การทำบุญนั้นนั้นไม่ต้องอธิษฐานเพราะถ้าอธิษฐานแล้วเชื่อว่าเป็นการโลภ หรือหวังผลตอบแทน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เสาวนีย์, 10 พฤศจิกายน 2004.

  1. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    หลวงพ่อตอบปั_หา
    พระภาวนาวิริยคุณ

    ถาม:
    นมัสการหลวงพ่อครับ บางคนคิดว่า การทำบุ_นั้นไม่ต้องอธิษฐาน เพราะถ้าอธิษฐานแล้ว เชื่อว่าเป็นการโลภ หรือหวังผลตอบแทน ไม่ทราบจะแก้ความเข้าใจผิดตรงนี้ได้อย่างไรครับ

    ตอบ:
    หลวงพ่อก็ได้ยินอย่างนี้มานานแล้ว เมื่อตอนเด็กๆ เขาว่าทำบุ_แล้วอธิษฐานรู้สึกว่าเป็นความโลภชนิดหนึ่ง เพราะหวังผลตอบแทน หลวงพ่อก็เชื่อเขานะ เพราะเป็นผู้ให_่พูด จนกระทั่งมาเข้าวัดเต็มตัว แล้วมาเจอคุณยายอาจารย์ของเรา ท่านตอบปั_หาเรื่องนี้ให้กับหลวงพ่อชัดเจนเลยว่า

    ในทางโลก เวลาเขาจะสร้างบ้าน ยิ่งหลังให_่เท่าไร ยิ่งต้องมีพิมพ์เขียว ถ้าไม่มีพิมพ์เขียว พอถึงเวลาไปสร้าง เดี๋ยวเถอะได้สร้างไป รื้อไป ทุบไป กว่าจะสร้างเสร็จละก็ยุ่งเลย แต่ถ้ามีพิมพ์เขียวเสร็จเรียบร้อย จะสร้างบ้านรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้ กว้างยาวเท่านั้นเท่านี้ มีกี่ห้อง มีห้องน้ำห้องนอนเท่าไรก็ว่าไป กำหนดไว้ชัดเจน ถึงเวลาก็สร้างตามนั้น โอกาสผิดพลาด ยาก แต่โอกาสจะได้ผลดีและประหยัดมีมาก

    สร้างบ้านต้องมีแผนฉันใด การทำบุ_ก็ต้องมีแผนฉันนั้น เพราะเมื่อเราทำบุ_แล้ว บุ_เกิดขึ้นแน่นอน แต่พอถึงเวลาจะส่งผล ถ้าไม่กำหนดทิศทางให้ดี อาจเป็นอันตรายต่อตัวเองได้

    เป็นต้นว่า เราทำทานไป ผลแห่งการทำทานจะทำให้ผู้ที่ทำทานนั้น วันใดวันหนึ่งจะรวยขึ้นมาได้ เมื่อรวยขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ได้ตั้งผังไว้ให้ดีว่า รวยแล้วจะใช้ทรัพย์ไปทำอะไร เพราะฉะนั้น บางคนพอรวยแล้วก็ตกอยู่ในความประมาท เอาทรัพย์ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น เอาไปเล่นพนันบอล อย่างนี้เรียกว่า หาบุ_ได้ ใช้บุ_ไม่เป็น ใช้บุ_ไปหานรกเสียอีกด้วย ตรงนี้ต้องระวัง

    แต่ถ้าเราทำบุ_ทำทาน รู้แล้วว่าวันหนึ่งเราจะรวย ตั้งผังไว้เลย "ถ้าเรารวยเมื่อไรขอให้เราสามารถใช้ทรัพย์ในทางที่ถูกที่ควร ตั้งแต่เอาทรัพย์นั้นไปใช้สร้างฐานะให้ยิ่งขึ้นไป เอาไปบำรุงพระศาสนา เอาไปตอบแทนบุ_คุณพ่อแม่ เลี้ยงดูท่านให้ดี หรือเอาไปทำในสิ่งที่ถูกที่ควร"

    พูดง่ายๆ เอาคำอธิษฐานเป็นแผนงานระยะยาวที่จะประกอบความดีต่อไป เอาบุ_ที่ทำได้นั้นมาเป็นงบประมาณ เมื่อมีทั้งแผน มีทั้งงบประมาณ โอกาสจะพลาดมันยาก เมื่อเราทำบุ_แล้วเราอธิษฐาน นี่เป็นเรื่องของการสร้างผังสำเร็จไว้รอข้างหน้า และตอนนั้นใจกำลัง เป็นบุ_ ผังสำเร็จดี ๆ แน่นอนเลย คุณอธิษฐานเข้าไป อย่ากลัว ไม่พลาดแน่

    มีไหมที่เขาอธิษฐานผิดๆ มี หลวงพ่อจะเล่าให้ฟัง มีผู้ห_ิงคนหนึ่ง ทำบุ_ทำทานกี่ครั้งๆ ก็อธิษฐานผิดๆ ว่า "ด้วยอำนาจผลบุ_นี้ ขอให้สวยเช้งวับเลย สตรีใดในโลกสู้ไม่ได้ คิดจะเป็น มิสยูนิเวอร์ส (Miss Universe) แม้ชายใดได้เห็นให้งงงันไปหมด" เจ้ากรรมถึงเวลาเข้า แกก็สวยจริงๆ ใครเห็นแกเข้า เขาก็งงงันกันไปหมด มีอยู่วันหนึ่ง ทหารทั้งกองทัพ ทั้งกองร้อยไปซ้อมรบกลับมา ไปเจอแกเข้า ก็งงงันกันหมด เลยแย่งกัน พระราชาเลยตั้งเธอคนนั้นไว้ในตำแหน่งของกลาง คือ กลายเป็นโสเภณีประจำเมืองไป นี่เป็นเรื่องของการอธิษฐานผิดๆ คืออธิษฐานอยู่ด้วยอำนาจของกิเลส พอถึงเวลานั้นก็ส่งผลออกมาเสียหายอย่างนี้

    แต่ถ้าจะอธิษฐานให้ถูก อย่างมหาอุบาสิกาวิสาขาในอดีตชาติ ทำบุ_ทำทานก็อธิษฐานเลยว่า "ด้วยอำนาจทานที่ข้าพเจ้าได้ ทำนี้ จะบังเกิดในภพชาติใดๆ ขอให้สมบัติเกิดขึ้น ไหลมาเทมาอย่างคลื่นในมหาสมุทร แล้วให้เอาทรัพย์นั้นมาบำรุงพระสงฆ์องค์เจ้ากันทั้งแผ่นดิน ใครมาประพฤติปฏิบัติธรรมก็ให้เลี้ยงให้ได้ทั้งหมดเถอะ มามากเป็นร้อยเป็นล้านเลี้ยงได้หมดเลย "

    อย่างนี้ตั้งผังสำเร็จตั้งโปรแกรมดีเหลือเกิน ท่านทำของท่านออกมาทำนองนั้น เพราะฉะนั้น ในชาติสุดท้ายก็มาเกิดเป็นมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่บำรุงพระ บำรุงผู้มีศีลมีธรรมอย่างดีเยี่ยมของในยุคสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

    การอธิษฐานมีความสำคั_อย่างนี้ เพราะฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การอธิษฐานเป็นหนึ่งในบารมีทั้ง ๑๐ ของพระองค์ เพราะช่วยให้พระองค์สามารถบำเพ็_บารมี สร้างความดีอย่างรัดกุม ไม่มีผิด ไม่มีพลาด

    คุณโยม นับแต่นี้ไป ทำบุ_แล้วอธิษฐานทุกครั้งนะ แต่อย่าไปอธิษฐานผิดๆ ว่าให้หล่อๆ รวยๆ แล้วมีแม่บ้านเยอะๆ อะไรแบบนั้น เราอธิษฐานให้หล่อให้แข็งแรงได้ ถ้าได้ลักษณะ มหาบุรุษยิ่งดี ไม่ว่าสตรีใดไม่ว่าชายใดเห็น ขอให้ออกบวชตามข้าพเจ้าให้หมดเลย อย่างนี้ถึงเรียกว่า อธิษฐานเป็น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      98.4 KB
      เปิดดู:
      282
  2. Fat man

    Fat man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +447
    ชอบครับ
     
  3. ธุลีดิน

    ธุลีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +156
    แต่ก่อนก็เคยเข้าใจผิด
    ดีมากๆนะครับ เอามาลงอีก(f)
     
  4. Star Platinum

    Star Platinum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +1,152
    กระทู้นี้ให้5ดาวครับ!!!
     
  5. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,010
  6. น้องไข่แมงสาบ

    น้องไข่แมงสาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +501
    ขอบคุณค่ะ
     
  7. artty

    artty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    662
    ค่าพลัง:
    +2,386
    dee mark mark leau ja:cool:
     
  8. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    ขอบคุณนะครับ(verygood)
     
  9. pun

    pun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +10
    มันยอดมากเลย จ๊อออออออออออต!
     
  10. อลัชชี

    อลัชชี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เป็นเรื่องงี่เง่าเรื่องหนึ่ง ฟังก็เหมือนไม่ได้ฟัง จรรโลงใจเฉพาะผู้มีใจ
    ไม่จรรโลงใจผู้ที่ไม่มีใจ ไม่มีใจแบ่งเป็นสองอย่าง ไม่มีเพราะไม่เข้าใจ
    และไม่มีเพราะใจดับแล้ว ใจที่ดับแล้วปรุงแต่งไม่เป็น บุ_จึงไม่เป็นบุ_
    เพราะการกระทำของเขาไม่เป็นกรรม เป็นเพียงกิริยา เพราะจิตใจนอก
    เหตุเหนือผลแล้วจึงไม่มีเหตุผลในการกระทำ แต่ทำไม่อรรถาของเขาจึงฟังเป็นเหตุเป็นผล นั่นสิไม่พูดดีกว่า อ่านแล้วหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีก็ดีนะ 5555 :p
     
  11. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    แล้วแต่เน้อ คิดไงทำไงแล้วแต่ละบุคคล จะอธิษฐานก็ได้ไม่ได้อธิษฐานก็ได้ แล้วแต่คุณล่ะ

    เราไม่ได้บอกต้องทำเช่นนี้ เช่นนั่น ไม่ได้มาบอกให้เชื่อ อ่านแล้วตรองดูเอาเอง ด้วยสติปั__าของแต่ละท่าน แล้วแต่จิตของแต่ละคน
    เพราะการอธิษฐาน คือ ความตั้งใจนั่นแหละคุณ เช่น เราตั้งใจเก็บเงินสักก้อน อยากมีบ้าน การอธิษฐานก็ประเภทเดียวกัน
    ใจคนเรามันยังไม่ใช่พระผู้ตรัสรู้แล้ว หรือบรรลุธรรมใดๆ แล้วนะ อยากให้มันดับมันก็ยังไม่ยอมดับ ทำไงล่ะ ก็ต้องหาเหตุให้ใจมันสบายนะ จะด้วยวิธีการใดๆก็แล้วแต่เหอะ แต่ไม่ใช่การไปเที่ยวเตร่ เที่ยวแบบอยากลงอบายอะ นั้นมันแค่สบายชั่วคราว แต่ลำบากอีกยาวนานในอบาย หากทำเป็นอาจิณ ลงแน่ๆ และยาวนานด้วย

    เมื่ออธิษฐานแล้วสบายใจก็ทำไป บางคนไม่อธิษฐานแล้วสบายใจก็ทำไป ยึดความรู้สึกว่า สบายใจกันไป
    คุณ อลัชชี ข้อความของคุณ อ่านแล้วสับสนจริงๆเน้อ ด้วยยังเป็นผู้รู้น้อย ตกลงเนี่ยะคุณเห็นด้วยกับการอธิษฐานหรือเปล่าค่ะ ไม่ต้องไปพูดถึงท่านที่บรรลุธรรมขั้นสูง ๆ หรอกนะค่ะ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น กาย วาจา ใจมันเป็นไปเอง เอาแบบเราๆ ปุถุชนธรรมดาสามั_
    ------------------------
    ตรงข้อความของคุณอลัชชีเนี่ยะ คุณหมายถึงอรรถาของใคร ของพระอรหันต์ที่ท่านบรรลุแล้วเหรอ หรือ ข้อความที่คุณบรรยายการดับของจิต หรือ อรรถาของหลวงพ่อค่ะ งงเน้อ
    แต่ทำไม่อรรถาของเขาจึงฟังเป็นเหตุเป็นผล นั่นสิไม่พูดดีกว่า อ่านแล้วหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีก็ดีนะ 5555
    ---------------------------------
    ด้วยตัวเรา ยังเป็นผู้รู้น้อย
    จิตในพระพุทธศาสนา มีดับด้วยเหรอ ขอความรู้จากท่านผู้รู้จริงด้วยค่ะ
    ตามความคิดเราถึงแม้เข้าพระนิพพานแล้ว ก็ใช่ว่า จะดับ หรือ ความคิดเราผิดล่ะ! ++
    หากจิตดับ ก็คงเท่ากับ ตายแล้วสู_นะซิ
    งั้นพระนิพพานจะมีไปทำไหม เพื่อให้จิตดับ แล้วสู_ไป แล้วจิตตัวจิตเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ขนาดเมื่อตายยังต้องมีที่ไป จะสวรรค์หรือนรกก็ตามแต่กรรมแต่ละคน จะส่งผลกันไป ขนาดศาสนาอื่น ๆ ยังไปเฝ้าพระเจ้าของเค้าเลยใช่เปล่า ไปรับใช้พระเจ้าเค้าเลยใช่มั๊ยค่ะ ก็คือ มีที่ไปอยู่ให้จิตไปอยู่ใช่ไหมค่ะ แล้วจะให้ทางพระพุทธศาสนา ไปลอยเคว้งกลางห้วงมหรรณพที่ไหนล่ะ?
    แต่เมื่อจิตได้เข้าพระนิพพานแล้วไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ให้จิตอยู่ จะมีนิพพานไปทำไม เคยอ่านมานะ ถึงมีบางท่านบอกว่า จิตสลายไปเลย อ้าว! สลายไปไหนล่ะ?
    คำว่าจิตดับของคุณอลัชชี มีความหมายอย่างไรค่ะ
    หากจิตดับจากกิเลสอาสวะ นี่พอฟังขึ้นนะ แต่ดับเหมือนเราดับไฟเนี่ยะ
    ก็เท่ากับสู_ไม่มีเหลือ
    ท่านใดที่อยู่ในศาสนาอื่น ๆ หากท่านประสงค์โพสตในเวปกรุณาแจ้งด้วยว่า หลักธรรมที่ท่านพูดถึง คือ หลักธรรมของศาสนาใด
    เพื่อเราจะได้เข้าใจ เพราะทุกคนทุกศาสนาทุกลัทธิ สามารถแลกเปลี่ยนแนวคิด ความคิดกันได้ในทุกศาสนา
    เพราะเว็ปนี้พูดถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อจะได้ไม่เข้าใจบิดเบือน เพราะมีผู้ศึกษาใหม่ๆ เด๊ยวจะหลงผิดไปได้
    หากเป็นความคิดของศาสนาอื่นๆ หรือ ลัทธิไหน กรุณาระบุด้วยนะค่ะ
     
  12. อิ๋ว

    อิ๋ว บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    คุณอลัชชี เมืองชลเค้าเรียก ไอ้ฟายครับ
     
  13. 123

    123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +864
    คิดได้น่ารักมาก ...........123เห็นด้วย(f)
     
  14. 123

    123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +864
    อะไรกันนี่!!!!!!
     
  15. witt

    witt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +551
    อันนี้เคยคุยกันไปแล้วครั้งหนึ่ง เห็นด้วยครับกับการ ทำบุ_ แล้วอนิษฐาน เป็นการกำหนดเป้าหมาย ที่เราต้องการ
    ถ้าเราไม่อนิษฐาน ก็ไม่เห็นเป็นไร เหมือนกับเราเก็บสะสมเข้าไปในธนาคารบุ_ เก็บเอาไว้อนิษฐานทีหลังก็ได้
     
  16. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    คุณอิ๋ว ค่ะ อย่าไปว่าเค้า เด๊ยวกลายเป็นวจีกรรมนะ หากพูดบ่อยๆ ไม่ดีนะค่ะ ++

    เพราะคนเราย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ทำให้มนุษย์มีทั้งส่วนดีและส่วนเสียต่างกันไป โลกได้รับการพัฒนาต่างๆมา เพราะความคิดที่แตกต่างกันเนี่ยะแหละ
    ซึ่งเราก็แค่เพียงแนะนำ ใครจะทำเช่นไรก็ต้องปล่อยเค้าล่ะค่ะ
    เพราะสักวัน เค้าจะคิดได้เอง ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ทำบุ_ก็เคยอธิษฐานเช่นกัน เพราะไม่รู้จะอธิษฐานอะไรมั่งด้วยส่วนหนึ่ง พอมารู้ตอนหลัง
    ก็อธิษฐาน เพียงสั้นๆ คือ ด้วยบุ_นี้กุศลนี้ ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ต้องทุกข์ให้พ้นทุกข์ ท่านที่ได้สุขขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป
     
  17. อลัชชี

    อลัชชี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เรารู้ว่าเราเป็นคนดีเพราะเรายึดถือ ยกย่องความดี ข้าพเจ้าขอถามว่า
    หากเราไม่ยึดถือความดีแปลว่าเรายึดถือความชั่วหรือ เหตุไฉนคนเรา
    จึงคับแคบอย่างนี้ หากในมือซ้ายไม่กำถั่ว มือขวาไม่กำแตง จะแปลว่า
    มือซ้ายกำแตง มือขวากำถั่วอย่างนั้นหรือ มีใครบ้างที่จะมองเห็นว่ามือทั้งสองข้างไม่ถืออะไรเลยข้าพเจ้าจะอรรถาดังนี้ว่า
    เป็นการถูกต้องที่เมื่อเริ่มต้นจะเป็นคนดี คนเราต้องมีศีลซึ่งมีไว้เพื่อ
    กวดขันและย้อนมองส่องตน เพราะว่าเบื้องต้นนั้นเรายังไม่มีปั__า
    _าณแบ่งแยกว่าเราควรยึดถือสิ่งใดจึงสมมติเอาศีลเป็นเครื่องกำหนด
    เส้นทาง เมื่อมีศีลเราก็ตรวจสอบตัวเองได้ว่าการกระทำของเราเที่ยง
    ตรงหรือไม่ ต่อเมื่อปั__า_าณเราบังเกิดแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว
    (หมายความว่าเราซื่อตรงต่อธรรมชาติของจิตเพียงพอแล้ว เรายอมรับ
    ว่าเราหลอกหรือไม่หลอกตัวเอง นั้นเรียกว่ารู้จัก รู้เท่าทันใจตน)เวลานั้น
    เป็นคนดีก็ไม่ต้องมีศีลเพราะจากนี้ไปการกระทำของเรา ลมหายใจของ
    เรา ชีพจรของเราเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมีความเมตตาเป็นที่ตั้ง มี
    ความกรุณาและความมุทิตาเป็นท่ามกลาง และมีความอุเบกขาเป็นบั้น
    ปลาย(เมตตาเป็นขั้นเจริ_สติ กรุณามุทิตาเป็นขั้นปฏิบัติ อุเบกขาเป็น
    ผลซึ่งอุเบกขาแปลว่าการวางใช่หรือไม่)นั้นแลเมื่อเรารู้เท่าทันใจตนเรา
    ก็วางศีลลง เพราะจากนี้ไปน้อยคนนักจะผ่านไปได้ เราเข้าใจกันว่าศีล
    เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือท่านไม่รู้ว่าถือไปถือมาจะกลายเป็นยึดมั่นถือมั่น ถึง
    แม้ว่าเป็นการถือที่ดีแต่ก็ไม่อาจบรรลุธรรมที่สูงกว่านี้ได้เพราะติดตุ้ม
    ถ่วงอยู่
    ท่านอาจจะกำลังแคลงใจอรรถาของข้าพเจ้าว่าเหตุใดจึงให้คนวางศีล
    ลงทั้งๆที่โพธิสัตว์ภูริทัตต์(หนึ่งในทศชาติ)ยังสมาทานศีลจนลมหายใจ
    สุดท้ายจนชาติหนึ่งบรรลุอรหันตธรรมเป็นพระพุทธเจ้า นั่นเพราะคนเรา
    ในปัจจุบันมีมิจฉาทิตฐิ(เขียนถูกรึเปล่าหนอ)
    คนในปัจุบันขาดปั__ามีแต่มิจฉาศรัทธาเชื่อในสิ่งผิดๆซ้ำยังชอบ
    เลียนแบบผู้ที่ประสบความสำเร็จเห็นว่าเขาเดินมาทางนี้แล้วเห็ทางออก
    จึงเดินตามเขามา หารู้ไม่ว่าธรรมชาติของจิตใจคนเราต่างกัน แม้ว่าคนชั่วทำความดีเช่นคนดีก็ใช่ว่าจะบรรลุธรรม เป็นเช่นนั้นเพราะเขาไม่ได้
    ผ่านความทุกข์ยากมาอย่างคนดีเขาจะเดินเข้ามาเอาคำตอบไปเลย หา
    รู้ไม่ว่าคำตอบนั้นไม่มีค่าสำหรับเขาเลย สิ่งมีค่าที่สุดคือการผ่านความ
    ทุกข์ยากมาได้โดยไม่ทุกข์ต่างหาก
    คนในปัจจุบันถ้าบอกให้ถือก็จะถือไม่ยอมวางนั่นแหละจึงไม่อยากให้
    ถือ(ไว้ตลอดเวลา) ที่ถูกต้องขณะที่ถือท่านต้องเป็นหนึ่งเดียวกับศีล ไม่
    ใช่ศีลคือศีล ท่านคือท่าน หรือท่านจะต้องถือศีล ท่านจะต้องทำศีลให้
    หายไปโดยทำให้ตนเอง(อัตตา)หายไปก่อน
    ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า"เป็นเรื่องงี่เง่าเรื่องหนึ่ง ฟังก็เหมือนไม่ได้ฟัง
    จรรโลงใจเฉพาะผู้มีใจไม่จรรโลงใจผู้ที่ไม่มีใจ ไม่มีใจแบ่งเป็นสอง
    อย่าง ไม่มีเพราะไม่เข้าใจและไม่มีเพราะใจดับแล้ว ใจที่ดับแล้ว
    ปรุงแต่งไม่เป็นบุ_จึงไม่เป็นบุ_เพราะการกระทำของเขาไม่เป็นกรรม
    เป็นเพียงกิริยาเพราะจิตใจนอกเหตุเหนือผลแล้วจึงไม่มีเหตุผลในการกระทำ แต่ทำไม่อรรถของเขาจึงฟังเป็นเหตุเป็นผล นั่นสิไม่พูดดีกว่า อ่านแล้วหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีก็ดีนะ 5555"นั่นก็เพราะข้าพเจ้า
    เห็นว่าสิ่งที่ท่านพูดเต็มไปด้วยการยึดมั่นถือมั่น คนที่วางลงได้เขาอาจ
    จะกล่าวแก่ท่านว่าอย่างนี้ก็ได้ 555 อีกครั้ง
    อธิฐานก็ดี แต่ดีไม่เท่ายกคุณความดีให้ผู้อื่น ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการแผ่
    ส่วนกุศลหรอก อย่างที่อริยะเจ้าท่านกล่าวไว้อย่าเอาดีเข้าตัวเองเอาแต่
    ความดีเข้าตัวเองก็เพียงพอแล้ว
    ส่วนที่ท่านยกมาว่านางวิสาขามหาอุบาสิกาอธิฐานว่าขอให้มีเงินทอง
    ไม่ขาดมือ"เพื่อที่จะได้ใช้จ่ายเป็นทานและบำรุงศาสนา"นั้นใจความมัน
    คือเพื่อประโยชน์สุขของตนหรือไม่
    อีกอย่างนะธรรมะไม่มีของศาสนาไหนหรอก ธรรมะคือแสงสว่าง
    ศาสนาเป็นเทียนไม่ว่าเทียนแท่งไหนก็มีแสงสว่างสีเดียวกัน ธรรมะเป็น
    ของธรรมชาติ พระพุทธองค์เป็นเพียงผู้มองเห็นไม่ใช่ผู้สร้างขึ้นมา ว่า
    ไปแล้วเราห่างไกลจากธรรมชาติไปหรือเปล่า
    ธรรมชาติไม่ใช่หมายความว่าต้นไม้ป่าไม้นะ ธรรมชาติอาจจะเป็น
    อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องปรุงแต่ง แต่การปรุงแต่งก็เป็นธรรมชาตินะธรรมชาติ
    ของการเกิดขึ้น แต่ที่สำคั_ธรรมชาติของจิตเราเองเราเองเข้าใจสักแค่
    ไหน
    อีกย่างนิพพานไม่มีสภาวะ ไม่เป็นบ้านไม่เป็นเรือน ไม่เป็นตัว ไม่เป็น
    ตน ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอารมณ์ และไม่ไร้อารมณ์ เป็นสิ่งที่
    ไม่พูดถึง ส่วนมหานครนิพพานที่อยู่ในไตรภุมิกถา ท่านผู้รู้ท่านได้กล่าว
    ไว้เป็นกุศโลบายให้คนทำความดี เพราะจิตใจของคนสมัยก่อนมีศรัทธา
    ปสาทะ(เขียนถูกไหมหนอ)แต่ยังขาดปั__า
    ศาสนาพุทธมีเสื่อมนะครับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงและ
    ดับไปไม่เว้นแต่ศาสนาเอง หากเราไม่เกิด เราก็ไม่ตาย อย่ายึดมั่นกับ
    อุดมการณ์ทางศาสนามากเกินไป ศึกษาธรรมให้มากๆอย่าแบ่งแยกว่า
    ศาสนานั่นศาสนานี่ อย่าเปรียบเทียบว่าอะไรดีที่สุด ต่อให้ท่านยืนอยู่ที่ๆ
    สูงที่สุดก็ใช่ว่าท่านจะมองเห็นได้กว้างที่สุดหากทัศนะของท่านยังคับ
    แคบอยู่ พุทธทำนายที่ว่าราชสีห์ล้มลงตายเองแล้วมีหนอนไชออกมา
    จากข้างในนั่นหมายความว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าชาวพุทธทำให้จิตใจของตน
    เสื่อมเอง
     
  18. อลัชชี

    อลัชชี บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอประทานอภัยครับที่วิพากษ์ว่ากระทู้นี้งี่เง่า ความจริงความอยากของ
    คนเป็นสิ่งที่งี่เง่าที่สุด โดยเฉพาะอยากรู้เรื่องที่งี่เง่าอาทิเรื่องอิทธิฤทธิ
    ปาฏิหาริย์ ข้าพเจ้าขอถาม อะไรคือสรณะของท่าน พระพุทธะ หรืออิท
    ธิฤทธิ์ กระทู้บนหน้าจอหลายกระทู้งี่เง่าสิ้นดี
    ปาฏิหาริย์เดียวที่ข้าพเจ้าอยากมีคือ อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ จะได้ชี้ข้อ
    ธรรมให้ตนเองและสัตว์โลกรู้ตื่นได้ ท่านลองถามใจตนเองดูว่า ท่าน
    บำเพ็_เพื่อความเหนือเลิศกว่าคนอื่น หรือเพื่อความรู้แจ้งของคน ท่าน
    มีอภิ__าเพื่ออะไร เพื่อประโยชน์สุขของใคร
    ทุกครั้งที่เข้าร้านหนังสือแล้วเห็นหนังสือ 3 ประเภท ข้าพเจ้าจะรู้สึกว่า
    จิตใจของคนตกต่ำลงทุกที
    1.หนังสือผีและวิ__าณ
    2.หนังสือลามก
    3.หนังสือของขลังและอิทธิฤทธิ์
     
  19. Sounds

    Sounds สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    ฤทธิ์ฌานสมาบัติก็เป็นความดีอย่างหนึ่งนี่
    อย่างนี้เขาเรียกว่า *คนดีด่าคนดีหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2004
  20. poysian

    poysian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,140
    ค่าพลัง:
    +2,422
    ดีดี..ชอบ

    ดีๆ..poysian ชอบ....สำหรับpoysian บางทีก็ไม่ได้ตั้งความปราถนา..บางทีก็ตั้งใจปราถนาอธิษฐาน..แล้วแต่วัน..แต่ก็ดีๆ..ชอบ...ชอบที่ทุกคนชอบทำบุ_ .อย่างนี้ .เจ๋งเลยพวก .ชอบๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...