นั่งสมาธิทีไร 10 นาทีเป็นหลับครับ ช่วยบอกวิธีแก้ด้วย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ใบไม้ขาว, 20 ตุลาคม 2005.

  1. ใบไม้ขาว

    ใบไม้ขาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +11
    ก่อนนั่งก็อาบน้ำ สวดมนต์ให้สงบ พอนั่งปุ๊ป 10 นาที สงบเลยครับ ง่วงมากจนนั่งหลับๆ ตื่นๆ จนต้องเลิกนั่งไปในที่สุด ผู้รู้ช่วยบอกวิธีแก้ให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  2. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    454
    ค่าพลัง:
    +1,182
    หลับก็หลับไปเลยไม่เป็นไร รู้ตัวว่าตื่นขึ้นมา อย่าเพิ่งเลิกนะ ลองมองทั้งๆ ที่หลับตาให้ดีๆ จะเห็นแสงสวยๆ

    ผมไม่ได้อำนะ ผมทำอย่างนี้ตลอดอ่ะ ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก แต่มันก็เห็นอยู่อย่างนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2005
  3. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    1. วางใจไว้ผิด ทำหนักเกินไป กายเลยเหมือนกับแบกของหนักๆ หรือฝืนๆ ไม่สบาย เหนื่อยง่าย มันก็หลับไปเลย
    2. ให้ผ่อนให้สบายๆกว่านี้ สนใจ ใจ ของตัวเอง อย่าสนใจสิ่งรอบนอก
    3. เมื่อจิตเข้าสู่ความสงบ มันจะรู้มาเองว่า เป็นอาการแปลกๆ แล้วค่อยมาถามใหม่แล้วกัน อิอิ
     
  4. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    อืม.... สงบเร็วดีจังเน่อ
    สติ หรือการระลึกรู้ตามอารมณ์มีกำลังอ่อนไปครับ ต้องมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งให้จิตเกาะเอาไว้อย่าให้หลุด ( หลุดเมื่อไหร่ก็หลับเมื่อนั้นครับ ^ ^ ) เป็นต้นว่า คำบริกรรม ลมหายใจ ร่างกาย หรือไม่ก็ยกข้อธรรมใดข้อธรรมหนึ่งขึ้นมาพิจารณาไปด้วย ถ้ายังไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เปลี่ยนเป็นอิริยาบถเดิน ยืน หรือหาอุบายวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะทำให้จิตมันไม่ง่วงก่อนแล้วหลังจากนั้นจึงค่อยมาว่ากันใหม่อีกทีครับ

    --------------------------------------------------------------------------

    โทษของบุคคลอื่นแลเห็นง่าย โทษของตัวแลเห็นยาก

    ไ ม่ เ จ็ บ ไ ม่ จำ ไ ม่ เ ห็ น ทุ ก ข์ ไ ม่ เ ห็ น ธ ร ร ม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2005
  5. EvilWit

    EvilWit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +15
    ผมนั่งเสร็จแล้วหลอนๆ ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือป่าว แต่เพราะแบบนี้แหละทำให้ผมไม่กล้านั่งอีกแล้ว ช่วยสอนวิธีคิดทีเถอะครับ
     
  6. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    คงต้องขอให้ช่วยเล่ารายละอียดให้มากกว่านี้อีกหน่อยนะครับ เอาตั้งแต่เริ่มเลยว่าคุณเริ่มต้นทำอย่างไร
    และอาการหลอนที่ว่านั้นเป็นอย่างไร แล้วรอฟังเพื่อนๆที่เขามีประสบการณ์ให้เข้ามาช่วยกันวิเคราะห์กันดูอีกทีนะครับ

    จริงๆ ชม.เน็ตผมตัดไปแล้วนะเนี่ยตอนคุณโพสต์ถามเข้ามา ได้แต่อ่าน แต่ตอบไม่ได้แล้ว นี่ผมต้องต่อเข้ามาใหม่ เพื่อเข้ามาตอบให้คุณโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย ^_^ เพราะรู้สึกเหมือนคุณจะตั้งใจถามผมยังไงไม่รู้ หรือเปล่า?ไม่แน่ใจ ( มีการทวงคุณงามความดีกันเล็กน้อยด้วยนะเนี่ย ฮ่าๆ แซวเล่นหน่ะครับ )
     
  7. Nat_3342

    Nat_3342 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +39
    ก็เป็นเหมือนกันนะค่ะ พอสวดมนต์เสร็จ เราก็เริ่มนั่งสมาธิ แต่ว่านั่งไปได้ไม่นานค่ะ อาการง่วงก็เข้ามาแทรก นานๆไปก็เลยล้มตัวนอนเลยค่ะ ไม่ทราบจะแก้ได้อย่างไร เพราะว่าจริงๆแล้ว พื้นฐานการนั่งก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยได้ฝึกค่ะ
     
  8. EvilWit

    EvilWit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +15
    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณ Pavitta มากเลยครับที่ใส่ใจในข้อความของผมรู้สึกปลื้มมากเลย อิอิ

    ก็คือหลังจากอาบนําเสร็จแล้วผมก็เข้ามาในห้องผม ก็เปิดแอร์ พอเย็นได้ที่ก็เริ่มนั่งเลยคับ รู้สึกว่าตอนนั้นจะนั่งแล้ว ผมจะรู้สึกแบบเพ่งไปที่หัวอะคับ คือจะปวดหัวนิดหน่อยเหมือนมีอะไรมารวมๆที่หัว บางทีผมนั่งแล้วแบบคล้ายๆขาจะสั่นๆเหมือนจาลอยมั้ง ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือป่าว สับสนกับตัวเองมากเลยครับ

    ส่วนอาการหลอนที่ว่าคือ แบบชอบคิดว่ามีคนมองอะคับไม่รู้คิดไปเองอีกหรือป่าว แล้วพวกเสียงนี่ผมจะฟังได้ค่อนข้างดีด้วย มันทำให้ผมกลัวเวลาอยู่ในความมืดอะครับ ซึ่งเมื่อก่อนนี้ผมไม่เคยกลัวเลย แบบนอนไม่หลับก็ตื่นมานั่งสมาธิแต่เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้วอะ กลัว
     
  9. บัวทิพย์

    บัวทิพย์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +38
    น่าจะยกจิตขึ้นสู่วิปัฏสนากรรมฐาน คือพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม
     
  10. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    น่าจะเป็นเพราะ อารมณ์ขุ่นข้องหวาดระแวงวิตกกังวลใจ ( พยาปาทะนิวรณ์ ) กับ ความรำคาญใจในอกุศลที่ตนได้กระทำลงไปแล้วและกุศลที่ตนยังไม่ได้กระทำ ( กุกกุจจะนิวรณ์ ) มันเกาะกินใจคุณอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการปวดหัว กลัวความมืดและอาการที่เหมือนว่ามีใครจ้องมองอยู่ได้
    ส่วนอาการสั่นๆเหมือนจะลอยนั้น ไม่แน่ใจ อาจจะต้องรอให้ผู้มีประสบการณ์เข้ามาช่วยตอบ

    ให้ดูว่าในชีวิตจริงที่ผ่านมาในอดีต ว่าได้เคยไปกระทำบาปอกุศลอะไรเอาไว้มา คุณต้องเคลียร์กรรมนี้ก่อน โดยให้ประกาศขออโหสิกรรมภายในใจด้วยความจริงใจต่อความผิดนั้นจริงๆ แล้วประกาศอุทิศแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหมดที่เราได้เคยกระทำมาในทุกๆภพชาติให้แก่เขาร่วมอนุโมทนาด้วย

    ให้ทำหลังจากการไหว้พระสวดมนต์เสร็จ ก่อนที่จะเริ่มทำสมาธิทุกครั้ง หรือหลังจากทำบุญทำกุศลใดๆก็ตามทุกครั้ง ไม่ต้องเสียดาย บุญนั้นยิ่งอุทิศยิ่งเพิ่ม จากนั้นให้อารธนาเอาพระรัตนตรัย และครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เป็นที่พึ่ง ให้ท่านช่วยเกื้อกูลดูแลการปฏิบัติธรรมของเราให้เป็นไปได้ด้วยดี

    " ที่สำคัญขอให้จริงใจในสิ่งที่ตนเองกระทำจริงๆ อย่าเพียงแต่แค่ว่าทำผ่านๆไป เพราะผลลัพธ์ที่จะเกิดนั้นจะขึ้นอยู่กับเจตนาความตั้งใจจริงของเราด้วย "

    ทั้งหมดนั่นก็ว่าไปตามขั้นตอน ตามมาตรฐาน ( ซึ่งก็ต้องทำ ทิ้งไม่ได้ ) ในส่วนตัวผมจริงๆนั้น ผมจะใช้การกำหนดปัจจุบันอารมณ์ ดูให้เห็นความเกิดดับ เกิดดับ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของสภาพธรรมทั้งหลาย ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งกุศลและอกุศล ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในขณะนั้น ขณะนั้นเท่านั้น หรือที่เรียกว่าการดูปัจจุบันอารมณ์ ใช้แก้เหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดี เร็วและเฉียบขาดดี แต่สติต้องไว ปัญญาต้องคม และฐานต้องแน่นพอสมควร

    แล้วจะใช้แนวสมถะ คือเน้นทำให้จิตสงบเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษ เช่น ก่อนนอน หรือ ช่วงเก็บอารมณ์ยาวๆ สภาวจิตเช่นนี้จะช่วยคิดแก้ปัญหายากๆในระดับลึกๆ หรือปัญหาในระยะยาวต่างๆได้ดีครับ ผมเรียกเอาเองว่าเป็นการทำ
    ดีแฟรกจ์เมนต์จิต ( การจัดระบบระเบียบความคิดอารมณ์ ) แล้วก็มักจะได้รับประสบการณ์แปลกๆจากสภาวจิตแบบนี้
    ดีคนละอย่าง ใช้คนละสถานการณ์ เราควรเรียนรู้ที่จะหาประโยชน์จากทุกสรรพสิ่งให้เจอ

    ลองทำตามนี้ดูก่อน แล้วสังเกตุดูความเปลี่ยนแปลงดูก่อนนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2005
  11. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    --------------------------------------------------------------------------

    ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ

    อารมณ์สมาธิ ( สมาธินทรีย์ ) หนักไป อย่างที่พี่อ้นว่านั่นแหละครับ ถ้าไม่เพิ่มในส่วนของวิริยะ ( วิริยินทรีย์ )ให้มากขึ้นโดยการเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเดิน เป็นต้น ก็ต้องปรับลดในส่วนของสมาธิลงมา ( คือให้ผ่อนกายผ่อนใจให้สบายกว่านี้ แต่จริงๆแล้วอยากให้ไปเพิ่มที่ตัววิริยะ[ ที่มีลักษณะActive ]มากกว่า น่าจะตรงกว่า ) เพื่อให้กำลังทั้งสองตัวนี้มันได้สมดุลย์กัน

    ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ คือได้ความสมดุลย์กันระหว่างอินทรีย์ สติจะตั้งอยู่บนฐานนี้ ถ้าฐานนี้ไม่สมดุลย์หรือไม่แน่นพอ สติก็ตั้งอยู่ไม่ได้หรือได้ไม่ดีครับ ก็เลยเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาดังกล่าวมาครับ อธิบายอย่างนี้ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่านะครับ?


    ของคุณ nat ก็อยู่ในกรณีนี้เช่นเดียวกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2005
  12. nititep

    nititep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +268
    เอ๊ะ ไม่ใช่วางเบาไปหรือครับ

    ผมว่าวางอารมณ์เบาไปนะถึงหลุดง่ายเลยหลับ
    ผมเคยลองเพ่ง มันเครียดเลยไม่หลับ แต่ผมไม่ชอบ
    ผมเลยลองลืมตาแทน ทำเหมือนเหม่อ สนุกดี ไม่มีใครรู้ว่าทำสมาธิอยู่
     
  13. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    นั่นอีกกรณีหนึ่งครับ ...
     
  14. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ...ขอโมทนาครับ

    บางครั้งผมก็มองเห็นเป็นจุดๆ แค่นั้น .. หากมีคนมองเห็นประเด็นสำคัญต่างๆได้กว้างกว่า ก็ขอโมทนา และจะช่วยไปเรื่อย

    ....โมทนาครับ ... คุณใบไม้ขาว เป็นอย่างไรบ้างน๊อ... ไม่มาตอบเลยแฮะ
     
  15. มหาธาตุ

    มหาธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +524
    ใหม่ ๆ ก็เป็นครับ ๓ เดือนแรกนั่งไปก็หลับ ต่อมาก็ดีขึ้น ๖ เดือนก็จะไม่หลับ ตอนนี้นั่งได้ประมาณ ๑ ปีแล้วครับ ของคุณต่อไปอาจจะดีขึ้นก็ได้
     
  16. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    ถูกต้องเลยครับ แต่ตัวที่เบาหรืออ่อนไป คือตัวสติ ( สตินทรีย์ ) ครับ ไม่ใช่ตัวสมาธิ ( สมาธินทรีย์ )

    ความง่วงหรือความรู้สึกท้อแท้หดหู่เซื่องซึม ( ถีนะมิทธะ ) จะเกิดในกรณีที่ตัวสมาธิ มีกำลังมากกว่าวิริยะ ทำให้คู่อินทรีย์ไม่สมดุลย์กัน และสองตัวนี้เขาจะเป็นฐานให้สติอยู่ พอฐานไม่ได้ดุลย์กัน สติก็เลยง่อนแง่นคลอนแคลน ไม่มั่นคงเช่นกัน ก็เลยหลุดง่ายครับ ( ผมก็เป็น ^^ )

    ยินดีครับ ที่มีเพื่อนๆเข้ามาร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์กัน เกื้อกูลกัน ผมจะได้ความรู้แง่คิดมุมมองใหม่ๆด้วย ขออนุโมทนาในทุกๆความคิดเห็นด้วยนะครับ

    ป.ล.ไปๆมาๆ ไหงมีแต่คนหน้าเก่าๆ มาคุยกัน เจ้าของกระทู้หายไปไหนแล้วเน่อ??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2005
  17. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    เหตุเกิดและเหตุละความง่วงเหงาหาวนอน คลิ๊กดูข้างล่างนี้เลยนะครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=17035

    -----------------------------------------------------------------

    ป.ล. ส่วนนี้สำหรับคุณใบไม้ขาวและคุณ nat
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2005
  18. Pavitta

    Pavitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +411
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2005
  19. ใบไม้ขาว

    ใบไม้ขาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอโทษที่หายไปนาน ผมเพิ่งเริ่มจะนั่งสมาธิ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบและทุกความคิดเห็นครับ ผมคิดว่าผมคงเบาไปในด้านสติแน่ๆ อ่านแล้วมีกำลังใจเพิ่มขึ้น คงต้องปรับสมดุลย์ให้เท่ากันจริงๆ ขอบคุณทุกท่านครับ

    ใบไม้ขาว
     
  20. ทัพธรรม

    ทัพธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +16
    วิธีแก้ง่วง

    อาการง่วงเกิดได้สาเหตุตามพระพุทธเจ้าตรัสคือสาเหตุจากนิวรณ์ทั้ง๕ อันได้
    ตัวที่เรียกว่า ถีนมีทธะ แต่ไม่ได้หมายความว่ากิเลสตัวที่เหลือจะไม่มีแต่อำนาจ
    ถีนมิทธะเป็นตัวนำอันนี้เป็นเรื่องปกติอุบายแก้ง่วงให้ยึดตามที่พระพุทธเจ้าตรัส
    แนะนำแก่พระสารีบุตร
    อีกอย่างหนึ่งคือสมาธิมากเกินไปจะรู้ได้อย่างไรว่าสมาธิมากสังเกตจากการกำหนดว่าคล่องไหมกำหนดอามรณ์ภายในภายนอกย้ายฐานอามรณ์เพื่อเพื่อสติให้มีกำลังท่านสติเปรียบเหมือนสารถีบนรถที่ควรควบคุมม้าทั้ง ๔ คือ
    ศรัทธา ปัญญา สมาธิ วิริยะ รวมเรียกว่า อินทรียื ๕ หรือ พละ ๕
    การปรับแต่งอินทรีย์ให้ปรับเป็นคู่ดังนี้
    ปัญญาเสมอด้วยศรัทธา - ถ้าปัญญามากก็จะพิจารณามากเกินศรัทธาต่ำปัญญาก็ไม่เกิด
    วิริยะเสมอด้วยสมาธิ - ถ้าวิริยะหย่อนสมาธิจะมาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...