มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 871 เหรียญหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์รุ่นทูลเกล้า+เหรียญครบ 80 ปีหลวงปู่สอ พันธุโล พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านหนองเเสง อ.เมือง จ.ยโสธร หลวงปู่สอเป็นศิษย์หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด เหรียยทูลเกล้าสร้างปี 2554 เนื้อทองเเดงรมดำ สร้างโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต องค์นี้เลี่ยมกันนํ้าอย่างดี,เหรียญครบ 80 ปี สร้างปี 2543 เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา *******บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems SAM_0857.JPG SAM_7619.JPG SAM_7621.JPG SAM_7626.JPG SAM_7628.JPG SAM_7609.JPG
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 872 พระผงสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุชุ้มรุ่นมหาบารมีหลวงปู่ท่อน ญาณธโร พระอรหันต์เจ้าวัดศรีอภัยวัน อ.เมือง จ.เลย หลวงปู่ท่อนเป็นศิษย์รุ่นใหญ่หลวงปู่คำดี ปภาส วัดถํ้าผาปูมาพร้อมกล่องเดิม มีตอกโค๊ตหมึกหลังองค์พระ รุ่นนี้ปลุกเสกตลอดไตรมาส 2546 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 76 ปี มีโรยผงเกศาพระสุปฏิบันโนสายหลวงปู่มั่น 99 เกศา
    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม สูตรบางขุนพรหม ไตรมาส 2546 เนื้อผสมผงเถ้าอังคาร หลวงปู่ชอบและไม้พญางิ้วดำ โรยผงเก่าบางขุน พ รหม และเส้นเกศา 99 หลวงพ่อสายหลวงปู่มั่น (หน้า – หลัง) ปั้มพิเศษ สร้างจำนว น 500 องค์

    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม โรยเส้นเกศาหลวงปู่ท่อนผสมผงกรุบางขุนพรหม รุ่นมหาบารมี ๒๕๔๖ โรยพระเกศา ๙๙ หลวงพ่อ ด้านหลังปั๊มหมึกน้ำเงินยันต์@@แจกทาน@@และหมึกแดงและผงกรุบางขุนพรหม ก้อนใหญ่ๆมีมากที่องค์พระจะเห็นได้ชัดเจน พิธีปลุกเสกดี มวลสารเป็นยอด เกศาบูรพาจารย์ ๙๙ องค์ มาพร้อมกล่องเดิมๆ หายากครับที่จะสร้างอย่างนี้ได้ รีบเก็บสะสมครับหมดแล้วหมดเลยครับ
    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย หลวงปู่ท่อน ญาณธโร มีนามเดิมว่า ท่อน ประเสริฐพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง ณ บ้านหินขาว ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายแจ่ม และนางทา ประเสริฐพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๑๙ คน ท่านบุตรคนที่ ( ปัจจุบัน สิริอายุได้ ๘๐ พรรษา ๖๐ (เมื่อปี พ.ศ.2551) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีอภัยวัน บ้านหนองมะผาง ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย และเจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต) “อย่ามีอคติ...อย่าลำเอียงกับใครเลย และอย่าขึ้นๆ ลงๆ อย่าเอารัดเอาเปรียบกันอีกเลย” ความตอนหนึ่งจากธรรมโอวาทของ “พระราชญาณวิสุทธิโสภณ” หรือ “หลวงปู่ท่อน ญาณธโร” ที่คอยอบรมสอนสั่งสาธุชนให้ปฏิบัติตาม ด้วยกุศโลบายอันแยบคายในการแสดงพระธรรมเทศนา ให้ผู้ฟังนำไปขบคิดพินิจพิจารณาด้วยปัญญา
    พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร เป็นพระเถราจารย์สายกัมมัฏฐาน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจิตตภาวนา การเทศนา แลวิทยาคมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีวิชาทำวัตถุมงคล ตามตำรับโบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต

    0jn-xqp7bjwjy40v7ro4jt2jghdpw0dgxhcttm5znwfku7dpxehjqzmljo5moudr8u4p-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg
    >>>>>>,มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ *******บูชาที่ 555 ฟรีส่งems SAM_7629.JPG SAM_7630.JPG SAM_7632.JPG SAM_7633.JPG SAM_7634.JPG SAM_7605.JPG
     
  3. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    >>>>>เมื่อวานเเละวันนี้ได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 3 ท่านครับเลขที่ ems ตามใบฝอยครับ SAM_7636.JPG SAM_7635.JPG
     
  4. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 873 พระกริ่งจัมโบ้พระพุทธเจ้ารุ่นเเรกหลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม พระอรหันต์เจ้าวัดศรีวิชัย อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หลวงปู่คำพันธ์เป็นศิษย์หลวงปู่วัง ฐิตสาโร,หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม พระกริ่งสร้างปี 2553 เนื้อทองผสม มาพร้อมกล่องเดิม มีตอกโค๊ต ศว ใต้องค์พระ ก้นทองเหลือง พระใหม่ไม่เคยใช้ >>>>>มีเกศาหลวงปู่มาบูชา ******บูชาที่ 855 บาทฟรีส่งems ประวัติย่อๆหลวงปุ่คำพันธ์
    1. a-jpg.jpg
      ประวัติพระจันโทปมาจารย์ (หลวงปู่คำพันธ์ จนฺทูปโม)

      พระจันโทปมาจารย์ (หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม)
      เจ้าอาวาสวัดศรีวิชัย บ้านศรีเวินชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนมเจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม บ้านแพง นาหว้า นาทม (ธ)
      โยมบิดาชื่อ พ่ออ้วน โยมมารดาชื่อ แม่ทุมมา เป็นลูกคนที่ ๖ ในจำนวน ๗ คน ซึ่งมีรายชื่อดังนี้
      ๑. นางคำมีสีแพง (เสียชีวิตแล้ว)
      ๒. นางบัวสีนนทจันทร์ (เสียชีวิตแล้ว)
      ๓. นางจันทีเหมื้อนงูเหลือม (เสียชีวิตแล้ว)
      ๔. นายจูมศรีปทุมมากร (เสียชีวิตแล้ว)
      ๕. นายทองดีปทุมมากร(ยังมีชีวิตอยู่)
      ๖.พระคำพันธ์จนฺทูปโม (ปทุมมากร)
      ๗. เด็กชายสุวรรณปทุมมากร (เสียชีวิตแล้ว)
      ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีวิชัย บ้านศรีเวินชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม-บ้านแพง-นาหว้า-นาทม (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์
      สถานะเดิม ชื่อ คำพันธ์ นามสกุล ปทุมมากร
      เกิด วัน ๓ ฯ ๒ ปี มะโรง วันที่ ๑๓ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๑ บิดา นายอ้วน มารดา นางทุมา บ้านหมู่ที่ ๑๓ เลขที่ ๖๔ ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม บรรพชา วัน ๕ ฯ ๑๒๑๒๗ ปี มะเมีย วันที่ ๔ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๕ วัด ศรีเทพประดิษฐาราม ตำบล ในเมือง อำเภอ เมือง จังหวัด นครพนม
      พระอุปัชฌาย์ พระสารภาณมุนี วัด ศรีเทพประดิษฐาราม ตำบล ในเมือง อำเภอ เมือง จังหวัด นครพนม
      อุปสมบทวัน ๒ ฯ๑๒๑๒ ๗ ปี ชวด วันที่ ๒๘ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๑ วัด ศรีเทพประดิษฐาราม ตำบล ในเมือง อำเภอ เมือง จังหวัด นครพนม พระอุปัชฌาย์ พระสารภาณมุนี วัด ศรีเทพประดิษฐาราม ตำบล ในเมือง อำเภอ เมือง จังหวัด นครพนม
      วิทยฐานะพ.ศ. ๒๔๙๒ สอบได้ น.ธ. เอก สำนักเรียนวัด โพธิ์ชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัด นครพนม
      การศึกษาพิเศษสอบได้ ครูพิเศษมูล
      การปกครองพ.ศ. ๒๕๑๔ เป็น เจ้าอาวาสวัดศรีวิชัย บ้านศรีเวินชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัด นครพนม
      พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็น เจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม-บ้านแพง-นาหว้า-นาทม (ธ)
      พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็น พระอุปัชฌาย์
      พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอศรีสงคราม-บ้านแพง-นาหว้า-นาทม (ธ) จังหวัดนครพนม
      งานสาธารณูปการ พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นประธานดำเนินการ ก่อสร้างอุโบสถ วัดศรีวิชัย บ้านศรีเวินชัยตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
      พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็น ผู้นำชาวบ้านในการก่อสร้าง ทำนบห้วยอา ประชาน้อมเกล้า ฯ สมณศักดิ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูวินัยธร
      พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ พระครูอดุลธรรมภาณ จอ.ชท.
      พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ ราชทินนามเดิม จอ.ชอ.
      พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระครูสัญญาบัตร ที่ ราชทินนามเดิม จอ.ชพ.
      พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ (ยก) ที่ พระจันโทปมาจารย์
    2. หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป และ พระจันโทปมาจารย์ (หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม)

      a.jpg

      SAM_7637.JPG SAM_7638.JPG SAM_7640.JPG SAM_7643.JPG SAM_7644.JPG
     
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 874 เหรียญรูปไข่หลวงป่คำบ่อ ฐิตปัญโญ พระอรหันต์เจ้าวัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างเเดนดิน จ.สกลนคร หลวงป่คำบ่อเป็นศิษย์หลวงป่เเหวน สุจิณโณ วัดดอยเเม่ปั๊ง เหรียญสร้างปี 2549 เนื้อทองเเดงผิวไฟ สร้างเนื่องเป็นที่ระลึกฉลองพระอุโบสถ มีตอกโค๊ตตัวเลข 476 เเละโค๊ตคำว่า คำบ่อ ตรงผ้าสังฆาฏิ
    20181008-banner-page-01-04-1200x480-jpg.jpg
    วัดใหม่บ้านตาล (พระบรมธาตุเจดีย์ศรีมงคล)
    วัดใหม่บ้านตาล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร พระบรมธาตุเจดีย์นี้ หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ ได้นำชาวบ้านตาลและชาวบ้านใกล้เคียง คณะญานุศิตย์และพุทธศาสนิกชน ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อวันอังคารที่ ๑๕ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ แรม ๑๐ ค่ำเดือน ๖ ปีมะโรง และแล้วเสร็จเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก รวมระยะเวลาในการก่อสร้าง ๔ ปี ๕ เดือน ๒๗ วัน เป็นพระบรมธาตุ ๙ ยอด
    ประวัติโดยย่อหลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ
    นามเดิม คำบ่อ พวงสี ถือกำเนิดเมื่อวันพุทธที่ ๑๑ เดือนพฤษจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๔ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะแม ที่บ้านตาล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร มีพี่น้องรวม ๗ คนบิดาชื่อ ทอง พวงสี (ต่อมาได้บวชเป็นพระและจำพรรษาที่วัดบ้านตาลจนกระทั่งมรณะภาพ) มารดาชื่อ ภู่ พวงสี อุปสมบทเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๑ เดือน เมษายน พ.ศ.๒๔๙๕ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง ขณะอายุได้ ๒๐ ปี ๕ เดือน ๑๐ วัน ณ วัดเจริญราษฎร์บำรุง ได้ธุดงติดตามครูบาอาจารย์ อาทิ หลวงปุ่พรม จิรปุญโญ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปุ่ฝั้น อาจาโร หลวงปูสิม พุทธาจาโร หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปุ่ตื้อ อจลธัมโม ท่านพ่อสี ธัมมธโร และหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ฯลฯ ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ รวมระยะเวลา ๒๒ ปี

    ด้านสารณะประโยชน์ หลวงปู่ช่วยดูแลการก่อสร้างอุโบสถที่วัดสันติธรรม จ.เชียงใหม่ จนแล้วเสร็จ และมาเริ่มสร้างวัดบ้านตาล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ จนถึงปัจจุบันวัดบ้านตาลมีเนื้อที่ ๒๕๕ ไร่ ทั้งเป็นกำลังสำคัญร่วมกับหลวงปู่วัน อุตตโม ในการหาทุนทรัพย์เพื่อสร้างโรงพยาบาลสว่างแดนดิน ซึ่งต่อมาคือ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน เมื่อครั้งแรกเริ่มของการก่อสร้าง ฯลฯ ท่านดำรงตนอยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งได้แนะนำและสนับสนุนพระภิษุสามเณรให้ศึกษาทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ตลอดจนสั่งสอนศิตยานุศิตย์และผู้คนทั้งหลายให้ประพฤติตนอยู่ในศิลธรรมตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และย้ำสอนเสมอถึงหลักความจริงว่า “คนเราเกิดมาในโลกนี้ไม่มีใครผ่านพ้นความแก่ ความเจ็บ และความตายไปได้ ชั่วดีมีจน เป็นคนชนิดไหน ก็ไม่พ้นสัจธรรมตัวนี้ไปได้ ๏ สถานที่จำพรรษา
    พรรษาที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๙๕)
    วัดตาลนิมิตร บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    พรรษาที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๖)
    วัดประชาอุทิศ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบัน จ.ยโสธร)
    พรรษาที่ ๓ (พ.ศ. ๒๔๙๗)
    วัดวิเวการาม ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    (ออกพรรษาปลายปี ๒๔๙๗ เดินทางไปภาคใต้)
    พรรษาที่ ๔-๖ (พ.ศ. ๒๔๙๘-๒๕๐๐)
    วัดวิเวการาม ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    พรรษาที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๐๑)
    วัดป่านันทนาราม อ.เถิน จ.ลำปาง
    พรรษาที่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๐๒)
    ถ้ำแดนสวรรค์ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    พรรษาที่ ๙-๑๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓-๒๕๐๔)
    ป่าเมี่ยงแม่สาย ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    พรรษาที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๐๕)
    หมู่บ้านจวงเรื้อน อ.พาน จ.เชียงราย
    พรรษาที่ ๑๒-๑๘ (พ.ศ. ๒๕๐๖-๒๕๑๑)
    ป่าเมี่ยงแม่สาย ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    พรรษาที่ ๑๙ (พ.ศ. ๒๕๑๒)
    เหมืองแร่ผาปก ต.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี (ปัจจุบันเป็น อ.สวนผึ้ง)
    พรรษาที่ ๒๐-๒๑ (พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๔)
    ป่าเมี่ยงแม่สาย ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    พรรษาที่ ๒๒-๒๔ (พ.ศ. ๒๕๑๕-๒๕๑๗)
    วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    พรรษาที่ ๒๕-ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๑๘-ปัจจุบัน)

    วัดใหม่บ้านตาล ต.โศกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ********บูชาที่ 195 บาทฟรีส่งems sam_6067-jpg.jpg sam_6725-jpg.jpg sam_6726-jpg.jpg sam_2473-jpg.jpg

     
  6. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 875
    รูปหล่อเหมือนปั๊ม+ล๊อกเก็ตหลังยันต์เเผ่นเงินหลวงปู่ขันตี ญาณวโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าม่วงไข่ อ.ภูเรือ จ.เลย หลวงปู่ขันตีเป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น รูปเหมือนสร้างปี 2555 สร้างเนื่องจากอายุครบ 70 ปี เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ตใต้องค์พระ >>>>>>ประวัติและปฎิปทาหลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    49fc4d3905845c73ea8e8aeb8973e831-1-jpg.jpg
    ประพอสังเขปหลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย
    หลวงพ่อขันตี เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2486 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะแม เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด ปัจจุบัน สิริอายุ 74 พรรษา 54 (เมื่อปี พ.ศ.2561) ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าม่วงไข่
    หลวงพ่อขันตี เกิด ณ บ้านเลขที่ 136 หมู่ 8 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ของแก่น(ปัจจุบันคือ บ้านหนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น) โยมบิดาชื่อ นายชัย แสนคำ โยมมารดาชื่อ นางแพง แสนคำ มีพี่น้องร่วมบิดา มารดาทั้งหมด 7 คน โดยหลวงพ่อขันตี ญาณวโร เป็นลูกคนโต หลวงพ่อทวี ปุญฺญปญฺโญ เป็นลูกคนเล็กสุด(ชื่อเดิมนายทวี แสนคำ)
    21578100512f10b-jpg.jpg ในวัยเด็กของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านเป็นคนขยันขันแข็น ช่วยงานพ่อแม่ทำไร่ ทำนาและดูแลน้องๆ แทนพ่อแม่อยู่เสมอๆ เป็นคนที่มีความอดทน อ่อนน้อม และหลวงพ่อท่านในวัยเด็กยังเป็นคนสนใจ ใฝ่ธรรมะ ชอบไหว้พระสวดมนต์อยู่เป็นประจำ หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า "สมัยตอนท่านเด็กๆท่านเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงนัก เจ็บป่วยออดๆแอดๆ อยู่เสมอบางทีก็เกือบถึงแก่ชีวิตหลายต่อหลายครั้ง โยมแม่ของหลวงพ่อ จึงได้ไปฝากให้หลวงพ่อขันตีเป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่คำดี ปภาโส อาการเจ็บป่วยต่างๆก็ค่อยๆหายไป" เมื่อหลวงพ่อท่านเรียนจบชั้น ป.4 ท่านก็ขออนุญาตโยมพ่อโยมแม่เพื่อขอบวชสามเณร โยมพ่อแม่ก็เห็นดีด้วยและอนุญาตให้หลวงพ่อบวชเณรได้..

    552-jpg.jpg
    สามเณรขันตี
    หลวงพ่อขันตีท่านได้บวชเณรครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ปี ในปี พ.ศ.2499 ณ วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีท่าน
    พระครูพิศาลสารคุณ เป็นผู้บรรพชาให้ในปีนั้น เมื่อบวชเณรแล้วหลวงพ่อขันตีก็อยู่ดูแลอุปัฏฐาก ท่านพระครูเจ้าอาวาสอย่างใกล้ชิตและมีความขยันอดทนหมั่นเพียรในการศึกษาธรรมะ ท่านพระครูพิศาลสารคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ จึงได้เรียกชื่อหลวงพ่อขันตีใหม่ จากเดิมชื่อตรีเฉยๆ เรียกใหม่ว่า "ขันตี" หรือ ขันติ แปลว่าผู้มีความอดทน


    u97z5_1456467352-jpg.jpg พระอุโบสถวัดศรีจันทร์
    ท่านได้บวชเณรมาเรื่อยๆ จนท่านมีอายุครบบวชพระ อายุ 20 ปี ท่านจึงได้รับการอุปสมทบในวันอังคาร ขึ้น8ค่ำ ปีมะโรง โดยได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.2507 ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีท่านพระ ครูพิศาลสารคุณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีธรรมาลังการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "ญาณวโร" แปลว่า ผู้ปรีชาหยังรู้สูง
    lp-boonpeng-jpg.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ในพรรษาที่ 1 ปี พ.ศ.2507 ในปีแรกนี้หลวงพ่อขันตีท่านได้ไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ณ วัดป่าคีรีวัน จ.ขอนแก่น ในพรรษาแรกนี้ หลวงปู่บุญเพ็ง ท่านจะสอนพระเณรในพรรษานั้น ในเรื่องการพิจารณาการ มีสติเป็นไปในกาย ขอวัตรปฎิบัติต่างๆ ในส่วนของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านก็เป็นพระบวชใหม่หลวงปู่บุญเพ็งท่านจะเน้นสอนการภาวนา และ ข้อวัตรต่างๆในเบื้องต้นกับหลวงพ่อขันตี
    268_1263214635-jpg_177-jpg.jpg
    หลวงปู่คำดี ปภาโส
    ครั้งออกพรรษา ท่านก็ได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย ในพรรษาที่ 2 ปี พ.ศ. 2508 เพื่อมาฝึกหัดการภาวนา โดยท่านกล่าวว่า "ท่านกับหลวงปู่คำดี เป็นคนบ้านเดียวกัน(คนจังหวัดขอนแก่น) จึงมีความคุ้นเคยกับท่านมาก่อน จึงได้มาอยู่จำพรรษากับท่านที่จังหวัดเลยเพื่อมาฝึกอบรมณ์ภาวนา" หลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านก็ให้ความเมตตาหลวงพ่อขันตี โดยสอบถามหลวงพ่อขันตีครั้งมาอยู่จำพรรษาวัดถ้ำผาปู่ครั้งแรกว่า "ท่านใช่อะไรภาวนา" และสอบถามถึงเรื่องจริตต่างๆ ครั้งหลวงพ่อขันตีก็กราบเรียนหลวงปู่คำดีตามความรู้ ความเข้าใจแล้ว หลวงปู่คำดีก็บอกสอนเกี่ยวกับจริตภาวนา แจกแจงความเป็นมาและความเหมาะสมของจริตพร้อมอธิบายหลักการภาวนาให้หลวงพ่อขันตีฟังอย่างละเอียดลึกซึ้งจนเข้าใจ
    ในปีดังกล่าวที่ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำผาปู่ มีพระเณรทั้งหมด 40 รูป หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"ในปีนั้นจิตใจท่านฟุ้งซ่าน วุ้นวายเป็นอย่างมาก" ซึ่งหลวงปู่คำดีท่านก็ทราบดี ท่านจึงแนะนำให้หลวงพ่อขันตีมีความอดทน ปรารบให้เร่งความเพียรมากยิ่งขึ้น ให้หลีกเร้นจากหมู่คณะ ให้หาที่สงบภาวนาให้มาก ให้ละความกังวนต่างๆ กลับมาตั้งสติตั้งใจภาวนาเร่งให้เกิดความสงบ..."
    จนในพรรษาที่ 3 ปี พ.ศ.2509 หลวงปู่คำดี จึงพาหลวงพ่อขันตีไปจำพรรษา ณ วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี กับ หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น เมื่อไปถึงที่วัดหลวงปู่บัวท่านก็ให้โอวาทธรรมว่า"เรื่องจิตใจที่หลอกลวงตลอดเวลานั้น เป็นเพราะการ
    lp-bua-jpg.jpg
    หลวงปู่บัว สิริปุณโณ
    ขาดสติ ขาดปัญญา จึงกลายเป็นตัวกิเลสทำให้เกิดทุกข์ หรือพาไปหาความทุกข์ไปที่ไหนถ้าใจไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ความศรัทธาความเชื่อความ เลื่อมใสในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังไม่มีหลักสรณะทางจิตใจ หากมีแต่ปล่อยจิต ปล่อยใจไปตามสัญญาแห่งอามรณ์ทั้งวัน ทั้งคืนไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีแต่ความทุกข์ร้อนเป็นไฟ เพราะใจได้ถูกแผดเผาด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ดังนั้นควรที่จะมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดไป จะมานั่งมานอนรอความตาย ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ จะต้องหมั่นภาวนาศึกษา ให้จิตให้ใจมีที่พึ่ง ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้เสียไปวันๆ"
    เป็นโอวาทสำคัญที่หลวงปู่บัว ท่านอบรมณ์สั่งสอนหลวงพ่อขันตี ในพรรษที่มาจำที่วัดป่าหนองแซงนี้
    ครั้งพอออกพรรษาในปี 2509 นั้นหลวงปู่คำดีท่านก็กลับไปอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่ โดยหลวงพ่อขันตีกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงปู่คำดี ไม่กลับไปวัดถ้ำผาปู่ด้วย แต่จะอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่บัวนี้ก่อนสักระยะหนึ่ง หลวงปู่คำดีท่านก็เมตตาอนุญาต ในระหว่างที่อยู่วัดป่าหนองแซงนี้ หลวงพ่อขันตีท่านก็อยากเที่ยวไปกราบครูบาอาจารย์ในที่อื่นๆ หลวงปู่บัวท่านก็ทราบว่า หลวงพ่อขันตีท่านตอนนี้ มีจิตใจที่ยังวุ้นวายอยู่ท่านจึงให้โอวาท หลวงพ่อขันตีเตือนใจว่า"การที่เราจะเที่ยวไปหาครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้น ต้องพิจารณาดูว่าไปด้วยเหตุผลอันใด การปฏิบัติทำความเพียรนั้นร่วนเกิดแต่ตัวเราทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ท่านจะปฎิบัติแทนเราไม่ได้ การบำเพ็ญเพียรภาวนา เราต้องทำด้วยตัวเราเองเท่านั้นผลจึงจะเกิดกับตัวเรา ครูบาอาจารย์จะมาทำแทนเราได้หรือ ท่านเป็นแต่เพียงผู้บอก ผู้สอนเราเท่านั้น" ท่านจึงกลับมาพิจารณาในคำสอนเตือนสติของหลวงปู่บัว จึงทำให้ท่านมีกำลังใจใน ความพากความเพียรเพิ่มมากขึ้น ทั้งแล้วก็ทำให้จิตใจท่านสงบลงมาก ท่านจึงอยู่ภาวนากับหลวงปู่บัว ที่วัดหนองแซงนี้อีก 4 พรรษา รวมเป็น 5 พรรษากับการอยู่ปฎิบัติที่นี้...
    ต่อมาในพรรษาที่ 13 ปี พ.ศ. 2519 ท่านได้จาริกธุดงค์ไปจำพรรษา
    2-png.png
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ปรนนิบัติ และอยู่ปฎิบัติ กับ
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ณ วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย โดยหลวงพ่อขันตีท่านได้มีโอกาสอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ และได้รับอุบายธรรมกับหลวงปู่ชอบ เพื่อนำไปปฎิบัติ ซึ่งในช่วงนี้ เป็นช่วงที่หลวงปู่ชอบ ท่านมาสร้างวัดใหม่ชื่อว่าวัดป่าสานตม หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"ในช่วงนี้ลำบากมาก เพราะที่นี้อากาศหนาวมาก หลวงปู่ชอบท่านก็ไม่ให้พระที่มาอยู่ด้วยก่อไฟผิง เพราะจะมีแต่มาสุมหัว พูดคุยกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่หลวงปู่ชอบจะให้พระเดินจงกรมแทน เพื่อเป็นการกระตุ้นธาตุไฟให้เกิดความอบอุ้นภายใน"
    ในพรรษาที่ 14-15 ประมาณปี พ.ศ. 2520-2521 ท่านได้ธุดงค์ไปจำ
    1e68337c4ca9d191dd06e19d888992b5-jpg.jpg พรรษา ณ วัดป่าแม่ริน(ห้วยน้ำริม) อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ และที่ อ.ปาย แม่ฮ่องสอน สถานที่แห่งนี้ทำให้จิตใจหลวงพ่อขันตี ได้มีโอกาสรละว่างความโกรธความพยาบาทลงได้ เพราะได้ตั้งใจทำความเพียรทั้งวันทั้งคืน ทำให้จิตสงบทำให้ได้เห็นอานิสงค์ ว่าคนที่ดุด่าว่ากล่าวตนล้วนแต่เป็นผู้มีพระคุณทั้งนั้น หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"อยุ่ปฎิบัติที่นี้ ท่านก็ได้นำคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีมา พิจารณาว่าหากใจยินดีในสุข ก็ต้องเป็นทุกข์ ทุกข์นี้ก็มีคุณมากเพราะจะทำให้เราเห็นโทษเห็นภัย และจะได้ตั้งใจให้ออกจากทุกข์ เร่งการบำเพ็ญให้มากเพื่อจะได้หนีจากทุกข์ เพราะถ้ามีแต่สุขจะไม่เห็นโทษแห่งทุกข์ที่มีอยู่เลย จะประมาทมัวเมาในชีวิต ไม่ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา ก็ต้องตกเป็นธาตุของกิเลสตลอด แล้วก็ตายโดยไม่พบแสงสว่าง ตายโดยไม่ได้มรรค ไม่ได้ผลอะไรเพราะใจนั้นมืดบอด อยู่กับวัตถุข้าวของ เงินทอง ที่ไม่มีแก่นสารอะไร" นี้คือคำสอนของหลวงปู่คำดีที่สอนหลวงพ่อขันตี ให้ภาวนาตั้วใจบำเพ็ญเพียร อย่าอยากได้โน่น ได้นี้ ให้ตั้งใจปฎิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า ไม่ต้องส่งจิตส่งใจออกไปภายนอก ทั้งคดีทั้งอนาคต ให้กำหนดรู้ปัจจุบันภายในจิตเท่านั้น วันเวลาล้วงไปล้วงไปบัดนี้เราทำอะไรอยู่ ถ้ามีสติธรรมก็จะเกิด ละทุกข์ได้ ให้ตั้งใจปฎิบัติตามคำสอน ไม่ใช่เอาแต่หลับนอนเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สิ่งที่หน้ากลัวที่สุดคือกิเลสภายในใจเรานี้เอง...
    135-u1511924-635025692578317235-1-jpg.jpg หลวงปู่ขาว อนาลโย

    พรรษาที่ 16 ประมาณ พ.ศ.2522 หลวงพ่อขันตี ท่านก็ได้จาริธุดงค์ไปพักจำพรรษา ณ วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี กับหลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นเวลา 1 พรรษา ในหว่างอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ขาวนี้ หลวงปู่ขาวท่านสอนหลวงพ่อขันตี ให้บำเพ็ญเพียร โดยการตั้งสัจจะ รักษาสัจจะ ในการบำเพ็ญภาวนา
    ช่วงพรรษาที่ 17 พ.ศ.2523 ท่านได้กลับไปจำพรรษาที่จังหวัดเลยอีกครั้ง ในช่วงพรรษาที่ 18 ราวปี 2524 ได้ธุดงค์ไปจำพรรษา ณ วัดอโศการาม จ.สมุทปราการ พอพรรษา 19-23 ใน พ.ศ.2525-2529 ท่านกลับมาจำพรรษาที่วัดห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย ในช่วงพรรษาที่ 24 ท่านได้มาจำพรรษาวัดป่าบ้านบง อ.ภูเรือ จ.เลย ในปี พ.ศ.2530
    ช่วงพรรษาที่ 25-34 พ.ศ.2531-2540 ท่านก็ได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย(วัดป่าสันติธรรม) ซึ่งในช่วง 10 ปีนี้ ท่านได้มีโอกาสแวะเวียนไปดูแล ปฎิบัติกับหลวงปู่ชอบ ที่วัดป่าโคมน อยู่เป็นประจำ จนถึงปี 2538 หลวงปู่ชอบท่านก็ละสังขาร ซึ่งหลวงพ่อขันตี ท่านก็อยู่ช่วยงานตั้งแต่แรก จนงานพระราชทานเพลิงแล้วเสร็จ
    222-jpg.jpg
    หลวงปู่ไชย สัญตุฏฐิโก
    ในปี 2529 หลวงปู่ไชย สัญตุฏฐิโก วัดป่าห้วยเดื่อ โยมบิดาของหลวงพ่อขันตี ญาณวโร(ที่มาบวช) ก็ละสังขารมรณะภาพ เมื่ออายุได้ 88 ปี 29 พรรษา ทำให้ท่านปรงอนิจจังการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คนเราเกิดมาไม่มีอะไรมาด้วย ไปก็ไม่มีอะไรไปด้วย ทั้งหลายทั้งมวลเป็นอนิจจังจึงทำให้หลวงพ่อขันตี ออกภาวนาเร่งความเพียรเพิ่มมาขึ้น หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า "เพราะได้พิจารณาแล้ว อายุย้อมจะมีแต่ผ่านพ้นและหมดไป ไม่มีอะไรที่จะยังยืนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีแต่เกิดมาแก่ เกิดมาเจ็บ เกิดมาตายด้วยกันหมดทั้งโลก ร่างกายก็เต็มไปด้วยของที่ไม่สะอาดมีประการต่างๆไม่ว่าจะ ผม ขน เล็บ ฟันหนังเนื้อ ที่มีเต็มอยู่ภายใน ไม่มีอะไรที่จะอยู่คงทนอยู่ได้ มีแต่เสือมโทรม ลงไปทุกขณะลมหายใจ ถ้าหมดลมปราณเมื่อใดก็ไม่มีอะไรเหลือ บางคนตอนมีชีวิตอยู่อวัยวะบางส่วนยังต้องเสียไป บางคนเป็นเบาหวาน ต้องตัดขา ตัดแขนไปก็มี หรือประสบอุบัติเหตุต้องสูญเสียอวัยวะบางแห่งไปก็มี แม้เรารักเราหวงแหนมากขนาดไหน ก็ไม่อาจรักษาคงทนอยู่กับเราได้ตลอดไป ควรเร่งความเพียรให้มาก อย่าไปวนเวียนเพียรเป็นคนมักมาก ความเสียใจจะตามมาในภายหลัง...."
    image1158_4-jpg.jpg
    พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ชอบ วัดป่าม่วงไข่

    ปัจจุบันหลวงพ่อขันตี ญาณวโร มาจำพรรษา ณ วัดป่าม่วงไข่ ตั้งแต่ ปี 2545 จวบจนปัจจุบัน ซึ่งที่วัดป่าม่วงไข่แห่งนี้ ท่านเคยมาอยู่พักภาวนาก่อนแล้วสมัยหลวงปู่ชอบ และหลวงปู่ชอบ ท่านก็ได้สร้างไว้ >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ********บูชาที่ 285 บาทฟรีส่งems
    sam_6211-jpg.jpg sam_6902-jpg.jpg sam_6906-jpg.jpg sam_6904-jpg.jpg sam_6905-jpg.jpg sam_4062-jpg.jpg sam_6705-jpg.jpg sam_6706-jpg.jpg

     
  7. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 876 พระบูชารูปเหมือน 5 นิ้วหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย หลวงปู่ชอบเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น องค์พระบูชาสร้างปี 2537 เนื้อโลหะผสม มีตอกโค๊ตตัวเลข ๕ บนบ่าข้างขวา มีพระเกศาเเละพระธาตุหลวงปู่ชอบมาบูชาด้วยครับ *****(>>>>>>>อนึ่ง......รายการนี้มีเเถมมอบหนังสือชาติสุดท้ายของพระหลวงตามหาบัว มาอ่านเป็นมงคลเเก่ตัวเองครับ กระดาษอาทษ์ 4 สีหน้าหนา 150 หน้า(ผมบูชามาก็เล่ม 300 บาทเเล้วครับ) หมายเหตุ .......รายการนี้มีเเถมพระผงท้าวเวสสุวรรณที่มีฝังโลหิตธาตุเเละฝังพระธาตุเยอะเนื้อสีเขียวมรกต ตอกโค๊ตหลุม+พระผงขุนเเผนเนื้อดินจัมโบ้ที่มีฝังพระธาตุเยอะมากทั้งหน้าหลัง มาบูชาเพิ่มอีกด้วยครับ สุดคุ้มๆๆๆ,มีพระเกศาเเละพระธาตุมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ********บูชาที่ 2,790 บาทฟรีส่งems sam_7071-jpg.jpg sam_5150-jpg.jpg sam_5151-jpg.jpg sam_5152-jpg.jpg sam_5154-jpg.jpg sam_5155-jpg.jpg sam_5156-jpg.jpg sam_5157-jpg.jpg sam_5159-jpg.jpg sam_5158-jpg.jpg sam_5160-jpg.jpg sam_5162-jpg.jpg sam_5602-jpg.jpg sam_5603-jpg.jpg sam_5604-jpg.jpg sam_5606-jpg.jpg sam_5605-jpg.jpg sam_5607-jpg.jpg sam_5609-jpg.jpg sam_5608-jpg.jpg sam_5610-jpg.jpg sam_5611-jpg.jpg sam_5612-jpg.jpg sam_1965-jpg.jpg

    SAM_7645.JPG SAM_7646.JPG SAM_7647.JPG SAM_7649.JPG SAM_7650.JPG SAM_7651.JPG SAM_7652.JPG
     
  8. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 877 หรียญครบ 7 รอบ84ปีหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา พระโพธิสัตโตเเห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เหรียญสร้างปี 2539 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาลมันปู สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 84 ปี เหรียญใหม่ไม่เคยใช้
    con374_20160421130240_2-jpg.jpg
    ประวัตพอสังเขปครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์)

    >>>>>วัยเด็ก
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ครูบาวงศ์” มีนามเดิมว่า วงศ์ หรือ ชัยวงศ์ นามสกุล ต๊ะแหนม เกิดที่ ตำบลหันก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนเมื่อวันอังคาร เดือน 7 แรม 2 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 22 เมษายน พ.ศง 2456 เวลา 24.15 น. โยมบิดาชื่อ น้อย จันต๊ะ (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 44 ปี) โยมมารดาชื่อ บัวแก้ว (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 78 ปี) จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 มีน้องต่างบิดาอีก 1 คน รวมเป็น 9 คน
    ท่านเกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนาที่ยากจน พ่อแม่ของท่านมีสมบัติติดตัวมาแค่ที่นาไม่กี่ไร่ ทำนาได้ข้าวปีละแค่ 20-30 หาบ แม้ว่าครอบครัวของท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดทนอยากแต่ก็ไม่เคยละทิ้งเรื่องการทำบุญให้ทาน
    ท่านมีโรคประจำตัวคือ โรคลมสันนิบาต ตั้งแต่เด็กๆ แต่ท่านก็ยังช่วยพ่อและแม่ทำนา เก็บของป่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นับว่าท่านเป้นผู้ที่มีความขยันอดทนและกตัญญูเป็นอย่างมาก
    >>>>>บรรพชาและอุปสมบท
    เมื่อท่านอายุย่าง 13 ปี (พ.ศ. 2468) ท่านได้รบเร้าขอให้พ่อแม่พาท่านไปบวช เพื่อท่านจะได้บำเพ็ญธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ่อแม่ก็ได้นำท่านไปฝากกับหลวงอา จากนั้นหลวงอานำท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์และบวชเณรกับครูบาชัยลังก๋า (เป็นธุดงค์กรรมฐานรุ่นพี่ของครูบาศรีชัย) ครูบาชัยลังก๋าได้ตั้งชื่อให้ท่านใหม่หลังจากเป็นสามเณรแล้วว่า “สามเณรชัยลังก๋า” เช่นเดียวกับชื่อของครูบาชัยลังก๋า
    เมื่ออายุ 20ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมจักร วัดพระบาทตากผ้าเป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ชัยยะวงศา” ในระหว่างนั้น ท่านได้อยู่ปฏิบัติและศึกษาธรรมะกับครูบาพรหมจักร ในบางโอกาสท่านก็จะเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในที่ต่างๆทั้งลาวและพม่า ท่านได้อยู่กับครูบาพรหมจักรระยะหนึ่งแล้ว จึงได้กราบลาครูบาพรหมจักรออกจาริกธุดงค์ไปแสวงหาสัจจธรรมความหลุดพ้นจากวัฏสงสารแห่งนี้เพียงลำพังองค์เดียวต่อ เพื่อเผยแพร่สั่งสอนธรรมะขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับพวกชาวเขาในที่ต่างๆ
    เมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ร่วมกับครูบาขาวปี และชาวกะเหรี่ยง
    >>>>ละสังขาร
    นับตั้งแต่ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ได้มาอยู่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่หลวงปู่ ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จนกระทั่งมรณภาพในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 เป็นเวลาถึง 54 ปี หลวงปู่ได้ใช้ความพยายามพัฒนาวัด จนสามารถพลิกสภาพความเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีความเจริญ จนทำให้ผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ทุกระดับชั้นทางสังคม หลั่งไหลเข้ามาสักการะ สมกับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของประเทศไทย

    >>>>โอวาธรรมหลวงปู่ ...... “อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ... ตัดไม่ได้
    อโหสิกรรม ... ถือว่าตัดได้
    จะต้องขอเอง ... ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม
    เราต้องของเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา
    เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา...”
    พระพุทธองค์ กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ...
    เรามีกรรมเป็นของตน เรามีกรรมเป็นผู้ให้ยล เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม
    เรามีกรรมเป็นผู้อาศัย
    กรรมอันใดที่ทำไว้ ... ความดี หรือ ความชั่ว ตัวเราเป็นผู้รับผลกรรมนั้น”
    “เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง
    เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆ มีไม่มาก
    เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต
    เวลาเหลือน้อ จะทำอะไรก็ให้รีบทำ >
    >>>>>มีพระเกศา,สำลีเช็ดนํ้าตา,จีวรเเละพระธาตุข้าวบิณฑ์บาตรพระพุทธเจ้า มาบูชาเป็นมงคล *******บูชาที่ 295 บาทฟรีส่งems sam_9152-jpg.jpg sam_7075-jpg.jpg sam_7074-jpg.jpg sam_1900-jpg.jpg

     
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 878 เหรียญกลม+รูปล็อกเก็ตปี 2538หลวงปู่ทูล ขิปุปปญโญ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลวงปูู่ทูลเป็นศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถํ้ากลองเพล เหรียญสร้างปี 2550 เนื้อทองเเดงรมดำ สร้างเนื่องฉลองพระมหาเจดีย์ เฉลิมพระบารมีนวมินทร์ วัดป่าบ้านค้อ ****** ประวัติย่อๆเเละเเละการปฏิบัตธรรมจนบรรลุธรรมชั้นสูงในพรรษาที่ 8 ของหลวงปู่ทูล(ได้เป็นพระอรหันต์) หลวงปู่ทูลได้เข้าสู่พระอุโบสถ ที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี มี พระธรรมเจดีย์ (จูม) พนฺธุโล เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ตั้งฉายาให้ว่า ขิปฺปปญฺโญ มี พระธรรมบัณฑิต (องค์ปัจจุบัน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านเจ้าคุณจันโทปมาจารย์เป็นพระอนุศาสนาจารย์ อุปสมบทวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ เมื่ออายุย่างเข้า ๒๗ ปี เมื่ออุปสมบทแล้ว ก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขมวนาราม บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
    >อนึ่ง.......หลวงปู่ละสังขาร
    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ วัดป่าบ้านค้อ รวมสิริอายุ ๗๓ ปี ๔๘ พรรษา และได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ณ วัดป่าบ้านค้อ
    อัฐิธาตุของหลวงพ่อทูลได้แปรสภาพเป็นพระธาตุ เป็นเครื่องประกาศคุณธรรมที่บริสุทธิ์ เป็นพระอริยบุคคลอีกท่านหนึ่งที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมดังความมุ่งมั่นตามที่ท่านได้ตั้งสัจจ>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วย********บูชาที่ 275 บาทฟรีส่งems
    sam_7776-jpg.jpg sam_6199-jpg.jpg sam_6200-jpg.jpg sam_1827-jpg.jpg
    SAM_7653.JPG SAM_7654.JPG
     
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    สมาชิกที่สนใจ โอนเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขาบ้านเเพง เลขบัญชีที่ 496-055842-9,ธนาคาร กรุงไทย สาขาบิ๊กซี ลำพูน เลขบัญชี 854-0-31280-8,ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเสนา เลขที่บัญชี 016-3-45911-6, ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเสนา เลขที่บัญชี 770-270878-6 ขอขอบคุณครับ นอกเวปโทร 098-5981468
     
  11. Peterbn

    Peterbn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +280
    จองครับ
     
  12. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,922
    ค่าพลัง:
    +5,740
    โอนแล้วครับ วันนี้ เวลา 10.21am จำนวน 195 บาท ผ่าน KTB ครับ
    จัดส่งที่อยู่เดิมพร้อมรายการฝากได้เลยครับ
    ขอบคุณครับ
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    >>>>>>เมื่อวานเเละเช้าวันนี้ได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 2ท่านครับ เลขที่ส่ง ems ตามใบฝอยครับผม SAM_7656.JPG SAM_7655.JPG
     
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 879 ล็อกเก็ตรูปไข่ฉากฟ้าขาวหลวงปู่คูณ สุเมโธ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลวงปู่คูณเป็นศิษย์พระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด สร้างปี 2549 ด้านหลังล็อกเก็ตมีฝังพระเกศา เเละเทียนชัย มาพร้อมพระอังคารธาตุเเละพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคล ****บูชาที่ 375 บาทฟรีส่งems ประวัติย่อๆพอสังเขปหลวงปู่คูณ สุเมโธ
    พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาโปรดให้หม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญกุศลถวายเพลิงศพ พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง หมู่ที่ 11 บ้านภูทอง ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
    เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ ( 26 พ.ค.2556 ) หม่อมหลวงสราลี กิติยากร ผู้แทนพระองค์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เดินทางมาถึงเมรุชั่วคราววัดป่าภูทอง นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พันเอกอำนวย จุลโนนยาง เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 24 ผู้แทนผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ โดยในวันนี้ หลวงพ่ออุทัย สิริธโร เจ้าอาวาสวัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน ตำบลโป่งตาลอง อำเภอปากช่องเป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุล ผู้แทนพระองค์ถวายไทยทาน
    จากนั้นหม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นผู้แทนพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ขึ้นวางผ้าไตร 3 ผืนของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และประกอบพิธีถวายเพลิงศพพระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง คณะสงฆ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประชาชนวางไม้จิกและถวายดอกไม้จันทน์เคารพสรีระพระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง
    หลวงพ่อคูณ สุเมโธ หรือหลวงปู่คูณ ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2486 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน5 ปีมะแม ที่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) โยมบิดาชื่อบุญธรรม ชูรัตน์ โยมมารดา นางจันทร์ สลับสี หลวงปู่เป็นบุตรคนโต ในพี่น้อง 3 คน คนที่ 2 เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก คนที่ 3 เป็นชายชื่ออุดม ซึ่งได้บรรพชาและอุปสมบทและมรณภาพด้วยไข้มาลาเรียนเมื่อปี พ.ศ.2524 ที่วัดถ้ำหีบ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
    หลวงพ่อคูณ สุเมโธ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นการศึกษาสูงสุดในขณะนั้น จากนั้นได้ช่วยงานครอบครัวทุกอย่างทั้งหนักเบา จนอายุ 19 ปี ได้เดินทางไปทำงานกับญาติที่เหมืองทุบหิน ทางภาคใต้จนอายุ 23 ปี ได้เดินทางกลับบ้านหนองแสง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับหลวงปู่สอ พันธุโร มาพักที่บ้านหนองแสง หลวงปู่จึงตัดสินใจขอเป็นนาคกับหลวงปู่สอ และได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดสร้างโศก หรือวัดศรีธรรมาราม ที่อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 13 มกราคม 2509 มีฉายาว่า สุเมโธ แปลว่า ผู้มีปัญญางาม โดยมีพระครูทัศนประกาศ (บุ จันทสิริ ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาวิสุทธิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระจำปี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงปู่คูณพักอยู่ที่วัดป่าบ้านนหนองแสงช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นได้ติดตามหลวงปู่สอ ไปจำพรรษาที่วัดอรัญญิกาวาส อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และได้ปฏิบัติตามประเพณีของพระกรรมฐานจากการอ่านหนังสือของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปะนโน จึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือเดินจงกรมตลอดคืน อดนอน ผ่อนอาหาร นั่งสมาธิภาวนา จนจิตเข้าถึงฐานแห่งสมาธิเป็นที่อัศจรรย์ เห็นผลการกระทำความเพียรภาวนาเรื่อยมา จนพรรษาที่ 7 เกิดจิดเสื่อมจากสมาธิ มีความร้อนรุ่มอยู่เป็นเวลานานจึงตัดสินใจไปขอฟังธรรมจากหลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร ที่วัดแก้วชุมพล จังหวัดสกลนคร ในคืนแรกที่ได้ฟังธรรมจากหลวงปู่สิงห์ทอง จิตที่เป็นไฟ ก็เหมือนได้น้ำเย็นชโลมใจ หลวงปู่ท่างจึงเร่งความเพียรภาวนา โดยการอดนอน ผ่อนอาหร จิตก็สงบเป็นสมาธิ พิจารณา ปัญญาได้ จนมีความมั่นใจ จึงอธิษฐาน ว่าจากนี้ไปจะไม่สึก หลวงปู่ท่านได้ศึกษาอบรมธรรมะ ข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร ที่วัดแก้วชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนครเป็นเวลา 5 ปี หลวงปู่จึงขอออกไปเที่ยวธุดงค์ยังที่ต่างๆ จนถึงเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน อยู่กับชาวเขากะเหรี่ยงและมูเซอ หลังจากหลวงปู่สิงห์ทอง มรณภาพแล้วจึงได้กลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแก้วชุมพลอีก 3 พรรษา ก่อนที่จะออกเที่ยวธุดงค์ในเขตภาคอีสาน และได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ซึ่งเป็นคนบ้านหนองแสงด้วยกัน ที่วัดถ้ำยานาโพธิ์ ภูลังกา ก่อนที่จะรับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสจำพรรษาที่วัดป่าภูทอง เมื่อปี พ.ศ.2533 จนถึงปัจจุบัน
    หลวงพ่อคูณ สุเมโธ ละสังขารเข้าอนุปาทิเสสนิพพานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2556 เวลา 15.00 น.ที่วัดเขารูปช้าง ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ด้วยอาการอันสงบ สิริอายุได้ 70 ปี 5 เดือน 12 วัน 47 พรรษา

    _1528690943_o.jpg?_nc_cat=110&_nc_sid=2d5d41&_nc_ohc=RHCPI9PL_DgAX9XSRdP&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg
    SAM_7662.JPG SAM_7663.JPG SAM_7666.JPG
     
  15. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 880
    เหรียญรุ่นให้พร+ล็อกเก็ตเข็มกลัดจัมโบ้พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เหรียญสร้าง 12 สิงหาคม 2553(วันเกิดหลวงตา) เนื้อกะไหล่ทอง หน้ากากทอง มีตอกโค๊ตดอกบัว มาพร้อมกล่องเดิม มีพระเกศา,พระธาตุมาบูชาด้วยครับ (พระใหม่ไม่เคยใช้ ทันพระหลวงตาครับ ท่านละสังขาร ปี 2554) *พิเศษรายการนี้มีเเถมมอบรูปภาพขนาด A 4 มาใส่กรอบบูชาที่บ้านด้วยครับ********[บูชาที่ 495 บาทฟรีส่งems sam_7559-jpg.jpg sam_7560-jpg.jpg sam_0510-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6893-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6894-jpg-jpg-jpg.jpg sam_6895-jpg-jpg-jpg.jpg sam_2767-jpg-jpg-jpg.jpg
    SAM_7657.JPG
     
  16. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,249
    ค่าพลัง:
    +6,460
    ขอจองครับ
     
  17. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 881
    เหรียญที่ระลึกสร้างศาลาโรงธรรมวัดปัญจสมณารามหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถํ้ากลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู หลวงปู่ขาวเป็นศิษย์รุ่นใหญ่หลวงปู่มั่น เหรียญสร้างปี 2516 เนื้อกะไหล่เงิน สร้างที่วัดปัญจสมณาราม อ.หัวตะพาน (สมัยก่อนขึ้นกับจังหวัดอุบลราชธานี เป็นบ้านเกิดของหลวงปู่ขาว) เลี่ยมกันนํ้าอย่างดี พระยังสวยมาก มีพระเกศาเเละพระธาตุที่เกิดจากอังคารธาตุหลวงปู่ 2 เม็ดมาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ***********บูชาที่ 575 บาทฟรีส่งems
    ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู

    2921465_n-jpg-_nc_cat-111-_nc_sid-32a93c-_nc_ohc-tzwy1wgpzjqax9xgesm-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg

    นามเดิมของท่านชื่อ ขาว โคระถา

    เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

    ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือนอ้าย ปีชวด

    ที่บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

    โยมบิดาชื่อพั่ว โยมมารดาชื่อรอด โคระถา

    ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๔

    อาชีพหลักของครอบครัวคือทำนาและค้าขาย

    เมื่อหลวงปู่ขาวยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น

    ก็ดำรงชีพตามวิสัยของฆราวาสทั้งหลาย

    เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี บิดามารดาได้จัดให้มีครอบครัว

    ภรรยาของท่านชื่อ นางมี และได้มีบุตรด้วยกัน ๓ คน
    ------------------------------------------------
    ท่านพระอาจารย์มหาบัวเล่าว่า

    หลวงปู่ขาวมีนิสัยเด็ดเดี่ยว

    เอาจริงเอาจังมากมาตั้งแต่เป็นฆราวาส

    เมื่อบวชแล้วนิสัยเอาจริงเอาจังจึงติดตัวมา

    ยิ่งบวชในพระพุทธศาสนา

    ซึ่งเป็นศาสนาจริงที่สอนให้คนทำจริงในสิ่งที่ควรทำด้วยแล้ว

    ท่านยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในหลักธรรมมากขึ้นโดยลำดับ

    เกี่ยวกับอาชีพการงาน เมื่อครั้งหลวงปู่ยังเป็นฆราวาส

    ท่านพระอาจารย์มหาบัวได้เรียบเรียงเป็นคำพูดของหลวงปู่ไว้

    ในคำถามคำตอบปัญหาธรรม

    ในหนังสือ อนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพ ของหลวงปู่ดังนี้

    "...อันว่าสกุลสูงสกุลต่ำนั้น

    บรรดาสัตว์โลกผู้อยู่ใต้อำนาจกฎแห่งกรรม

    ย่อมมีทางเกิดได้ด้วยกัน อย่าว่าแต่ปู่คนเดียวเลย

    แม้แต่ภพชาติสูงต่ำนั้นเป็นสายทางเดินของสัตว์โลก

    ผู้มีกรรมจำต้องเดินต้องผ่านเหมือนกันหมด

    คนมีวาสนามากก็ผ่าน คนมีวาสนาน้อยก็ผ่าน

    ภพกำเนิดสกุลต่างๆดังกล่าวมาแล้ว
    เช่น หลานเป็นพระเจ้าฟ้าเจ้าคุณมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่
    หลานจากที่นี้ไปกรุงเทพฯ

    ด้วยเท้าก็ดี ด้วยรถยนต์รถไฟก็ดี ด้วยเรือเหาะเรือบินก็ดี

    หลานจำต้องผ่านดินฟ้าอากาศ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ที่สูงๆต่ำๆ

    ซึ่งมีอยู่ตามรายทางเรื่อยไป

    จนถึงจุดที่หมายคือกรุงเทพฯ โดยไม่อาจสงสัย"
    ------------------------------------------------
    "...การเกิดในสกุลสูงๆต่ำๆตลอดภพชาติต่างๆกันนั้น

    สัตว์โลก เกิดตามวาระกรรมของตนมาถึง

    แม้จะทรงบุญหนักศักดิ์ใหญ่

    แต่เมื่อถึงวาระกรรมของตนที่ควรจะเสวยอย่างไร

    ก็จำต้องเสวยตามรายทาง คือภพชาตินั้นๆ

    เท่าที่ปู่มาเกิดในสกุลชาวนา

    ปู่ก็ไม่เสียอกเสียใจ ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ

    เพราะปู่ถือว่า ปู่มาเกิดตามวาระกรรมของปู่เอง

    ปู่จึงไม่ตำหนิติเตียนบิดามารดาผู้ให้กำเนิด

    ตลอดญาติมิตรพี่น้องที่เกิดร่วมและใกล้ชิดสนิทกัน

    ว่ามาให้โทษปู่ มันเป็นกรรมของใครของเรา

    ดังธรรมท่านสอนไว้ไม่มีผิด ไม่มีที่คัดค้าน

    ปู่ยอมรับธรรมท่านอย่างซึ้งใจไม่มีวันถอนเลย"
    ------------------------------------------------
    "สกุลชาวนานั้นมันต่ำต้อยที่ตรงไหน

    คนทั้งโลกได้อาศัยข้าวในท้องนาของชาวนาตลอดมา

    จึงพยุงชีวิตร่างกายมารอดมิใช่หรือ
    ที่ถูกตามความจริง ควรชมเชยว่า

    สกุลชาวนาคือสกุลเลี้ยงโลก

    คือสกุลพ่อสกุลแม่ของมนุษย์ทั้งโลก

    ด้วยความเป็นคนกตัญญูรู้บุญรู้คุณ

    ของสิ่งเลี้ยงดูของผู้เลี้ยงดู

    แล้วสกุลชาวนานั้นต่ำที่ตรงไหนลองว่ามาซิ
    ...ถ้าตำหนิว่าเขาต่ำจริง เราคนสกุลสูงและสูงๆ

    ก็อย่ากินข้าวและเผือกมันของเขาซิ

    มันจะเสียเกียรติของคนลืมตนเย่อหยิ่ง

    ปล่อยให้ตายเสีย

    จะได้ไม่หนักโลกของชาวนาที่หาข้าวมาให้กิน

    กินแล้วไม่รู้จักบุญคุณ"
    ------------------------------------------------
    "...คราวเป็นฆราวาส

    มันก็คิดบ้าๆเหมือนโลกตื่นลมเขาเหมือนกัน

    ว่าตนเป็นลูกชาวนาวาสนาน้อย

    คิดอยากเป็นเจ้าเป็นนายกับเขาเหมือนกัน

    อย่างน้อยไปเป็นครูสอนนักเรียนก็ยังดี

    แต่เราคนจน หาเลี้ยงแม่ เลี้ยงน้อง

    พอรู้สึกตัวว่ามีฐานะยากจน

    ไม่มีเวลาเรียนและไม่มีทุนเรียนหนังสือ

    ดังนี้แล้วก็หยุดคิด หยุดกังวลใจกับเรื่องนี้

    พอมาบวชปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ

    ความรู้สึกกับธรรมเริ่มซึมซาบเข้าถึงกันวันละเล็กละน้อย

    ความที่เคยคิดว่า

    ตนเป็นคนอาภัพวาสนาเป็นลูกชาวนาก็ค่อยๆหายไปๆ

    จนกลายเป็นความรู้สึกว่า

    จะเกิดในสกุลใดก็คือสกุลมนุษย์

    ที่ต้องตะเกียกตะกายหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

    เพื่อความอยู่รอดเหมือนๆกันไปเรื่อยๆ

    ตราบเท่าทุกวันนี้ ซึ่งแก่มากแล้ว

    มันเลยมีความรู้สึกไปคนละโลก

    และรู้สึกไปในแง่ที่โลกเขาไม่ค่อยคิด

    หรือไม่คิดกันเสียแล้วทุกวันนี้"
    ------------------------------------------------
    เมื่ออายุของหลวงปู่มากขึ้น

    ก็ให้เกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่

    และความวุ่นวายต่างๆของทางโลก

    จิตใจให้รุ่มร้อนอยากจะหาที่สงบ

    เพื่อทำจิตให้เงียบสงัด พ้นจากความวุ่นวายทั้งหลาย

    ชีวิตในทางโลกของหลวงปู่ไม่ค่อยราบรื่นนัก

    เหตุการณ์สำคัญอันหนึ่ง

    ท่านพระอาจารย์มหาบัวได้เรียบเรียง

    เป็นคำพูดของหลวงปู่สอนหลานไว้ดังนี้

    "...ปู่จะพูดตรงไปตรงมาและสรุปความย่อๆเลยนะหลาน

    เดิมปู่เป็นคนขยันขันแข็ง

    รับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างจริงใจ

    แต่การทำมาหาเลี้ยงครอบครัว

    ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่อยากให้เป็น ขาดๆเขินๆ

    ซึ่งทำให้ปู่คิดสงสารครอบครัวอยู่ไม่วาย

    จึงคิดและตัดสินใจลงไปรับจ้างทำนาทางภาคกลาง

    พอได้เงินแล้วก็กลับมาบ้าน

    แต่เจ้ากรรมมาเจอเมียมีชู้

    ตอนนี้ปู่เกือบเสียคนไปทั้งคนอย่างไม่คาดฝัน"

    "...ก็มาเจอเมียกำลังเริงรักหักสวาท

    อยู่กับชายชู้อย่างตำตาละซิหลาน ใครจะทนได้

    ปู่จึงเกือบเสียคนไป

    คือขณะนั้นเอง ขณะที่ปู่แอบอ้อมมาดู

    ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านเวลาเงียบๆ

    ดึกสงัดพร้อมกับดาบอันคมกริบอยู่ในมือ

    เงือดเงื้อดาบสุดแรงเกิด

    จะฟาดฟันลงให้ขาดสะบั้นไปทั้งเมียทั้งชายชู้

    แต่เผอิญชายชู้มองมาเห็นก่อน

    ยกมือขึ้นไหว้ปู่จนตัวสั่นเทาๆ ขอชีวิตชีวาไว้

    พร้อมทั้งยอมสารภาพความผิดที่ทำลงไปทุกอย่าง
    ขณะจิตสะดุดขึ้นเตือนว่าเขายอมแล้ว อย่าทำๆ

    จะเป็นความเสียหายเพิ่มเข้าอีกโดยไม่มีผลดีอะไรเกิดขึ้นเลย

    ประกอบกับใจเกิดความสงสารชายชู้ผู้กลัวตายสุดขีด

    ใจเลยอ่อนลง

    แล้วเรียกร้องให้ชาวบ้านมาดูเหตุการณ์ในขณะนั้น

    จนหายสงสัยในข้อเท็จจริงทั่วหน้ากันแล้ว

    ประชุมญาติและผู้ใหญ่บ้านจะเอาเรื่องอย่างหนัก

    ชายชู้ยอมรับทุกอย่าง จึงปรับไหมด้วยเงิน

    พร้อมกับประกาศยกเมียให้ชายชู้นั้นอย่างเปิดเผยในชุมนุมชน

    ตัดกรรมตัดเวรหายห่วงไปเสียที
    หลังจากนั้นมีแต่สลดสังเวชใจเป็นกำลัง

    คิดเรื่องอะไรในโลกไม่มีความลงใจติดใจ

    ที่จะทำที่จะอยู่แบบโลกเขาอยู่กันอีกต่อไป

    ใจหมุนไปทางบวช

    เพื่อหนีโลกอันโสมมนี้ให้พ้นมันโดยถ่ายเดียว

    อย่างอื่นใจไม่ยอมรับเลย

    มีการออกบวชหนีโลกเพื่อความพ้นทุกข์ไปนิพพาน

    ตามเสด็จพระพุทธเจ้าพระสาวกท่านอย่างเดียวเท่านั้น

    เป็นที่ลงใจและสมัครใจอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรมาขัดแย้ง

    ปู่จึงได้มาบวชและปฏิบัติธรรมอย่างถึงใจเรื่อยมาจนปัจจุบันนี้

    นี่แลสาเหตุที่จะให้ปู่ออกบวชอย่างรวดเร็ว

    เพราะความสังเวชเบื่อหน่ายประทับใจปู่จริง

    และตอนนี้แลเป็นตอนที่ปู่บวชด้วยศรัทธาความอยากบวชจริง

    ไม่มีอะไรจะห้ามไว้ได้

    เนื่องจากความเบื่อหน่ายในเหตุการณ์ที่ประสบมา

    และคิดกว้างขวางเท่าไร ก็ยิ่งเกิดความเบื่อหน่ายมากขึ้น

    ถึงกับต้องบวชดังใจหมาย"
    ------------------------------------------------
    ► ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรมและปฏิปทา
    ชีวิตสมณะของหลวงปู่ขาว อนาลโย

    เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๒ เมื่ออายุ ๓๑ ปี

    โดยอุปสมบทที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบ่อชะเนง

    ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

    โดยมีท่านพระครูพุฒิศักดิ์เป็นพระอุปัชฌาย์

    พระอาจารย์บุญจันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    เมื่ออุปสมบทแล้ว
    หลวงปู่ได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรีเป็นเวลา ๖ พรรษา

    เนื่องจากหลวงปู่ได้บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา

    ในปฏิปทาของพระอาจารย์มั่น

    หลวงปู่จึงได้ญัตติเป็นพระธรรมยุติ

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ อายุได้ ๓๗ ปี

    ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี

    โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์

    แล้วได้จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นเวลา ๘ ปี

    จากนั้นหลวงปู่ได้เดินธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่น

    ปฏิบัติธรรมไปยังสถานที่ต่างๆ
    ประวัติการเดินธุดงค์ของหลวงปู่ขาวนั้น
    ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้เรียบเรียงไว้
    ในหนังสือ ปฏิปทาของพระธุดงค์กรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะ
    ตั้งแต่หน้า ๑๘๕ ถึงหน้า ๒๓๖ อย่างละเอียดลออ
    โดยไม่ได้เอ่ยนามว่าเป็นใคร
    แต่หลายๆ ท่านเชื่อว่าเป็นปฏิปทาของหลวงปู่ขาว
    ------------------------------------------------
    ท่านพระอาจารย์มหาบัว

    เล่าไว้ในปฏิปทาของพระธุดงค์กรรมฐานว่า

    "ตอนก่อนปฏิบัติกรรมฐาน

    ก็ทราบว่าท่านเคยได้รับอารมณ์เขย่าก่อกวนใจนานาประการ

    ที่จะให้เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญจากคนทั้งหลาย

    ทั้งเป็นพระทั้งเป็นฆราวาสว่า
    ..เวลานี้มรรคผลนิพพานหมดเขตหมดสมัยไปนานแล้ว

    ใครจะบำเพ็ญถูกต้องดีงามตามพระวินัยเพียงไร

    ก็ไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จตามใจหวังได้

    บ้างว่าการบำเพ็ญภาวนาทำให้คนเป็นบ้า

    บ้างว่าสมัยนี้เขาไม่มีพระธุดงค์กรรมฐานกันหรอก

    นอกจากพระธุดงค์กรรมฐานที่จำหน่ายตะกรุด

    คาถาวิชาอาคมของขลังต่างๆ
    ..ส่วนพระธุดงค์กรรมฐาน

    ที่ดำเนินตามทางพระธุดงค์นั้นไม่มีแล้วสำหรับทุกวันนี้

    อย่าไปทำให้เสียเวลาและเหนื่อยเปล่าเลย
    สำหรับท่านเองไม่ยอมฟังเสียงใคร

    แต่ไม่คัดค้านให้เป็นความกระเทือนใจกันเปล่าๆ

    ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสองฝ่าย

    ในความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ภายในท่านที่ว่า

    ผู้ที่พูดหว่านล้อมกีดกันไม่ให้เราออกกรรมฐานด้วยอุบายต่างๆนี้

    มิใช่ผู้วิเศษวิโสอะไรเลย

    เราจะต้องออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียวในไม่ช้านี้

    และจะค้นหาของจริงตามหลักธรรมที่ประทานไว้

    จนสุดกำลังความสามารถขาดดิ้นสิ้นซาก
    เมื่อพร้อมแล้วท่านก็ออกเดินธุดงค์

    ในท่ามกลางประชาชนและครูอาจารย์ทั้งหลาย

    ที่กำลังชุมนุมกันอยู่ในวัดเวลานั้น

    เวลาจะไปท่านพูดสั่งเสียด้วยความจริงใจ

    ว่าเมื่อกระผมและอาตมาไปแล้ว

    ถ้าสอนตัวเองไม่ได้เต็มภูมิจิตภูมิธรรมตราบใด

    จะไม่มาให้ท่านทั้งหลายเห็นหน้าตราบนั้น
    เสร็จแล้วก็ลาพระอาจารย์นักปราชญ์ทั้งหลายออกเดินทาง

    ท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก

    มุ่งหน้าไปทางพระธาตุพนม

    บุกป่าฝ่าดงมาจนถึงพระธาตุพนม

    ลุถึงอุดรฯ หนองคาย เพื่อตามหาท่านอาจารย์มั่น

    ซึ่งทราบว่าท่านจำพรรษาอยู่ที่อำเภอท่าบ่อ
    ได้พักอบรมกับท่านชั่วระยะเท่านั้น

    ท่านก็หนีจากเราไปทางเชียงใหม่ หายเงียบไปเลย

    จึงพยายามตามหลังท่านไป

    โดยเที่ยวธุดงค์กรรมฐานไปเรื่อยๆตามลำน้ำแม่โขง

    จนลุถึงเชียงใหม่และเที่ยวบำเพ็ญอยู่ตามอำเภอต่างๆ

    จนได้พบและได้ฟังการอบรมจากท่านจริงๆ

    แต่ท่านไม่ค่อยให้ใครอยู่ด้วย ท่านชอบอยู่เฉพาะองค์เดียว

    หลวงปู่ขาวว่า

    ท่านก็พยายามไปอยู่ในแถวใกล้เคียงหลวงปู่มั่น

    พอไปมาหาสู่เพื่อรับโอวาทได้ในคราวจำเป็น

    เมื่อเข้าไปเรียนศึกษาข้ออรรถข้อธรรม

    ท่านก็เมตตาสั่งสอนอย่างเต็มภูมิไม่มีปิดบังลี้ลับ

    เมื่ออยู่นานไปบางปีท่านก็เมตตาให้เข้าไปจำพรรษาด้วย

    ใจนับวันเจริญขึ้นโดยลำดับ

    ทั้งด้านสมาธิและด้านปัญญา

    มีความเพลิดเพลินในความเพียร

    ทั้งกลางวันและกลางคืนไม่มีเวลาอิ่มพอ"
    ------------------------------------------------
    หลวงปู่ขาวเมื่ออยู่ในวัยแข็งแรง

    เป็นนักท่องเที่ยวกรรมฐานชั้นเยี่ยม

    ท่านออกเดินทางทุกปี

    และได้สมบุกสมบันไปแทบทุกภาคของประเทศ

    หลวงปู่เคยเดินธุดงค์ร่วมกันกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นเวลาหลายปี
    นอกจากนี้สหายทางธรรมของท่านที่มีชื่อเสียง ก็มี
    ..หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
    ..หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และ
    ..หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นอาทิ
    หลวงปู่ขาวได้สร้างบารมีอยู่ในป่าในเขาเป็นเวลายาวนาน
    ท่านได้ประสบการณ์เกี่ยวกับป่ามากมาย
    สัตว์ป่า เช่นลิง ค่าง ช้าง เสือ กับพระธุดงค์นั้น
    ต่างฝ่ายต่างหลีกกันไม่ค่อยจะพ้น
    พระธุดงค์ท่านรักการเดินป่า
    สิงสาราสัตว์มันก็จำเป็นต้องเร่ร่อน
    ออกหากินตามเรื่องของมัน
    ดังนั้นการเผชิญหน้ากันอย่างไม่คาดฝันของทั้งสองฝ่ายจึงมีขึ้นเสมอๆ
    และการพบกันแต่ละครั้ง

    ต้องมีเรื่องตื่นเต้นเล่าสู่กันฟังต่อๆมาไม่จบ

    เวลาหลวงปู่นึกถึงอะไร

    สิ่งนั้นมักจะมาตามความรำพึงนึกคิดเสมอ

    เช่น นึกถึงช้างว่าหายหน้าไปไหนเป็นปีๆแล้ว

    ไม่เห็นผ่านมาทางนี้บ้าง

    พอตกกลางคืนดึกๆช้างตัวนั้นก็มาหาจริงๆ

    และเดินตรงมายังกุฏิที่ท่านพักอยู่

    พอให้ท่านทราบว่าเขามาหาแล้วก็กลับเข้าป่าไป

    เวลาหลวงปู่รำพึงนึกถึงเสือก็เหมือนกัน

    เพียงนึกถึงเสือตอนกลางวัน

    พอตกกลางคืนเสือก็มาเพ่นพ่านภายในวัด

    และบริเวณที่ท่านพักอยู่
    ------------------------------------------------
    คุณหมออวย เกตุสิงห์
    เขียนไว้ในประวัติอาพาธ
    ซึ่งเป็นภาคผนวกของหนังสืออนาลโยวาทว่า
    "...พอเรียนถามท่าน

    ถึงลักษณะป่าเขาลำเนาไพรในแง่ที่พระธุดงค์สนใจ

    ท่านจะเล่าอย่างสนุกสนาน และละเอียดลออทุกแห่ง

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตแคว้นภาคอีสานและภาคเหนือ

    ท่านได้สัญจรซ้ำๆ ด้วยความสนใจเป็นพิเศษ

    ไม่ต้องสงสัยว่าในสมัยนั้น

    สุขภาพของท่านจะอยู่ในระดับยอดเยี่ยม

    เพราะได้ดำเนินชีวิตอย่างอุดม

    ไม่ปรากฏว่าท่านมีโรคประจำตัวอย่างใดที่สำคัญ

    นอกจากเป็นไข้ป่า

    ซึ่งเป็นของธรรมดาสำหรับพระธุดงค์กรรมฐานทุกองค์

    กับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง

    ซึ่งอาจจะเป็นผลของโรคนิ่วตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ"

    เวลาหลวงปู่ไม่สบายอยู่ในป่าในเขา

    มักจะไม่ใช้หยูกยาอะไรเลย

    จะใช้แต่ธรรมโอสถ

    ซึ่งได้ผลทั้งทางร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน

    หลวงปู่เคยระงับไข้ด้วยวิธีภาวนามาหลายครั้ง

    จนเป็นที่มั่นใจต่อการพิจารณาเวลาไม่สบาย
    ------------------------------------------------
    ท่านพระอาจารย์มหาบัวเล่าถึงหลวงปู่ขาวไว้

    ในปฏิปทาของพระธุดงค์กรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

    ว่าหลวงปู่ได้บรรลุธรรมชั้นสุดยอด

    ในราวพรรษาที่ ๑๖-๑๗

    ในสถานที่มีนามว่า โรงขอด

    แห่งอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

    ท่านเขียนไว้ว่า :

    ..เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จ

    หลวงปู่ขาวออกจากที่พักไปสรงน้ำ

    ได้เห็นข้าวในไร่ชาวเขากำลังสุกเหลืองอร่าม

    ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาในขณะนั้นว่า

    ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด

    ใจที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด

    ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกันกับเมล็ดข้าว

    เชื้อนั้นถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไป

    จะต้องพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด

    ก็อะไรเป็นเชื้อของใจเล่า

    ถ้าไม่ใช่กิเลสอวิชชา ตัณหาอุปาทาน
    คิดทบทวนไปมา

    โดยถืออวิชชาเป็นเป้าหมายแห่งการวิพากษ์วิจารณ์

    พิจารณาย้อนหน้าถอยหลัง

    อนุโลมปฏิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา

    นับแต่หัวค่ำจนดึก

    ไม่ลดละการพิจารณาระหว่างอวิชชากับใจ

    จวนสว่างจึงตัดสินกันลงได้ด้วยปัญญา

    อวิชชาขาดกระเด็น ออกจากใจไม่มีอะไรเหลือ

    การพิจารณาข้าว

    ก็มายุติกันที่ข้าวสุกหมดการงอกอีกต่อไป

    การพิจารณาจิตก็มายุติกันที่อวิชชาดับ

    กลายเป็นจิตสุกขึ้นมาเช่นเดียวกับข้าวสุก

    จิตหมดการก่อกำเนิดเกิดในภพต่างๆ อย่างประจักษ์ใจ
    สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจ

    คือความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วนๆ

    ในกระท่อมกลางเขามีชาวป่าเป็นอุปัฏฐากดูแล

    ขณะที่จิตผ่านดงหนาป่ากิเลสวัฏฏ์ไปได้

    แล้วเกิดความอัศจรรย์อยู่คนเดียวตอนสว่าง

    พระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างบนฟ้า

    ใจก็เริ่มสว่างจากอวิชชาขึ้นสู่ธรรมอัศจรรย์

    ถึงวิมุตติหลุดพ้นในเวลาเดียวกันกับพระอาทิตย์อุทัย

    ช่างเป็นฤกษ์งามยามวิเศษเอาเสียจริงๆ"
    ------------------------------------------------
    หลวงปู่ขาวได้ธุดงค์จาริกไปตามถิ่นที่ต่างๆ

    จนกระทั่งในที่สุดก็มาพำนักจำพรรษา

    อยู่ที่วัดป่าถ้ำกลองเพล

    อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู

    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ จวบจนกระทั่งมรณภาพ

    เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ เปิดดูไฟล์ 5445104 เปิดดูไฟล์ 5445105 SAM_7658.JPG SAM_7659.JPG sam_7591-jpg.jpg

     
  18. ddon7650

    ddon7650 มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฎฐา มโนมยา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +151
    ขอจองครับ
     
  19. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,922
    ค่าพลัง:
    +5,740
    ได้รับแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  20. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 882 7191040_o-jpg-_nc_cat-108-_nc_sid-dbb9e7-_nc_ohc-otlaai-srfsax_s6i8s-_nc_ht-scontent-fkkc2-1-jpg.jpg พระปิดตาปฐวีทรัพย์หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าถํ้าพระเทพนิมิต อ.กุดจับ จ.อุดรธานี องค์พระสร้างปี 2560 มีมวลสารที่สร้างลงตามใบฝอยครับ
    >>>>>ประวัติ หลวงrพ่อ สมเกียรติ ชิตมาโร
    วัดป่าถ้ำพระเทพนิมิต (ถ้ำตาลเลียน) บ้านทุ่งตาลเลียน ตำบลตาลเลียน
    อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี
    ท่านถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๙๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม ท่านเกิดในสกุล “จันทร์วงศ์” เป็นบุตรชายคนที่ ๔ ในจำนวนพี่น้อง ๕ คน ณ บ้านสร้างเสี่ยน ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู สมัยเมื่อเกิดเป็นทารกแรกคลอดมีสายรกพันคอและเฉวี่ยงบ่าคล้ายสายสะพายบาตรออกมาด้วย บิดาท่านจึงอุทานออกมาว่า ลูกคนนี้ต้องได้บวชเป็นพระแน่นอน เมื่อเติบใหญ่ท่านพระอาจารย์สมเกียรติได้เคยบอกเพื่อน ๆ ว่า ถ้าอายุครบ ๒๑ ถึงอายุเกณฑ์ทหารแล้ว ถ้าจับไม่โดนใบแดง ติดทหาร ท่านจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ นี่เป็นสัจจะวาจาที่ท่านตั้งไว้เป็นคำสัตย์
    หลังจากไม่ติดทหาร ท่านจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ณ พัทสีมาวัดจันท์ประสิทธิ์ บ้านสร้างเสี่ยน ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีหลวงปู่บุญมา สุชีโว วัดป่าสุขเกษม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองสูน สุธัมโม เป็นพระผู้สอนนาค และเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์จันทรลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ชิตมาโร” แปลว่า “ผู้พิชิตมาร”
    ภายหลังอุปสมบทหลวงปู่หวัน จุลปัณฑิโต แห่งวัดถ้ำกลองเพล ได้ขอให้พระอาจารย์สมเกียรติ ชิตมาโร ขึ้นไปจำพรรษาที่วัดป่าภูเก้า บ้านดอนหัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าภูเก้า อยู่ถึง ๓ พรรษา จากนั้นในพรรษาที่ ๔ ท่านได้ไปอยู่ที่วัดป่าประสิทธิสามัคคี (วัดของท่านพระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม) บ้านต้าย อำเภอสว่างแดนดิน จังหหวัดสกลนคร พรรษาที่ ๕ อยู่ที่วัดญาณสังวร อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พรรษาที่ ๖ วัดป่าหมากแข้ง(วัดหลวงพ่อผจญ อสโม) อ.วังสะพุง จ.เลย พรรษาที่ ๗ วัดป่าทรายทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พรรษาที่ ๘ กลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดจันทร์ประสิทธิที่ท่านอุปสมบท พรรษาที่ ๙ วัดป่าสานตม ธรรมสถานของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย พรรษาที่ ๑๐-๑๑ วัดป่าถ้ำพระเทพนิมิตบ้านทุ่งตาลเลียน อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี พรรษาที่ ๑๒- ๑๓ ท่านปฏิปัติธรรมอยู่ที่ภูลังกากับหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ณ วัดถ้ำยานาโพธิ์ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม พรรษาที่ ๑๔ ได้ติดตามหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ มาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านใหม่ ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จากนั้นจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำพระตาลเลียนแห่งนี้ ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๕ จนถึงปัจจุบันนี้ พรรษาที่ ๔๑

    ( ในบางครั้งองค์หลวงปู่บุญมีท่านจะบอกกล่าวกับญาติโยมที่คุ้นเคยถึงหลวง พ่อสมเกียรติ ว่าลูกชายองค์โต -ทายาทธรรม และบางคราท่านก็จะแนะนำญาติโยมให้ไปกราบหลวงพ่อ สมกียรติ )

    " คติธรรมสอนใจ "

    " เมื่อธรรมมีกำลังแล้ว เราไม่เคยคาดเคยหมายแหละ หากเป็นขึ้นโดยกำลังของธรรม กำลังของธรรมกับกำลังของจิต กลมกลืนเป็นอันเดียวกันแล้ว หากเป็นขึ้นรู้ขึ้น สิ่งที่ไม่เคยรู้ก็รู้ สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็เห็น สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเราจะตัดขาดไปได้ ก็ตัดขาดไปได้ ด้วยอำนาจของธรรม เป็นเครื่องมืออันทันสมัย ทันกาลทันเวลา ทันกับกิเลสทุกแง่ทุกมุมทุกประเภทของกิเลสนี่ละ ที่ท่านหลุดพ้นไปได้ ท่านหลุดพ้นด้วยวิธีการอย่างนี้แล "

    sam_7408-jpg.jpg sam_7411-jpg.jpg sam_7410-jpg.jpg sam_7412-jpg.jpg sam_0845-jpg.jpg

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>มีพระเกศาหลวงพ่อมาบูชาเป็นมงคล ********บูชาที่ 355 บาทฟรีส่งems
     

แชร์หน้านี้

Loading...