ครั้งหนึ่งในชีวิตบนดินแดนนรก-สวรรค์ ของ... วารุณี สวัสดิภักดิ์

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 23 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    [​IMG] ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีข้อถกเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุด คือ " นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า มีจริงหรือไม่" แต่ก็มีเหตุผลหนึ่งที่ดีที่สุดคือ "นรก สวรรค์ ชาติที่แล้ว และชาติหน้า เป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่ให้คนทำความดี ละเว้นจากความชั่ว เพื่อสังคมมนุษย์จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข"

    แต่สำหรับ นางวารุณี สวัสดิภักดิ์ ผู้เขียนหนังสือ มิติซ้อนมิติ เชื่อว่า นรกและสวรรค์มีจริง โดยให้เหตุผลของการเขียนหนังสือในครั้งนี้ว่า

    "ถึงแม้จะเป็นการสัมผัสเห็นด้วยจิตและสมาธิของตนเองก็ตาม การเขียนหนังสือ มิติซ้อนมิติ เรื่องจริงเล่าสู่กันฟัง เพื่อไม่ให้ทุกคนประมาทกับบาปบุญ ดังนั้นจงรีบเร่งเพียรภาวนา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างในชีวิตอาจสายเกินไป"

    นางวารุณี เล่าว่า โดยปกตินิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เชื่ออะไรยากต่อสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเรื่องการมองเห็นภพภูมิ หรือตาทิพย์ หูทิพย์ นอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังต่อต้าน และบ่อยครั้งที่หลีกเลี่ยงจะไม่เข้าอย่างเด็ดขาด

    อยู่มาวันหนึ่ง วิบากกรรมตามทัน ทำให้ตนสูญเสียการได้ยิน ความรู้สึกขณะนั้นสูญสิ้นไม่มีอะไรให้หวังอีกต่อไป จิตใจฟุ้งซ่านไม่มีที่ยึดเหนี่ยว คิดมากอยากจะฆ่าตัวตาย

    ถือว่าโชคดีที่สามี (ถวัลย์ เก็งวินิจ) ตามไปทันเวลา บนสะพานกรุงธนฯ แถวบางพลัด ก่อนที่จะกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ดูโลกมาจนถึงทุกวันนี้

    ต่อมาสามีได้พาเข้าวัดไปพบกับ พระครูญาณวิศิษฎ์ (หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก) เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง ในขณะนั้น

    สาเหตุที่สามีพาเข้าไปกราบหลวงพ่อเฟื่อง ก็เพราะเขาเห็นว่า ภรรยาดูเศร้าซึม จนตัวเขาเองหมดปัญญาที่จะปลอบโยน วันนั้นหลวงพ่อเฟื่องได้ไปถึงวัดพร้อมกับสามีและเพื่อนรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง สามีพาเข้าไปในห้องโถงกว้างพอประมาณ ที่หลวงพ่อเฟื่องได้ใช้เป็นที่รับแขกสอนการนั่งสมาธิภาวนา และมีห้องพักสำหรับจำวัดอยู่ในตัว มีลูกศิษย์มานั่งสมาธิภาวนากันหลายคน สามีได้บอกกับหลวงพ่อเฟื่องว่า ภรรยาหูดับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่วันนี้ยอมลดทิฐิมาวัดได้แล้ว

    นางวารุณี เล่าต่อว่า ก่อนหูจะดับไม่ได้ยินเสียอะไรเลยนั้น มีปัญหาครอบครัวกัน ทะเลาะกับสามีมาตลอด เพราะสามีชอบไปวัดที่ต่างจังหวัดทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อไปช่วยท่านพ่อสร้างเจดีย์ สร้างโบสถ์ สร้างองค์พระบนเขา โดยตนเองไม่ชอบ และมีความเห็นว่าที่สามีทำมันมากเกินไป ทำให้เกือบเกิดการหย่าร้างกัน เป็นเหตุทำให้ต่อต้านสามี ทำให้ชื่อเสียงของนางวารุณีจึงเป็นที่รู้จักของลูกศิษย์คนอื่นๆ ในวัดที่รู้จักสามีเป็นไปในทางลบ มองว่าร้ายกาจ และตัวเองก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง

    อย่างไรก็ตาม หลังจากมาหัดนั่งสมาธิ ทำให้เกิดจุดหักเหจากที่เคยต่อต้านสามีก็เลิกต่อต้าน และเริ่มค้นหาความอัศจรรย์ของจิต ทุกวันนี้เวลาล่วงเลยมานานกว่า ๒๐ ปี ก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์เกี่ยวกับพลังจิตที่ได้พบในครั้งแรก ทำให้ปัจจุบันนี้เข้าใจแล้วว่า เรื่องการนั่งสมาธิให้ผลแบบไหน

    "เรื่องของพลังจิตเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ธรรมปัญญาสมาธิแตกต่างจากนิมิตพลังจิตแบบไหน ทุกวันนี้กล้าพูดได้ว่า ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ไม่มีอะไรเปรียบเทียบ และจะไม่ขอกลับไปเป็นคนหยาบมืดบอด เปรียบเหมือนบัวในตมเหมือนก่อนหน้านั้นอีกต่อไป" นางวารุณี กล่าวพร้อมกับเล่าต่ออีกว่า

    ต่อมาหลวงพ่อเฟื่องได้สร้างเจดีย์บนยอดเขาเสร็จแล้ว ท่านจึงดำริจะสร้างโบสถ์ด้านล่างของเจดีย์ถือเป็นช่วงที่เข้าวัดเป็นประจำ วันหนึ่งวารุณีได้ไปกราบหลวงพ่อเฟื่องเหมือนเคย ประมาณ ๕ ทุ่มจึงได้สะกิดสามีให้กลับ หลวงพ่อเฟื่องคงสังเกตเห็นจึงเรียกสามีให้เข้าไปใกล้ แล้วก็พูดเบาๆ ว่า อย่าเพิ่งกลับ หลังจากนั้นหลวงพ่อเฟื่องให้นั่งสมาธิต่อหน้า

    ในการนั่งสมาธิครั้งนี้นั้น นางวารุณี บอกว่า จิตใจสงบได้ง่าย ภาวนาพุท-โธ จับลมแบบอานาปานสติตามที่ท่านพ่อสอน เวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็เกิดภาพนิมิต เหตุการณ์ที่มองเห็นช่างเหมือนกับดูหนัง เห็นตนเองยืนอยู่ที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี กว้างใหญ่สุดลูกตา อากาศขณะนั้นเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว มองเห็นต้นโพธิ์ใหญ่ใบเขียวสด ที่โคนต้นโพธิ์เห็นพระสงฆ์รัศมีเปล่งปลั่ง ผิวพรรณเหลืองอร่าม ห่มจีวรเหลืองสุกใส ศีรษะมองไกลๆ เขียวเหมือนพระเพิ่งปลงผมใหม่ๆ มีแสงนวลเย็นตาเป็นรัศมีรูปวงกลม รอบองค์ท่านมีพระสงฆ์มีรัศมีเปล่งปลั่งใกล้เคียงกันนั่งล้อมเป็นวงกลม

    ขณะที่มองเห็นนั้น ความรู้อิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก จิตใจพลังสดชื่นจนไม่สามารถอธิบายได้ ใกล้เคียงกับอาการของจิตที่เกิดขึ้นในขณะนั้นกำลังมองภาพเบื้องหน้าเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงบอกว่า นั่นคือภาพของ พระอริยบุคคล ที่กำลังเทศนาสนทนาธรรม เมื่อหันไปที่เสียงบอก ก็เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ในความรู้สึกเวลานั้นคิดว่าเป็นหลวงพ่อเฟื่องแต่ใบหน้าไม่เหมือนกัน จึงนั่งลงยกมือไหว้ และพระสงฆ์รูปนั้นได้พูดตอบมาว่า "ลุกขึ้นเถอะ จะพาไปเที่ยวดูคนที่ทำผิดศีลธรรมที่ถูกลงโทษจะได้สะดุ้งกลัวต่อบาป"

    ทันใดนั้นจึงลุกขึ้นยืน พระองค์นั้นยืนอยู่ข้างหน้า แผ่นดินที่ยืนอยู่ลอยได้เหมือนลิฟต์ ผ่านสถานที่ต่างๆ ไปเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดตรงหน้าประตูไม้ใหญ่โตสูงเทียมภูเขา มีคนเฝ้าไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าโจงกระเบนสีแดง ตัวใหญ่โตเกือบเท่าประตู เห็นเพียงแค่ขามองไม่เห็นใบหน้า เมื่อเขามองเห็นพระสงฆ์องค์นั้น เขาย่อตัวลงมาพร้อมนั่งพนมมือคุกเข่าไหว้พระสงฆ์ พูดเสียงก้องกังวานว่า

    "นมัสการพระคุณเจ้า ลงมาถึงภพภูมิคนบาป ประสงค์สิ่งใดหรือ ?"

    พระสงฆ์รูปนั้นก็ตอบกลับไปว่า "พาเขามาดูคนที่ทำบาปผิดศีลธรรมเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วได้รับโทษอย่างไร" คนที่เฝ้าประตูพนมมือพร้อมกับพูดว่า "ชมได้แต่อย่านาน" พระสงฆ์พยักหน้าแบบรับรู้ ประตูจึงเปิดออกได้เองโดยที่ไม่เห็นมีใครมาเปิด

    นางวารุณี เล่าต่อว่า ทันทีที่ประตูเปิดออกให้เห็นกระทะใบใหญ่เกือบเท่าภูเขา หรืออาจใหญ่ประมาณหินก้อนมหึมา ๓ หรือ ๔ ก้อน ที่ใช้เป็นขารองรับกระทะช่างใหญ่โตมาก เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงร้อนแรงจนความรู้สึกเหมือนกับร่างของตนเองแทบละลาย พระสงฆ์องค์นั้นยืนสงบนิ่ง ชั่วอึดใจความร้อนเริ่มคลายลงจนเป็นปกติเหมือนไม่ได้อยู่ใกล้ไฟ ทำให้มองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ชัดเจน

    กระทะใบใหญ่นั้นมีน้ำมันที่กำลังเดือดพล่าน ภายในกระทะนั้นเต็มไปด้วยมนุษย์ ต่างพากันร้องโหยหวนตะเกียกตะกายจะออกจากกระทะใบนั้น แต่ก็ออกไม่ได้ บางคนตักน้ำเดือดๆ ใส่ปากตนเอง เสียงร้องที่โหยหวนของคนที่อยู่ในนั้น เห็นแล้วน่าสยองขวัญมาก ความรู้สึกตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวใดๆ จึงได้ถามชายร่างใหญ่นั้นว่า คนที่ถูกต้มในกระทะเขาทำผิดอะไร ถึงได้ถูกต้มและตักน้ำร้อนกรอกปากตนเอง

    เขาก็ตอบกลับมาว่า "คนพวกนี้เมื่อมีชีวิตอยู่ชอบกินเหล้า ชอบคอรัปชั่น ชอบนินทา ชอบให้ร้ายคนอื่น ชอบโกหก ชอบยุให้เขาทะเลาะกัน ชอบพาคนอื่นให้เดินผิดทางธรรม ปากอย่างใจอย่าง เมื่อตายแล้วต้องรับโทษแบบนี้"

    เรื่องราวทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งที่นางวารุณีเขียนไว้ในหนังสือ มิติซ้อนมิติ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักพิมพ์ช่อแก้ว ๑๒๗/๒๘ หมู่ ๘ ซอยติวานนท์ ๒๗ ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร.๐-๒๕๘๘-๒๓๘๕, ๐-๒๙๕๐-๐๐๔๔ กด ๐
     
  2. vibe

    vibe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    731
    ค่าพลัง:
    +3,146
    สาธุ
     
  3. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ใช่ครับ
     
  4. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +324
    โมทนา สาธุด้วยครับ
    ดีใจที่มีหนังสือแนวนี้ออกมามากๆครับ
    ดีใจจริงๆนะ
     
  5. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมอยากอ่านต่อจังเลยอะ
     
  6. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ดีจังได้ความรู้อีกแล๊ะ

    ใช่ ควรเร่งภาวนาครับ ผมขอเล่าของผมมั้งน้า อย่าว่ากันน้าคุณยายคนสวย ครือผมไปฝึกกรรมฐาน กับอาจารย์ ท่านให้ถือขัน 5 ก่อนนั่งสมาธิ มีคำขอขมาพระรัตนตรัยด้วยครับ แหะๆ ตอนนั้นผมอายุ 17 หนะครับ ท่านก็ให้นั่งร่วมๆกัน ท่านก็มีบทกรรมฐาน 40 มาให้ มีคำภาวนาเย๊อะเยยหงะ ผมก็เริ่มที่ พระพุทธกาปิติ แต่นั่งไปไม่ได้เรื่องไม่เป็นสมาธิ อาจารย์ก็บอกว่าให้พุทโธก็ได้ แล้วท่านก็เป่าที่หัวเป็นคาถาอะไรก็ไม่รู้ สักพักพอเริ่มเป็นสมาธิก็เริ่มเกร็ง ท่านบอกอย่าเกร็งๆ สักพัก ตัวสั่นทันทีเมื่อยไฟช๊อดทั้งตัว ขยับไม่ได้ พยายามยังไงก็ขยับไม่ได้ เหมือนมีกระแสไฟช๊อต ทั้งตัวเลยครับ สักพักเหมือนมีภาพมาบังคับให้ตาเราเห็น เป็นจอหนังอย่างที่ได้อ่านเลยครับ ครือชัดมาก รูปที่เกิดที่ผมไปเห็นมาก็ เป็นเจดีย์ 3 องค์ครับ องค์กลางจะใหญ่หน่อย สีทองอร่ามเลย มีบันไดขึ้นไป ผมก็ขึ้นไป และเข้าไปในเจดีย์ครับ ทีนี้จิตผมจะกลับท่าเดียว ก็โดนพลักให้ไปเรื่อยๆ พอเข้ามาในเจดีย์ใหญ่สักพัก เห็นข้างในเจดีย์ มีบ่อเงินกับ บ่อทอง อยู่ข้างหน้า ทีนี้รู้สึกว่ามีใครมาพยายามพลักลงไปในบ่อเงินครับ ขัดขืนไม่ได้ พอลงไปตูม ในน้ำ พอโพล่หัวขึ้นมารู้สึกสบายไปทั้งตัวเลยครับ แล้วมองไปบนท้องฟ้า เห็นพระอาทิตย์ แล้วก็มีกบ กินจันทร์มา บังดวงอาทิตย์ ผมก็ออกจากสมาธิเลย ตอนนั้นผมไม่ประสีประสา เรื่องนั่งสมาธิหงะ ออกจากสมาธิก็เห็นอาจารย์ นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ ท่านก็ลืมตามองผม แล้วบอกว่าเห็นอะไรมั้ย ผมกลัวว่าเป็นอุททานก็เลยบอกท่านว่า ไม่เห็น ท่านถามถึง 3 ครั้ง ผมก็บอกว่าไม่เห็น ท่านก็เลยลุกขึ้นแล้วท่านก็ถอนหายใจเดินไป หลังจากที่ผมโกหกท่าน จากนั้นผมเองก็ไม่เคยเห็นแบบนั้นอีกเลยครับ
    แหะๆ เหมือนกับโม้ใช่ป่ะ แต่ถ้าใครเคยเห็นจะปฏิเสธไม่ได้เลยครับ

    จาก UFO99 (คนที่ยังดีไม่พอ)
     
  7. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +313
    เด๋วไปหามาอ่าน มั่งค่ะ
     
  8. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ทราบข่าวว่าช่วงประมาณวันที่ 23 มิถุนายน 2548 นี้ ภาพยนตร์เรื่อง "นรก" จะเริ่มเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ต่างๆ ผมว่าภาพยนตร์นี้เรื่องจะช่วยทำให้คนที่ได้ชมมีความรู้สึกละอายและเกรงกลัว ต่อบาปกันมากขึ้น นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้าง สรรค์เรื่องหนึ่ง.. น่าสนับสนุนโดยการชวนพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก แฟน ญาติสนิท ฯลฯ ไปดูกันให้มากๆ นะครับ (ต้องออกตัวไว้ก่อนว่า ผมไม่มีส่วนได้หรือเสียกับภาพยนตร์หรือ ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ว่าในทางใดๆ ทั้งสิ้น)

    โดยส่วนตัวของผม..ผมชอบแจกหนังสือธรรมะโดยเฉพาะหนังสือต่างๆ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ) ผมเลยเกิดความคิดว่า เราน่าจะถือโอกาสนี้สร้างกุศลให้แก่ตัวเองและช่วยให้คนอื่นๆ ได้พ้นนรกด้วย
    วิธีการที่ผมคิดไว้และได้ทำแล้วก็คือ ผมได้นำหนังสือ "หนีนรก" ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ไปแจกให้แก่ผู้ที่เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยการไปฝากไว้กับพนักงานจำหน่ายตั๋วที่โรงภาพยนตร์ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ถือโอกาสเกาะกระแสภาพยนตร์เพื่อเผยแพร่ธรรมะไปในตัว....

    ผมจึงอยากเชิญชวนเพื่อนๆ สมาชิกที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อที่สนใจอยากให้ธรรมะเป็น "ธรรมทาน" นำวิธีของผมไปใช้บ้าง จะไปแจกที่โรงภาพยนตร์หรือนำไปแจกที่ทำงานก็ได้ครับ ส่วนหนังสือ "หนีนรก" สามารถสั่งซื้อได้ที่วัดท่าซุงหรือที่บ้านซอยสายลม (ซอยพหลโยธิน 8) ก็ได้ครับ
     
  9. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,066
    อื้มๆๆๆ... นรก-สวรรค์ มีจริง จริงๆ อยากอ่านต่ออีกจังง่ะ ก้อยก็บางครั้งก็นินทาคนอื่น ยังงี้ตกนรกเลยหรอ???
     
  10. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +313
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ^^
     
  11. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +313
    จริงๆๆน่ะ ไม่ดีเลย อย่าทำเลยค่ะ นินทาคนอื่นมันไม่ดี ถ้าคนที่เรานินทามาได้ยินเค้าจะเสียใจ แล้วตัวเราก็แย่ด้วย ไม่ดีน่ะ
     
  12. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    -_-" นรก???
     
  13. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    นินทา มานเป็นวิบากกรรมนะ เป็นวจีกรรมนะ
     
  14. eakachaiii

    eakachaiii สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +22
    ดีครับ จาได้ไม่ประมาท
     
  15. ธรรมะปรมัติ

    ธรรมะปรมัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +114
    ผมเคยเจออาจารย์วารุณี แล้วหลายครั้ง อาจารย์ สอนธรรมมะ ดีมาก ๆ เลยครับ ขอให้อาจารย์ ได้มรรค ได้ผล ในชาตินี้ครับ
     
  16. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ก็บอกว่า .....วันเวลาล่วงเลยไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่?
    นั่นนะสิ เรามัวทำอะไรอยู่?

    ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านครับ
     
  17. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    สวรรค์นรกมีจริง ความรู้สึกผมมันบอกอย่างนั้น
     
  18. napapatch_datch

    napapatch_datch Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +57
    ท่านพ่อเฟื่อง เป็นพระอริสงฆ์ ที่เป็นเลิศ องค์หนึ่ง น่าปลื้มใจกับชาวระยอง แต่ท่านมรณภาพไปนานแล้ว

    เดี๋ยวนี้ ท่านพี่ ชินเป็นเจ้าอาวาส ก็เป็นพระอริยสงฆ์ เช่นกัน
    สมัยที่ท่านพ่อยังอยู่แล้วอธิษฐาน สร้างวัด ได้เคยสั่งสอนบอกแก่ศิษยานุศิษย์ ว่า
    ใครก็ตามที่ได้ขึ้นมาบนเขาแห่งนี้ ( เขาธรรมสถิตย์ ) ให้พวกธอรู้ไว้เถิดว่า ต่างเป็นญาตฺพี่น้องและเป็นผู้มีใจบุญใจกุศล ทั้งสิ้น

    วัดธรรมสถิตย์ สวยงามมาก นะ

    สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...