วิชชามโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นการสอนคนให้ติดนิมิตใช่หรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้มีจิตอันตั้งมั่น, 6 กันยายน 2005.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ถาม : มโนมยิทธิคืออะไร ?

    ตอบ :
    มโนมยิทธิ เป็นกรรมฐานที่องค์สมเด็จจอมไตรโลกนาถศาสดาทรงสอนไว้ในพระไตรปิกฏ(ดูพระไตรปิฏกฉบับประชาชน หน้า 294 และ หน้า 441)
    มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ สามารถถอดจิตใจคือ กายในหรือ กายทิพย์ ตามองไม่ออกนอกจากกายเนื้อ (กายหยาบอันประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ ) ถอดกายในออกจากกายหยาบ ขันธ์ 5 นี้ ไปที่ไหน ๆ ได้ (โลกมนุษย์นี้หรือโลกอื่นคือ นรกโลก เทวโลก พรหมโลก และแดนทิพย์อมตะนิพพาน) ด้วยฤทธิ์ของสมาธิตั้งแต่อุปจารสมาธิ ฌานที่ 1 ฌานที่ 2 บรรลุฌานที่ บรรลุฌานที่ 4 และขอบารมีองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า บารมีพระธรรม(มีศีลสมาธิปัญญา) บารมีพระอริยสงฆ์ ได้โปรดช่วย ให้สัมผัสตามความเป็นจริงได้ อานุภาพคุณพระรัตนตรัย ท่านก็ช่วยประคับประคองจิตให้เราสาธุชนที่เคารพศรัทธาท่านให้ พิสูจน์ด้วยจิตทิพย์ของเราตามความเป็นจริง
    มโนมยิทธิ การเห็นการรู้สัมผัสด้วยจิตเป็นทิพย์นี้มีประโยชน์มากคือ ปลดเปลื้องความสงสัยในพระธรรมคำสอนขององค์พระพุทธชินวร ที่ว่านรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม พระนิพพานมีจริงหรือไม่
    การที่ไม่รู้จริงทำให้ทึกทักเอาว่าตายแล้วสูญเป็นอนัตตาไป อันนี้ผิดพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า เป็นการคัดค้านพระธรรมคำสอนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นอวิชชา และเป็นกิเลสสังโยชน์ตัวที่ 2 วิจิกิจฉา ความสงสัยในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นอวิชชาความไม่ฉลาดรอบรู้ ทำให้ไปเสวยความทุกข์มหันต์ในนรกด้วย คัดค้านคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว ถ้ายังพิสูจน์ด้วยตนเองไม่ได้ ขอได้โปรดอย่าเพิ่งคัดค้าน จะเป็นภัยใหญ่ เป็นการปรามาสองค์พระศาสดา ปรามาสพระอริยธรรม ปรามาสพระอริยเจ้า ผลที่ได้รับเมื่อตายแล้วก็จะไปทุกข์ทรมานในนรก
    ผู้ที่คัดค้านพระธรรมคำสอนองค์พระพุทธชินวร มีมากทั้ง ๆ ที่ประกาศตนเป็นชาวพุทธ เป็นบุคคลที่น่าเมตตาสงสารเพราะความไม่รู้จริง ทำให้เกิดอุปาทานเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นโทษทำให้หมดโอกาสที่จะมีดวงตาเห็นธรรม หมดโอกาสที่ตายแล้วจะได้ไปเสวยความสุขในสวรรค์ พรหม นิพพาน เป็นเหยื่อของอบายภูมิ นรกอเวจี เป็นเปรต เป็นอสุรกาย สัตว์เดรัจฉานเป็นต้น อีกนานแสนนานจะได้กลับมาเป็นคนพระท่านว่า การที่ไม่เชื่อ สงสัยไม่เป็นบาป แต่ถ้าปรามาสพระธรรมคำสอน ปรามาสพระอริยเจ้า (ที่มีมากในประเทศไทย)บาปหนัก พระท่านจึงสอนให้กราบ ขอขมาพระรัตนตรัยทุก ๆ วัน ที่บ้านก่อนนอน เนื่องจากว่าเราอาจจะประมาทพลาดพลั้ง คิดผิด พูดผิด ทำผิดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นการป้องกันความทุกข์จากอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น
    มโนมยิทธิ เป็นกรรมฐานรวมทั้งสาย เตวิชโช และสายฉฬภิญโญ กรรมฐานเตวิชโช เป็นการปฏิบัติเพื่อเป็นพระอรหันต์ที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มนอกจาก เป็นพระอรหันต์ตัดกิเลสหมดสิ้นเชิงแล้ว ยังมีทิพย์จักขุญาณ มีจิตรู้คล้ายตาทิพย์ และสามารถระลึกชาติได้
    สำหรับการปฏิบัติสาย ฉฬภิญโญ (อภิญญา 6 ) นอกจากทำให้เป็นพระอริยเจ้าพระอรหันต์ได้ง่ายแล้ว ยังทำให้มีความรู้ความสามารถพิเศษอีกเรียกว่า ได้ญาณ 8 ดังนี้
    1. ทิพจักขุญาณ มีความรู้ทางใจคล้ายตาทิพย์ เห็นผีนรก เทวดา นิพพานได้ สนทนาธรรมกับพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ได้
    2. จุตูปปาตญาณ รู้ว่าคนสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วไปเกิดภพไหนแดนไหน (ตายแล้วสูญแต่ขันธ์ 5 เท่านั้น จิตก็ไปตามบาปที่ทำไว้)
    3. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ สามารถระลึกชาติได้มากบ้างน้อยบ้าง
    4. เจโตปริยญาณ สามารถรู้อารมณ์จิตของผู้อื่นว่ากำลังคิดอะไร
    5. อตีตังสญาณ รู้เหตุการณ์ในอดีตของคนสัตว์
    6. อนาคตังสญาณ รู้ว่าอนาคตตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน
    7. ปัจจุปันนังสญาณ รู้ว่าเวลานี้บุคคลที่กำลังนึกถึงมีสุขหรือมีทุกข์ อยู่ที่ไหนทำอะไร
    8. ยถากัมมุตาญาณ รู้สาเหตุว่าที่เรามีสุขหรือทุกข์ในปัจจุบันเพราะกรรมเก่าอะไร

    http://www.dhammapratarnporn.com/question/answer28.html
     
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ขอบคุณครับคุณโมฆบุรุษที่เข้าใจเจตนาของพี่... พี่เองก็คิดว่าท่านทั้งสองนั้นได้พบทางสายเอกของเขาแล้ว
    เป็นทางสายประเสริฐตามแนวทางของหลวงปู่มั่น และก็ขออนุโมทนากับท่านทั้งสองไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  3. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    แม้จะมีคนเป็นกลุ่ม อยากฟังความคิดเห็นของหลวงปู่เรื่องเวียนว่ายตายเกิด ยกบุคคลมาอ้างว่า ท่านผู้นั้นผู้นี้สามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติว่าตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง และใครเคยเป็นแม่เป็นญาติกับบ้าง

    หลวงปู่ว่า

    "เราไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้ แค่อุปจารสมาธิก็เป็นได้แล้วทุกอย่าง มันออกไปจากจิตทั้งหมด อยากรู้อยากเห็นอะไร จิตมันบันดาลให้รู้ให้เห็นได้ทั้งนั้น และรู้ได้เร็วเสียด้วย หากพอใจเพียงแค่นี้ ผลดีที่ได้ก็คือ ทำให้กลัวการเวียนว่ายตายเกิดในภพที่ตํ่า แล้วตั้งใจทำดี บริจาคทาน รักษาศีล แล้วก็ไม่เบียดเยียนกัน พากันกระหยิ่มยิ้มย่องในผลบุญของตน
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  4. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    เอาเป็นว่า 10 ปากพูดมิเท่าลงมือทำ ลองมาศึกษาวิชานี้อย่างถ่องแท้สิครับแล้วจะคลายสงสัยเอง อีกประการหลวงพ่อท่านเมื่อสิ้นแล้ว ชานหมากท่านเป็นพระธาตุ แสดงว่าท่านเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ท่านไม่บิดเบือนคำสอนหรอกครับ และอีกประการท่านเป็นวิริยะกะบารมีลูกหลานท่านตามมามาก คำสอนท่านส่วนใหญ่จะเหมาะกับเผ่าพันธ์วิริยะกะ คือชอบท้าทาย ง่ายๆ โลดโผน ........ จริตของแต่ละสายไม่เหมือนกันครับ
     
  5. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    หลักสูตร กรรมฐาน 40 กอง

    ...เป็นหลักสูตรที่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประทานให้ไว้

    ... ส่วนเรื่องจะติดนิมิต มันเรื่องของคนจะติด คนไม่ติดก็ไมเห็นติด
     
  6. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    คุณศุกร์ พูดตรงประเด็นที่ฉุดเรย..เหอๆๆ

    พุงย้วย นับถือ
     
  7. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    บางครั้งงานบางอย่างก็จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือหรืออุปกรณ์บางอย่างเหมือนกัน เพื่อให้งานนั้นๆสำเร็จประโยชน์ลุล่วงไปได้ตามความมุ่งหมายของงานชนิดนั้นๆ แต่เมื่องานได้สำเร็จประโยชน์ลุล่วงลงตรงตามความมุ่งหมายของงานชนิดนั้นๆแล้ว ก็ควรที่จะต้องวางเครื่องมือหรืออุปกรณ์นั้นๆลงเสีย

    ประเด็นน่าจะอยู่ที่ว่า " เป้าหมายของงานนั้นๆคืออะไร? " และ " จำเป็นต้องใช้เครื่องมือชนิดไหน?
    หรือไม่? " และ " ควรจะใช้มันด้วยอาการอย่างไร? " มากกว่า


    วิชาที่ครูบาอาจารย์แต่ละท่านแต่ละสายแต่ละสำนักสอน ล้วนแต่มีประโยชน์ ( และเป้าหมายสูงสุดเหมือนกัน ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองในภาพรวม เพราะจะเป็นตัวเลือกให้แก่บุคคลในแต่ละจริตนิสัยตามการสั่งสมมาของบุคคลนั้นๆ ใครจริตเป็นอย่างไรก็เลือกให้ถูกกับจริตของตนก็จะทำให้เขาไปได้ง่ายขึ้น

    เมื่อมองในภาพใหญ่โดยองค์รวมแล้ว เราก็จะเห็นแต่ประโยชน์ที่เหล่าพุทธบริษัททั้งหมดและพระศาสนาจะได้รับ เรื่องมันจะติดมันก็ติด ถ้าคนเขาจะติดเขาก็ติด จะสายไหนมันก็ติด ( เหมือนสภาพการจราจล เอ้ย การจราจรในกรุงเทพนั่นเลย อิอิ ) สายวิปัสสนาก็มีวิปัสสนูกิเลสให้ติด อย่าซีเรียสเลยครับ ( เข้าใจในเจตนาดีของทุกฝ่ายนะครับ ^_^ ขออนุโมทนาสาธุในกุศลจิตของทุกท่านด้วย )
     
  8. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    วิชชามโนมยิทธิ มีไว้ใช้ดูใจตัวเอง เพื่อรักษาใจให้สะอาด และใช้ดูนรกสวรรค์ดูอดีตชาติเพื่อพิสูจน์กฎแห่งกรรม
    ท่านที่เป็นศิษย์ในสายหลวงปู่มั่นควรพิจารณาว่า พระอริยะในสายหลวงปู่มั่นเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อฤาษีเป็นจำนวนมาก
    ลูกหลวงพ่อท่านไหนมีรูปช่วยลงรูปประกอบให้ผมที
     
  9. khochpaak

    khochpaak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +1,727
    ใครยังไงผมไม่สน ผมรู้แต่ว่าในหลวงก็ทรงฝึกมโนยิทธิ

    "ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบบังคมทูล ขอพระราชทานอภัยโทษ หากถ้อยคำดังต่อไปนี้ อาจทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้า"
    ไปหาเถอะครับจะมีพระสักกี่องค์ที่พระองค์ท่านทรงปฏิสันฐานด้วยพุทธลักษณะที่แสดงถึงความเคารพในภูมิธรรม และทรงยกย่อง คุณทั้งหลาย จะเรียนกันมาจากสำนักใด จะศรัทธาตั้งมั่นกับครูบาอาจารย์องค์ไหน ก็แล้วแต่ แต่สำหรับผม ผมขอเดินตามรอยพระบาทของพระองค์ท่านครับ ผมไม่มีเวลามานั่งพิสูจน์หนทางในการปฏิบัติอีกแล้ว ผมเสียดายลมหายใจของผมที่จะต้องมาลองผิดลองถูก หรือหลงไปหลงมา ลมหายใจของผม มีค่ามากสำหรับพระนิพพาน ไม่ว่าจะได้ชาติไหนก็ตาม แต่ด้วยกำลังใจของผม ผมจะเอาให้ได้ในชาตินี ถ้าผมคิดแบบนี้แล้วตายไป ถ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน ก็ไปจดจ่ออยู่อย่างใกล้เต็มที ถ้าต้องมาสะสมบารมีกันอีก กำลังใจเดิมนี้ก็จะเป็นตัวรู้ตัวปัญญา ที่หนุนนำให้ผมรีบปฏิบัติต่อ
    ส่วนเรื่องติดนิมิตนั้น ถ้าเพ่งพระพุทธรูปที่ใส แล้วถือเป็นการติดนิมิตมั๊ย ผมถามหน่อยเหอะ ว่า แล้วเพ่ง ดิน ไฟ น้ำ อากาศ หรือแม้กระทั่ง การพิจารณา อสุภะกรรมฐาน ก็ต้องนึกให้เห็นสภาพของร่างกาย แล้วจำลองจิตให้เห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แตกสลาย ไม่เที่ยง สิ่งเหล่านี้ก็คงเป็นการติดนิมิตเช่นกันในความหมายที่คุณพูดถึง แต่สำหรับผม ถ้าผมจะต้องพิจารณาจิตของตัวเอง ผมไม่ต้องเพ่งหรอกครับ ลืมตานี่แหล่ะ แค่ถามตัวเองว่า วันนี้ทำผิดศีล 5 ข้อไหนหรือยัง ถ้าทำแล้วต้องรีบชำระศีลเสียใหม่ เอากันแค่นี้แหล่ะ ตั้งแต่ตื่นจนหลับ แค่นึกให้ได้ตลอดเวลา ทำกันได้หรือยัง ถ้ายัง ก็ป่วยการที่จะมานั่งเพ่งจิตเพ่งใจ ขนาดลืมตายังทำไม่ได้ แล้วหลับตาจะได้หรือครับ การมองรูปภาพ หรือพระพุทธรูป ที่เป็นองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ถ้ามองบ่อย ๆ มองจนชิน มองจนคิดถึง เรียกว่าติดตรึงอยู่ในใจ มันง่ายกว่าการมานั่งมองลมหายใจตั้งเยอะ อย่างน้อยก็มีรูปธรรมที่ชัดเจนเป็นหลักให้จำ แต่ลมหายใจ เป็นนามธรรม ที่จิตจะต้องละเอียดมาก ๆ จนสัมผัสได้ ไม่ใช่เห็นนะ สัมผัสได้ ว่ากระทบ 3 ฐานแล้วหรือยัง เอาแค่ฐานแรกนี่ กว่าจะรู้กันได้ว่าลมผ่านริมฝีปาก และ เข้ามาในโพรงจมูก ไม่ใช่แค่นาทีสองนาทีนะ สำหรับมือใหม่หัดทำอย่างพวกเรา ถ้าทำได้จริงจะต้องอธิบายความหมายนี้ได้ ว่าลักษณะของลมนั้นเดินทางมาสัมผัสริมฝีปากในลักษณะอย่างไร ต้องสามารถยกข้อเปรียบเทียบให้เข้าใจได้ เอาแค่นี้แหล่ะ ทำกันให้ได้ แล้วเอามาประกอบกับการมโนภาพขึ้นมาในจิต ทีนี้เขาเรียกว่า ยิงนัดเดียวได้นกสองต่อไงคับ ได้ทั้งอานาปา + พุทธานุสติ กรรมฐาน ถ้านั่งมองแต่จิตตัวเอง ก็ได้แค่นั้นแหล่ะ เรียกว่า คุณคลาน แต่ผมวิ่ง และก็ไม่ได้ผิดวิธีหรือผิดพระธรรมวินัยแต่อย่างใดด้วย
    ข้อความนี้หากก้าวล่วงทำให้ผู้ใด ต้องเคลือบแคลงใจและไม่สบายใจด้วยแล้ว ผมต้องขออโหสิกรรมด้วยความเคารพ ผมไม่ได้เจตนาลบหลู่ดูหมิ่นผู้ใดทั้งสิ้น ขอให้ทั้งทั้งหลาย อโหสิกรรมให้แก่ผมด้วย เพื่อยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน จะได้ไม่มีเวรกรรมซึ่งกันและกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. attasaro

    attasaro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +140
    สงสัยครับ เพราะไปลองฝึกมาเหมือนกัน

    คือ ผมสงสัยว่าที่บอกว่า เห็น ไปสวรรค์ ไปเยี่ยมชมวิมานนะครับ คือคนอื่น ๆ ก็บอกเห็น ส่วนตัวผมเอง ไม่เห็นนะครับ แต่ก็ พยายามจินตนาการไปตามนั้น เรื่อย ๆ ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าจะใช่วิธีที่ถูกต้องไหม เพราะรู้สึกว่าจินตนาการไปเรื่อย ๆ มันก็เริ่ม รู้สึก ๆ บ้างนะครับ แต่คราวนี้คำว่าจินตนการ จากที่ผมทำ ภาพที่ได้ มันเป็นภาพที่เราเคยเห็นหรือผ่านตามานะครับ สถานที่ ที่ไม่เคยเห็น เลยต้องจินตนาการใหม่หมด เลยยากไปหน่อย
    แล้วเรื่องที่บอกว่าถอดจิต ออกมามองร่างกายเราที่นั่งอยู่ อันนี้ ผมก็ยังงงอยู่เหมือนกัน เพราะผมก็จินตนาการว่า ตัวผมเอง กำลังยืนมองตัวเองที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ อัน นี้ก็ไม่แน่ใจว่า มันถูกต้องไหม แต่ขอบอกว่ามันเหมือนกับเรานึก นะครับ เช่น เวลาของคุณหาย คุณก็จะนึกย้อน ซึ่งคุณก็เหมือนจะเห็นภาพในอดีต ถูกไหมครับ ประมาณนั้นเลย อย่างนี้เนี๊ยะ ไม่แน่ใจ จะถูกต้องไหม ในการฝึกมโนมยิทธิ นะครับ

    ที่ผ่านมาเวลาผมทำอะไรก็จะชอบนึก คิดไปอย่างนี้นานแล้วนะครับ เช่นพออากาศร้อน ผมก็นึกว่ากำลังอยู่ในห้องที่มีแอร์เย็นจัด มีพัดลมเป่าอยู่ตรงหน้า หลับตาแล้วนุกนะครับ อันนี้ถือเป็นการฝึกจิต หรือ ถอดจิตด้วยป่าวครับ

    ขอบคุณในทุคำตอบนะครับ
     
  11. Lin

    Lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +147
    ฝึกมโนมยิทธิจริงจัง ได้3วัน ก็รู้คำตอบบ้างแล้ว(แม้ตัวเองยังโง่อยู่ตาม)
    รู้คำตอบคือ เห็นด้วยจิตน่ะเป็นอย่างไร(อาจจะไม่ชัดบ้าง) จิตที่ไม่ใช่การอุปาทานเป็นอย่างไร จิตที่รับรู้ตามความเป็นจริงเป็นอย่างไร
    ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ก็จะเชื่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เพราะปฏิบัติแล้วเห็นจริง
    ถ้าอยากรู้ก็ต้องปฏิบัติเองนะคะ
     
  12. Lin

    Lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +147
    คือว่า อันนี้ที่เห็นด้วยจิตน่ะค่ะ สำหรับตัวดิฉันไม่ทราบว่าถูกหรือไม่นะคะ แบบว่ามันไม่ใช่เห็นภาพแบบในฝันนะคะ มันแบบจิตมันตอบว่ารูปร่างลักษณะเป็นอย่างนี้(ฝึกเองนะคะ ไม่ทราบว่าจะถูกหรือไม่ วานผู้รู้ช่วยตอบด้วย) เอาอย่างที่ประสบกับตัวเองนะคะ จากเวปของคนเมืองบัวน่ะค่ะ ที่เค้าบอกว่าระหว่างฝึกก็ให้ระลึกถึงพระพุทธรูปที่ชอบสักองค์หนึ่ง แหมก็นึกได้นะคะ แต่รายละเอียดอาจจะไม่ครบ ก็นึกถึงพระพุทธรูปที่บ้านน่ะค่ะ(ตอนนี้อยู่หอ เลยจินตนาการว่าเป็นท่านน่ะค่ะ) แล้วก็ภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไป ซักพักนึงก็ประมาณครึ่งชั่วโมงน่ะค่ะ คือ มันไม่ได้เห็นเป็นแสงอะไรหรอกนะคะ แต่เหมือนจิตมันแบบเห็นภาพ(ไม่ได้เห็นภาพแบบตอนฝันหรอกค่ะ) คือเป็นพระพุทธรูปองค์สีดำ ลืมพระเนตร ปางนั่งสมาธิ นิ้วของพระหัตถ์ขวาชี้ลงพื้น ส่วนพระหัตถ์ซ้ายก็วางบนตักน่ะคะ คือไม่ใช่พระพุทธรูปที่บ้านเลย แล้วจิตมันก็แบบแวบเลย แบบไม่ต้องคิดน่ะค่ะว่า เป็นพระองค์ดำนี่ มีพระวรกายสีดำคือพระพุทธรูปที่บ้านเป็นพระพุทธรูปชินราช คือคนละองค์กันเลย จากนั้นก็ออกจากสมาธิน่ะค่ะ แล้วก็คิดว่าตัวเองอุปาทานรึป่าว จนวันรุ่งขึ้นน่ะคะ หลังจากเลิกเรียน ดิฉันก็ไปซื้อของอะไรตามปกติเนี่ยแหละค่ะ พอดีร้านนั้นเค้าก็มีใบโบรชัวร์ทำบุญ ดิฉันก็เหลือบมอง ขนลุกอ่ะค่ะ ก็เค้าเขียนว่า ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระพุทธเจ้าองค์ดำ ดิฉันก็แบบรีบหยิบมาพลิกดูรูปเลย ปรากฎว่า เหมือนกับที่จิตของดิฉันมันบอกเลยค่ะ
    สิ่งที่ดิฉันประสบเนี่ยเค้าเรียกว่า เห็นด้วยจิตหรือเปล่าคะ แล้วมันต่างกับเห็นแบบภาพในฝันมั๊ย ขอผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ
     
  13. AminLove

    AminLove สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +8
    ลองฟังดูนะ เปิดใจให้กว้าง ถ้ารู้ครบรู้ถูก คงไม่ต้องมาเกิดอีกแล้ว

    ok นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2006
  14. koisung

    koisung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +3,469
    สอนเพื่อให้สามารถเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง

    เพื่อนำมาปฏิบัติเพื่อให้ถึงซึ่งพระนิพพาน...

    นิมิต...ไม่ได้ทำให้นิพพาน ข้อนี้ห้ามลืม จะได้ไม่หลงนิมิตกันมากนัก หุหุ
     
  15. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    วิชามโนยิทธิ เป็นวิชาที่น่าสนใจมากครับ ผมอยากฝึกวิชานี้ดูบ้าง แต่คงไม่มีเวลาไปฝึกที่วัดแน่ เลยอยากรู้วิธีฝึกที่บ้าน และอยากได้หนังสือวิธีการฝึกมโนยิทธิ ไม่ทราบว่า พอจะแนะนำวิธีฝึก และหนังสือให้ผมหน่อยนะครับ สงเคราะห์ด้วยนะครับ และอีกอย่างวิชาตาที่สามด้วย (รู้สึกว่าผมอยากได้โน้น อยากได้นี้เหลือเกิน รู้สึกจะโลภมาก) ผมศรัทธาใน อริยสัจ 4 แต่ไม่เข้าใจมาก พยายามศึกษาอยู่ ตอนนี้ ผมพยายาม ทำลายความโกรธ หลง แต่ยังมีโลภอยู่ อยากได้โน้นได้นี้น่ะ ฝืนยากนะข้อนี้ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากหลุดพ้นนะ ไม่อยากเวียนว่าย ตาย เกิด พยายามหาวิธีให้หลุดพ้น ขั้นแรกของผม ก็คือ ดับความโกรธ ให้ได้ก่อน ตอนนี้ พอได้บ้างแล้ว พอเราไม่ค่อยโกรธ ก็มีสิ่งดี ๆ เข้ามามากกว่าก่อนอย่างเห็นได้ชัด กว่าตอนที่เรายังโกรธอยู่ ส่วนหลง หรือยึดติดนั้น อันนี้ พยายามอยู่แต่ก็ยากนะ บางทีเราก็หลงอยู่ว่า อันนี้ ทำแล้วจะทำให้เราหลุดพ้นนะ แต่จริง ๆ แล้วยังไม่ใช่ ผมก็ถามตัวเองอยู่ว่า เฮ้ย ละ โลภ โกรธ หลง ได้ยัง ทั้งยังอีก ตัณหา ตั้งหลายอย่าง ได้ยัง ตามหลัก อริยสัจ 4 น่ะ ทำได้ยัง ผมมาดูตัวผมเอง เออ ยังเลย เอ แล้วอย่างนี้ จะหลุดพ้นได้มั้ยเนีย อาศัยการเห็นโน้น เห็นนี้ อย่างเดียว แล้วหลุดพ้น เอ ถูกหรือเปล่านะ ก็คิดอยู่ ละ ตัวปิติ ตัววิจารณ์ ตัวอะไร อีกหลายตัว ได้ยังเรา เอ ก็ยังไม่ได้ เพราะไม่เคยปฏิบัติเลย กิเลส ยังตัดไม่ได้ ตัณหา ยังตัดไม่ได้ ตัวอะไร ต่าง ๆ ยังตัดไม่ได้ แล้วอย่างนี้เรา จะหลุดพ้นได้มั้ย คงไม่ได้แน่ แล้วตอนนี้เรามีอะไรบ้างละ คงมีแต่ปลงอสุภะ ความน่าเกียจในร่างกายของเราเอง มองคนอื่นน่ารัก อันนั้นดี อันนั้นน่าดู ก็มองใหญ่เลย อ้าว แล้วมันจะปลงได้มั้ยเนี่ย งั้น ลองมองคน แล้วพิจารณาดูข้างไหน คนที่หน้าสวย มองลงไป ก็เห็นกะโหลก มองของดี ก็เห็นแต่กระดูก แล้วมันน่าดูตรงไหน ก็กะโหลก กระดูกเดินได้นี่เอง แล้วตัวความน่ารัก ของน่าดูเหล่านั้น มันสามารถที่จะคงอยู่ได้มั้ย ไม่ได้ มันย่อมเสื่อมสลาย ไปตามกาลเวลา ตามหลัก อนิจจัง แล้วเราสามารถบังคับให้คงอยู่ตลอดไปได้มั้ย ก็คงไม่ได้ ตามหลัก อนัตตา เราเกิดมาแล้ว ก็มีแต่ทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้น สรุป ก็ตามหลัก ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา เอ ได้ความอิจฉา ริษยา ทำอย่างไรดี ไอ้เราก็คิด คิดแล้วคิดอีก ลองเอา พรหมวิหาร 4 มา เออ มันช่วยได้นี่น่า เขาได้ดีกว่า ก็ยินดีด้วย ตามหลัก มุทิตา แต่ทำไมเรา ทำงานขยัน ขันแข็ง แต่ไม่เลียนาย ไอ้นั้น มันไม่เก่ง แต่เลียนายเก่ง เลยได้ดีกว่า ทำไมเป็นอย่างนี้ ก็ต้องคิดว่า ต้องยอมรับความจริง กับสิ่งที่เกิดขึ้น บังคับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้น ก็บังคับไม่ได้ ก็ต้องยอมรับ มันคงเป็นกรรมของเรา และมุทิตา เข้าไปด้วย บางคน ทำงานดีกว่า ไม่เลียนาย น่าสรรเสริญ ก็มุทิตา อย่าไปอิจฉา เราไม่ไปสร้าง ไม่ไปก่อเวรกับใคร ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ละ เลิก จาก กิเลส ตัณหา เจริญตามการดับทุกข์ เอาสิ่งที่เห็นมาเตือนใจเรา นำมาคิดวิเคราะห์ แล้วปฏิบัติในหนทางการดับทุกข์ ผมว่า เราคงจะหมดทุกข์ หมดสิ้นเสียทีนะ ต้องปฏิบัติให้จิตเราเลิกตัว ตัณหา กิเลส ไม่ใช่อาศัยการเห็นอย่างเดียว คงไม่หลุดพ้น ต้องอบรมจิตใจด้วยครับ
     
  16. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173

    ขอชื่อและที่อยู่ด้วยครับ ผมจะจัดส่งหนังสือเกี่ยวกับการฝึกมโนมยิทธิไปให้ครับ

    .
    .
     
  17. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ขอทางเมล์ได้มั้ยครับ
     
  18. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ....มีบุคคลจำพวกหนึ่งมีของเก่า หมายถึงเคยได้อภิญญามาในชาติก่อนๆ หลายๆชาติมาแล้ว ถ้ามีวิธีทำให้สามารถเข้าถึงของเก่าได้จะช่วยเป็นฐานติดปีกให้เข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์ได้ง่ายขึ้น(ไม่ใช่ทุกคน)...สำหรับผู้มีปัญญาที่เอาจริง หรือผู้ที่ติดตามกันมานาน คือมีความศรัทธาเป็นตัวนำจึงได้....(ตัดสินใจตามผู้นำ)..................แต่ถ้าหากจะเริ่มต้นฝึกกันใหม่ เห็นด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีอุปสรรค และทางแยกหลายทาง น่าเป็นกังวลตามที่ว่าจริงๆ...แต่ถ้าใช้ปัญญา ก็น่าจะแก้ไขไปได้..ปฏิบัติตามแนวอุทุมพริกสูตร..
     
  19. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173

    ถ้างั้น...คุณตามไปอ่านได้ที่เว็บพระรัตนตรัย.คอม ที่ลิงค์มาให้นี้ได้เลยครับ

    http://www.praruttanatri.com/book.php


    หรือไปหาซื้อหนังสือได้ที่วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี และที่บ้านซอยสายลม (พหลโยธินซอย 8)

    .
    .
     
  20. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    ขอบคุณท่าน tamsak มากเลยครับ ที่ทำให้ผมได้มีวาสนา ที่ได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และอื่น ๆ ที่มีประโยชน์อย่างมากเลยครับ จาก link นั้น ขอขอบพระคุณมากเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...