ชีวิตบนสายธารแห่งธรรม ของ...สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 7 พฤศจิกายน 2005.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    ชีวิตบนสายธารแห่งธรรม ของ...สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์




    [​IMG]





    "ชีวิตเริ่มต้นเดินเข้าหา ทางธรรมมาจากภรรยา เจ้าของ เบนซ์ทองหล่อ ได้แนะนำว่า น่าจะลองปฏิบัติธรรม เพื่อจะได้เข้าถึงหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

    นี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้าหาธรรมะของ "แอน" สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ พิธีกรชื่อดังและเจ้าของแฟรนไชส์ สิเรียม บิวตี้แคร์

    สิเรียม ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีความเข้าใจในคำสอนเท่าใดนัก แต่มาวันนี้เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตคนเราเมื่อเกิดมาแล้วไม่มีอะไรแน่นอน เพียงแต่ให้ชีวิตเป็นไปตามรอยกรรม รักษาไว้ซึ่งศีล ๕ เป็นชีวิตที่เดินอยู่บนสายธารแห่งธรรม
    จากความเข้าใจธรรมะ ทำให้เธอคิดได้ว่า ความล้มเหลวของชีวิตครอบครัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องคิดมาก ด้วยเหตุที่ว่า "อะไรที่เป็นของเราไม่ต้องไขว่คว้าก็เป็นของเราอยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าไม่ใช่ของเราต่อ ให้ดิ้นรนไขว่คว้าสุดแรง มันก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าเราใช้ธรรมะ ธรรมชาติ ที่เป็นธรรมชาติมาสอนตัวเรา ที่จะมองให้เห็นว่า ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน วันนี้อาจมีความสุข แต่วันพรุ่งนี้อาจเป็นความผิดหวังเป็นความทุกข์ก็ได้ ชีวิตมีขึ้นก็มีลง"

    สำหรับหนังสือธรรมะที่ทำให้สิเรียมเข้าใจในหลักธรรมะของพระพุทธเจ้า คือ หนังสือธรรมะของหลวงปู่ชา อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
    แอน บอกว่า หลังจากได้อ่านหนังสือของหลวงปู่ชา ทำให้เกิดความสนใจ ธรรมะและศรัทธาในการฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ส่งผลให้ชีวิตทุกวันนี้ มีความสุขกว่าที่เคยเป็น ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การได้ค้นพบคำตอบที่ว่า "อยู่เพื่ออะไร ทำเพื่ออะไร"
    หลวงปู่ชาสอนเอาไว้ว่า คนเราต้องหมั่นฝึกใช้สมาทานศีลทั้ง ๓ แบบ เป็นศาสตร์ทางโลกนานาจิตตัง สร้างปัญญารวม ลงในพุทธศาสตร์เป็นอันเดียวกันหมดปัญหา ปฏิบัติสุญตาธรรม มัจจุราชตามไม่ทัน ทำลายอนัตตาด้วยปัญญาไม่ใช่อาวุธ ทำตามสมมติด้วยใจ วิมุติสุขทางโลก เป็นอามิสสุข เหมือนพิงอยู่กับตอไม้ผุๆ สุขเหนือโลกเป็นนิราศสุขเหนือยา เรียนธรรม รู้ธรรม เห็นธรรมยังไม่จบเป็นธรรมจึงจบ ครั้งแรกฟังแล้วอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าพยายามคิดตามก็จะเข้าใจ

    ทั้งนี้หลวงปู่ชายังกล่าวเอาไว้ว่า การเห็นธรรมของคนเราสามารถรู้ได้ด้วยการภาวนา จึงเกิดปัญญามองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมอง ไม่เห็น บางคนว่าเป็นของดี บางคนว่าสวย หรือเรามองเห็นว่าเป็นของไม่ดีไม่สวย พวกเขาอาจมองเห็นว่าเป็นแก่นสาร แต่เรามองเห็นว่าไม่เป็นแก่นสาร เพราะใจเราสว่าง ถ้าเรามีจิตใจมืดจะมองไม่เห็น
    สิเรียมได้ยกธรรมะของหลวงปู่ชาซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวให้ฟังด้วยว่า การกินอาหารคำเดียวเราเคี้ยวไปเคี้ยวมาอยู่รู้สึกว่าอร่อยมาก ทั้งที่มีน้ำลายปนอยู่ ถ้าคายออกมาพิจารณา เอาเข้าไปใหม่เราจะมีความรู้สึกอย่างไร รู้สึกว่าเอาเข้าไปในปากยากจริง บางคนอาจจะไม่เอาเข้าปากอีก ทั้งๆ ที่อาหารคำเก่าที่เราเห็นว่าอร่อยนั่นแหละ เพราะเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าน่าเกลียด สกปรก เหมือนของเสียที่สุนัขอาเจียนออกมา
    ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้คนกล้าทำบาป เพราะเขามองไม่เห็นบาป เหมือนคำข้าวที่มีคนเคี้ยวปนน้ำลาย เห็นว่าอร่อยก็กลืนลงไป โดยไม่เคยคายออกมาพิจารณาถึงข้าวคำนั้นเลย

    ส่วนบางคนที่มองเห็นตัวบาปแล้วไม่กล้าทำบาป ก็เหมือนกับคนที่คายคำข้าวออกมาพิจารณาดูรู้แน่ใจจึงไม่กล้าทำนั่นเอง

    [​IMG]เรื่องของสังขาร ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน มันไม่มีอะไรแน่นอน เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ เดี๋ยวก็เกิดอารมณ์ที่ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง มากระทบกระทั่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราเรียกว่ามันมากวน เวลานั่งภาวนา อยู่ก็ว่าเสียงมากวนเรา อันที่จริงนั้น เราไม่เข้าใจว่าเสียงมากวนเราอย่างไร หรือบางครั้งไม่รู้ว่าใคร รบกวนใครกันแน่ และถ้าเรายึดมั่น ว่าเสียง มากวนเรา ก็เกิดเป็นความทุกข์ขึ้นมาอีก ถ้าคนเราพิจารณาดูให้ดี ก็จะรู้ได้ว่า เราไปกวนเสียงต่างหาก เสียงมันก็ดังอยู่ดีๆ ของมัน ไม่ได้มีความรู้สึก รำคาญอะไรเลย

    "แอนมาเข้าใจมากขึ้น เมื่อท่านสอนว่า เราต่างหากที่รำคาญ เพราะเราไปกวนมัน ความจริงนั้นเสียงก็เป็นเสียง เราก็เป็นเรา ถ้าเข้าใจเสียได้อย่างนี้ มันก็ไม่มีอะไร เราก็สบาย มีเสียงขึ้นมา ก็รู้ว่า เสียงมันดังแต่ของมัน เราไม่ไปยึด หมายมันเข้า เราก็ไม่เกิด ทุกข์ นี่เรียกว่าเรารู้ เท่าตามความเป็นจริง เราเห็นทั้งสองอย่าง เมื่อเห็นทั้งสองอย่าง คือทั้งสุขและทุกข์ตามความเป็นจริง ใจก็สงบสบาย" นี่เป็นหลักธรรมสอนชีวิตของสิเรียม

    เธอเล่าต่อว่า เมื่อครั้งถูกนินทาว่าร้ายก็จะมีความรู้สึกโกรธมาก แต่ก็พยายามใช้ธรรมะดับให้ได้ เพราะความโกรธเป็นเหมือนไฟ ที่กำลังเผาใจเราอยู่ ถ้าเราไปตามแรงของความโกรธก็เหมือนกับไฟไหม้บ้านที่ดับเท่าไหร่ก็ไม่ดับ สุดท้ายก็ลามต่อไปยังบ้านอื่น มาวันนี้เมื่อมีความรู้สึกว่าโกรธครั้งใดก็จะพยายามดับความโกรธให้ได้เสียก่อน และวันใดที่สามารถใช้หลักธรรม สยบความโกรธได้ ก็เหมือนเป็นชัยชนะที่เกิดเป็นปีติ
    "เวลาเปลี่ยนทุกอย่างแปร" เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งที่สิเรียมบอกว่า ทุกคนต้องทำใจยอมรับให้ได้ โดยเธอได้ให้ข้อคิดไว้อย่างน่าฟังว่า

    โลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยไป จะอยู่ที่โน่นก็เปลี่ยนแปลง อยู่ที่นี่หรือที่ไหนก็เปลี่ยนแปลง ดังนั้นไม่ว่าคนเราอยู่ได้ด้วยกับการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเราก็อยู่ไม่ได้ หายใจออกมาแล้วก็เปลี่ยนเป็นหายใจเข้า แล้วก็หายใจออก ไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน และทั้งหลายอยู่ในโลกนี้ก็เป็นของโลก ไม่ควรน้อยใจไม่ควรทำความเสียใจใดๆ เราต้องเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง จะตกไปอยู่ที่ไหนก็สร้างแต่คุณงามความดี แม้หมดชีวิต ก็อย่าทิ้งคุณงามความดี

    แม้ว่าจะมีงานแสดงและการเป็นพิธีกรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่สิเรียมยังคงแบ่งเวลาส่วนหนึ่งให้กับการปฏิบัติธรรม โดยทุกๆ ปีได้ไปร่วมปฏิบัติธรรมกับทางยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประจำ เพราะเป็นการฝึกสมาธิ อย่างน้อยเป็นการฝึกตัวเองให้รู้จักเหตุให้เกิดทุกข์ คือความอยากนั่นเอง จากนั้นมา ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็มีแต่ความสดชื่นเบิกบาน "มีหลักธรรมที่จะทำดีอยู่แล้วการแขวนพระจึงไม่จำเป็น แต่ที่พูดแบบนี้แอนก็ยังเป็นคนเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมด้วย ที่ทำอะไรไว้ วันหนึ่งผลของกรรมเราก็จะตอบสนองตามมา ชีวิตคนเราเวียนว่ายตายเกิดอยู่แบบนี้ เราก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนเราเคยทำอะไรไว้ไม่ดีหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้เชื่ออดีตชาติทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ พยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ถ้าทุกวันนี้เรามีสติสัมปชัญญะอยู่มันก็ส่งผลทำให้อนาคตดีไปด้วย ถ้าเป็นธรรมะเจตนา ๓ คือการสัมฤทธิผลแล้ว มันก็จะเกิดกุศลขึ้นภายในจิตใจ" สิเรียมกล่าวทิ้งท้าย




    ที่มา : http://www.komchadluek.net
     
  2. felies

    felies เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,370
  3. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    สาธุ
     
  4. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">อนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ..^/\^
    คนเรา รวมเราด้วยก็แปลกจะหาธรรมะแสวงหาธรรมะเมื่อเจอทุกข์ เมื่อตอนยังไม่เจอทุกข์เจอธรรมะแล้วก็เฉย ๆ
    แต่ก็มีบางคนที่แปลกกว่าเมื่อเจอธรรมะแล้วก็ไม่ใส่ใจก็มี เฉย ๆ ก็มี ทั้ง ๆ ที่เกิดทุกข์กับตน แต่พอพ้นก็ลืมธรรมะที่ได้มาตอนมีทุกข์นั้นสิ้น...
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...