เจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วประทับยืนได้จริงหรือ!!!

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เกสรช์, 8 มิถุนายน 2008.

  1. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,398
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">เจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วประทับยืนได้จริงหรือ </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG][​IMG]<TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย kroophra.net </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>[​IMG]พระพุทธเจ้าประสูติแล้วประทับยืนได้ แถมยังย่างพระบาทได้ ๗ ก้าวจริงไหม เหลือเชื่อเกินไปไหม เป็นไปได้หรือ เรื่องนี้เด็ก ๆ ถามกันจริง ผู้ใหญ่ก็สงสัยจัง เป็นเรื่องที่ไม่น่าสงสัย หรือนำมาคิดอะไรมากมาย
    จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะจริงหรือไม่ก็ไม่มีผลต่อการปฏิบัติหรือการทำความดี และพุทธเจ้าเองก็ไม่ได้ประกาศพระองค์เองเป็นพระพุทธเจ้าเพราะการที่พระองค์ทรงประทับยืนหรือย่างพระบาทได้ ๗ ก้าว ในขณะที่ประสูติ แต่พระองค์ทรงตรัสรู้ได้ด้วยพระกำลังแห่งพระบารมี ๑๐ ประการ ที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมา เคยอ่านเจอในอรรถกถาว่าการที่พระโพธิสัตว์ประทับยืนได้ในขณะที่ประสูติเป็นเรื่องธรรมดาของบุคคลที่จะเป็นพระพุทธเจ้า หมายความว่าผู้ที่จะมาเป็นประพุทธเจ้าก็ต้องเป็นแบบนี้ ก็ต้องยืนได้แบบนี้ (แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าใครเกิดมาแล้วยืนได้ ต้องเป็นพระพุทธเจ้าทุกคนนะ) เป็นเรื่องธรรมดาของพระโพธิสัตว์ อย่างเช่น นกบินได้มันก็เป็นธรรมดาของสัตว์มีปีก (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสัตว์ที่มีปีกทุกตัวต้องบินได้) ผู้ที่เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าก็เช่นกัน มีบางคนเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นหมอมาตลอดชีวิต ไม่เคยเห็นใครเกิดมาแล้วยืนได้ ทั้งยังไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนว่าใครที่ไหนคลอดมาแล้วยืนได้ ก็ถูกของหมอ แต่ขอถามคุณหมอต่อว่า คนที่เกิดมานั่นแล้วใครเล่าได้เป็นพระพุทธเจ้าบ้าง ไม่มี เพราะเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระโพธิสัตว์ หรือผู้ที่เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้า อีกอย่าง ในอจินไตย ๔ คือสิ่งที่ใคร ๆ ไม่ควรคิด ไม่ควรหมกมุ่นมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คิด ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดกั้นไม่ให้ใช้ปัญญา ความจริงแล้วพระพุทธเจ้าท่านไม่ให้คิดด้วยหลักของตรรกศาสตร์ เนื่องจากการคิดแบบนี้เป็นการคิดแบบอนุมาน คือ คาดคะเน ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความผิดพลาดได้ง่าย เพราะอาศัยพื้นฐานความรู้ที่เกิดจากอายตนะภายนอกที่เป็นประสาทสัมผัส คือ ตาเห็น หูได้ยิน เป็นต้น
    อจินไตย ๔ คือ
    ๑. วิสัยของพระพุทธเจ้า (พุทธวิสัย)
    ๒. ความคิดเรื่องการสร้างโลก (โลกจินตา)
    ๒. วิสัยของผู้มีฤทธิ์ (ฌานวิสัย)
    ๓. กฏแห่งกรรม (กัมมวิบาก)
    การที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วประทับยืนได้ อาจจะยังจัดเข้าในพุทธวิสัยไม่ได้ทีเดียว เพราะยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็เป็นเพราะผลแห่งกรรมดี (กัมมวิบาก) ที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมา ซึ่งจะเกิดมีได้เฉพาะพระโพธิสัตว์ ในปัจฉิมชาติเท่านั้น สิ่งที่ควรเชื่อและพระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงพร้อมที่จะให้พิสูจน์ผ่านหลักธรรมที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ก็คือ ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ เป็นสิ่งที่ท้าทาย และพร้อมที่จะให้เราพิสูจน์ทุกเมื่อ จงพิสูจน์โดยลงมือปฏิบัติทุก ๆคน

    (ขอให้ทุกๆท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ...(ข้อความนี้จากผู้ตั้งกระทู้นี้))


    <!-- JOM COMMENT START -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2008
  2. กตัญญุตา

    กตัญญุตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +109
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>สิ่งที่ควรเชื่อและพระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงพร้อมที่จะให้พิสูจน์ผ่านหลักธรรมที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ก็คือ ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ เป็นสิ่งที่ท้าทาย และพร้อมที่จะให้เราพิสูจน์ทุกเมื่อ จงพิสูจน์โดยลงมือปฏิบัติทุก ๆคน
    ขอให้ทุกๆท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ...(ข้อความนี้จากผู้ตั้งกระทู้นี้)
    ------------------------------------------------------------
    ขอบคุณครับ ถ้าเราเริ่มต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ ก็เริ่มเข้าสู่ทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะไว้แล้ว...อนุโมทนาด้วยครับ
    <!-- JOM COMMENT START -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  4. runchoo_man

    runchoo_man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +593
    ผมเคยได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแล้วนะครับว่า พระไตรปิฏก นั้นสร้างขึ้นด้วย พระอรหันต์ ปฎิสัมภิทาญาณ หลายร้อยพระองค์ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 500 พระองค์)
    นั่นหมายถึง ข้อความที่อยู่ภายในพระไตรปิฏก น่าจะเชื่อถือได้
    เพราะคนระดับพระอรหันต์ ปฎิสัมภิทาญาณ นั้นรู้หมดทุกอย่าง อยากรู้อะไรก้อได้รู้
    พูดได้ทุกภาษา อ่านใจคนได้หมด และคุณวิเศษอื่นๆอีกมากมาย
    ทั้งย่อและขยายพระธรรม ได้ถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน

    อะไรที่เหลื่อเชื่อเกินจริง เกินวิสัยคนธรรมดาสามัญจะรู้ได้ นั่นอาจจะเป็นเพราะพวกเราเป็นแค่ "คนธรรมดา" ไม่ได้พิเศษเหมือนพระอรหันต์ ผมเข้าใจว่างั้นนะ
     
  5. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    เราเชื่อว่าจริง
     
  6. สังวรคุณ

    สังวรคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +766
    สาธุ เป็นความเข้าใจที่ทำให้ชีวิตนี้ปลอดภัยจากการอาจจะล่วงเกินคุณพระรัตนะตรัยด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ ผมก็คิดอย่างนี้อยู่เหมือนกัน เพราะเรามันก็แค่ "คนธรรมดา"จะไปรู้เรื่องที่ไม่ธรรมดาได้อย่างไร วิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วได้อะไร ถูกแล้วได้อะไร ผิดแล้วได้อะไร ถ้าพลาดก็ปรามาสคุณพระรัตนะตรัย ซึ่งมีโทษที่หนักยิ่งสำหรับชีวิตที่ได้เกิดมา และมาพบพระพุทธศาสนา กลับพกพาเอาวิบากกรรมอันหนักติดตัวไป อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ ที่นำข้อความนี้มาโพสให้ได้อ่าน ทำให้เกิดความยั้งคิดก่อน ก่อนที่จะวิพากษ์ สิ่งที่พระพุทธทรงสอนว่าเป็นอาจิณไตย
     
  7. agree

    agree สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +23
    เคยมีคนบอกว่า ที่เขาเล่ากันมาก็เพราะว่าให้คนเกิดความเลื่อมใสนี่คะ

    แต่สำหรับหนูแล้ว ยังไงหนุก้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอยู่แล้วค่ะ
     
  8. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +5,720
    ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ดีกว่าครับ
     
  9. สวนะ

    สวนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +201
    ไม่ปรามาสผู้ใดทั้งสิ้นค่ะ เพราะเชื่อมั่นว่าส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นสมาชิก ล้วนเป็นผู้ปฏิบัติดีค่ะ..
    ขอให้เราไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย..เพียรศึกษาเรียนรู้ นอนน้อย กินน้อย..ปฏิบัติมาก..นะคะ..ขอธรรมะคุ้มครองทุกท่านค่ะ

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  10. ปัจเจกพุทธะ

    ปัจเจกพุทธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +121
    อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
    ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
    อนุโมทนาครับ.
    บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
    โทร.1900-222-200 6บาท/นาที
     
  11. rwoot

    rwoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +191
    ยินดีที่มีความสงสัยครับ...แต่เรื่องนี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยมากๆ มันจะฉุดให้คุณๆ เวียนว่ายอีกนับนาน ชาวไทยบัญญัติ ก.ไก่ ขึ้นมาเป็น อรรถถะ และพยัญชนะ คุณยังเชื่อตามเค้าเลยว่ามันคือ ก.ไก่ และ ก.ไก่มีจริง นับประสาอะไรกับมหาบุรุษผู้ปรมัติร์อย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะประสูตรแล้วเดินได้เลยละครับ....ขอบคุณครับ www.rwoot.igetweb.com
     
  12. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    บุญกุศลที่สร้าง

    เมื่อสมบูรณ์เต็มเปี่ยม

    ก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่แก่จัดเต็มที่

    พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยวได้

    ซึ่งก็คือมรรคผลที่รอเราอยู่เบื้องบน
     
  13. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เคยกล่าวไว้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกในรายการตามหาแก่นธรรม
    นายคนนี้กล่าวว่า ...ที่เกิดมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวเลย ก็มีแต่สัตว์เดรัชฉาน เท่านั้น (พวกโค กระบือ มั่ง)....

    ..ดูซินี่ขนาดเป็นถึงอาจารย์เป็นผู้หลักผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนาในบ้านเมืองแท้ ๆ ยังมีความเข้าใจแบบนี้ กล้าที่จะใช้ความรู้สึกของตัวเองมาคัดค้านพระไตรปิฎก เข้าข่ายลบหลู่พระพุทธเจ้า ความคิดแบบนี้ช่างเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาจริง ๆ เป็นถึง สว.
    น่าห่วงอนาคตพระพุทธศาสนาจริง ๆ และนายคนนี้เองที่เคยกล่าวโจมตีหลวงตามหาบัวมาตลอดตั้งแต่ท่านเริ่มออกช่วยชาติแล้ว แถมยังเป็นผู้คัดค้านการบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแบบหัวชนฝาอีกต่างหาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2008
  14. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    เฮ้อ...ถ้าเช่นนั้นจริง...ก็สิ้นศรัทธา...น่าสมเพช

    พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่หมดราคิน ยังปรามาสได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ


     
  15. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  16. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +715
    ภาวะของผู้ทรงบุญญาธิการฯ

    สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนหลักสูตรซึ่งรวม "วิชชาสาม" เอาไว้ด้วย
    คนมีปัญญา ไม่ใช่คนมิจฉาทิษฐิ แค่ฝึกเอา แล้วใช้อารมณ์ อตีตังสญาณ ในทิพยจักขุญาณ
    ตรวจดูเวลาที่พระโพธิสัตว์เสด็จประสูติ ว่าพระองค์ทรงพระดำเนินจริงหรืออย่างไร เท่านี้ก็หมดสงสัยกันเสียที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2008
  17. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ไม่แปลก ท่านบำเพ็ญสมาธิจนได้อภิญญามาหลายชาติติดๆกันทำไมจะเป็นไม่ได้ ทีตอนนั้นยังมีข่าวว่ามีเด็กคนนึงเกิดมาเล่นเปียโนเป็นตั้งแต่สองขวบได้เลย
     
  18. สังวรคุณ

    สังวรคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +766
    ผมเคยมีคนที่ผมเคารพนับถือ ท่านเป็น แพทย์หญิง ที่สนใจปฏิบัติธรรม ท่านสนใจแต่ที่จะปฏิบัติเพื่อทำตนให้พ้นทุกข์ ท่านมุ่งมั่นในการปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ตามหลักพุทธธรรมอย่างจริงจัง ท่านไปปฏิบัติด้วยการเจริญสติ มีสติอันยิ่งรู้อยู่กับปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ดูกายเห็นจิต ดูความคิดเห็นธรรม จนกระทั่งรู้แจ้งในสัจจธรรม เห็นสภาวะธรรมของ ขันธ์ห้าว่า เกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด จนเกิดสภาวะปล่อยวางขึ้นในจิต เกิดความสว่างไสวขึ้นในใจ เห็นทุกข์ เห็นความดับทุกข์ อย่างชัดแจ้งในใจ เห็นกายก็ส่วนกาย เห็นจิตก็ส่วนจิต เห็นความคิดก็ส่วนความคิดที่ไม่เกียวข้องกัน ด้วยการเจริญสติรู้อยู่กับปัจจุบันอย่างต่อเนื่องระยะยาวเท่าไรนั้นท่านไม่ได้บอก เพียงแต่ท่านบอกว่าพยายามทำให้ยิ่งๆขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆสภาวะธรรมก็ปรากฏ(อันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนะครับ เพราะผมไม่ได้ปฏิบัติแนวนี้ จำมาได้คร่าว ผิดพลาดประการใดขอขมาท่านผุ้รู้ที่ปฏิบัติแนวนี้ด้วยนะครับ)
    ท่านบอกว่าหลังจากเข้าถึงสภาวะธรรมดังกล่าวแล้ว เวลาท่านรักษาคนไข้ เมื่อก่อนหน้านั้นท่านจะซึเรียสมาก ต้องหายสถานเดียว ถ้าคนไข้เกิดตาย หรือ หนักจนแก้ไม่ได้ ท่านจะเครียดมากๆเพราะไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ แต่เดี๋ยวนี้ พอรับคนไข้ก็จะเกิดความรู้ขึ้นมาในใจ เห็นเรื่องราวที่เป็นเหตุให้คนไข้ป่วยเพราะไปทำกรรมอะไรมา ต้องแก้กรรมอย่างไร ต้องรักษาแบบไหน เจ้ากรรมนายเวรของบางคนบางที่ก็มีปรากฏให้เห็น ท่านก็สามารถต่อรองได้ ด้วยการให้คนไข้ทำบุญให้ ท่านก็แนะนำให้คนไข้ไปทำตามนั้น ซึ่งแต่ละเคสไม่เหมือนกัน ก็หาย ส่วนคนไข้บางคน ก็ปรากฏว่าไม่มีการรักษาได้ ไม่มีทางหาย ไม่มี่ทางแก้เพราะถึงวาระแห่งกรรม หมดอายุ เมื่อรู้อย่างนี้ท่านก็ไม่เครียดอีกต่อไป เพราะรู้ซึ่งกรรมในอดีตอันเป็นที่มาของปัจจุบัน
    แล้วท่านก็สรุปว่าถ้าปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงก็จะสามารถพิสูจน์ คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ว่าแม้ในชาดก ในทศชาติ ก็เป็นจริงทุกอย่าง
    เสียดายท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องการประสูติของพระพุทธเจ้าว่าอย่างไร
    พุทธประวัติที่ผมรู้มาบ้างนั้นมีสองภาษา คือพุทธประวัติในภาษามคธ และภาษาสันสกฤต ในภาษามคธนั้นกล่าวถึงพุทธประวัติว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ ว่าตั้งแต่ทรงประสูตร แล้วดำเนินได้ 7 ก้าว แล้วตรัส พระคาถาด้วย 1 พระคาถา คร่าวๆคือ "เราเป็นเอกในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับเรา"(ประมาณนี้ )
    เมื่อพระอรหันต์ ปฏิสัมภิทาญาณ ทำสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งแรกก็รวบรวมไว้เชื่อว่าเป็นพระอานนท์บอกไว้ท่ามกลางระหว่างพระอรหันต์ทั้ง 500 ที่กระทำสังคายนาครั้งแรกนั้น และก็ยังคงเรื่องราวเหล่านี้ไว้ ต่อเนื่องกันมาจากการสังคายนา อีกหลายครั้งจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครตัดของเดิมทิ้งเลย เพียงแต่รุ่นหลังที่ไม่มั่นใจ ก็จะออกความเห็นแยกไว้ต่างหากเรียกว่าอรรถกถาอธิบาย เรียกว่าฏีกา อนุฏีกา ไม่มีใครยอมแก้ยอมเปลี่ยน ซึ่งก็เป็นความโชคดีของชาวพุทธเรา ที่ยังคงเรื่องที่เหลือเชื่อเอาไว้ เผื่อภายหน้ามีผู้ปฏิบัติได้วิชชาสาม อภิญญาหก ได้ทิพยจักขุญาณ ได้อตีตังสญาน จะได้ทบทวนดูได้ว่า ที่มีอยู่ในพระไตรปิฏกนั้น อันไหนจริง อันไหนไม่จริงอย่างไร เพราะครูบาอาจารย์ท่านสอนผมมาว่าต่อไปผู้ได้อภิญญาจะมาก พระอริยะเจ้าจะมากเหมือนสมัยพุทธกาล เรื่องพระนิพพานจะไม่เป็นเรืองยากอีกต่อไป
     
  19. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ผมเคยเรียนถามองค์หลวงปู่จันทา หลวงปู่บอกว่าบารมีของพระโพธิสัตว์เรื่องการเดิน7ก้าวเป็นเรื่องธรรมดามากเพราะพระองค์บำเพ็ญมาทั้งหมดก็เกือบ21อสงไขยกัลป์ (4อสงไขยนี่เป็นพระชาติที่ปรารถนาพุทธภูมิ)การสั่งสมบุญบารมีก็มีมากเหตุนี้การพระดำเนินได้7ก้าวก็ไม่แปลก แต่มนุษย์ขี้เหม็นอย่างนายเจิมศักดิ์ชอบเอาตัวเองที่ไม่ได้บำเพ็ญบารมีแบบพระโพธิสัตว์ชีวิตก็เอาแต่พูดกวนให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟไปวันๆบังอาจไปปรามาสพระผู้บำเพ็ญบารมีช่างไม่สมควรเสียจริงๆ ตัวเองไม่เคยทำประโยชน์ให้แผ่นดินแต่ยังปรามาสพระศาสดาที่ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ ใช้ไม่ได้ หลวงปู่จันทาท่านบอกว่าบารมีของพระโพธิสัตว์นั้นเป็นบารมีเฉพาะองค์ท่านเองที่ได้บำเพ็ญมาอย่างอเนกอนันตชาติ ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ธรรมดาทั้งหลายจะเอาตนไปเปรียบได้เลยฉะนั้นการปรามาสในเรื่องพระดำเนิน7ก้าวจึงไม่ควรอย่างยิ่ง
     
  20. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,398
    บทความนี้อ้างอิงจาก หลวงพี่เล็ก(กระโถนข้างธรรมมาสน์ฉบับที่๕๐)


    หลวงพี่เล็ก: อันดับแรกต้องเป็นพระโพธิสัตว์ บารมีเต็ม

    อันดับที่สอง ต้องเป็นพ่อแม่ของพระโพธิสัตว์ในชาติสุดท้าย ที่ท่านจะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญานเป็นพระพุทธเจ้า

    อันดับที่สาม ต้องเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป เพราะฉะนั้นชั้นนี้คุณสมบัติไม่ถึงไม่ได้อยู่

    เมื่อท่านลงมา ในบาลีท่านใช้คำว่า อยู่ถ้วนทศมาส ต่างจากสัตว์เหล่าอื่น

    สัตว์อื่นอยู่ในครรภ์มารดาไม่ถึง ๑๐ เดือนบ้าง เกิน ๑๐ เดือนบ้าง

    แต่พระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจะอยู่ ๑๐ เดือนถ้วน ๆ ในระหว่างที่อยู่ในครรภ์ จะไม่ได้คุดคู้เหมือนทารกทั่วไป

    แต่จะอยู่ในท่านั่งสมาธิ ผู้เป็นมารดาสามารถเห็นได้ตลอดเวลา เหมือนดังแก้วมณีอันใสที่ร้อยผ่านด้วยด้ายเหลือง แก้วใส ๆ เอาด้ายเหลืองร้อยผ่านก็มองเห็นใช่มั้ย ?

    อันนั้นแม่มองเห็นอยู่ตลอด ลูกอยู่ในท้อง พอท่านคลอดออกมา ท่านเดินไป ๗ ก้าว ประกาศวาจา

    ท่านบอกว่า อะหัง อัคโคหะมัสมิ อะหัง เชฏโฐหะมัสมิ อะหัง เสฏโฐหะมัสมิ ชาตินัตถิทานิ ปุนัพพะโว เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ขึ้นชื่อว่าการเกิดสำหรับเราต่อไปไม่มี เด็กพึ่งคลอด เดินได้ พูดได้ เป็นไปได้มั้ย ?

    พระเขาถามส่วนใหญ่เขาจะไปสงสัยตรงจุดนั้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สัตว์บางเหล่าจุติมิรู้ตัว ลงสู่ครรภ์มารดามิรู้ตัว คลอดออกมาจึงรู้ตัว สัตว์บางเหล่าขณะจุติไม่รู้ตัว เข้าสู่ครรภ์มารดาแล้วรู้ตัว คลอดออกมาแล้วรู้ตัว สัตว์บางเหล่าขณะจุติรู้ตัวอยู่ อยู่ในครรภ์มารดารู้ตัวอยู่ คลอดออกมารู้ตัวอยู่

    ประเภทสุดท้ายนี่แหละ ทำอะไรอยู่รู้อยู่ พัฒนาการไม่ได้โดนขัดขวาง ออกมาก็เลยเดินได้พูดได้เลย เพราะท่านรู้อยู่ตลอด คราวนี้คนสมัยหลัง ๆ

    ถ้าเขาไม่ได้ศึกษาตรงจุดนี้นะ เขาก็จะคิดว่าเว่อร์ เกิดมาอะไรวะพูดได้เดินได้เลย มันจะเอาพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีมาอย่างน้อยสี่อสงไขยกับแสนมหากัป ลงมาเท่ากับมนุษย์ขี้เหม็นทั่ว ๆ ไป ....

    อ้างอิงข้อมูลที่ : http://www.grathonbook.net/book/50.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...