ติดตามสถานะการณ์

IDEA: สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคตะวันตกเฉียงเหนือในนครซีอัน ได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบหุ่นยนต์ที่รูปร่างคล้ายกระเบนราหู หรือกระเบนปีศาจ ที่ว่ายและดำน้ำลึกด้วยวิธีกระพือปีกเหมือนกับกระเบนราหู
.
เจ้าหุ่นยนต์นี้มีประสิทธิภาพการขับเคลื่อนสูง คล่องตัว มั่นคง ว่ายน้ำได้ลึก สร้างเสียงรบกวนต่ำ
.
โดยได้นำมาใช้เพื่อสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมมหาสมุทรและสำรวจเรือดำน้ำในแนวปะการังสำคัญในหมู่เกาะซีชาในทะเลจีนใต้แล้ว
.
ที่มา
https://www.xinhuathai.com/vdo/2275...7qiCbYfHChDE18WOvEhWeTmjjLyhVj98UpNttZev0R04g

 

IDEA: ถึงยุคที่ Apple หมดลูกเล่นแล้วหรือยังนะ? หลายคนอาจจะคิดอย่างนี้เมื่อเห็นภาพของ iPhone 13 ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 14 กันยายน เพราะมันช่างเหมือนกันเหลือกันจ้าพี่จ๋า
.
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ Tim Cook CEO ของ Apple ประกาศแล้วอาจจะทำให้พวกเราใจฟูขึ้นได้ ก็คือ iPad 10.2 นิ้ว และ Apple Watch Serie 7 ที่จะมีมุมมองที่เป็นมิตรต่อโลก นั่นก็คือ ตัวเครื่องและตัวเรือนของมันจะทำจากอลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
.
มากไปกว่านั้น ตัว Apple Watch จะใช้แร่โลหะที่รีไซเคิลแล้ว 100% ในการผลิต เช่น ตรง Taptic Engine ที่ทำจากทังสเตนรีไซเคิล 100% ตัวแม่เหล็กของทั้งตัวเรือนที่ทำจากแร่โลหะหายากรีไซเคิล 100%
.
สำหรับ iPad ยังใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในการบัดกรีแผงวงจรหลัก และใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล100% ในแม่เหล็กของตัวเครื่องเช่นกัน
.
ซึ่งไอเดียเหล่านี้ถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของ Apple ที่ตั้งใจจะผลิตสินค้าทั้งหมดด้วยพลังงานสะอาด และมีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายทั้งในการผลิต การประกอบ การขนส่ง ไปจนถึงการใช้งานของลูกค้าภายในปี 2030 เลยละ
.
อีกสิ่งที่เราจะเห็นเรื่องการรีไซเคิลของ Apple เลยก็จะเป็นเรื่องของบริการ Apple Trade In ที่ให้เราสามารถนำสินค้า Apple ที่ใช้งานไม่ได้แล้วไปส่งคืนให้ Apple ได้ หลังจากนั้นพวกเขาจะนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์โลกที่มีเยอะมากขึ้นทุกปี ส่วนเราก็จะได้เครดิตส่วนลดสำหรับซื้อสินค้าอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเครดิตจะเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เรานำมาแลกว่าสภาพดีแค่ไหน....ว่าแต่ ใครเคยลองใช้บริการแล้วบ้าง มาเล่าประสบการณ์ใต้เมนท์นี้ได้นะ
.
ที่มา
https://www.apple.com/th/newsroom/2...-featuring-the-largest-most-advanced-display/

https://www.apple.com/th/newsroom/2...-even-more-performance-and-advanced-features/

https://www.apple.com/th/trade-in/

 

LIFE: เผยวิดีโอ Kiska วาฬเพชฌฆาตที่โดดเดี่ยวสุดในโลก เอาหัวโขกขอบสระซ้ำๆ! อยู่ตัวเดียว 10 ปี ในอควาเรียมที่แคนาดา คาดแสดงภาวะเบื่อ-เครียด
.
Kiska คือวาฬเพชฌฆาต (Killer whale หรือ Orca) เพศเมีย อายุ 44 ปีที่เคยอยู่ในมหาสมุทรในไอซ์แลนด์ และถูกจับมาเมื่อราว 3 ขวบในปี 1979 โดยขณะนี้มาอยู่ใน Marineland Ontario ในแคนาดา เธอมีลูก 5 ตัวที่เสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็กทั้งหมด
.
เธอได้ฉายาว่าเป็นวาฬที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก โดยอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่ปี 2011 ในสระหลังจากที่เพื่อนของเธอ Ikaika ถูกย้ายไป SeaWorld San Diego ไม่มีใครอยู่ข้างๆไม่ว่าจะเพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว
.
ล่าสุด Kiska เป็นข่าวอีกครั้งหลังจากที่นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ในสถานที่กักขัง Phil Demers ได้เผยวิดีโอเจ้า Kiska ที่อยู่ในสระกำลังเอาหัวของตัวเองโขกกับกำแพงขอบสระซ้ำๆ โดยเรียกร้องให้มีการให้อิสระกับเธอ
.
Dolphin project องค์กรช่วยเหลือโลมาจากสหรัฐอเมริกา ได้เผยอีกวิดีโอให้มุมสูงที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมดังกล่าวของ Kiska พร้อมแฮชแทกรณรงค์ #FreeKiska โดยเผยว่าพฤติกรรมทำร้ายตัวเองแบบนี้เคยทำให้เสียชีวิตมาแล้ว
.
อาการนี้ของ Kiska อาจแสดงถึงภาวะเครียดและเบื่อ (Logging) ซึ่งเป็นอาการปกติของสัตว์ที่ถูกจับมาให้อาศัยอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ อย่างเช่นวาฬเพชฌฆาตถูกที่ถูกจับมาไว้ในสระน้ำ ที่เกิดจากความเครียด และความเบื่อจากการอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่เดิม ๆ เจอแต่อะไรเดิม ๆ ภาวะเบื่อที่เกิดขึ้นท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า
.
ก่อนหน้านี้ Dolphin project ได้เผยอีกเรื่องราวที่น่าเศร้าของโลมาฮันนี่ โลมาปวกขวดที่ได้เสียชีวิต โดยเธอถูกทิ้งในอควอเรียมร้างในญี่ปุ่นตัวเดียวนาน 2 ปี เนื่องจากเจ้าของปิดกิจการลง ทำให้ประเด็นการจับสัตว์มาขังเพื่อความบันเทิงถูกพูดถึงมากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
.
วาฬและโลมาเป็นสัตว์สังคมที่ฉลาด ปัจจุบันมีความพยายามในการช่วยเหลือวาฬและโลมาในสถานที่กักขัง โดยหลากหลายองค์กรได้พยายามมีแคมเปญรณรงค์ไม่ให้มีการกระทำดังกล่าว รวมถึงได้มีโครงการการเคลื่อนย้ายสัตว์เหล่านี้ไปสู่ศูนย์พักพิงมากขึ้น
.
ช่วงที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นความหวังในการช่วยเหลือสัตว์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการย้ายเจ้า Kaavan ช้างที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกจากปากีสถานให้ได้รับอิสระย้ายไปศูนย์พักพิงในกัมพูชา โดย Four Paws หรือการย้ายวาฬเบลูก้า 2 ตัวที่ถูกแสดงโชว์ในจีนกว่า 10 ปี ให้ไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เขตอนุรักษ์ที่ไอซ์แลนด์
.
ไม่นานมานี้แคนาดาได้ผ่านกฎหมายห้ามเลี้ยงวาฬและโลมาในที่กักขังแล้ว อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้ก็ยังมีข้อยกเว้นว่าสัตว์ที่ถูกกักขังอยู่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงอนุญาตให้ถูกกักขังไว้ต่อไปได้
.
PETA องค์กรด้านสิทธิสัตว์ได้เรียกร้องให้นำ Kiska ไปอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์ริมทะเล เพื่อให้เขาได้รับอิสระมากขึ้น
.
พฤติกรรมของ Kiska เห็นได้ชัดถึงความเครียดและเบื่อในการอยู่ตัวเดียวในสระ จะเป็นอย่างไรถ้าเธอได้มีโอกาสเจอเพื่อนตัวอื่นๆอีกครั้ง หรือมีโอกาสที่จะได้สัมผัสทะเล เป็นอิสระมากขึ้นในศูนย์พักพิงที่เธอจะสามารถมีความสุขในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า หรือจะเป็นอย่างไรถ้าหากจะไม่มีการกระทำแบบนี้อีกสำหรับสัตว์ตัวอื่นๆ
.
วิดีโอ





ที่มา

https://www.dailymail.co.uk/news/ar...-head-against-tank-outliving-five-babies.html

https://www.news18.com/news/buzz/he...ca-banging-head-against-its-tank-4202261.html

https://whalesanctuaryproject.org/whales/lets-make-a-deal-kiska-ikaika/

https://www.peta.org/blog/marineland-orca-kiska/

https://orcapod.fandom.com/wiki/Category:Kiska

https://www.dolphinproject.com/blog/breaking-marineland-charged-with-five-counts-of-animal-cruelty/

https://www.seaworldofhurt.com/sea-sanctuaries-sure-thing-get-program-seaworld/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง







https://www.facebook.com/environman.th/posts/3248538605274564/

https://www.facebook.com/environman.th/posts/2929258593869235?comment_id=2930442663750828

https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/4046178198843930/

 

UNDERWATER: ทะเลสีเลือด โลมาเกือบ 1,500 ตัวถูกสังหารหมู่ในประเพณีฆ่าโลมาในหมู่เกาะแฟโร พลเมืองเผย ไม่เห็นด้วยแม้เป็นประเพณีเก่าแก่
.
Grind หรือ Grindadráp คือประเพณีสังหารโลมาและวาฬนำร่องของหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก และเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก ประเพณีนี้มีประวัติยาวนานนับ 1,000 ปี และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของชาวแฟโร ที่จะมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันเนื้อที่ล่ามาได้
.
ในปีนี้ มีโลมาเกือบ 1,500 ตัวที่ถูกต้อนเข้ามายังหาด และถูกฆ่าโดยการใช้ทวน หรือฉมวกแบบพิเศษแทงเข้าที่บริเวณสันหลังเพื่อให้สัตว์เสียชีวิตเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ มีนักฆ่าอยู่ไม่มากนัก ทำให้โลมาที่ถูกต้อนขึ้นมาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากก่อนตาย
.
“มันแย่มาก ๆ ฉันรู้สึกอายที่ต้องเป็นชาวแฟโร” ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายหนึ่งเผย ในขณะที่ชาวแฟโรคนอื่น ๆ มองว่า คงไม่มีใครอยากกินเนื้อโลมามากขนาดนี้ และไม่แน่ว่าศพส่วนใหญ่อาจถูกนำไปทิ้ง หรือฝังกลบโดยไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์สูงสุด
.
ด้านกลุ่มเครื่อข่ายอนุรักษ์ทะเล Sea Shepherd ออกมาระบุว่า พวกเขาพยายามจะรณรงค์ให้มีการยกเลิกประเพณีนี้มาตั้งแต่ปี 1980 แต่การสังหารหมู่ครั้งนี้ กลับเป็นหนึ่งในครั้งที่คร่าโลมา และวาฬนำร่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของหมู่เกาะแฟโร
.
ทั้งนี้ การสังหารหมู่ในประเพณี Grindadráp ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฏหมายของหมู่เกาะแฟโร และการสังหารวาฬ และโลมาก็ประเพณีที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของหลายประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม บางที่ก็มีการยกเลิกประเพณีเหล่านี้ไปแล้ว หรืออาจมีการปรับเปลี่ยนวิธี และจัดสรรโควต้าในการล่า เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ลดความทรมาน และไม่ทำให้ชีวิตที่ตายเพราะเราต้องสูญเปล่า

ที่มา
https://www.theguardian.com/environ...ling-of-almost-1500-dolphins-on-faroe-islands

https://www.nationalgeographic.com/...island-pilot-whale-hunt-animals-ocean-science

https://www.euronews.com/green/2021...slaughtered-in-unnecessary-faroe-islands-hunt

ภาพ: https://www.seashepherdglobal.org/l...-AJ6GLWlzTn72mPsLeCPYkzOhDbudwLB1mXBCIA2WBK7k

 

รู้ไหมว่าการดำรงอยู่ของมนุษย์โหดร้ายกว่าที่เราคิด สิ่งที่เราทำจนเคยชินในชีวิตประจำวัน ทั้งกองขยะที่ถูกทิ้งไม่เป็นที่ไม่เป็นทาง การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตัดต้นไม้อย่างผิดวิธี การใช้รถยนต์และเผาขยะจนเกิด มลพิษ เเละฝุ่น PM2.5 สิ่งเหล่านี้ กำลังทำลาย พืชเเละสัตว์ กว่า 1 ล้าน สายพันธุ์ จนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
.
‘จะสูญเสียหรือฟื้นฟู อยู่ที่ปลายนิ้วคลิก !!’
.
ยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเราอีกมากที่ยังไม่ได้รับการพูดถึงและยังไม่ได้รับการฉาย Spotlight เพื่อให้ได้รับการแก้ไข วันนี้เลยอยากชวนทุกคนแชร์ภาพปัญหาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวคุณไปกับ IP Life Lab ที่ www.ip-one.com/iplifelab/
.
ล่าสุด I.P. One ได้มีเปิดตัว ‘I.P. Life Lab’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมปัญหาการใช้ชีวิต เพื่อนำไปสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหา โดยทุกคนสามารถร่วมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงได้ ผ่านการเข้าไปร่วมโหวตปัญหาในเว็ปไซต์ www.ip-one.com/iplifelab หรือแชร์รูปถ่ายปัญหาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวที่เจออยู่แทบทุกวันโดยใช้ฟิลเตอร์ใน IG ที่ชื่อว่า ขอเสียงไปเปลี่ยนโลก พร้อมติด #IPLifeLab แล้วเหล่านักพัฒนาจาก I.P. One จะเปลี่ยนเสียงบอกให้เป็นเสียงบวกเอง !
.
แถมเมื่อแชร์ภาพแล้ว ก็รอลุ้นรับ Hygiene UPCYCLING Bag กติกาง่ายๆ เพ

1) Snap ถ่ายภาพปัญหาที่คิดว่าควรได้รับการแก้ไข โดยใช้ IG Filter : ขอเสียงไปเปลี่ยนโลก
2) Share ลงโซเชียลมีเดียช่องทางใดก็ได้พร้อมติด #IPLifeLab (อย่าลืมเปิดโพสต์ให้เป็นสาธารณะ)
3) แคปเจอร์หลักฐานมาคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้
4) รอประกาศผลวันที่ 22 ก.ย. 2564 ได้ที่ Facebook Page : I.P. Life Lab ได้เลย
.
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ I.P One ซักหน่อยเผื่อใครยังไม่รู้จัก I.P. One เป็นบริษัทของคนไทยที่สร้างสินค้าและนวัตกรรมเพื่อการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต การันตีด้วยแบรนด์คุณภาพชั้นนำของประเทศ เช่น ไฮยีน,วิกซอล, วิซ, แดนซ์, โฟกัส และไอวี่ นั่นเอง
:
#IPLifeLab #ปัญหาจริง #คิดจริง #ทำจริง
#ขอเสียงไปเปลี่ยนโลก

 

DAY: วันโอโซนโลกมีการเฉลิมฉลองทุกปีในวันที่ 16 กันยายน ตั้งแต่ปี 1987 เป็นวันที่ให้ความสำคัญกับบรรยากาศโลกชั้นโอโซนซึ่งมันมีบทบาทสำคัญในสภาพแวดล้อม องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันที่สะท้อนให้เห็นถึงการลดลงของชั้นบรรยากาศโอโซน มีกิจกรรมมากมายที่จัดโดยองค์กรต่างๆเพื่อชี้ให้เห็นถึงการลดลงของชั้นบรรยากาศโอโซน เช่น การรณรงค์เลิกใช้กระป๋องสเปรย์ เลิกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสาร CFCs ประหยัดไฟฟ้า ช่วยกันปลูกต้นไม้ ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งเดินทางด้วยยานพาหนะสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า, รถประจำทางให้มากขึ้น

#โอโซนคืออะไร
ชั้นโอโซน เป็นส่วนหนึ่งชั้นบรรยากาศของโลกที่ประกอบด้วยโอโซนในปริมาณมาก ชั้นโอโซนช่วยดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ประมาณ 97-99% ของรังสีทั้งหมดที่แผ่มายังโลก

โอโซนคือรูปแบบพิเศษของออกซิเจน ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในชั้นของบรรยากาศชั้นบน ๆ ชั้นโอโซนนี้มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อโลก ชั้นโอโซนอยู่ห่างจากผิวโลก ประมาณ 20 ไมล์ โดยอยู่ในบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์

ชั้นโอโซนจะช่วยป้องกันไม่ให้รังสีอุลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ส่องมาถึงโลกของเรา ดวงอาทิตย์ทำให้ชีวิตบนโลกดำรงอยู่ได้ ความอบอุ่นและพลังงานของดวงอาทิตย์ ส่งผลต่อดิน น้ำ อากาศ และสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง แต่ดวง อาทิตย์ทำให้เกิดรังสีที่เป็นอันตรายต่อชีวิตด้วย

ชั้นโอโซนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกัน ปกป้องพืชและสัตว์จากรังสีที่เป็นอันตรายของดวงอาทิตย์ ดังนั้นเมื่อใดที่โอโซนบางลงเราก็ได้รับการปกป้องน้อยลงด้วย เราเรียกรังสีที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ว่า อุลตราไวโอเลต อุลตราไวโอเลตเป็นรังสีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หากมีปริมาณน้อยรังสีอุลตราไวโอเลตจะปลอดภัยและมีประโยชน์ โดยช่วยให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินอี แต่รังสีอุลตราไวโอเลตที่มากเกินไป เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังของเราอักเสบเนื่องจากแพ้แดด

ปริมาณของรังสีอุลตราไวโอเลตจำนวนมาก อาจทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบรุนแรง เกิดโรคผิวหนังและปัญหาเกี่ยวกับดวงตา รังสีอุลตราไวโอเลตยัง ลดความสามารถของร่างกายมนุษย์ ในการต่อสู้กับโรคต่าง ๆ นอกจากนี้รังสีอุลตราไวโอเลตปริมาณมากยังทำลายพืชในไร่และต้นพืชเล็ก ๆ ในทะเลซึ่งเป็นอาหารของปลา หากต้องไปอยู่ท่ามกลางแสงแดด ควรทาครีมป้องกันผิว ครีมทาผิวเหล่านี้จะมีตัวเลขบอก ปริมาณการปกป้องผิวจากรังสีอุลตราไวโอเลตได้

#วัตถุประสงค์เป้าหมายวันโอโซนโลก
1. เพื่อกระตุ้น ให้ประเทศปฏิบัติต่ออนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
2. เพื่อช่วยกันลดใช้สาร CFC และสารฮาลอนซึ่งเป็นตัวทาลายบรรยากาศโอโซนในชั้นบรรยากาศ

#สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน
สาร CFC (Chlorofluorocarbon) รวม 5 ชนิดและสารฮาลอน (Holon) 3 ชนิด รวมสารควบคุมทั้งสิ้น 8 ชนิด ซึ่งสารเหล่านี้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น สารทำความเย็นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ใช้เป็นก๊าซสำหรับเป่าโฟม และเป็นฉนวนในโฟมรวมทั้งใช้เป็นตัวทำละลายในการทำความสะอาด ล้างคราบไข มันสิ่งสกปรกในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่สารที่อยู่ในกระป๋องสเปรย์ ผลของพิธีสารในขั้นต้นสารเคมีที่ถูกควบคุม คือ สารฮาลอนใช้เป็นสารดับเพลิงในอุปกรณ์ป้องกัน และระงับอัคคีภัยซึ่งการใช้สาร CFC ก็มีมากในการอุตสาหกรรม นั่นคืออุตสาหกรรมยิ่งพัฒนา ก็จะมีการทำลายโอโซนกันมากเท่านั้น

สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน คือ สารเคมีที่มีองค์ประกอบพื้นฐานอย่าง คลอรีน ฟลูออรีน หรือโบรมีน ซึ่งมีศักยภาพในการทำปฏิกิริยากับโมเลกุลโอโซนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศให้เกิดการแตกตัว สารทำลายโอโซนที่เรารู้จักกันดีก็คือ สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือ สารซีเอฟซี (CFCs) ซึ่งใช้เป็นสารทำความเย็นในระบบปรับอากาศรถยนต์ ตู้เย็น ตู้แช่ เป็นต้น ส่วนสารทดแทนสารซีเอฟซี คือ สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือ เอชซีเอฟซี (HCFCs) ใช้เป็นสารทำความเย็นในระบบปรับอากาศ และการผลิตโฟม ซึ่งยังคงเป็นสารทำลายโอโซนเช่นเดียวกัน แม้จะในปริมาณน้อยกว่าก็ตาม

ส่วนสารทำลายโอโซนอื่น ๆ ก็จะมีอย่างเช่น สารฮาลอน ใช้เป็นสารดับเพลิง, สารเมทิลคลอโรฟอร์ม ใช้ในการทำความสะอาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, สารคาร์บอนเตตระคลอไรด์ ใช้เป็นสารทดสอบในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และสารเมทิลโบรไมด์ ที่ใช้ในการฆ่าแมลงกำจัดศัตรูพืช

#รูโหว่โอโซน #ความร่วมมือของโลกทำให้รูโหว่นี้ลดลงและกำลังหายไป
สาร CFCs ที่ถูกปล่อยจากผลิตภัณฑ์ต่างๆนี้ส่งผลให้เกิดรูโหว่โอโซนในบริเวณขั้วโลก แต่ด้วยความร่วมมือกันของโลกใน Montreal Protocal ปี ค.ศ. 1987 ร่วมแบนการปล่อยสารนี้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
โดยรายงานจาก United Nation เผยว่ารูโหว่โอโซนในแอนตาร์กติกากำลังฟื้นตัวดีขึ้น เล็กลง และอาจจะปิดในไม่กี่มีข้างหน้า
จากเรื่องนี้เผยให้เห็นว่าหากเราร่วมมือกันอย่างจริงจัง เราจะสามารถช่วยโลกได้อย่างมาก

#เราจะทำอะไรเพื่อช่วยโลกได้บ้าง
แม้จะมีสนธิสัญญาเพื่อลดและเลิกการใช้สาร CFC แล้ว แต่สาร CFC ยังจำเป็นต่ออุตสาหกรรมบางชนิด จึงยังมีการใช้ CFC กันอยู่ต่อไป ก๊าซโอโซนก็ยังคงถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลกระทบเป็นภาวะโลกร้อนอย่างที่มนุษย์เรากำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ เราในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของโลกจะสามารถช่วยลดสาร CFC ได้โดย
- เลือกซื้อ และใช้เครื่องปรับอากาศที่มีสัญลักษณ์ Non CFCs
- หมั่นตรวจเช็กระบบแอร์รถยนต์ในอู่ที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งหมั่นล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศในบ้าน
- ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งที่ปล่อยสาร CFC ที่จะออกมาทำลายชั้นโอโซนได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนตู้เย็นที่ใช้มานานกว่า 10 ปี และไม่เปิดตู้เย็นบ่อย เพราะจะทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนัก
- เลิกใช้อุปกรณ์ที่เป็นลักษณะกระป๋องสเปรย์ รวมทั้งวัสดุที่ทำจากโฟมทั้งหลาย ซึ่งมีสาร CFC เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต และวัสดุเหล่านี้ยังย่อยสลายได้ยากอีกด้วย

16 กันยายน วันโอโซนโลก

ที่มา
http://www.mnre.go.th/reo13/th/calendar/detail/571
https://hilight.kapook.com/view/28734
http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/672
รูโหว่โอโซน

 

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความผ่านผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้อนุมัติการจัดทำรายงานวิเคราะห์ลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ของกรมชลประทาน เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564
.
สำหรับโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล มูลค่าโครงการกว่า 7 หมื่นล้านบาท จะดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำขนาดขนาด 8.1-8.3 เมตร ความยาวประมาณ 62 กิโลเมตร เพื่อรับน้ำจากสถานีสูบน้ำบ้านสบเงาไปเติมใส่อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และก่อสร้างอ่างเก็บน้ำยวมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ผ่านพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 5 แห่ง และพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติ 1 แห่ง สูญเสียพื้นที่ป่า 3,641.77 ไร่
.
ท่ามกลางเสียงจากคนในพื้นที่และภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวและร่วมคัดค้านอย่างต่อเนื่อง เสียงสะท้อนถึงความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการ ความถูกต้องของข้อมูลในEIA รวมถึงการไม่มีส่วนร่วมของภาคประชาชน ดูจะไปไม่ถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจให้หันกลับมาฟังข้อห่วงกังวลจากภาคประชาชน
.
การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งนี้มีการพิจารณารายงาน EIA จำนวน 5 โครงการ เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน ตามแผน PDP 2018 เชื่อมโยงการคมนาคมในพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้ และเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน ซึ่ง 1 ใน 5 โครงการคือโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล
.
ที่ประชุมมีมติให้เจ้าของโครงการต้องดำเนินการตามมาตรการฯ ที่กำหนดในรายงานฯอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯไปดำเนินการ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
.
ก่อนหน้านี้มูลนิธิสืบนาคะเสถียรเป็นตัวแทนเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ 19 องค์กรได้ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ปร ะวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ และประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ขอให้ยุติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทุกขนาดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และทบทวนนโยบายการจัดการน้ำของทั้งประเทศ เพื่อประเมินความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อน
.
เนื้อหาจดหมายคัดค้านได้ระบุถึงเอกสารการประชุมของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 4/2563 เมื่อ 18 ธันวาคม 2563 วาระการประชุมที่ 3.3 เรื่องความก้าวหน้าผลการติดตาม สรุปการติดตามการขอใช้พื้นที่ป่าไม้ 5 กลุ่ม รวมทั้งสิ้นถึง 77 โครงการด้วยกัน ทั้งนี้ยังไม่รวม 7 โครงการอ่างเก็บน้ำในผืนป่ามรดกโลกดงพญา-เย็นเขาใหญ่ ที่บางโครงการ
.
เช่น อ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ มีความคืบหน้าจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จและเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการไปแล้ว 1 ครั้ง บางโครงการอยู่ในระหว่างการคัดเลือกพื้นที่หัวงาน และยังมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์บางโครงการที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในเอกสารดังกล่าวอีก เช่น อ่างเก็บน้ำคลองตาหลิว อ่างเก็บน้ำคลองตารอง ที่มีแผนจะก่อสร้างในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เป็นต้น
.
โดยขอแสดงเจตนายืนยันไม่เห็นด้วยที่จะมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ หรือโครงการพัฒนาแหล่งน้ำประเภทอื่นๆ เช่น อุโมงค์ผันน้ำที่ผ่าใจกลางผืนป่าในพื้นที่อนุรักษ์อีกต่อไป ซึ่งโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-เขื่อนภูมิพล คือ 2 โครงการจาก 77 โครงการ ที่ถูกระบุอยู่ในเอกสารดังกล่าว
.
บีบีซีไทยรายงานว่า บริษัท ต้าถัง ทุนรัฐวิสาหกิจจีน สนใจจะเข้ามาลงทุนในโครงการนี้ ซึ่งนายวีระกร คำประกอบ สส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบโครงการนี้แล้ว
.
โครงการนี้แบ่งแนวส่งน้ำออกเป็น 2 ทาง เฉพาะโครงการผันน้ำจากแม่น้ำยวม จ.แม่ฮ่องสอน เจาะอุโมงค์ผ่านป่าใน จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งน้ำลงเขื่อนภูมิพล โครงการเดียว มีมูลค่าราว 70,000 ล้านบาท
.
โครงการผันน้ำยวมไปให้เขื่อนภูมิพล ประกอบด้วย เขื่อนกั้นแม่น้ำยวมความสูง 69 เมตร ใน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 2,075 ไร่ สถานีสูบน้ำบ้านสบเงาและอาคารประกอบ อุโมงค์คอนกรีต ความยาว 61 กิโลเมตร เจาะผ่านผืนป่าต้นน้ำรอยต่อ 3 จังหวัด จุดกองดินที่ขุดขึ้นจากอุโมงค์ 6 จุด และพื้นที่ปากอุโมงค์บริเวณบ้านแม่งูด ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
.
เอกสารกรมชลประทานระบุว่า โครงการนี้จะเติมน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรในฤดูแล้ง จำนวนกว่า 1.6 ล้านไร่ เพิ่มพลังงานการผลิตไฟฟ้าให้เขื่อนภูมิพล เฉลี่ย 417 ล้านหน่วยต่อปี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำประปา การประมงในเขื่อนและการท่องเที่ยว โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบไม่เกิน 30 ราย
.
บีบีซีระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบเป็นกะเหรี่ยงที่อาศัยบริเวณบ้านแม่งูด ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ปลายทางของปากอุโมงค์ ก่อนน้ำลงสู่เขื่อนภูมิพล เป็นเขตรอยต่อระหว่าง จ.เชียงใหม่กับ จ.ตากเฉพาะหมู่ 6 มีอยู่ชาวบ้านอยู่ 175 ครัวเรือน
.
นอกจากนี้จะเป็นชาวบ้านใน ต.แม่เงา อ.สบเมย จ.ตาก ที่จะต้องย้ายออกจากพื้นที่ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ครอบครัว
.
นายวีระกร กล่าวกับบีบีซีไทยว่า แม่น้ำเจ้าพระยาในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในภาคกลางขาดแคลนไม่พอใช้ ทางกรมชลประทานประมาณการว่าขาดอยู่ 2,800 ล้าน ลบ.ม. เป็นที่มาของการศึกษาเพื่อเติมน้ำลงอ่างเก็บน้ำภูมิพล คาดว่าการผันน้ำจะทำให้ได้น้ำเติมเขื่อนภูมิพลมาสู่ภาคกลางได้ประมาณ 1,700 ล้าน ลบ.ม.
.
นายวีระกรอ้างว่าไม่มีชาวบ้านคัดค้านโครงการนี้ซึ่งมีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยมาก "ไม่ได้กระทบกระเทือนใครเลย มีแต่บริเวณสถานีสูบน้ำที่ต้องใช้ที่ประมาณ 40 ไร่ ตรงนี้มีบ้านของชาวปกาเกอะญอ 4 หลัง เราคุยกับเขาแล้ว เขาบอกถ้ามีการจ่ายค่าชดเชยให้เขาก็ไม่มีปัญหา"
.
สส.นครสวรรค์ เปิดเผยว่ามีบริษัทจีนเข้ามาเสนอเงื่อนไขว่า ไทยไม่ต้องสร้างเอง รัฐวิสาหกิจจีนซึ่ง "น่าจะเป็นบริษัทต้าถัง" จะมาสร้างให้ทั้ง 2 จุด คือ แนวผันน้ำแม่น้ำยวม และแนวผันน้ำเมย-แม่ตื่น เพื่อแลกกับการให้ไทยอนุญาตให้สร้างเขื่อนสาละวิน 2 แห่ง และจะขายกระแสไฟฟ้ากลับมาให้ไทย
.
"เขายินดีที่จะสร้างให้ฟรี แต่มีเงื่อนไขว่า เขาจะขอสร้างเขื่อนแบบรันออฟริเวอร์หรือเขื่อนน้ำไหลผ่านที่แม่น้ำสาละวินที่ชายแดนไทย-เมียนมา เขา (จีน) จะเจรจาฝั่งเมียนมาเอง ขอให้ประเทศไทยยอมให้เขาสร้างเขื่อน (สาละวิน) นี้" นายวีระกรกล่าวกับบีบีซีไทย
.
"ผมมีโอกาสกราบเรียนนายกฯ ท่านนายกฯ รู้อยู่แล้ว สองโครงการนี้ แต่ท่านบอกเมียนมาพูดยาก ผมบอกไม่ใช่หน้าที่เราเลยครับ เพราะทางจีนเขาจะเป็นตัวกลางคนเจรจาให้เอง ท่านบอกก็ดีสิ แล้วยิ่งโครงการนี้เราไม่ต้องลงทุนเองยิ่งดีใหญ่เลย"

 

นักวิทยาศาสตร์อาจค้นพบวิธีที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเลี้ยงปศุสัตว์ได้สำเร็จ ด้วยวิธีการสอนให้พวกมันขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง ซึ่งฟังเหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่ายเลย แต่หากสำเร็จมันจะช่วยเป็นทางออกให้กับการเลี้ยงสัตว์เพื่อกินนมและเนื้อซึ่งเป็นตัวการสร้างภาวะโลกร้อนอันดับต้น ๆ
.
การทดลองนี้รายงานในวารสาร Current Biology ผู้นำการวิจัยคือ นีเล เดิร์กเซน สังกัดสถาบันสรีรวิทยาพฤติกรรม, สถาบันไลบ์นิซว่าด้วยชีววิทยาปศุสัตว์ ประเทศเยอรมนี โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ลองใช้วิธีการที่เรียกว่า MooLoo (ห้องส้วมวัว) เพื่อสอนลูกวัวให้ใช้ห้องน้ำในยุ้งฉางเพื่อที่จะสามารถเก็บและรักษาปัสสาวะได้
.
ทำไมต้องสอนให้เข้าห้องส้วม? เพราะของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์มักจะปนเปื้อนในดินและทางน้ำและก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและทำให้ดินเป็นกรด ซึ่งแอมโมเนียที่ผลิตในปัสสาวะของวัวไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศโดยตรง
.
แต่เมื่อซึมเข้าสู่ดิน จุลินทรีย์จะเปลี่ยนมันให้เป็นไนตรัสออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวการใหญ่อันดับสามรองจากมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ เกษตรกรรมเป็นแหล่งปล่อยแอมโมเนียที่ใหญ่ที่สุด โดยการทำฟาร์มปศุสัตว์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่ง
.
มีการประมาณการเบื้องต้นแนะนำว่าหากเก็บปัสสาวะของวัว 80% จากโรงวัวการปล่อยแอมโมเนียจะลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ด้วยเหตุผลนี้จึงมีการเสนอให้ฝึกวัวเข้าห้องน้ำมานานแล้ว แต่ความพยายามหลายครั้งก่อนหน้านี้ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งมาสำเร็จในการทดลองครั้งนี้
.
นักวิทยาศาสตร์ทำการฝึกโดยนำใลูกวัว 16 ตัวเข้ารับการฝึกเข้าห้องน้ำเป็นรายตัว โดยในระยะแรก (การฝึกในห้องส้วม) ลูกวัวจะถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่เฉพาะ (คือห้องส้วมที่เตรียมไว้) และทุกครั้งที่ปัสสาวะมันจะได้รับรางวัลเป็นอาหาร ยิ่งให้รางวัลมันทุกครั้งที่ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง มันก็จะยิ่งมีแนวโน้มใช้ส้วมเป็นมากขึ้น
.
แต่เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขายังฝึกให้พวกมันไม่ขับถ่ายผิดที่ผิดทาง หากพวกมันถ่ายนอกสถานที่ที่จัดเตรียมไว้จะถูกลงโทษหรือตักเตือนแบบเบา ๆ ด้วยการถูกฉีดน้ำเข้าใส่ 3 วินาที ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หลังจากการฝึกประมาณ 15 ครั้ง ลูกวัว 11 จาก 16 ตัวในการทดลองผ่านการฝึกเข้าห้องน้ำได้สำเร็จ
.
ส่วนอีก 5 ตัวที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ก็ต้องรับการฝึกต่อไป นอกจากนี้ ทีมงานกำลังทำงานเพื่อสร้างระบบอัตโนมัติที่สามารถใช้ฝึกลูกวัวโดยแทบไม่มีการแทรกแซงจากเกษตรกร ยาน ลางไบน์ หนึ่งในทีมวิจัยเกล่าวกับ Guardian ว่า ความหวังของเขาคือ "ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าวัวทั้งหมดจะเข้าห้องน้ำ"
.
การทดลองนี้ยังมอบความหวังให้กับโลกด้วย พวกเขาสรุปว่า "โมเดลจากการฝึกหัดได้คำนวณว่าการดักปัสสาวะของวัวประมาณ 80% ในห้องน้ำอาจทำให้การปล่อยแอมโมเนียลดลง 56% นอกจากนี้ ด้วยการลดการปนเปื้อนของพื้นที่อยู่อาศัย ความสะอาด สุขอนามัย และสวัสดิภาพของปศุสัตว์จะดีขึ้นได้ ในขณะเดียวกันก็ลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น วัวที่ฉลาดขึ้นสามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศได้ที่อันตรายอย่างยิ่ง"
.
หากจะดูตัวเลขดิบ ๆ จะพบว่า การผลิตอาหารมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก (GHG) ประมาณ 37% ยิ่งไปกว่านั้นอาหารจากสัตว์ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณสองเท่าของอาหารจากพืช จากการเปิดเผยของ อตุล เจน แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์กับ New Scientist
.
ตามการประมาณการ การผลิตอาหารทั่วโลกมีส่วนทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าประมาณ 173,000 ล้านเมตริกตันต่อปี เกือบ 19 เท่าของปริมาณจากอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์ จากการปล่อยมลพิษเหล่านี้ 57% เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหารจากสัตว์และการผลิตอาหารจากพืชคิดเป็น 29% การปล่อยมลพิษที่เหลือมาจากพื้นที่เกษตรกรรมที่ถูกแปลงจากพืชที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ฝ้าย
.
เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับอาหารจากพืชสูงสุด ในขณะที่อเมริกาใต้มีการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับอาหารสัตว์สูงสุด

อ้างอิง
• Neele Dirksen. et al. "Learned control of urinary reflexes in cattle to help reduce greenhouse gas emissions". DOI:https://doi.org/10.1016/j.cub.2021.07.011
• Hannah Devlin. (September 13. 2021). "Cows ‘potty-trained’ in experiment to reduce greenhouse gas emissions". Guardian.
• Krista Charles. (September 13. 2021). "Food production emissions make up more than a third of global total". New Scientist.
ภาพ Scott Bauer, USDA

 

การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้คนที่ได้รับ Sinovac 2 เข็มที่จะเกิดขึ้น อาจจะต้องพิจารณาในกลุ่มคนที่ได้ Sinopharm เช่นเดียวกัน จากงานวิจัยที่เพิ่งเผยแพร่มาจากทีมวิจัยของ Sun Yat-sen University ในประเทศจีน ที่เก็บข้อมูลอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีน BBIBP-CorV ของ Sinopharm ไปครบ 2 เข็ม จะพบว่า ภูมิคุ้มกันชนิด Neutralizing Antibody วัดที่ 4 สัปดาห์หลังเข็มสอง (T5 ในภาพ) ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย และ ค่าแอนติบอดีดังกล่าวตกลงเท่าก่อนได้รับวัคซีนภายในเวลา 4 เดือน (ซึ่งอาจลดลงก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้ ทีมวิจัยไม่ได้เจาะวัดก่อนหน้านั้น)

4 เดือนต่อมา มีการให้ Sinopharm เข็มที่ 3 ซึ่งสามารถกระตุ้น Neutralizing Antibody ขึ้นมาได้สูงกว่าหลังได้เข็มสองชัดเจน และ ได้ระดับสูงสุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังกระตุ้น (T8) หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ (T9) บางคนเริ่มมีแอนติบอดีตกลงมาบ้างแต่โดยรวมทีมวิจัยยังสรุปว่าการลดลงยังไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ น่าเสียดายที่ยังไม่มีข้อมูลภูมิหลังกระตุ้นที่นานกว่า 1 เดือน ซึ่งจะเห็นภาพชัดขึ้นว่าระดับแอนติบอดีจะตกลงไวหรือไม่

ข้อมูลชุดนี้บอกว่าภูมิคุ้มกันจาก Sinovac หรือ Sinopharm อาจต้องถูกกระตุ้นด้วยเข็มที่ 3 ทั้งคู่ครับ

Note: ข้อมูลชุดนี้บอกว่า การฉีดวัคซีนตอนช่วงบ่าย หรือ เย็นได้ผลดีกว่าช่วงเช้า อันนี้น่าสนใจครับว่าเพราะอะไร

ที่มา
https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2021.09.12.21263373v1

 

Sep 16,2021 อย. ไฟเขียว! "วัคซีนโมเดอร์นา" ฉีดในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ในไทยได้แล้ว
.
นางสุนัยนา กิจเกษตรไพศาล ผู้จัดการทั่วไป แซดพี เทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เพิ่มการอนุมัติการใช้วัคซีนโมเดอร์นา ในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ในไทย โดยมีรูปแบบการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับการฉีดของกลุ่มผู้ใหญ่ คือ ฉีดจำนวน 2 เข็ม โดยฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 28 วัน
.
บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ อย.ได้อนุมัติการใช้วัคซีนโมเดอร์นาสำหรับกลุ่มวัยรุ่น เพื่อจะได้มีเกราะป้องกันต่อเชื้อโคโรน่าไวรัส โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สายพันธุ์เดลตายังคงแพร่ระบาดอย่างหนัก หากเราสามารถฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนได้มากเท่าใด ก็จะยิ่งขับเคลื่อนการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น และยังช่วยให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้นในที่สุด
.
และในเดือนพฤษภาคม 64 โมเดอร์นาได้ประกาศผลการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 2/3 ของวัคซีนโมเดอร์นา ในกลุ่มวัยรุ่น (Phase 2/3 TeenCOVE study) ว่าผลการทดลองได้รับความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกัน เทียบเท่ากับการสร้างภูมิคุ้มกันจากวัคซีนในกลุ่มผู้ใหญ่ โดยการฉีดวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์น่า จำนวน 2 เข็ม แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี
.
#โมเดอร์นา #covid #โควิด #วัคซีน #เด็ก #วัยรุ่น #Btimes

 

Sep 16, 2021 หญิงรีบฉีด! หมอมนูญชี้หญิงไทยไม่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ปอดถูกทำลายหนัก ทั้งที่ไม่สูบบุหรี่-ร่างกายแข็งแรง-ไม่มีปัญหาปอดมาก่อน

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ป้องกันปอดถูกทำลายแม้ร่างกายจะแข็งแรง มีดังนี้

มีรายงานในต่างประเทศปอดรั่วเองทั้ง 2 ข้างหลังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบน้อยมาก เกิดขึ้นเองไม่เกี่ยวข้องกับการใส่เครื่องช่วยหายใจ

ล่าสุดพบคนไข้ไทยปอดรั่วเองทั้ง 2 ข้าง เป็นผลจากการที่เนื้อปอดถูกทำลายโดยเชื้อไวรัสโควิด-19

ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 77 ปี ไม่สูบบุหรี่ ปกติแข็งแรง ไม่มีปัญหาทางปอด ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด

วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 มีไข้ ไอ เหนื่อย ปอดอักเสบทั้ง 2 ข้างจากโรคโควิด-19 ได้รับการรักษาด้วยยาและออกซิเจน ไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ 22 วันหลังเริ่มป่วย วันที่ 30 กรกฎาคมเหนื่อยมากขึ้นจากปอดข้างซ้ายรั่วเอง ต้องใส่ท่อระบายลม ถอดท่อระบายลมออก

วันที่ 9 สิงหาคม ปอดอีกข้างรั่วเองวันที่ 18 สิงหาคม ต้องใส่ท่อระบายลม วันที่ 23 สิงหาคมปอดข้างซ้ายรั่วอีก ต้องใส่ท่อระบายลมอีกครั้ง วันที่ 28 สิงหาคมถอดท่อระบายลมข้างซ้าย
วันที่ 31 สิงหาคมปอดข้างซ้ายรั่วอีก ต้องใส่ท่อระบายลมครั้งที่ 3 วันที่ 2 กันยายน ทำคอมพิวเตอร์สแกนปอดพบพังผืดทั่วปอดร่วมกับหลอดลมเล็กๆโป่งพอง

วันที่ 10 กันยายนได้ทำการผ่าตัดปอดข้างขวาเพราะปอดขวาไม่ขยายตัวเต็มที่ ด้วยการส่องกล้องเข้าไปในช่องทรวงอกข้างขวา พบถุงลมพองโตที่ผิวของยอดปอดข้างขวาด้านบนและด้านล่าง ต้องตัดปอดเฉพาะส่วนนั้นและเย็บปิด ตัดเยื่อหุ้มปอดด้านขวา ใส่แป้ง Talc เข้าช่องปอดขวา และผ่านท่อระบายลมข้างซ้าย เพื่อให้เยื่อหุ้มปอดข้างขวาและซ้ายติดกัน และส่งชิ้นเนื้อปอดตรวจทางพยาธิวิทยาพบ เนื้อปอดถูกทำลาย มีทั้งอักเสบและพังผืดทั่วไป มีถุงลมพองในเนื้อปอด ขณะนี้ยังต้องใส่ท่อระบายลมทั้งสองข้าง

คำแนะนำ: คนที่ยังไม่ได้ไปฉีดวัคซีนเพราะกลัวผลข้างเคียงของวัคซีน ขอให้ดูผู้ป่วยรายนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ปอดถูกทำลายเสียหายอย่างมาก ปอดรั่ว 2 ข้างต้องนอนในโรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือนแล้ว ขอให้ทุกคนให้รีบไปฉีดวัคซีน หลังฉีดถึงแม้จะติดเชื้อ ก็จะป่วยเหมือนเป็นหวัด เจ็บคอ คัดจมูก มีน้ำมูก จาม เชื้อไม่ลงปอด ไม่ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต
.
#covid19 #โควิด19 #วัคซีนโควิด #ปอด #โรงพยาบาล #Btimes

 

“ถ้ารัฐไม่ช่วย แท็กซี่อาจสูญพันธ์ุ” เสียงจากสหกรณ์แท็กซี่ ในวันที่ต้องปลูกผักประทังชีวิตพนักงานกว่า 200 ชีวิต
.
ภาพของแท็กซี่ที่จอดเรียงรายอยู่ ซึ่งถือเป็นแค่ส่วนหนึ่งจากทั้งหมดที่จอดตามสถานที่ต่างๆ อีกนับพันคัน ทั้งหมดเป็นรถของสหกรณ์บวรแท็กซี่ และราชพฤกษ์แท็กซี่ ที่ตั้งอยู่ย่านบางแวกของกรุงเทพมหานคร
.
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในทุกระลอก ส่งผลกระทบต่อสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถได้ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่มีราคาค่างวดค่อนข้างสูง รวมค่าผ่อนตลอดสัญญาแตะล้านบาทเศษ หลายคนจึงตัดสินใจนำมาจอดทิ้งไว้ที่สหกรณ์ฯ แห่งนี้
.
ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางสหกรณ์แท็กซี่แห่งนี้เคยเดินทางไปร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ทว่าไม่มีการตอบรับ บางครั้งได้เพียงถุงยังชีพกลับมา ทำให้พนักงานของสหกรณ์ฯ ที่ยังทำงานอยู่ต้องปลูกผักเพื่อประทังชีวิตพนักงาน และครอบครัวอีกเกือบ 200 ชีวิตไปพลางๆ ก่อน
.
“ถ้าภาครัฐไม่ลงมาช่วย แท็กซี่อาจสูญพันธ์ุ ดอกเบี้ยมันแพงไป อย่างไรก็ต้องมีการสั่งการลงมา เพื่อมาช่วยดูแลตรงนี้” เสียงจากผู้ประกอบการสหกรณ์บวรแท็กซี่ และราชพฤกษ์แท็กซี่กล่าว
.
เรื่อง: ไพศาล ฮาแว
ภาพ: ฐานิส สุดโต
.
อ่านต่อได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews #TheStandardPhoto #ฐานิสสุดโต

 

สปสช. เริ่มแจกชุดตรวจ ATK ฟรี ผ่านโรงพยาบาลและร้านยา ให้ประชาชนตรวจโควิดด้วยตนเองที่บ้าน
.
วันนี้ (16 กันยายน) คือวันแรกที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจกชุดตรวจโควิดแบบ Antigen Test Kit (ATK) ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่มีความจำเป็นต้องตรวจ ผ่านทางโรงพยาบาล คลินิก และร้านยาทั่วประเทศ
.
สำหรับผู้ที่จะเข้ารับชุดตรวจ ATK จะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังก่อน เพื่อประเมินว่าเข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับชุดตรวจโควิดหรือไม่ สำหรับผู้ที่ใช้งานแอปฯ เป๋าตังอยู่แล้ว ให้เข้าระบบเพื่ออัปเดตข้อมูล โดยจะมีเมนู ‘รับชุดตรวจโควิด-19 ฟรี’ ขึ้นมา และทำตามขั้นตอนที่แนะนำในแอปฯ
.
ส่วนผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถขอรับชุดตรวจโควิดได้ที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือศูนย์บริการสาธารณสุข ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยถือเพียงบัตรประชาชนไปแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่
.
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นผู้ขอรับชุดตรวจจะได้รับชุดตรวจจำนวน 2 ชุดต่อคน และสามารถมารับชุดตรวจอีกครั้งได้ทุก 10 วัน รวมถึงต้องบันทึกผลการตรวจในแอปฯ ทุกครั้งเพื่อติดตามผล
.
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร / THE STANDARD
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardPhoto #ศวิตาพูลเสถียร #COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #โควิดวันนี้ #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19 #วัคซีนโควิด #TheStandardNews

 

BREAKING: ผ่านฉลุย ที่ประชุม ส.ส. มีมติรับหลักการวาระ 1 ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันซ้อมทรมานและอุ้มหาย เตรียมพิจารณาวาระ 2 ต่อไป
.
วันนี้ (16 กันยายน) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีการพิจารณาวาระรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. … ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากเมื่อวานนี้ (15 กันยายน) ได้มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็นจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล พร้อมปิดการอภิปรายแล้ว ขณะที่วันนี้ได้มีการประชุมเพื่อให้โหวตลงมติในวาระรับหลักการ หรือวาระที่ 1
.
โดยผลการลงมติคือ เห็นชอบ 368 เสียง ไม่เห็นชอบ ไม่มี งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
.
เป็นอันว่าที่ประชุม ส.ส. มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว และจะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 ต่อไป
.
สำหรับร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านความเห็นชอบ เป็นร่างหลักที่ถูกนำเสนอโดยคณะรัฐมนตรี ขณะเดียวกันมีร่างกฎหมายทำนองเดียวกันอีก 3 ฉบับ ที่มีหลักการเดียวกัน
.
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นนี้ได้ที่: https://thestandard.co/prevent-forced-disappearance-act/

 

สถานการณ์โควิดในไทย (16 กันยายน 2564)
.
วันนี้ (16 กันยายน) สถานการณ์โควิดในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 13,897 ราย แบ่งเป็น
.
ติดเชื้อจากต่างประเทศ 9 ราย
ติดเชื้อภายในประเทศ 13,494 ราย
มาจากเรือนจำ 394 ราย
.
ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,434,237 ราย แต่หากนับผู้ป่วยสะสมของการระบาดระลอกเดือนเมษายน รวมทั้งสิ้น 1,405,374 ราย โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564
.
สำหรับผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม 13,527 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 1,290,556 ราย ผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ 128,728 ราย อาการหนัก 3,911 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 788 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 188 ราย เสียชีวิตสะสม 14,953 ราย
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #โควิดวันนี้ #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19 #วัคซีนโควิด #TheStandardNews

 

ฉีดวัคซีน 2 เข็มกันเดลตาได้นานแค่ไหน เปิดประสิทธิผลวัคซีนในสหราชอาณาจักร
.
งานวิจัยประสิทธิผลของวัคซีนในสหราชอาณาจักร พบว่า การป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการต่อสายพันธุ์เดลตาลดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไปหลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ในช่วง 20 สัปดาห์ ส่วนในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางมาก ประสิทธิผลในการป้องกันอาการรุนแรงต่ำกว่าและลดลงมากกว่าในกลุ่มที่ไม่มีโรคประจำตัว
.
หน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England) เผยแพร่งานวิจัยที่ยังไม่ตีพิมพ์ (Preprint) เกี่ยวกับประสิทธิผลและระยะเวลาที่ป้องกันของวัคซีน Pfizer, AstraZeneca และ Moderna ต่อสายพันธุ์เดลตาในสหราชอาณาจักรผ่านเว็บไซต์ Knowledgehub เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยเป็นการติดตามประสิทธิผลของวัคซีนหลังฉีดครบ 2 เข็ม ไปจนถึงระยะเวลามากกว่า 20 สัปดาห์ พบว่า
.
การป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการสูงสุดในช่วงสัปดาห์แรกของการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม โดย
.
- วัคซีน AstraZeneca และ Pfizer ลดลงเหลือ 47.3 และ 69.7% ในสัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป
- ส่วนวัคซีน Moderna มีผลการติดตามถึงสัปดาห์ที่ 10-14 ประสิทธิผลเท่ากับ 90.3% ซึ่งสูงกว่ายี่ห้ออื่นในช่วงเดียวกัน
.
สำหรับการป้องกันการนอนโรงพยาบาล วัคซีน Pfizer ลดลงไม่มากนักจาก 99.7% ในสัปดาห์ที่ 1 เหลือ 92.7% ส่วนวัคซีน AstraZeneca ลดลงจากจุดสูงสุด 95.2% ในช่วงสัปดาห์ที่ 2-9 เหลือ 77.0% เมื่อเลยสัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป ประสิทธิผลของวัคซีนลดลงอย่างชัดเจนในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุ 40-64 ปี และยังลดลงอย่างมากในผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเปราะบางทางคลินิก
.
ทั้งนี้กลุ่มเปราะบางทางคลินิก (Clinically Extremely Vulnerable: CEV) หมายถึง ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการรุนแรง ได้แก่ ผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินหายใจรุนแรง โรคของเซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neurone Disease) ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ได้รับการตัดม้าม โรคไตเรื้อรัง โรคดาวน์ซินโดรม และหญิงตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของหัวใจ
.
คณะผู้วิจัยสรุปว่า ประสิทธิผลของวัคซีนมีจำกัดในการป้องกันการนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มในสัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป นอกจากนี้เนื่องจากประสิทธิผลของวัคซีนยังลดลงมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปและกลุ่มเสี่ยงต่ออาการรุนแรง ดังนั้นผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางมากนี้จึงควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นกลุ่มแรก
.
อ้างอิง:
Vaccine effectiveness and duration of protection of Comirnaty, Vaxzevria and Spikevax against mild and severe COVID to 19 in the UK https://khub.net/…/Vac…/10dcd99c-0441-0403-dfd8-11ba2c6f5801
Coronavirus (COVID-19): definitions of ‘clinically extremely vulnerable’ and ‘vulnerable’ https://www.nidirect.gov.uk/…/coronavirus-covid-19-definiti…
.
เรื่อง: นพ.ชนาธิป ไชยเหล็ก
ภาพ:เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#COVID19NOW #ฝ่าวิกฤตโควิด19 #โควิด19 #COVID19 #โควิดวันนี้ #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19 #วัคซีนโควิด #TheStandardInfographic #TheStandardNews

 

UPDATE: สธ. เผย คนที่หายป่วยโควิดอาจเกิดอาการหลงเหลือของเชื้อ ‘Long COVID’ พบ 30-50% ของผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มป่วยรุนแรง
.
วันนี้ (16 กันยายน) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ป่วยโควิดที่รักษาหายรายวันมีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ สะท้อนถึงคุณภาพระบบการดูแลรักษา ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงวันนี้รวม 1,405,374 ราย หลายรายแม้จะหายป่วยและตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในร่างกายแล้ว อาจจะยังมีอาการหลงเหลืออยู่ องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกอาการที่เกิดขึ้นนี้ว่า ภาวะ ‘Long COVID’ หรืออาการหลงเหลือของเชื้อโควิดระยะยาว ซึ่งสามารถพบภาวะนี้ได้ทั่วโลก ส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจากหายป่วยในช่วง 1-3 เดือนแรก พบได้ร้อยละ 30-50 ของผู้ป่วยโรคโควิด จึงไม่ต้องตกใจหรือกังวลใจแต่อย่างใด
.
ทางด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของภาวะ Long COVID แสดงออกได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกัน ไม่มีลักษณะตายตัว เช่น ไอ มีไข้ ปวดศีรษะ การรับรู้กลิ่นหรือรสชาติลดลง เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยล้า ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ ท้องเสีย เกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง และบางรายอาจมีอาการทางจิตใจ เช่น วิตกกังวล สมาธิสั้นลง หรือซึมเศร้าร่วมด้วย โดยผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีแดงหรือผู้ป่วยที่มีอาการป่วยรุนแรงจะมีโอกาสเกิดภาวะ Long COVID สูงกว่าผู้ป่วยโควิดที่มีอาการน้อย เนื่องจากอาจมีปัจจัยเรื่องความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงป่วยเป็นโรคโควิด จึงส่งผลต่อเนื่องอาจยาวนาน 3-6 เดือนได้กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
.
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะ Long COVID ด้วย เช่น อายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เรื่องเพศ โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ด้วย เช่น โรคหอบหืด และผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งผู้ที่หายป่วยแล้วไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด
.
นพ.จักรรัฐ กล่าวต่ออีกว่า หากผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิดแล้วยังมีอาการที่กล่าวมา แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากบางรายอาจเป็นผลจากตัวยาที่ใช้ในการรักษา หรือบางรายอาจจะมีโรคอื่นๆ ร่วมด้วย จึงต้องมีการตรวจเพิ่มเติมและรักษาให้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น และยังมีความเป็นไปได้ในผู้หายป่วยแล้ว บางรายอาจจะติดเชื้อโควิดซ้ำได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ต่างไปจากสายพันธุ์เดิม แต่อาจไม่แสดงอาการชัดเจน
.
ดังนั้นผู้ป่วยโควิดแม้หายป่วยแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิดอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ เช่น ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาแม้อยู่บ้าน หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 70% และไม่ไปในแหล่งชุมชนแออัด หรือสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews

 

UPDATE: ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ จัดตั้ง ‘AUKUS’ ไตรภาคีด้านความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก
.
เมื่อวานนี้ (15 กันยายน) นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา จับมือจัดตั้ง ‘AUKUS’ ไตรภาคีด้านความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิกขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะนำไปสู่การช่วยให้กองทัพของออสเตรเลียมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อร่วมมือปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงกับอีก 2 ประเทศ
.
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า “พวกเราต่างยอมรับและเห็นความสำคัญของการสร้างหลักประกันด้านสันติภาพและความมั่นคงในอินโดแปซิฟิกในระยะยาว เราจำเป็นต้องดำเนินการเกี่ยวกับทั้งสภาพแวดล้อมเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคนี้ และวิธีที่อนาคตของแต่ละประเทศจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความมั่นคงและเฟื่องฟูของอินโดแปซิฟิกที่มีเสรีและเปิดกว้างตลอดหลายทศวรรษข้างหน้า”
.
ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียชี้ว่า ความร่วมมือด้านความมั่นคงครั้งใหม่นี้จะช่วยทำให้ภูมิภาคนี้ปลอดภัยและมั่นคงมากยิ่งขึ้น “ขอให้ผมชี้แจงให้กระจ่างว่า ออสเตรเลียไม่ได้กำลังจะได้รับอาวุธนิวเคลียร์หรือก่อตั้งโครงการนิวเคลียร์ เราจะยังคงปฏิบัติตามกฎข้อบังคับในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) ที่เคยลงนามไว้ทุกประการ”
.
ทางด้านนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน กล่าวว่า “ความร่วมมือนี้จะผลักดันการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สำหรับออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงการที่ซับซ้อนและต้องใช้เทคนิคมากที่สุดในโลก ออสเตรเลียเป็นหนึ่งประเทศพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของเรา เป็นชาติที่มีความเกี่ยวดอง ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยและเป็นหุ้นส่วนโดยธรรมชาติของความร่วมมือนี้”
.
หลายฝ่ายมองว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นความพยายามในการที่จะป้องปรามอิทธิพลของจีนในอินโดแปซิฟิก โดยเฉพาะในแถบทะเลจีนใต้ที่ยังคงมีข้อพิพาทเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์อีกทั้ง AUKUS อาจสั่นเคลื่อนดีลมูลค่าหลายพันล้านที่รัฐบาลออสเตรเลียเคยลงนามจะซื้อเรือดำน้ำฝรั่งเศสเมื่อปี 2016 ส่งผลให้ฝรั่งเศสในสถานะชาติยุโรปที่เป็นพันธมิตรที่ยาวนานของออสเตรเลียอาจถูกสั่นคลอน
.
ด้านโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า ทั้ง 3 ประเทศควรนำเอาความคิดแนวยุคสงครามเย็นและความอคติออกไปได้แล้ว พร้อมทั้งระบุว่า ความร่วมมือดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศอื่นๆ
.
นอกจากนี้ทั้งสหรัฐฯ และออสเตรเลียก็ยังเคยร่วมมือกันจัดตั้งพันธมิตรสี่เส้าด้านความมั่นคง (Quadrilateral Security Dialogue) หรือ ‘Quad’ ขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 ร่วมกับอินเดียและญี่ปุ่นด้วยจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน ก่อนที่จะกลับมาประชุมหารือกันอย่างจริงจังอีกครั้งในปี 2017 และคาดว่า Quad จะจัดประชุมขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยมีสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ
.
ภาพ: Win McNamee / Getty Images
.
อ้างอิง:
https://www.aljazeera.com/news/2021...-australia-acquire-nuclear-powered-submarines
https://www.aljazeera.com/news/2020...-can-us-india-japan-and-australia-deter-china
https://www.washingtonpost.com/poli...lia-part-new-alliance-direct-challenge-china/
https://www.theguardian.com/world/2...as-aukus-alliance-focuses-on-china-deterrence
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews

 

Sep 16,2021 มองการไกล! “อินโดนีเซีย” เร่งเจรจากับอนามัยโลกและบริษัทยา 6 แห่ง เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์กลางผลิตวัคซีนระดับโลก
.
สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงานว่า นายบูดี กูนาดี ซาดีกิน (Budi Gunadi Sadikin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียกำลังเจรจากับองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงบริษัทยาอีก 6 แห่ง เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนระดับโลก ซึ่งได้วางเเผนที่จะทำงานร่วมกับ WHO เพื่อเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตระดับโลกสำหรับวัคซีน mRNA โดยศูนย์กลางการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายการผลิตวัคซีนทั่วโลก
.
ทั้งนี้อินโดนีเซียได้เผชิญกับการระบาดที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโควิด-19 ในเอเชีย และมีการติดเชื้อมากกว่า 4.1 ล้านรายและผู้เสียชีวิต 139,000 ราย และด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเผยว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่าหลายเท่า และบริษัทยาอินโดนีเซียได้หารือกับผู้ผลิตวัคซีนและนักพัฒนาอานฮุย Walvax, Sinovac, Genexine, Arcturus Therapeutics และ Novavax การเจรจามีตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา
.
ทางด้าน Bambang Heriyanto เลขาธิการบริษัท Bio Farma ซึ่งเป็นบริษัทยาของรัฐที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ยืนยันว่าการเจรจากำลังดำเนินไป และขั้นตอนแรกคือการร่วมมือกันในการถ่ายทอดเทคโนโลยี ต้องใช้เวลา 2 หรือ 3 ปีในการสร้างโรงงานผลิตที่ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ
.
ทั้งนี้อินโดนีเซียจะใช้ความเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศ G-20 เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านสุขภาพของโลกและเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปหลังจากไวรัสโคโรน่า
.
#อินโดนีเซีย #covid19 #โควิด19 #วัคซีน #โรงงาน #Btimes #WHO

 

Sep 16,2021 ไม่มีเท! เครือเกษมราษฎร์เปิดให้เช็คลำดับคิวฉีดวัคซีนโมเดอร์นา
.
โรงพยาบาลเครือเกษมราษฎร์ โรงพยาบาลการุญเวช และโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล เปิดเผยช่องทางให้ผู้ที่ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนทางเลือก “โมเดอร์นา” เข้าตรวจสอบลำดับคิวเพื่อรับการฉีดวัคซีน ดังนี้
.
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์
เว็บไซต์ www.bchvaccine.com กดเลือกเมนู “ตรวจสอบคิว” โดยระบบจะให้กรอกข้อมูล ได้แก่ ประเภทบุคคล พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขพาสปอร์ต จากนั้นกด “ค้นหาข้อมูล”
ตรวจสอบผ่านทางไฟล์ PDF โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://bit.ly/3Ci78hW
.
โรงพยาบาลเวิร์ดเมดิคอล
เว็บไซต์ www.bchvaccine.com กดเลือกเมนู “ตรวจสอบคิว” โดยระบบจะให้กรอกข้อมูล ได้แก่ ประเภทบุคคล พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขพาสปอร์ต จากนั้นกด “ค้นหาข้อมูล”
ตรวจสอบผ่านทางไฟล์ PDF โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ shorturl.at/lEZ67
.
โรงพยาบาลการุญเวช
เว็บไซต์ www.bchvaccine.com กดเลือกเมนู “ตรวจสอบคิว” โดยระบบจะให้กรอกข้อมูล ได้แก่ ประเภทบุคคล พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือหมายเลขพาสปอร์ต จากนั้นกด “ค้นหาข้อมูล”
.
สำหรับการจัดลำดับคิวอ้างอิงจากผู้ที่ชำระเงินเต็มจำนวนก่อนและหลัง โดยผู้ที่ชำระเงินเต็มจำนวนก่อน จะมีสิทธิได้รับการจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นา จากทางโรงพยาบาลก่อนตามลำดับ
.
โดยสำหรับลูกค้าที่ลำดับคิวอยู่ในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนไตรมาส 4 นี้ จะสามารถใช้ เลขที่การจอง และเลขบัตรประชาชน เข้าระบบในการจองวัน-เวลา ที่จะรับบริการฉีดได้ในลำดับต่อไปในระบบของโรงพยาบาล ทั้งนี้ระบบจะเปิดให้จองเมื่อองค์การเภสัชได้ยืนยันวันที่ส่งมอบวัคซีนให้กับทางโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งทาง ผู้ผลิตจะสามารถส่งมอบล็อตแรกถึงไทยประมาณกลางเดือนตุลาคม นี้ และจะทยอยส่งสัปดาห์ละ 3 แสนกว่าโดส ต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนครบในไตรมาส 4 ปี 2564 จำนวน 1,958,400 ล้านโดส
.
#covid19 #โควิด19 #เกษมราษฎร์ #โมเดอร์นา #วัคซีน #Btimes