ฌาน 4

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย telwada, 24 ตุลาคม 2004.

  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    กระทู้นี้ จะกล่าวถึง ฌาน 4 ในที่ถูกต้อง ขอให้ทุกท่านที่ใฝ่ทางธรรม ไม่ว่าจะเป็นในด้านหลักวิชาการ หรือในด้านอภิ__า หรือในด้านอื่นใดก็ตาม
    ข้าพเจ้าได้ศึกษาค้นคว้าวิจัย และทดลองฝึกตนจนได้ผลอยู่ในระดับที่ดียิ่งแล้ว
    คำว่า ฌาน หมายถึง ภาวะจิตที่สงบแน่วแน่เนื่องจากการเพ่งอารมณ์ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) ซึ่งย่อมหมายถึง สมาธินั่นเอง
    ที่นี้ ฌาน มีประโยชน์อะไรไหม
    คำตอบก็คือ ฌาน ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ในแง่ของการปฏิบัติธรรม เพราะฌาน เป็นเพียงบอกให้รู้ว่า สภาพหรือสภาวะจิตใจของบุคคลใดใดย่อมแบ่งได้เป็น 4 รูปแบบ ซึ่งท่านทั้งหลายก็คงรู้อยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง หากจะกล่าวอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นแล้วละก้อ ฌาน 4 ไม่มีประโยชน์ใดใดในการที่จะต้องนำมาสนใจหรือนำมาพินิจพิเคราะห์ว่า สมาธิ ของตนทำให้สภาพจิตใจอยู่ในสภาพไหนของฌาน 4 เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความหลง เกิดกิเลส หรือเกิดอาสวะ นี้เป็นคำตอบอย่างแรกในประโยชน์ของฌาน 4
    อย่างที่ 2 ในแง่ทางด้านวิชาการ ควรรู้ว่าฌาน 4 คืออะไรไหม?และมีประโยชน์ในทางด้านวิชาการหรือไม่
    คำตอบ ในแง่ทางด้านวิชาการ ควรรู้ ว่าฌาน 4 มีอะไรบ้าง แต่ต้องรู้ในทางที่ถูก ต้องรู้ในแง่ของหลักสรีระร่างกายของสรรพสิ่ง ว่า สรรพสิ่ง ย่อมต้องมีฌาน 4 กล่าวคือ สรรพสิ่ง ย่อมต้องมีสภาพสภาวะจิตใจ,อารมณ์ อย่างนั้น แม้ไม่รู้ธรรมะแม้แต่ข้อเดียว สรรพสิ่งก็ย่อมมีฌาน 4 เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
    แล้วในคำถามที่ว่าฌาน4 มีประโยชน์ในทางด้านวิชาการไหม แน่นอนย่อมมีประโยชน์ในทางด้านวิชาการ เพราะเป็นการเรียนรู้หลักการทางสรีระร่างกายแห่งสรรพสิ่งอันเป็นหลักธรรมชาติ
    แล้วฌาน 4 เป็นหลักการหรือธรรมะหรือไม่
    คำตอบก็คือ ฌาน4 เป็นเพียงกระพี้ธรรมของข้อ รูป (ขันธ์5) รูปคือสรีระร่างกาย ซึ่ง ฌาน 4 จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะขันธ์ 5 อันต้องเกี่ยวโยงกับ ความจำ ความรู้สึก การปรุงแต่ง และจิตวิ__าณ (เซลล์แห่งอวัยวะต่างๆ)
    ทั้งหมดที่ได้กล่าวไป ขอให้ท่านทั้งหลายได้นำไปฝึกคิดพิจารณาพินิจพิเคราะห์ ซึ่งสภาพสภาวะจิตใจอารมณ์ของตนให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้
    นี้เป็นคำสอนของข้าพเจ้า ศรีอารย์
     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ฌาน

    ขอแย้งตรงที่ว่า

    " คำตอบก็คือ ฌาน ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ในแง่ของการปฏิบัติธรรม "

    ++ ถ้าไม่มีฌาน ก็ไม่สามารถบรรลุอรหันต์ได้
    ฌานเป็นสิ่งสำคั_มาก


    ********************************************
    ขอแปลคำว่าฌานสักนิด ขอคั่นเวลาสักหน่อย ประเดี๋ยวเลยไปจะยุ่ง จะไม่รู้ว่า ฌาน
    แปลว่าอะไร คำว่า ฌาน นี้ แปลว่า เพ่ง หมายถึงการเพ่งอารมณ์ตามกฎแห่งการเจริ_กรรมฐาน
    ถึงอันดับที่ ๑ เรียกว่าปฐมฌาน คือ ฌาน ๑ ถึงอันดับที่ ๒ เรียกว่าทุติยฌาน แปลว่า ฌาน ๒
    ถึงอันดับที่ ๓ เรียกว่า ตติยฌาน แปลว่าฌาน ๓ ถึงอันดับที่ ๔ เรียกว่า จตุตถฌาน แปลว่า ฌาน ๔
    ถึงอันดับที่แปด คือ ได้อรูปฌานถึงฌาน ๔ ครบทั้ง ๔ อย่าง เรียกว่า ฌาน ๘
    ถ้าจะเรียกเป็นสมาบัติก็เรียกเหมือนฌาน ฌาน ๑ ท่านก็เรียกว่า ปฐมสมาบัติ ฌานที่ ๒
    ท่านก็เรียกว่า ทุติยสมาบัติ ฌาน ๓ ท่านก็เรียก ตติยสมาบัติ ฌาน ๔ ท่านก็เรียกจตุตถสมาบัติ
    ฌาน ๘ ท่านเรียก อัฎฐสมาบัติ หรือสมาบัติแปดนั่นเอง


    http://www.palungjit.org/smati/k40/smabat.htm#ฌาน
     
  3. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณเวบสโนว์ คุณเข้าใจผิดแล้ว คำว่าเพ่งอารมณ์นั้น คุณว่า มนุษย์ทั่วไปไม่ว่านับถือศาสนาใดใด เพ่งอารมณ์ไม่เป็นหรืออย่างไรขอรับ
    การทำงานทุกชนิด เป็นการเพ่งอารมณ์ทั้งนั้น และอารมณ์ในขณะที่เขาทำงานอยู่นั้น ก็จะแบ่งได้เป็น 4 อย่าง คุณลองพิจารณาหรือสังเกตตัวคุณเองดูซิขอรับ
    อนึ่ง ฌาน เป็นผลที่เกิด คุณเข้าใจคำว่าผลที่เกิดไหม ผลที่เกิดไม่ใช่เหมือนกับผลไม้ที่จะสามารถสร้างต้นไม้ต่อได้อีก
    ผลแห่งการปฏิบัติบางอย่าง จะเป็นผลเพียงอย่างเดียว
    สมมุติว่าคุณทำงานอยู่ จิตใจคุณเพ่งอยู่ก้บการงานนั้นๆ อยากจะถามว่า คุณจะรู้ไปทำไมว่า ขณะนั้น คุณอยู่ในฌานใด หรือมีสภาวะหรือสภาพจิตใจเป็นอย่างไร
    แล้วคุณรู้ไหมว่า ภาษาดิ้นได้ กรรมฐานก็คือการทำสมาธิ
    ส่วนคำว่า วิปัสสนานั้น มนุษย์ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่รู้ดอกนะว่ามันคืออะไรกันแน่ ข้าพเจ้ามีความจำเป็นที่ยังไม่สามารถบอกได้ แต่ข้าพเจ้าก็เคยสั__าไว้ว่า จะให้คุณเมื่อถึงเวลา
    ที่ได้กล่าวไปเป็นฌาน4 ในระดับ ปุถุชน ขั้นพื้นฐาน
    เมื่อมาถึงระดับอริยะบุคคลซึ่งข้าพเจ้าก็เคยได้กล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า จะต้องประกอบด้วยความรู้ และอื่นๆอีกมากมาย ฌานไม่มีความหมายอะไรเลย กลับเป็น กิเลส เป็นตัวถ่วง เป็นความหลง ระดับอริยะบุคคลจะไม่สนใจฌานเป็นเด็ดขาด เพราะฌานเป็นเพียงผลที่จะรู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ ไม่มีผลต่อการปฏิบัติธรรม
    ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในกระทู้
     
  4. 123

    123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +864
    เห็นด้วยกับ telwada เรามักจะยึดติดในความคิดและหลักการมากเกิรไปด้วยเหตูนี้เราจึงพลาดจากสาระสำคั_อยู่เสมอๆ
     
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ในเมื่อกระทู้กล่าวถึง ฌาน 4 ไปในแง่ของความไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม แล้วอะไรละที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม ตั้งแต่ชั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นอริยะ
    สิ่งที่เกี่ยวข้อง ก็คือ สติสัมปะชั__ะ
    สติสัมปชั__ะ ไม่ใช่ตัวธรรมะ สติส้ปปชั__ะเป็นเพียงผลหรือสภาพจิตใจหรือสภาวะจิตใจหรือสภาพสมองและใจ อันเกิดจากการฝึกฝนสมาธิ
    สมาธิ มีการฝึกฝนได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเพ่งอารมณ์ หรือใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จุดประสงค์ หรือผลที่ได้รับจากการปฏิบัติสมาธิ ก็คือ สภาพสภาวะจิตใจที่ ตัวเราสามารถรู้สึกตัวและระลึกได้อยู่เสมอ เมื่อจิตใจ สมอง ถูกกระทบหรือได้รับการสัมผัสจากภายนอกหรือสัมผัสกับสิ่งที่ถูกจดจำไว้ในสมอง เราก็ย่อมสามารถบังคับควบคุมได้ในระดับหนึ่งไม่ให้ฟุ้งซ่าน ไม่ให้คิดมากจนเลยเถิด หรือสามารถบังคับควบคุมไม่คิดอะไรคือขจัดความคิด ขจัดอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง ซิ่งการขจัดความคิด ขจัดอารมณ์ก็ย่อมทำให้เกิดสภาพสภาวะจิตใจในรูปแบบต่างๆ ดังที่มีกล่าวไว้ในฌาน4 และก็เพราะเหตุนี้เอง ฌาน4 จึงไม่มีประโยชน์ ไม่มีความสำคั_ เป็นเพียงกระพี้ที่อธิบายการเกิดของสภาพสภาวะจิตใจเท่านั้น
    ดังนั้นเมื่อท่านใดอ่านข้อคิดเห็นนี้กรุณาอ่านหลายๆครั้งและค่อยทำความเข้าใจก็จะเกิดปั__าอย่างถ่องแท้ ซึ่งก็เท่ากับว่า ท่านทั้งหลายเข้าใจในหลัก
    ธรมแห่งศรีอารย์ระดับหนึ่งแล้วฉะนี้
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เมื่อข้าพเจ้ากล่าวถึงสติสัมปชั__ะไป ท่านทั้งหลายก็อาจจะเกิดข้อสงสัยและกังขาว่า สติสัมปชั__ะ จัดอยู่ในหมวดธรรมะใด
    สติสัมปชั__ะนั้น จัดอยู่ในหมวดธรรมะ ข้อ "ระลึก ดำริ" เหตุเพราะ ตามธรรมชาติแห่งสรรพสิ่งแล้ว ย่อมมีความรู้สึกตัวและระลึกได้ อยู่แล้ว
    แต่ สรรพสิ่งจะรู้สึกตัวอยู่เสมอ ก็เหตุเพราะมีความระลึกได้ ถ้าหากไม่มีความระลึกได้ ก็ย่อมไม่มีความรู้สึกตัว
    ความระลึกได้นั้น จะมีอยู่ในสรีระร่างกายของมนุษย์เป็นกลไกอัตโนมัติเป็นธรรมชาติที่สรรพสิ่งย่อมต้องมี
    ความระลึกได้นั้น มีหลายรูปแบบ ถ้าจะกล่าวในหลักการแพทย์ เขาเรียกว่า ระบบประสาท ซึ่งระบบประสาทก็ยังแบ่งออกเป็น ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบประสาทที่อยู่นอกเหนือจิตใจ อะไรอย่างนี้เป็นต้น
    และก็เพราะด้วยเหตุนี้เอง สติ หรือความรู้สึกตัวนั้น ย่อมมาจากความระลึกได้ หรือระลึก ซึ่ง เป็นระบบประสาทชนิดหนึ่ง ฉะนี้
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ที่กล่าวไปข้างต้น คือเรื่องของฌาน 4 ที่ถูกต้อง จากข้าฯศรีอารย์
     
  8. wit

    wit บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    แบบนี้ก็เหมือนกับคำกล่าวของท่านเว่ยหลางที่ว่า "ผู้มีใจเที่ยงธรรมการเจริ_สมาธิก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น" เพราะ ผู้มีความประพฤติตรงแน่วสมาธิก็จะเกิดขึ้นมาเอง ใช่รึเปล่าครับ
    ปล.ตรงประโยคนี้ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าข้อความเช่นนี้ถูกต้องตรงตามในหนังสือหรือไม่ ถ้าไม่ตรงก็ขออภัยด้วยนะครับ
     
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สมาธิเป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด
    คำกล่าวที่คุณเอาของเว่ยหลางมาเขียน ถูกเพียงครึ่งเดียวไม่ถูกทั้งหมด
    สมาธิ แม้ไม่ต้องปฏิบัติ ก็ย่อมเกิดมีอยู่แล้ว แต่หากได้ฝึกปฏิบัติก็เท่ากับว่าเราได้เพิ่มพูนความรู้ เพิ่มพูนการควบคุมสติสัมปชั__ะขึ้นไปอีก
    ถามว่าจำเป็นไหมที่จะต้องฝึกสมาธิ คำตอบก็คือ จำเป็น แต่วิธีการฝึกสมาธินั้น มีหลายรูปแบบ เช่น ฟังเพลง เล่นเกมคลายเครียด หรืออื่นๆอีกหลายสิ่ง โดยรวมอาจจะกล่าวได้ว่า ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและพอใจก็จะเป็นการฝึกสมาธิ เพราะการเอาจิตใจไปจดจ่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นคือการปฏิบัติสมาธิ ฉะนี้
     
  10. anthony

    anthony Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +51
    Telwada wants to be like Swamee Saiyababa

    I think what telwada really wants is that he wants people to acknowledge him as Phrasriarayamethri, just like people believe that Saiyababa is Aowatarn of Phra Narai.

    However, Saiyababa is acknowledged as Phra Narai because of 1. He is a good person who is teachin dhammar (that does not conflict with our buddhism) and do not look down at other religions. 2. He can create miracle. For instance, he can answer what he was asked by the person in their mind, by not having to say a word. 3. He does not say that he is better than anyone else, or other religions. 4. He is teaching dhammar for free, and not wanting to make money out of this. 5. He is not wanting to sell dhammar or anything like khun telwada that wants to sell, whatever it is at 700,000.

    Telwada's tail has just been revealed. 555. Who buys whatever you are selling is crazy. By the way, Khun telwada, after considering what you have been doing, you will go to hell for sure.
     
  11. anthony

    anthony Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +51
    Telwada go to hell.

    Good luck in hell na khun Telwada na. I think you might enjoy being burnt for many sanmahakubs la. Probably the last and worst level of hell la.
     
  12. tung

    tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    เก่งๆ กันทั้งนั้นเลยนะ ..... ไปช่วยพี่น้องชาวไทยทางใต้ ไป๊....

    ถ้าแน่จริงนะ
     
  13. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คนที่กล่าวอย่างคุณ ถัง หรือกล่าวอย่างคุณที่ใช้ภาษาฝรั่ง น่าจะไปช่วยทางภาคใต้ด้วยตัวคุณเองนะ อิจฉาผู้อื่นละซินะ
     
  14. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เพราะตอนนี้ธรรมแต่ละอย่างของคุณนี่ทำให้ศาสนาเจริ_ฮวบๆเลยนะ

    คุณเทวด่า ผมคิดว่าคุณคงจำผมได้ดีนะ คู่ปรับตลอดกาลของคุณ ผมก็คือ SATAN ขอความกรุณาอย่าได้ก่อกรรมทำเข็_เป็นมารศาสนาอีกเลยนะท่านศาสนาจะได้เจริ_ เพราะตอนนี้ธรรมแต่ละอย่างของคุณนี่ทำให้ศาสนาเจริ_ฮวบๆเลยนะ(f)
     
  15. Mr.Nobody

    Mr.Nobody บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เฮ้อ! ว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นแล้วเชียวน้า

    เนื่องจากไม่อยากจะว่าใคร แต่เห็นโต้ตอบกันไปมา แล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร
    ก็เลยอยากจะรบกวนบอกท่านทั้งหลาย ให้เลิกเถอะครับ อย่าไปตอบโต้อะไร ลุงเทวดาแกเลย แกอยากเป็นอะไรก็ให้แกเป็นไปเถิด ถึงหลายๆท่านอาจจะมีเมตตา เตือนลุงเทวดาแกด้วยความหวังดี แต่แกก็ไม่ยอมรับฟัง ก็ไม่สมควรยุ่งกับแกอีก

    เหมือนกับพระฉันนะหัวดื้อในสมัยพุทธกาล ที่ใครเตือนก็ไม่ยอมรับฟัง สุดท้ายเลยโดนลงพรหมทัณฑ์ คือ ปล่อยไป ไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่ตักเตือน ทำเสมือนว่าบุคคลนั้นได้ตายไปแล้ว ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้

    ที่ผมเข้ามาเขียนเพื่ออยากให้ทุกท่านทำเช่นนี้ อย่าไปยุ่งกับลุงเทวดาแกอีก แกอยากโพสอะไรให้แกโพสไป ไม่ต้องเข้าไปอ่าน ไม่ต้องโพสตอบโต้ เดี๋ยวแกก็หายบ้าไปเอง

    ที่จริงผมไม่อยากยุ่งกับลุงเทวดาแกเท่าไหร่ แต่ผมเป็นห่วงหลายๆท่าน ก็เลยเข้ามาเตือน และผมนี่แหละจะลงพรหมทัณฑ์กับลุงเทวดาแกเป็นคนแรก จะไม่สนใจแกอีก จะได้ไม่มีส่วนแห่งความบ้า
     
  16. ปฐมแสงธรรม

    ปฐมแสงธรรม บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ผู้ที่มีเขาไม่พูดว่าตนมี ผู้ที่ดีเขาก็ไม่พูดว่าตนดี

    ขออภัยด้วยนะครับพอดีเปิดมาเจอ
    ฌาณ ๔ เป็นสิ่งสำคั_อย่างยิ่งในการเจริ_จิตภาวนา ไม่ว่าจะพิจารณาสิ่งใดหากขาดกำลัง ฌาณแล้วความกระจ่างที่ได้จะเป็นแค่ภาพลวงตาหรือใช่สิ่งจริงไม่ แม้พระอรหัตเวลาท่านจะเขานิพพานท่านจะเจริ_จิตเขาสู่ระดับฌาณแล้วอนุโลมกลับไปกลับมา๑-๘ตามกำลังของฌาณที่ตนได้จากนั้นจะทอนมาสู่ระดับสมาธิแล้วทานจะเขาพระนิพพานในระดับสมาธิ นั้นน่าจะหมายความว่าฌาณเป็นสิ่งสำคั_เช่นกัน หรือแม้แต่การแสดงฤทธิต่างๆจะเป็นกระสิณหรืออะไรก็ตาม จิตขั้นต่ำต้องอยู่ในระดับฌาณทั้งนั้น...
    ขออภัยทุกท่านที่มาแจมครับ
     
  17. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    telwada ยังเข้าใจเรื่องฌานเพี้ยน

    ระดับของสมาธิที่ใช้ในเวลาทำการงานในชีวิตประจำวัน
    กับระดับของฌาณ๔ นั้นต่างกันมาก

    ผมคิดว่า telwada ไม่รู้จักว่า ฌาณ ๔ มีอารมฌ์อย่างไร
    ขอ telwada อธิบายหน่อย ฌาน๔ ที่คุณเข้าใจนั้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ขอแบบละเอียดยิบ ตอบไม่ได้ละมั่ง 5555
     
  18. tung

    tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    ผมพูดจริง ๆนะ ถ้าเก่งขนาดนั้น ไปช่วยชาวใต้ซิ

    การช่วยเหลือผู้อื่น คือการทำบุ_ที่ล้ำค่า

    เก่ง แล้วไม่ช่วยคนอื่น แบบนี้เขาเรียกเห้นแก่ตัวนะ...


    ปล. ผม อิจฉาคุณมากเลยนะ คุณ telwada ที่คุณหลุดพ้นจนไม่คล้าย คนทั่ว ๆ ไป ( เพี้ยน )
     
  19. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    แล้วคุณถังทำไมไม่ไปเองละคุณ มายุให้ข้าพเจ้าไปทำไมกันละคุณ
    เรื่องของฌาน 4 นั้น พวกคุณหรือข้าพเจ้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะที่ไม่เข้าใจ
    ข้าพเจ้าขอถามพวกท่านสักหน่อยว่า พวกท่านฝึกตนถึงขั้นมีฉัพพรรณรังสีหรือยัง ท่านรู้จักไหมว่า โสดาบันคืออะไร สกทาคามีคืออะไร อนาคามีคืออะไร อรหันต์คืออะไร นิพพานคืออะไร และรู้ไหมว่า ฝึกอย่างไรจึงจะสำเร็จหรือบรรลุถึง ขั้นแห่งฤทธิ์เหล่านั้น
    ถ้าพวกท่านไม่รู้เรื่องเหล่านั้น พวกท่านก็ย่อมไม่รู้เรื่องฌาน เช่นกัน เพราะเหตุที่ว่า เมื่อท่านบรรลุถึงขั้นโสดาบัน(บรรลุไม่ใช่สำเร็จ) ท่านก็จะรู้ว่า สภาพสภาวะจิตใจขณะปฏิบัติธรรม สภาพสภาวะขณะสัมผัสหรือกระทบกับสรรพสิ่งต่างๆนั้น จะมีความคล้ายคลึงกัน สภาพสภาวะจิตใจ ในขณะที่ปฏิบัติธรรมเป็นเยี่ยงใด เมื่อได้กระทบหรือสัมผัสหรือกระทบกับสรรพสิ่งก็จะเป็นเช่นนั้น
    สภาพสภาวะจิตใจของมนุษย์และหรือของสรรพสิ่งนั้น ถ้าจะเอาในตำรามากล่าวพวกคุณก็รู้อยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง
    ข้าพเจ้าจะกล่าวประสบการณ์เมื่อบรรลุถึงโสดาบันก่อน เพราะเมื่ออ่านธรรมะของข้าพเจ้าแล้ว ฝึกฝนปฏิบัติแล้ว (อันนี้ต้องคิดเอาเองนะว่าปฏิบัติอย่างไร)
    ก็จะบรรลุ(ไม่ใช่สำเร็จ) โสดาบันเป็นอันดับแรก
    ธรรมชาติของสรรพสิ่งนั้น ย่อมมี สงบนิ่งไม่คิดสิ่งใดเลย คือไม่รู้สึกแม้ได้รับการสัมผัสหรือกระทบกับสรรพสิ่ง นี้เป็นอย่างหนึ่ง
    ธรรมชาติของสรรพสิ่งนั้น ย่อม คิดทบทวน หรือหวลคิดถึง เป็นห่วง หรือที่เขาเรียกว่า กังวลใจ เมื่อได้กระทบหรือสัมผัสกับสรรพสิ่ง นี้เป็นอย่างหนึ่ง
    ธรรมชาติแห่งสรรพสิ่ง ย่อมเกิดมีความสุขความสบายใจ เมื่อได้สัมผัสหรือกระทบกับสรรพสิ่ง นี้เป็นอย่างหนึ่ง
    สภาวะสภาพจิตใจทั้ง 3 ชนิด ที่กล่าวไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาพสภาวะจิตใจของสรรพสิ่ง อาจจะเกิดร่วมกัน ทั้ง 3 ชนิดในวันเดียวเวลาเดียว หรืออาจจะเกิดชนิดใดชนิดหนึ่ง เฉพาะอย่างก็เป็นได้ ซึ่ง สภาพสภาวะจิตใจเหล่านั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการขัดเกลาอบรมฝึกฝน รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจเมื่อได้กระทบหรือสัมผัสกับสรรพสิ่ง
    การที่ได้กระทบหรือสัมผัสกับสรรพสิ่ง สภาพสภาวะจิตใจรูปแบบต่างๆก็จะเกิดขึ้น หากไม่ได้รับการสัมผัสหรือกระทบกับสรรพสิ่งมาก่อน สภาพสภาวะจิตใจก็อาจจะสงบนิ่ง แต่คงเป็นไปได้ยาก เพราะธรรมดาหรือธรรมชาติของมนุษย์หนีไม่พ้น หลักการหรือธรรมะข้อที่ 1 คือ ระลึกดำริ
    และเมื่อหากกระทบหรือสัมผัสสภาพสภาวะจิตใจรูปแบบต่างๆจึงจะเกิดขึ้น หากมีความรู้ มีความเข้าใจ ได้รับการขัดเกลาฝึกฝนอบรมมาดี ก็อาจจะมีสภาพสภาวะจิตใจเป็นหนึ่งเดียวตลอด คือไม่คิดอะไรเลยในขณะนั้น แต่อาจนำไปคิดภายหลัง คือเกิดความคิดไตร่ตรองหาเหตุผลหรือเรียกว่าจำไปคิดภายหลังก็เป็นได้
    ดังนั้น ฌาน4 นั้น เป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นเมื่อกระทบหรือสัมผัสกับสรรพสิ่ง หากบรรลุโสดาบัน ก็สามารถขจัดคลื่นต่างๆได้บ้างเป็นบางอย่าง ก็อาจจะคิดน้อยหน่อย หรืออาจจะไม่คิดอะไรเลยเฉยๆ อาจจะเกิดความสุขสบายใจ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ทั้งนั้น ซึ่ง ขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจในตัวหลักการหรือธรรมะ ไม่เกี่ยวกับการฝึกสมาธิหรือ ที่พวกคุณเรียกว่า ฌาน
    เพราะฌานนั้น เป็นผลมี่เกิดจากสมาธิซึ่งจะรู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ จุดสำคั_มันอยู่ที่ ความรู้ความเข้าใจ รุ้จักควบคุมควบคิด รู้จักขจัดความคิด และอื่นๆ เมื่อรู้แล้วทำได้แล้ว สภาพสภาวะจิตใจก็จะมีแต่เฉยๆ ที่กล่าวไปนี้ยังมีรายละเอียดอีกมาก เขียนมากอ่านยากไม่ค่อยเข้าใจดอกคุณค่อยถามไหมถ้าสงสัย
     
  20. khordsanth

    khordsanth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +98
    พระโพธิสัตว์คือผู้ที่พร้อมจะสละทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แม้แต่ชีวิต เฮี่ย telwada ไปบำเพ็_บารมีที่ภาคใต้ก็ดีนะ บารมีจะได้เข้มข้น เดี๋ยวข้าฯ จะส่งนกกระดาษไปช่วยด้วยตัวนึง
    ตัดอะไรก็ไม่ขาด!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...