บารมี อจละวิทยราช

ผลพวงเสมือนกับ "หมากตัวเดียว"ล้มทั้งกระดาน

กลุ่มโจรปล้นฆ่า BRN ฯลฯ ต่าง สับสนอลหม่าน แตกแยก วุ่นวายกับ นักวิชาการ นักกฎหมาย นักแชร์ นักไลฟ์สด นักปั่น นักสิทธิ์ NGO หรือแม้แต่นักการเมือง และพวกที่จ้องดูอย่างไม่แสดงตัวอยู่เบื้องหลังอีกหลายคน เท่าที่ทราบ บิ๊กๆระดับใครก็รู้จักเพราะเคยมีบทบาทในสังคม แต่! ต่างหงายท้องกันไปตามไปกัน แบบกู่ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น บางคนและหลายคนเป็นบ้าเสียสติไปเลยก็มี

( ขาใหญ่ตายกระทันหันเพียบ! )

ผลของความคิดไม่ซื่อ ! และมุ่งปองร้าย ต่อ (ปฎิสัมภิทา) โดนคุณวิเศษเล่นงานทางอ้อมและทางตรง จนเสื่อมลาภเสื่อมบารมีเสื่อมชีวิต กระจายไปแบบทั่วถึงทุกๆกระเบียดนิ้วและแห่งหน

น่าเวทนายิ่งนัก ที่จิตใจไม่บริสุทธิ์

ตอนแรกๆก็ปลุกระดมอยู่ดีๆ นึกว่าสกิลจะเยอะ! ต่างสตั้น หงายท้องไปตามๆกัน

 

แค่เอาเรื่องสถานการณ์การใต้ มาเล่าให้ฟัง

ตอนนี้เป้าหมายเกรียนใหม่ๆกลายเป็นแพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบ นิติวิทยาศาสตร์ฯลฯไปแล้ว ยาวไป ด่าไปจนถึงขั้น ดูหมิ่นเหยียดหยามครอบครัว ผู้เสียชีวิตที่ไปรับเงินช่วยเหลือเยียวยาของเจ้าหน้าที่ภาครัฐเลยก็มี

เอาทุกทาง!

พาลไปเรื่อย สันดานคนเหล่านี้ เกรียนจนตาย!

สำหรับเคสผมไม่ได้หลอกให้ชกนะครับ เสนอหน้าเข้ามาหาเอง จัดมวยเปรียบมวยกันเอาเอง
ชนิด 1000000 รุม 1 ผลการชก โดนน๊อกเอาท์ไปตามๆกัน

จะซึ่งหน้าหรือนอกเกมส์ ว่าด้วยความโหดเหี้ยมเล่ห์เหลี่ยมอำมหิต ผมเหนือกว่า กบฎแขกมักกะสันเยอะครับ เกทับด้วยราคาคุยแบบนี้ละกัน นี่ขนาดว่า ผมโง่และอ่อนที่สุดในสยาม แล้วนะ คนเก่งๆฉลาดๆในสยามมีอีกเยอะ ฉนั้นอย่าได้ประมาทต่อสถานการณ์บ้านเมืองนะครับ อย่าคิดว่าอยู่ห่างไกลแล้วไอ้เกรียนพวกนี้ มันจะตามไปพาลไม่ถึง จงเตรียมพร้อมสอนลูกสอนหลานให้มีความรู้พร้อมสรรพ ถึงเวลาโดนไล่ปล้นฆ่าก่อเหตุแบบในอินโดนีเซีย จะได้ไม่ตกตื่นใจ อย่าคาดหวังว่า จนท.จะสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ ช่วยเหลือได้ทันท่วงที ช่วยได้ทุกคนเสมอไป เพราะฉนั้นแล้วช่วยตนเองก่อนครับ

อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ อย่าประมาท! นี่กึ่งพุทธกาลแล้ว เลยมาเพียงแค่2ปี 2562 หลังจากนี้ไม่รู้อะไรจะตามมาอีก ขอให้ทุกสรรพชีวิตพ้นภัย

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

{×}ภัยพิบัติและการเตรียมการ{×}

 

จอมภพ เข้าสภา แหมถ้าโชว์รูปด้วย ทั่น สส.อาจจะร่วงแทน แน่นอน เกมส์นี้ คงมีโต้ตอบมา แต่ก็แพ้เหมือนเดิม ผลแพ้ชนะ มันชัดเจนอยู่แล้ว

นี่ระดับ สส. ยังไม่รู้จักใช้วิจารณญาณ จนตกเป็นเครื่องมือของ เกรียน BRN




ออ ลบวิดีโอ หนีไปอีกแล้ว ^_^ อื้ม ไม่เป็นไร ให้อภัย แต่ก็จงรับผลของกรรมตามกาล

 

การเคลื่อนไหวตามไทม์ไลน์ของเจ้าของกระทู้ เป็นไปในทางเดียวอันสืบเนื่องมาจาก " พุทธทำนายในมหาสุบิน " ทุกๆห้วงกึ่งพุทธกาล อภยปริตร จะปรากฎขึ้นและถูกทำลาย และมีผู้ออกมาปกป้อง นั่นก็คือสัญญาณเตือนเพียงเท่านั้น!
https://palungjit.org/threads/พุทธท...ัติและสงครามใหญ่-ปีพ-ศ-2560-เป็นต้นไป.569027/

นี่เพื่อปกป้องปกปักรักษาพระพุทธศาสนาที่จะมีมาในภัย ๕ ประการ

หาใช่อยากเด่นอยากดังอวดตัวเพื่อมั่วหญิงมั่วชายไม่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ในตอนนี้จะรอดชีวิตได้ออกบวชตาม "มหานิมิต"นั่นไหม อาจจะยอมตายทิ้งร่างนี้ไปเกิดใหม่แบบโอปปาติกะ หรือกำเนิดในครรภ์ รอเวลาเจริญเติบโตก็ได้

แต่ก็หวังว่า จะไม่มีใครไปปลุก"ยักษ์"ที่หลับอยู่ บอกเลย เพราะมันไม่ใจดีเหมือน พม่าในยะไข่ จีนที่ซินเจียง แน่!



https://pantip.com/topic/37985380

 

แรกๆก็นึกว่าสู้ด้วยใจอยู่เพียงลำพังคนเดียว แต่มาพอหลังๆ กลับปรากฎผู้ที่เข้ามาสนับสนุนและช่วยเหลือมากมาย แม้จะตกที่นั่งลำบากสักเพียงใดก็ตามก็ยังไม่ละทิ้งกัน นี่ล่ะนะ องค์คุณของ กัลยาณมิตร และท่าน สหธรรมิก ทั้งหลายฯ

แต่ก็ต้องขอโทษขออภัยในการปฎิบัติตัวในร่างเน่าๆที่อาศัยอยู่นี่ ที่เรายังไม่สิ้นกิเลสแต่ก็เบาบางพอสมควร


ขออนุโมทนาฯ ที่มีส่วนร่วมช่วยเหลือกัน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่เพื่อส่วนรวมตาม กรรมจัดสรร

 

แม้จะยึดถือ งักฮุย เป็นแบบอย่าง แต่ก็ต้องคอยดูพฤติกรรม ผู้ที่เอา ฉินฮุ่ย เป็นแบบอย่างล่ะนะ!

ไม่แยกแยะดีชั่ว ไม่ห่วงใยบ้านเมืองและชาวประชา เป็นพาลพาโลเสนียดจัญไรของแผ่นดิน


ฉินฮุ่ย (จีนตัวย่อ: 秦桧; จีนตัวเต็ม: 秦檜; พินอิน: Qín Huì) หรือที่ภาษาจีนแต้จิ๋วออกเป็น ฉินไคว่เป็นอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเกาจงเป็นผู้ที่โลภมากในทรัพย์และมีความเหี้ยมโหดและเป็นผู้ที่ทำให้แม่ทัพงักฮุยพร้อมบุตรชายต้องถูกประหารชีวิต และเขายังขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ โดยความโหดเหี้ยมของเขาทำให้ประชาชนนำแป้งมาปั้นติดกันและนำไปทอดจนเหลืองกรอบแล้วนำมากิน โดยการทำเช่นนี้เปรียบเหมือนกับการระบายความแค้นที่ฉินฮุ่ยกับภรรยาทำความอับอายให้แก่คนจีนโดยให้ชื่อว่า อิ่วจาก้วย คนไทยรู้จักขนมนี้เป็นอย่างดีว่า ปาท่องโก๋คนจีนภายหลังยังคงเคียดแค้นขุนนางชั่วทั้งหลายที่ร่วมกันทำให้แม่ทัพงักฮุยพร้อมบุตรชายต้องถูกประหารชีวิต ภายหลังจึงทำรูปปั้นสองสามีภรรยาและพวกไว้หน้าศาล คุกเข่ารับการสาปแช่ง บ้างก็ถูกถ่มน้ำลายใส่จากชนรุ่นหลังจนถึงทุกวันนี้

นี่เรื่องความมั่นคงของพ่อแม่พี่น้องประชาชนตลอดชาติบ้านเมืองและความเป็นไปของพระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องส่วนตัว หรือเรื่อง ผัวเมียละเหี่ยใจ หรือดราม่ารักสามเส้าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เกรียนคีย์บอร์ดหลบไปไกลๆก่อน จะสอดให้เปิดหน้าเล่นจะได้ฟ้องได้เต็มเครื่อง อย่าทำเป็นปลาซิวปลาสร้อย ไปเช็คดูให้ดีๆ ว่ามีใครหรือหน่วยงานใดบ้างคอยติดตามเก็บข้อมูลอยู่ทั้งไอพีและพฤติกรรม พลาดมาเมื่อไหร่ อย่ามาร้องขอให้ยอมความกัน ทั้งจำทั้งปรับอย่างเดียว ไม่รอลงอาญา เจอขึ้นบัญชีดำ โดนล๊อกตัวถึงวิมานหรือด่านคนเข้าเมือง ช่วยไม่ได้นะ!

คิดดีทำดีพูดดี ทำได้ก็อยู่รอดปลอดภัย จะหยุดบารมีธรรม(สหธรรมิก) ใครที่ไหนดินแดนใดจะสามารถ

 

เจ้าก็แค่อวตาลสอพลอ รู้แต่รักตัวกลัวตาย หวังเสวยสุข ยังกล้าบังอาจ มาอ้างฟ้าดินต่อหน้าข้า เจ้ามันคนถ่อย โจรปล้นชาติ แม้เจ้าจะต้องสิ้นใจตายในวันนี้ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเองมีหน้าไปพบบูรพกษัตริย์และบรรพบุรุษอีกรึ ไอ้ข้าสองเจ้า อยู่จนแก่ปูนนี้แล้ว ยังไม่มีความชอบสักอย่าง รู้แต่เล่นลิ้นลมปาก ช่วยโจรปล้นชาติ สุนัขขี้เรื้อนอย่างเจ้า ยังกล้ามาเห่าห่อนต่อหน้าข้าอีกรึ ข้าเกิดมาไม่เคบพบเห็น คนไร้ยางอายสิ้นดี เช่นเจ้า

 

ข้อมูลข่าวสาร เพื่อรับทราบ

ผมมีแต่ต่อต้านโจร และมีแต่หาทางออกที่สันติให้ ไม่เคยสนับสนุนการทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงประหัตประหารกันระหว่างศาสนา
https://palungjit.org/threads/วิเคราะห์สถานการณ์เภทภัยพุทธศาสนา.611648/

 

โอกาสทอง ในการยกระดับ! อันหาได้ยากยิ่งในชีวิต!

 

รูปถ่ายของเรา เป็นคนเดียว ที่ถูกส่งไปในหลายประเทศในกลุ่มผู้ชื่นชอบความรุนแรงเพื่อ ถูกจาบจ้วงและเกลียดชัง โดยที่ไม่ได้มีความผิดจริงตามที่เขากล่าวอ้าง

ผลที่ตามมา คือการเกิดภัยพิบัติในนานาประเทศนั้นๆ

ตามไพรีพินาศที่เราแสดงไว้

ผู้ประทุษร้าย ผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมประสบกับความพินาศ

เพราะความไม่รู้สภาวะธรรม

●ถ้าเราเป็น พระโพธิสัตว์ท่านใดท่านหนึ่งนั้นจริง ผลก็เป็นเช่นนั้น ●

เรียกได้ว่า " ความซวยมาเยือน ถูกทำลายทางอ้อม โดยทีมงานของตนเอง "

 

ตอนนี้ เราไม่ปรารถนาที่จะเกลียดใคร ชังใคร หรือโกรธใคร มุ่งร้ายใคร แม้แต่ยุงและมด มือเราเปื้อนเลือดมาพอแล้ว

การตอบโต้เอาชัยชนะด้วยการต่อสู้ เอาเลือดเอาเนื้อเข้าแลกกัน ประหัตประหารกันด้วย กำลัง ไม่เป็นที่ประเสริฐเลย

เมื่อใจเราสะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น อดีตที่เคยคิด ว่าต้องสู้ต้องตอบโต้ ต้องฆ่า ต้องทำลาย ก็หมดไป

ไม่ปรารถนาให้ใครๆต้องทนทุกข์ ในการเบียดเบียนซึ่งกันและกันอีก นี่เป็นสภาวะที่เราเข้าใกล้ความเป็นจริงที่ชัดเจนมากขึ้นไปอีก

ชัยชนะที่ชนะแล้วไม่กลับไปแพ้อีก คือ ชนะกันด้วย" ธรรม"

เคยมีข้อความหนึ่ง ที่เคยกล่าวด้วยจิตของตนเอง

แต่ก็ไปตรงกับพระดำรัสวาจา

ประมาณว่า " แม้เราไม่ได้เป็นศัตรูของใคร แต่ก็มีในโลกที่เห็นเราเป็นศัตรู "


ศัตรูของชาวพุทธบริษัท๔ คือ กิเลส และอวิชชา ทั้งหลายเพียงเท่านั้น พึงทราบไว้เพียงเท่านี้ ตั้งมั่นในจิตใจ

ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำตามหน้าที่ไป ตามกาล

 

เราจะไม่บอกว่าเราเป็นใคร แต่เราจะทำหน้าที่ของเรา


นิมิตของมารดาเรา ก่อนมีครรภ์ เราคือ "นาฬิกาข้อมือ " เรือนเก่า ในต้นกัลปพฤกษ์

ท่านไม่เลือกแก้ว แหวน เงินทอง หรือสมบัติอื่น เหมือนเหล่าสตรีอื่นนับหมื่นพันที่แห่ห้อมล้อมต้นกัลปพฤกษ์นั้น

●เราอยู่ในฐานะพยานผู้รู้เห็นเป็นผู้ปกป้องพระไตรปิฏก และ อภยปริตร เท่านั้น

เป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมที่แท้จริง และเป็นผู้กล่าวสอนดวงตาเห็นธรรมนั้น แก่สาธุชน เป็นผู้ส่งเสริมการปฎิบัติและศึกษา ในคำสอนพระบรมหาศาสดาอันมีองค์ ๙

ในฐานะ วงศ์ของ {ผ้าขาว } แต่ก็ได้เพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราว ไม่ยืนยาวนานเหมือน { ผ้ากาษาแห่งสมณะเพศบรรพชิต}





ภาระและและหน้าที่ สิ่งที่ปฎิบัติ นั่นคือ " คุณความหมาย "



อ้างอิง!

นั่น ถูกต้องแล้วครับ เรียกมหาวัฏร ดูที่ผลการปฏิบัติ ในวัตรปฎิบัติที่ท่านเอ่ย ดูที่ประโยชน์ที่จะได้รับ อย่าดูที่ชื่อ นี่คือนักปฎิบัติอย่างแท้จริงครับ รู้แต่ชื่อ ไม่รู้ประโยชน์ ไม่ปฎิบัติ ไม่ได้ครับ ถ้าทำให้สับสนในคุณความหมาย ผมอธิบายไปเมื่อวานแล้วครับ เดี๋ยวเอามาลงให้ดู
3Cbr>
อ้างถึงการแสดงสาธยายธรรมเมื่อวาน

ถ้ายกข้อนี้กราบทูลถามสมเด็จพระบรมมหาศาสดา จะหมายให้ท่านตรัสตอบว่ายังไง?

วันนี้พึ่งสอนศิษย์ไปเกี่ยวกับการถาม เขาถามว่ามุณีคืออะไร ก็เลยถามกลับไปคืน ถามเพื่อจะหาประโยชน์อะไรจากคำนั้น คือมันต้องได้ประโยชน์จากการถาม คือความรู้ ไม่ใช่อยากรู้แค่เพียงความหมาย ถ้าจะเอาง่ายๆเปิดพจนานุกรมตอบชี้ชัด รู้ความหมายแล้วจะพอใจไหม? แล้วถ้า สำเนียงเสียงมันไปซ้ำเหมือนกับ คำศัพท์อื่น ในถ้วนทั่วไปในโลกล่ะ มันจะเข้าใจตรงกันไหมว่านั่น คือมุณี อุปมาดังนี้

ก็เลยยกตัวอย่างถามคืนไปคือ ก๊องแก๊ง นี่คืออะไรมหมายความว่าอะไร ถ้าเราสมมุติว่า ช้าง คือ ก๊องแก๊ง เธอถามหาช้าง เธอรู้ว่ามันเป็น ช้าง จะได้อะไรจากช้าง

แล้วถ้ามันมีความหมายเดียวกันกับ Elephant คือสมมุติในภาษาต่าง แต่เรียกไม่เหมือนกัน เราจะได้ประโยชน์อะไรจาก Elephant

อย่าพอใจแค่คำถามที่ตั้งเพียงแค่อยากรู้ คำตอบ อย่าหาประโยชน์เพียงแค่นั้นกับเวลาที่มีคุณค่าในชีวิต เพราะประโยชน์ในการถามอื่น แล้วรู้เข้าใจสามารถปฎิบัติได้ให้ผลทันทีนั้นมีอยู่

บัณฑิตจึงเป็นผู้คงแก่เรียน ควรถามหาคำตอบที่ได้ประโยชน์สูงสุด จากผู้ที่จะพอให้ความรู้ได้


อย่าถามหาศีลข้อ ๑.อันมี ปาณาติปาตา เวรมณี ที่โรงฆ่าสัตว์ เป็นต้น เพราะมันไม่มี


ถ้าเป็นปัญหาข้อติดขัดที่เราทราบจริงๆ เรารู้เราก็จะตอบทันที บอกภาวะอย่างชัดเจน นี่คือหาประโยชน์มาก

อย่าสนใจในสิ่งที่มีประโยชน์น้อยทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วสิ่งที่ควรรู้ควรเห็นและมีประโยชน์โดยยิ่งกว่ายังมีอีกมาก

บางสิ่งบางอย่างกินไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่มันกินได้ เรื่องชื่อค่อยว่ากันอีกที

นี่คือสิ่งที่หลายคนไม่รู้ตัวไม่สงสัยสมมุตินี้

เรื่องการเสวยเวทนานั้นอยู่ก็เหมือนกันสำหรับเรื่องมรรคผล หลายคนที่มีฌาณ ญาณ แบบนั้นติดตัวมา แต่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร มีอยู่มาก

หว่านแห ลงอวนตาถี่ ในหนองน้ำดี ย่อมได้สัตว์มากฉันใด ย่อมพร่าชีวิตสัตว์มากฉันนั้น

พออุปมาได้ดังนี้ เป็นต้น

 

ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีสุข จงอย่าได้ประมาท จงอย่าได้หลงไปกับ อวิชชาตัณหามาร ๕ จงรอดพ้นจากอสัทธรรม

เกิดมาชาตินี้ได้พบพระพุทธศาสนา แม้จะเป็นผู้นับถือศรัทธาศาสนาอื่น ถ้ามีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ในอนาคตย่อมได้เกิดในพระพุทธศาสนาตามล้างจิตล้างใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส พ้นภัยมาร


บุคคลใดบริสุทธิ์กว่า ไม่มีกิเลส ไม่มีตัณหา ไม่เป็นผู้เบียดเบียน ไม่เป็นผู้มุ่งร้าย บุคคลผู้นั้นย่อมเป็นผู้ชนะทุกสิ่ง ครอบงำทุกอย่าง และเสด็จไปดี


แต่ " สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ที่จัดสรรไขว่คว้ามาเอง

 

เลเวลทางการสร้างบาป ตันแล้ว

ถึงแม้จะเป็นประเภทที่สามารถไปได้ทุกๆที่ทุกๆเวลาเพียงตัวคนเดียวในพื้นที่ สามารถเข้าตีฐานโจรได้เพียงตัวคนเดียว หรือมีเหตุอะไรก็เข้าเคลียร์พื้นที่ด้วยตัวคนเดียวได้ ทำบาปอกุศลกรรมได้ทุกๆประเภท

แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้า {○} พระสัทธรรม {○}แล้ว ความสามารถนี้นั้น ไร้ค่าสิ้นดี

โง่งมมานาน ! สมน้ำหน้า ที่ถูกต้องถูกข้าทอดทิ้งล่ะนะ " อวิชชาเอ๋ย "

 

รูปภาพที่นำมาประกอบ ศาลได้วินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อย และเป็นสิทธิ์อันชอบโดยธรรมตามกฎหมายของฝ่ายโจทก์ ที่จะสามารถนำลงมาถ่ายทอดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ได้ทุกระบบ

บทสรุปส่งท้าย! ผู้ถูกอันเชิญจากยักษ์ในค่ำคืน ให้ลงไปทำงานชายแดน

เพื่อประโยชน์ส่วนรวมในอนาคต จะไม่มีใครสามารถทำการดิสเครดิตเจ้าหน้าที่อย่างง่ายดายตามอำเภอใจอีกต่อไป ทุกๆการกระทำจะต้องมีการตอบแทน

“บารมีอจละวิทยราช”

 

อาจละ (สันสกฤต: अचल; อ่านว่า /อา - จะ - ละ/, จีน : 不動明王 ; Bùdòng Míngwáng,
ญี่ปุ่น : 不動明王 ; Fudō myō-ō ...ฟุโดเมียวโอ )....

ในภาษาจีนกลางจะเรียกว่า “ปู้ต้งหมิงหวาง” ส่วนภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ปุกต๋งเม้งอ๊วง” ที่แปลว่า ราชาผู้มีปัญญาอันแจ่มแจ้ง และไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ที่ตกกระทบ เป็นวิทยราชองค์หนึ่งในลัทธิพุทธตันตระวัชรยาน หรือในศาสนาพุทธนิกายชินงอน เป็นสัญลักษณ์ของผู้ทำลายสิ่งลวงตา และปกป้องพุทธศาสนา

. อจล (不動 ,अचल - Acala ) แปลว่า ไม่เคลื่อนไหว ไม่หวั่นไหว หมายถึง ตั้งอยู่อย่างมั่นคงแล้ว
วิทยราช (明王) แปลว่าราชาแห่งปัญญา

มีพระนามเต็มอีกว่า “อจลนาถ (अचलनाथ - Acalanatha)” ที่แปลว่า ผู้ควบคุมมิให้หวั่นไหวจากอารมณ์ที่ตกกระทบ

รูปลักษณ์ของ อาจละ แสดงถึงการอยู่นิ่ง การไม่เคลื่อนที่ ในขณะที่เกิดอารมณ์โกรธ แต่นำความโกรธนั้นมาช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ และใช้เป็นสัญลักษณ์ของการควบคุมตนเอง ...ตามนัยของคำว่า "อาจละ" ในภาษาสันสกฤต ที่แปลว่า "ไม่เคลื่อนไหว"

โคตรหรือตระกูลของ วิทยราชองค์นี้คือ "ไวโรจนะ"

อาจละ...นับเป็นวิทยราชที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางที่สุดในบรรดาวิทยราชทั้ง ๕ ผู้สถิตในครรภ์โกษธาตุ นามอื่นๆ ของอาจละในภาษาสันสกฤตได้แก่
"อาจลวิทยราช", "อาจลนาถ", "อารยาจลนาถ" และ "จัณฑมหาโรศนะ"

รูปลักษณ์ของ "อาจละ" ในภาพวาดหรือเทวรูป มีลักษณะเป็นรูปเทพเจ้าถือดาบ ซึ่งมีด้ามที่จับเป็นรูปวัชระในหัตถ์ขวา...วัชระนี้แทนปัญญา ใช้ในการปราบสิ่งชั่วร้าย หรืออวิชชา

ทางนิกายชินงอน เรียกดาบวัชระนี้ว่า ดาบคุริกะระ (倶利加羅 / Kurikara) หรือมังกรพันดาบนี้ มังกรที่พันเป็นมังกรดำชื่อ "คุริการะ" ที่สร้างไฟรอบๆ ดาบของ อจละ ใช้ในการกำจัดสิ่งที่ชั่วร้าย ๓ สิ่งของมนุษย์อันได้แก่ ความโง่เขลา การผูกติด และความเกลียดชัง
ส่วนหัตถ์ซ้ายถือเชือก เพื่อการจับมัดสิ่งชั่วร้าย

ด้านหลังล้อมรอบด้วยรัศมีเปลวเพลิง เป็นประภามณฑล และท่าทางที่ปรากฏ มักอยู่ในท่ายืน หรือนั่งบนหินแสดงถึงการไม่เคลื่อนไหว

ทรงผมมัดเป็นเปียและพาดบนบ่าด้านซ้าย โดยมัดเป็นปม ๗ ปม และวางปลายผมบนไหล่ซ้าย แทนสัญลักษณ์ของผู้รับใช้ของพระพุทธเจ้า

ที่มุมโอษฐ์ (ปาก) มีเขี้ยว ๒ เขี้ยว... ด้านหนึ่งชี้ลงแสดงถึงการปฏิบัติตัวบนโลก (หน้าที่) และเขี้ยวอีกข้างชี้ขึ้นแสดงถึงการค้นหาความจริง

เราจะเห็นรูปลักษณ์ของ ฟุโดเมียวโอได้ ๓ แบบคือ

๑. แบบที่เป็นฟุโดองค์เดียว
๒. แบบที่มีเทพบริวาร ๒ ตน ซ้ายขวา
๓. แบบสัญลักษณ์ตัวแทน เช่น คุริการะ ..ดาบพันมังกร

อจละ หรือ ฟุโดเมียวโอ ในแบบมีเทพบริวารนั้น..จะเห็นเด็ก ๒ คน อยู่ขนาบข้างซ้ายและขวา มีนามว่า
คงงาระ (矜羯羅 / Kongara) และ เซทากะ (制た迦 / Seitaka)
.
คงงาระ รูปร่างสันทัด ผิวกายขาวสว่าง สวมเสื้อผ้าคล้ายพระซ้อนกันหลายชิ้น มือมักอยู่ด้านหน้าประกบในท่าไหว้ เปรียบได้กับตัวแทนด้านสว่างของฟุโด ...ส่วนเซทากะ ผิวกายสีแดง มือซ้ายถือวัชระ มือขวาถือไม้เท้า ท่าทางดูกร่างๆ เปรียบได้กับด้านมืดของ ฟุโด

ฟุโดเมียวโอ ถูกจัดเป็นเทพเจ้าประจำองค์ พระไวโรจนพุทธเจ้า (๑ ใน ๕ พระธยานิพุทธเจ้า) ของพุทธตันตระวัชรยาน ประทับอยู่ในครรภ์โกษธาตุ ตรงทิศศูนย์กลางแห่งมลฑล

พระธรรมาจารย์อันเน็น (安然) บูรพาจารย์นิกายเทนได เมื่อศตวรรษที่ ๙ ได้บรรยายคุณลักษณะเป็นอุปมาธรรมที่โบราณาจารย์พรรณนาไว้ เรียกว่า "ลักษณะทั้ง ๑๙ แห่งอจลวิทยราช"
(不動明王の十九観) มีดังนี้

๑. คือนิรมาณกายของพระไวโรจนพุทธเจ้า

๒. มีมนต์ ๔ อักขระคือ ▪阿路喚蔓▪

๓. สถิตในเปลวเพลิงเป็นนิตย์

๔. มีรูปร่างดั่งกุมารพุงท้วม

๕. มีมวยผม ๗ มวย มวยบนมีบัวบาน

๖. ทิ้งมัดผมไว้ที่อังสา (ไหล่ซ้าย)

๗. รอยย่นที่ นลาฏ (หน้าผาก) ดั่งระลอกคลื่น

๘. เนตรซ้ายปิด เนตรขวาเบิกโพลง

๑๐. ฟันล่างขบริมฝีปากขวาด้านบน ด้านซ้ายอ้า

๑๑. หัตถ์ขวาถือพระขรรค์วัชระ

๑๒. หัตถ์ซ้ายถือบ่วงบาศ

๑๓. เสวยภัตตาหารเหลือเดนของภิกษุ

๑๔. ยืน และนั่งบนบัลลังก์ศิลา

๑๕. สีวรกายดำเหลือบครามดั่งนีลุบล

๑๖. ดวงพักต์พิโรธโกรธเคือง

๑๗. ประภามณฑลคือเพลิงครุฑ

๑๘. พญากุลิกนาคราช พันพระขรรค์

๑๙. มี ๒ กุมารคอยรับใช้

บางความเชื่อก็ว่า ฟุโด คือความลักลั่นอย่างหนึ่ง เพราะมีคุณลักษณ์ตรงข้ามมาอยู่ด้วยกัน ..เหมือนมีทั้งดีและชั่วในคนเดียวกัน เหมือน ‘จักรวาล’ ที่มีทั้่งดีและชั่วในหนึ่งเดียว

บ้างก็เปรียบ ฟุโดเมียวโอว่า ท่านคือเงาแห่งพระพุทธมหาไวโรจนตถาคตเจ้า ท่านกับพระมหาไวโรจนพุทธว่า เป็นสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกตรงกันข้าม เหมือนท้องฟ้าในยามกลางวัน (พระมหาไวโรจนพุทธ) และ กลางคืน (ฟุโดเมียวโอ)

บ้างก็เรียกท่านว่า.. ยูไลดำ
บ้างก็ว่า ตาถมึงทึง เขี้ยว รัศมีเปลวเพลิง วรกายสีเข้ม แสดงให้เห็นด้านความแข็งแกร่ง และกระด้าง
อันหมายถึงอวิชชา (Fundamental ignorance) และร่างกายที่อวบและดูเยาว์วัย แสดงให้เห็นด้านที่เหมือนมนุษย์ ที่พร้อมจะพัฒนาเข้าสู่การตรัสรู้ (Enlightenment) สะท้อนถึง ๒ สิ่งที่ตรงกันข้ามสุดขั้ว

บางความเชื่อของญี่ปุ่น ฟุโดเมียวโอ ได้รับการนับรวมเข้าไปอยู่ในกลุ่ม ๑๓ พระพุทธเจ้า ที่อยู่ในการประกอบพิธีศพ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ deities ในลำดับพระพุทธเจ้า

บ้างก็ว่า ฟุโดเป็น Seitaka ที่แปลว่า ทาส เป็นคำพ้องเสียงกับสันสกฤต เพราะท่านก็เป็นเทพบริวารของพระไวโรจนพุทธ..แต่มีฐานะที่สูงกว่าคือมี seitaka หรือทาสติดตามของตัวเอง

บ้างก็ถือว่าท่านเป็นเทพเจ้า ผู้ดูแลคนปีระกา

อจลวิทยราช : 不動明王. มนตรา กล่าวดังนี้

"นมฺห์ สมนฺตวชฺรา ณํ จณฺฑ มหาโรษณ โส ผฏฺ ย หู (ฮ) ม ตรฏฺ ห (ฮ) าม มาม"

เป็นมนตราที่ปรากฎอยู่ใน พระคัมภีร์
มหาไวโรจน อภิสัมฺโพธิตันตระ เป็นมนตราที่มีอานุภาพ ใช้ขจัดอุปสรรค ภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง

ดังที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นภาพรวมทั้งหมดของ ฟูโอ และเห็นรหัสธรรมที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
ธรรมชาติล้วนมี ๒ สิ่ง ใน ๑ เดียว แต่จริงแล้วมักมีหลายสิ่ง มากกว่า ๒ สิ่งที่เราเห็น และในเวลาเดียวกัน คำว่า ๒ สิ่ง และหลายๆ สิ่ง .....จริงแล้วก็คือสิ่งเดียวเดียวกัน.

ขอบคุณข้อมูลเพื่อการเผยแพร่ : Chiba Kumiko.

มหากรุณาพุทธาลัย โรงเจวัดสว่างอารมณ์ แคเเถว นครปฐม 。 佛統三王阿隆大佛禪寺。大悲佛殿