกระทรวงต่างๆ” ผู้ประท้วงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง

และมีผู้ประท้วงร่วม 10,000 คนร่วมตัวที่จัตุรัสพลีชีพ (Martyrs’ Square) ขณะที่ผู้ประท้วงโยนก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่และพวกเขาถูกตอบโต้กลับมาด้วยแก๊สน้ำตา และมีบางส่วนสามารถผ่านเครื่องกีดขวางมุ่งหน้าสู่รัฐสภาเลบานอน

ตำรวจเลบานอนยืนยันกับรอยเตอร์ว่ามีการยิงและการใช้กระสุนยางเกิดขึ้น แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าฝ่ายใดใช้ปืน

ขณะที่ สถานทูตสหรัฐ ณ ประจำกรุงเบรุต ออกแถลงการณ์ด่วน กล่าวว่า "รัฐบาลสหรัฐฯขอยืนเคียงข้างประชาชนชาวเลบานอนในการใช้สิทธิ์การเรียกร้องอย่างสันติ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น"

พบภาพยานยนต์ที่มีปืนกลติดอยู่ด้านหลังของกองทัพวิ่งลาดตระเวณขณะที่รถพยาบาลเสียงไซเรนดังวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุ โดยหนึ่งในหญิงผู้ประท้วงตะโกนออกไปอย่างไม่กลัวว่า “กองทัพมาอยู่ที่นี่จริงๆหรือ? พวกคุณมาที่นี่เพื่อยิงพวกเราเช่นนั้นหรือ? มาร่วมกับพวกเราสิ เราสามารถร่วมสู้กับรัฐบาลด้วยกัน”

และจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ในวันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรีเลบานอน ฮัสซาน ดิอับ (Hassan Diab )ได้โยนข้อเสนอเพื่อดับไฟด้วยการให้คำมั่นสัญญาให้มีการจัดเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด

“ผมจะเดินหน้าร่างกฎหมายเพื่อให้มีการเลือกตั้งรัฐสภาล่วงหน้าในวันจันทร์” นายดิอับกล่าวผ่านแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ และกล่าวต่อว่า “ผมขอเรียกร้องทุกพรรคการเมืองให้คำมั่นสำหรับขั้นตอนต่อไป…ผมขออยู่กับชาวเลบานอนที่มีความปราถนาเพื่อการเปลี่ยนแปลง”

และเขากล่าวต่อไปถึงความเสียหายจากการระเบิดครั้งมโหฬารที่มีผู้เสียชีวิต 158 คนว่า “ขอบเขตความเสียหายนั้นใหญ่เกินกว่าที่ใครคาดคิด” และชี้ว่า “เราในเวลานี้กำลังอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน”

ทั้งนี้ กองทัพเลบานอนประสบความสำเร็จในการเข้าสลายการประท้วงได้ ด้านองค์การกาชาดเลบานอนแถลงเนื่องมาจากการประท้วงส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 258 คน และจากทั้งหมด 63 คนถูกส่งโรงพยาบาล มีพยานจำนวนหนึ่งให้ปากคำว่าได้ยินเสียงปืนดังใกล้อาคารรัฐสภาเลบานอน

และกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลง ประสบความสำเร็จในการชี้เอกลักษณ์บุคคลจากผู้เสียชีวิตในเหตุระเบิดได้แล้วทั้งหมด 25 ราย

และมีเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ได้เดินทางมายังเลบานอนเพื่อให้การสนับสนุนรวมถึง ประธานคณะมนตรียุโรป ชาร์ล มีแชล (Charles Michel) ออกมาเรียกร้องให้มีชุดคณะสอบสวนอิสระถึงการระเบิดที่เกิดขึ้น พร้อมยังให้คำมั่นสัญญาว่าอียูจะให้การช่วยเหลือฉุกเฉินเลบานอนจำนวน 33 ล้านยูโร หรือราว 38.9 ล้านดอลลาร์

ล่าสุด มีผู้เสียชีวิต 158 คนล่าสุด บาดเจ็บ 6,000 คน และไร้ที่อยู่ 250,000 คน – 300,000 คน

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ #เลบานอน ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังระเบิดกรุง #เบรุต

นางมานาล อับเดล ซาหมัด Manal Abdel Samad รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศเลบานอน แถลงลาออกจากรัฐบาลเลบานอน

ในแถลงข่าวระบุว่า เนื่องจากเราไม่สามารถดำเนินตามข้อเรียกร้องของชาวเลบานอนทุกคน ดิฉันจึงต้องขอกล่าวขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย

การประกาศลาออกของรัฐมนตรีผู้นี้ ถือว่าเป็นรัฐมนตรีคนที่สองของรัฐบาลเลบานอน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายนาซีฟ ฮัตตา รัฐมนตรีต่างประเทศได้ประกาศลาออก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยสาเหตุการลาออกของเขา เนื่องจากรัฐบาลเลบานอนไม่มีความจริงจังในการปฏิรูปโครงสร้างที่เหมาะสมกับประชาชนชาวเลบานอน

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

Aug 9, 2020 นิวซีแลนด์ประกาศครบ 100 วัน ไม่มีติดโรคโควิด-19 ในประเทศ

รัฐบาลนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า วันนี้ 9 สิงหาคม 2563 นับเป็นวันที่ 100 ที่ไม่พบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในประเทศ ส่งผลให้เป็นหนึ่งประเทศแรกๆของโลกที่ไม่มีภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกจากภาวะการระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนิวซีแลนด์ยังคงเฝ้าติดตามและระมัดระวังโอกาสที่อาจจะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในอนาคต

สถานการณ์การระบาดในประเทศนิวซีแลนด์เป็นศูนย์ในขณะนี้ ปรากฎว่า ประชาชนชาวนิวซีแลนด์เริ่มกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข พบว่า ประชาชนปฏิเสธการสุ่มตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประชาชนเลิกใช้แอปติดตามประวัติการเดินทาง รวมถึงละเลยกฎขั้นพื้นฐานในการป้องกันและรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19

ทั้งนี้ นิวซีแลนด์พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกในประเทศเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายสุดท้ายที่ติดเชื้อภายในประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 1,569 ราย อยู่อันดับที่ 136 ของโลก โดยมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เฝ้าติดตามอาการจำนวน 23 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 22 ราย ในปัจจุบัน นิวซีแลนด์มีประชากรทั้งสิ้น 5 ล้านคน

#นิวซีแลนด์ #โควิด19 #misterban

 

Aug 10, 2020 ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุกว่า 20 ล้านคน ยอดตายโควิด-19 ทั่วโลกทะลุกว่า 730,000 คน The Covid-19 infected globally toll surpassed 20 million

เวลา 6.15 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 20,000,429 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 5,196,643 ราย บราซิล 3,035,422 ราย อินเดีย 2,214,137 ราย รัสเซีย 887,536 ราย แอฟริกาใต้ 559,859 ราย เม็กซิโก 475,902 ราย เปรู 471,012 ราย โคลอมเบีย 387,481 ราย ชิลี 373,056 ราย และสเปน 361,442

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 733,147 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 165,564 ราย บราซิล 101,049 ราย เม็กซิโก 52,006 ราย สหราชอาณาจักร 46,574 ราย อินเดีย 44,466 ราย อิตาลี 35,205 ราย ฝรั่งเศส 30,324 ราย สเปน 28,503 ราย เปรู 20,844 ราย และอิหร่าน 18,427 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า ฟิลิปปินส์ 129,913 ราย(2,270) อินโดนีเซีย 125,396 ราย(5,723) สิงคโปร์ 55,104 ราย(27) มาเลเซีย 9,083 ราย(125) ไทย 3,351 ราย(58) เวียดนาม 841 ราย(11) เมียนมา 360 ราย(6) กัมพูชา 248 ราย บรูไน 142 ราย(3) และลาว 20 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โควิด19 #covid19 #Misterban #btimes