องค์อวตาร ไสบาบา

มีใครรู้จัก องค์อวตาร ไสบาบา มั่งครับ
ที่ท่านมีอิทธิปาฎิหารย์สามารถเสกวัตถุสิ่งของออกมาได้

แม้แค่นักวิทยาศาสคร์ได้ไปพิสุจน์มาแล้ว
ถึงกลับตะลึงว่าทำได้อย่างไร

ผมเคยประวัติท่าน ท่านมีเป็นร่างอวตาร มาเพื่อ
ยกระดับจิตใจของชาวโลก และจะอวตารมาทั้งหมด 3 ร่าง
และร่างที่เป็นไสบาบา นี้เป็นร่างที่ 2 เคยเป็นร่างแรกมาแล้ว
และจะมาเกิดอีกเป็นอวตารร่างที่ 3 ในอนาคต

คุณคิดเห้นอย่างไรเกี่ยวกับ ไสบาบา

 

มาอีกแล้ว กระทู้กับดัก
เดี๋ยวก็ลามปามไปยังทวยเทพอีก
ยิ่งพวกปริยัติทั้งหลาย ไม่คอยจะลงรอยในเรื่องนี้อยู่ด้วย

ตั้งกระทู้ให้มันสร้างสรรค์หน่อยดิ

 

อันนี้พอคุยได้ เพราะเป็นคนที่ผ่านภพไปแล้ว

ท่านไสบาบา บอกชัดเจนว่า เป็น องค์ราม หรือ นารายณ์อวตาร
โดยอีกชาติจะมาเกิด ไม่ได้ให้ชื่อสถานที่ แต่ให้ชื่อไว้ว่า "เปรม"

แต่กลับเกิด นารายณ์อวตาร ขึ้นในไทย ไม่ได้ชื่อ "เปรม"
แต่ชื่อออกไปทาง รวยมาก

 

หุหุ ไหนแท้ ไหนเทียม

 

เป็นผู้ที่ประกาศว่า ต่อไป ศาสนาที่เหมาะกับโลกอนาคต นั่นคือ ศาสนาแห่งความรัก รวมเอาหลักคำสอน และสิ่งที่สำคัญๆ ของแต่ละศาสนามารวมกัน

และมาเตือนว่า สิ่งที่เราทำ หาเลี้ยงชีพอยู่ปัจจุบัน นั้นก็ทำไป และสิ่งที่คนทุกคนต้องตระหนัก และต้องไปให้ถึงนั้น คือ โมกษะ หรือนิพพาน แม้ว่าคนๆ นั้นจะต้องการไปหรือไม่ต้องการก็ตาม

น้ำตาลนั้นก็คือ ธรรมะ ซึ่งคนทั่วไปรู้ว่า มีรสหวาน หากแต่ทว่า เธอเองก็ยังไม่ยอมชิม ไฉนเลยเธอจะรู้ได้ว่า มันมีรสชาติหอมหวานขนาดไหนกัน เช่นเดียวกันกับ รสชาติแห่งธรรม หากเธอไม่ได้เป็นผู้เข้ามาสัมผัส ไฉนเลยเธอจะรู้ได้ว่าธรรมะนั้น จะกล่อมเกลาจิตใจเธอได้แค่ไหน ลองมาลิ้มรสดูสิแล้วเธอจะรู้ว่าความหวานแห่งรสพระธรรมนั้นมีอยู่จริง

ดูนั่นสิ ความมืด กับความสว่าง แท้จริงแล้วอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อใดที่เธออยากให้ห้องสว่าง เธอก็ไปเปิดไฟ ความมืดนั้นมีอยู่แต่ถูกความสว่างขับไล่ออกไป ตัวเธอก็เหมือนกัน มีทั้งความดีและชั่วอยู่ด้วยกัน เพียงแต่เธอ จุดไฟ แสงสว่างแห่งความดี เมื่อไรนั้นความมืดบอดแห่งจิตใจก็ทนอยู่ไม่ได้

ทั้งหมดนี้คือ คำคมของท่านไสบาบาค่ะ

 

ไสบาบา กล่าวไว้ว่า "บางครั้งการรักคนที่เขารักเราก็ไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป"

 

ไสบาๆ ไสบาๆ ไสบาๆ เมื่อก่อนนี้นิยมกันมากเดี๋ยวนี้เพิ่งมาเห็นและได้ยินอีกที่นี่แหละ ได้ยินว่าเมื่อเสกนาฬิกาหรือเสื้อคลุมให้ใครพอเอามาดูแล้วมีหมายเลขมีชื่อโรงงานที่ทำนาฬิกาด้วย ขอโทษจริงๆเล่นกลรึเปล่า เอานาฬิกามาจากไหนรวมทั้งเสื้อคลุมด้วย มันไม่เหมือนกับที่พระหรือคนที่มีอภิญญาทำ

 

เดี๋ยวก็จะมีคนมากล่าวแย้ง เรื่องหาว่าท่านเล่นกล
จะมีคนเอาลิงค์ มาให้ดูว่าท่านหลอกลวง


โอมเจไสราม

 

ผมสนใจไสบาบา ในเรื่องคำสอนมากกว่า แค่อิธิปาฆิหารย์ของท่านก็เป็นเพียงเครื่องดึงคนให้มาสู่คำสอนของท่าน

 

ผมว่าน่าจะเอาจุดเสกของมาเป็นจุดดึงดูดคนเพราะต้องการให้คนหันมาทำตัวให้มันดีขึ้นไม่ใช่มีแต่ชั่วในใจ
ผมว่าคิดดูแล้วมันก็ไม่ต่างจากการมีปฎิหาริย์ของบ้านเมืองเราหลอกนะคิดูดิ ฝรั่ง พอมันได้ยินเกี่ยวกับของอาคมบ้านเรา ยิงฟัน ไม่เข้ามันก็ร้องแล้ว โอ้พระเจ้า ขนาดบ้านเมืองของเค้าเจริญขนาดไหนยังปลุกเสกไม่ได้เลย ยังไม่เคยเห็นบาทหลวงสร้างวัตตุมงคลเลย อย่าไปตื่นเต้นอะไรมากไม่ต่างกันเท่าไรหรอกคับ

 

ผมว่าสนใจคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วน้อมนำมาฝึก ทำให้ได้ประโยชน์และกระชับเวลานะ

ขออภัยความเห็นส่วนตัวน่ะครับ

 

ไสบาบา ไม่เคยกล่าวไว้ว่า " รักคนที่เขารักเรา ไม่จำเป็นต้องตัวเสมอกัน "

 

ข้าขอกราบแทบพระบาท องค์ สัตยาไสบาบา มหาโพธิสัตต์อวตาร

 

ผมเคยไปที่สำนักของไสบาบา ที่อยุ่แถว ราชดำเนิน
ที่นั่นผู้เลื่อมใส ไสบาบา มีหลายเชื้อชาติเลย
เพื่อมาสวดภชัน หรือการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
และเพลงไพเราะมากครับ ทำนองว่า
ไส มา ไส มา ..มาตา.. มาตา.. สัตยา ไสราม
มีเครื่องดนตรีแบบแขก มีกลองแขก
และทุกคนร้องพร้อมกันโดยมีหนังสือร้องเพลงให้ทุกคน

พอร้องเพลงจบ ก็มีพิธิบูชาไฟ จะมีตัวแทนเอาไฟมาแกว่งเป็นวงกลม
ต่อหน้ารูปถ่ายท่านไสบาบา จากนั้นก็แจกผงวิภูติ ให้ผู้ศรัทธากิน เป็นผง
สีเทา ผมก็กินด้วยรสชาติฝาดๆขมๆ เหมือนยาเลย

 

อันความโง่นี่เป็นของแปลก คือแปลกตรงที่แม้นเขาเอามาเฉลยให้ บอกให้ ชี้แจง ขยายให้ ก็ไม่รับรู้รับทราบรับเห็น หรือเข้าใจในอรรถในพยัญชนะนั้น ความโง่มันบดบังให้เลือกชอบ เลือกเชื่อเฉพาะที่ต้องกับความต้องการ คือ ถูกใจ ไม่จำเป็นต้องถูกต้อง ถ้ายังมีความโง่ประเภทนี้ดำรงอยู่ในตนเอง ต่อให้พบพระพุทธศาสนาอีกแสนชาติ ก็เสียเที่ยวไปเปล่าเท่านั้น คนแบบนั้นพระพุทธเจ้าท่านทิ้งเสียแล้ว