ขอคำแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิ ดูกาย ดูจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คุณกรรณิการ์, 15 พฤษภาคม 2008.

  1. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ขอโทษนะครับ ที่ผมจะต้อง แสดงอาการ

    การฟังคำของแก้วน้ำนั้น จะทำให้คุณติดเสียงพากษ์มากขึ้น

    ควรละเว้นครับ
     
  2. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ************************
    ขอบคุณ คุณ DEEP ค่ะ เมื่อวานสังเกตอารมณ์ตัวเองเหมือนกัน ขณะที่อาบน้ำลูก เราอารมณ์สบาย ๆ ไม่กังวล และไม่ทุกข์ ลูกก็ซน เราก็ดุเค้า แต่สภาวะในจิตจริง ๆ แล้วไม่ได้ไหลไปตามอารมณ์โกรธ หรือโมโห เลยค่ะ แต่เราพูดเพื่อให้ลูกได้กลัวเรา และเข้าใจในสิ่งที่เราพูดค่ะ
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สภาวะธรรม ที่จิตสามารถทำได้ จะต้องเหนือกว่า ภาวะใช้สัญญา

    ภาวะ เสียงพากษ์ นั้น เป็นสภาวะ ที่มีคำพูด มีภาษา โดยหลัก
    ของขันธ์ 5 แล้ว ถือว่า มีการดึงสัญญามาใช้ ดังนั้น ภาวะแบบนี้
    จะถือว่าใช้ไม่ได้ ควรละ ควรมีให้น้อยลง

    วิธีทำให้น้อยลง กับเป็นวิธีเดียวกันตลอดสาย จากชั้นต้น สู่ชั้นสุดท้าย

    ก็แค่การระลึก ตามดู ตามรู้ โดยไม่พากษ์ ไม่แทรกแซง ไม่หลงชอบ
    ไม่หลงตัดสินใจว่าใช่ ไม่หลงตัดสินใจว่าไม่ใช่ ไม่มีการให้ค่า
     
  4. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    ว่าง
     
  5. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    อันตรายมาก ระวังติดอสัญญีพรหม
    ไม่ได้มหาสติหรอกครับ
    การไม่สนสิ่งที่มากระทบ เป็นการปิดกั้นการรับรู้
    แล้วไปจ่อกับความว่าง นิ่ง
    เนิ่นช้าครับผม...
     
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แบบนี้แหละครับ ถึงเรียกว่า ปฏิบัติ

    เพราะถ้าคุณนั่งลงเพื่อทำสมาธิ โอกาสจะได้ดูจิต ดูกาย นั้น จะมีโอกาส
    เห็นนั้นน้อยกว่ากิจกรรมนี้เสียอีก

    ถ้าคุณรู้สึกว่า ดูจิต ดูกาย อย่างไร ก็มุดอุโมงค์อยู่อย่างนั้น ต้องออกมา
    กระดุกกระดิก ซึ่งอันนี้เป็นคำพระ ท่านให้หมายถึงออกมาทำกิจการงาน
    การที่เป็นกุศลอื่นๆ แทน จนกว่าจะพ้นวิบากที่ส่งผลโดยการทำสมถะ

    เมื่อคุณเริ่มอ่อนใจ จิตขาดกำลัง ก็ค่อยไปทำสมถะ สมาธิใหม่ แต่คราว
    นี้พยายามทำแบบเบาสบาย อย่าให้ถึงขั้นมุดอุโมงค์ แค่จิตมีกำลัง ก็ออก
    ไปทำกิจการงานอื่นๆ ต่อ เพราะว่า นั่นคือการ ปฏิบัติ ที่ดีกว่า คือไม่ทำ
    ให้คุณถลำไปจมแช่กับอาการของจิตนิ่ง สงบ แบบเดิมๆ

    จะเห็นนะครับ ว่าผมไม่ได้บอกให้เลิกทำสมาธิ ยังต้องทำ แต่ให้ทำเป็น
    กำลังสะสมไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เอามันนำหน้า เพราะตอนนี้

    คุณต้องการ ยกปัญญาอินทรีย์ เป็นวัตถุประสงค์หลัก

    เราก็ต้องยึดเป้าหมายหลัก ให้สมาธิเป็นเป้าหมายรองลงไป
     
  7. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    *****************

    ที่เงียบไปนาน ไม่ใช่คิดนะคะ แต่ทำงานอยู่ ตอนนี้ว่างต่อค่ะ

    สภาวะพากษ์เนี่ย พึ่งจะเป็นเมื่อคืนนี้ และคืนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีสภาวะนั้นหรือเปล่า แต่รู้วิธีแล้ว คือจะไม่ไหลไปตามเสียงพากษ์ จะพยายามนะคะ ต่อค่ะ รับฟังต่อทุกท่านเลยค่ะ เข้ามาอย่าเพียงอ่าน แสดงความคิดเห็นร่วมด้วย ถ้ากรรณิการ์ เข้าใจในคำพูดที่ทุกคนกำลังแนะนำ มันสนุกมากเลยนะคะ
     
  8. D E E P

    D E E P สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +0
    เอามันปัจจุบันนี่เลย
    หยิบมาซักอารมณ์ที่เกิด แล้วดูด้วยสติขณะนั้นเลย
    รู้ ของวิปัสนามันอยู่ตรงนั้นครับ
    ดู ในให้แจ้งในอารมณ์ จึงจะวางได้จริง
    ไม่ต้องไปตัดอารมณ์ เพื่อรีบวาง
    มันไม่ใช่ธรรมชาติของจิต
    แค่อารมณ์เดียว ก็ครบองค์แล้วครับ รูปนาม เกิดดับ ไตรลักษณ์
    ไม่ต้องไปอยากรู้ แค่มีสติระลึกรู้ และดูอารมณ์นั้นไป
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เอาสนุก หรือ เอาปัญญา ครับ
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อันนี้ต้องชี้ตามความเป็นจริงครับ

    เรา อย่าพึ่งวางเป้าหมายไว้ที่ "ว่าง"

    อันนี้ คือ อวิชชา

    พวกที่คิดว่า ชีวิต คือ สมมติบัญญัติ มักจะกล่าวพาไป วาง ว่าง ว้าง

    แต่จริงๆ ไม่ใช่ เพราะการเข้าใจอย่างนั้น คือการเข้าใจในการสมมติว่าวาง
    เลยแสดงกริยาว่าวาง หรือ คิดว่าวาง หรือ เพ่งว่าวาง จึงติดสมมติด้วยตัว
    เอง

    การวางของจิต ก็เหมือนการที่คุณเลี้ยงลูก เห็นอารมณ์โกรธมันตี และมัน
    กรุ่นอยู่ในใจตลอด แต่คุณไม่ได้เอามาเป็นต้นเหตุของกริยา แล้วแสดงออก
    ไป จิตคุณส่วนหนึ่ง กิเลสที่โกรธก็ส่วนหนึ่ง ต่างคนต่างทำงาน ไม่เกี่ยว
    ข้องกัน แต่ถ้าจิตคุณเอนเอียง คุณก็จะเริ่มเอาอารมณ์โกรธไปปรุงกริยา
    วาจา และใจ
     
  11. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ขยายความคำว่า " สัญญีพรหม " ให้ด้วยค่ะ ไม่เข้าใจ
     
  12. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ผมเชื่อว่าคุณสนุกครับ เพราะลึกนั้น คุณกรรณิการ์เคยทำวิปัสสนามาแล้ว

    แต่ยังไม่เจอผัสสะแรง ที่ทำให้ระลึกของเก่าที่เคยทำไว้ได้ แต่ค่อยต่อไป
    แบบนี้ เดี่ยวจตรินิสัยคุณจะค่อยๆแสดงออกมาเอง เมื่อเราคุ้นกันมากขึ้น

    หรือ เมื่อคุณพร้อมใจเต็มที่ให้เราทุบ แต่ต้องเลือกสถานที่คุยนะครับ
    ในบางกรณี ไม่งั้นบาปกันหมด
     
  13. D E E P

    D E E P สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +0
    " สัญญีพรหม " คืออะไร คุณขุนพล
     
  14. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    อย่างไรเสีย นั่งสมาธิก็ยังต้องทำเช่นเคยค่ะ ปัญญาอินทรีย์ ยังไม่เข้าใจ ขยายความด้วยค่ะ จะเห็นว่า คำพูดบางคำกรรณิการ์ จะไม่เข้าใจ รบกวน ความหมายต่อท้ายมาด้วยนะคะ
     
  15. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    รู้ตัวก็ปล่อย จะไปพากย์ทำไม
    โกรธหนอ ฟุ้งหนอ นี่เรียกว่าพากย์
    ไปยึดความว่างนี่เป็นรูป แบบนี้เรียกว่าความว่าง ไม่ใช่จิตว่าง
    ทิ้งจนว่าง อย่าไปยึดตัวว่าง แล้วมันจะรู้ถึงที่มาที่ไปในตัวมันเองไปตามลำดับ

    บางทีการสนทนาแนะนำกันนั้น พระบางรูปบอกให้ทำบุญ แบบนี้จะนิพพานไหม นอกจากไปเป็นเทวดา ดังนั้นรูปแบบไม่ใช่บอกว่านี่นะ ไปนิพพานทางนี้ แต่ผู้ปฏิบัติไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ดั่งพระสารีบุตรเป็นแม่นม พระโมคคัลลานะเป็นพี่เลี้ยง ส่งต่อเป็นทอดๆ

    บางท่านส่งได้ถึงขั้น แต่ใช่ว่าส่งอีกขั้นได้ บางท่านส่งไปถึงขั้นแรกไมได้แต่ส่งไปถึงขั้นสุดท้ายได้ อันนี้ก็ต้องดูให้ดี

    ไม่มีประโยชน์ที่จะกำหนดว่าปฏิบัติอย่างไรไปแบบไหน แต่โทสะ โมหะ โลภะ ลดลงไหมอันนี้สำคัญ ไม่เต้นไปตามโทสะ โมหะ โลภะ อันนี้ก็สำคัญ

    นิ่งเฉยในที่นี้มีอารมณ์แต่ใจนิ่งเฉยไม่ไปตามอารมณ์ อันนี้ระดับสูง
    นิ่งเฉยรู้ที่มาของอารมณ์ไม่ให้เกิดอารมณ์ นี่ยังพึ่งขั้นแรกๆ

    แต่ถ้าไม่รู้ขั้นแรกก็ไปขั้นสูงไม่ได้

    ไม่มีบันไดก้าวแรก จะให้ก้าวต่อไปก็ลำบาก กว่าจะหาได้ก็เนิ่นนาน กว่าจะปีนได้ก็หมดแรงตายก่อน ค่อยๆเติมขึ้นไปช้าหน่อยแต่ไม่เกิน 1 ปี ถ้าเพียรจริง

    เหมือนอนุบาลเด็ก ถ้าไม่สอนให้รู้ ก ข ค คำศัพท์ต่างๆ แล้วอยู่ดีๆ ไปสอนประวัติศาสตร์ระดับมหาลัยจะเป็นอย่างไร มันก็ไม่เหมาะ
     
  16. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166

    มันแปลกอย่างนึง ที่กรรณิการ์ เป็นคือ ถ้าสภาวะอารมณ์เราไม่นิ่ง เกิด รัก โลภ โกรธ หลง มันจะไม่วางค่ะ มันจะตัดออก ตัดแบบขาดสะบั้นเลย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตัดได้ขนาดนั้น รบกวนชี้แนะด้วยค่ะ
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เจตนาคุณกรรณิการ์ ทำสมาธิกรรมฐานเพื่อประโยชน์ใดหรอคับ
     
  18. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    คุณกรรณิการ์ เน้นไปตรงกิจกรรมเลี้ยงลูกก็ได้

    คำว่า ทนต่อสภาวะทุกข์ คืออะไร

    ก็คือ ทนต่ออารมณ์โกรธลุกที่มันตีขึ้นเป็นตัณหา แต่มันครอบงำ
    จิตที่เป็นกุศลกว่าไม่ได้

    จิตที่เป็นกุศลกว่า อกุศลเบียดเข้าไม่ได้ ฉันใด นั้นแหละทางที่
    ควรเห็น

    แต่จะเห็นว่า ภาวะที่คุณไม่โกรธลูกนั้น ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องนับ
    1 ถึง 10 หรือ บริกรรมพุท-โธ นั่นเพราะอะไร เพราะสัมมาสมาธิ
    นั้นเจริญในจิตคุณอยู่แล้ว สัมมาปัญญาเจริญในจิตคุณอยู่แล้ว สัมมา
    สติเจริญในจิตคุณอยู่แล้ว คุณจึงทนเห็น อารมณ์โกรธมันผุดๆ แต่
    เราไม่ได้เอามาเป็นเรา

    อารมณ์โกรธ หรือ ขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา มันอยากโกรธมันก็โกรธ ห้ามไม่ได้
    ทั้งที่ ก็รู้อยู่ว่า นั่นคือ ลูกเราแท้ๆ

    จิตมันก็ไม่ใช่เรา เพราะเรา ไม่ได้นับ 1 ถึง 10 ไม่ได้บริกรรมพุทโธ เพื่อ
    ปรุงจิตให้เป็นสมาธิ จิตเขามีสมัมมาสมาธิเอง เขาก็ตอบสนองกับกิเลส
    ได้เอง

    เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ไม่มีเราอยู่เลย
     
  19. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เป็นเช่นนั้นครับ
    ก่อนจะหัดพูดต้องรู้ความหมาย จึงจะผสมคำได้
    ผู้เริ่มฝึกสติใหม่ๆ เพื่อไม่ให้เผลอสติ ก็ต้องฝึกกำหนด ให้จิตทันปัจจุบันก่อน
    เมื่อตามจนชิน อาการกำหนดย่อมหมดไป จึงเรียกว่า มหาสติ
    คือไม่ว่าจะทำอะไร สติมันก็แนบกับใจ รู้ทันจิต
     
  20. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    สงสัยจะกรรมเยอะ พอได้มีโอกาสคุยงานก็มา อ่ะตอนนี้ว่างแล้วค่ะ ตอนนี้ไล่อ่านทีละคนนะคะ เดี๋ยวจะตาลาย รอฟังทุกคนด้วยค่ะ อ่ะอ่านต่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...