เกิดแสงสว่างขณะปฏิบัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย obby108, 18 กันยายน 2008.

  1. obby108

    obby108 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +33
    สวัสดีท่านสมาชิกทุกท่านครับ
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ สาม สี่วันที่แล้วผมได้นั้งสมาธิแล้วเกิดแสงสว่าง จ้าออกมาจากองศ์พระที่ผมนำติดตัวไปด้วย ก็รู้สึกตกใจแล้วเกิดความสงสัย เลย เมล์มาถามรุ่นพี่ที่สอนผม ปฏิบัติครับ ผมเห็นว่าเนื้อหาที่ ผมได้อ่านมีความเหมาะสมจึงนำมาให้ทุกๆท่านได้อ่านกัน คงจะดีสำหรับผู้ปฏิบัติใหม่แล้วมีความสงสัย ในเรื่องว่าทำไมถึงต้องทำสมาธิ เพราะผมก็เพิ่งหัดปฏิบัติครับ แต่ถ้าเนื้อหายังไม่สมบูรณ์ของอนุญาตเรียนเชิญท่านผู้รู้เพิ่มเติมได้นะครับ ถือว่าเป็นการแนะนำกัน
    "
    การทำจิตให้สงบก็เป็นการเริ่มต้นที่จะทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์การทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ เป็นบุญใหญ่ เป็นการบูชาคุณพระพุทธเจ้าที่ได้ผลบุญมาก นอกเหนือจาก วัตถุทาน ชีวิตทาน อภัยทาน ธรรมทาน และการรักษาศีลแล้ว มนุษย์ก็สามารถสร้างและสะสมบุญที่เกิดจากการทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ได้เช่นกัน

    การทำจิตให้สงบ เป็นส่วนหนึ่งของการทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ การทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ จะเพิ่มจากความสงบในส่วนของการทำใจให้ปลอดโปร่ง จากกิเลสตัณหาอุปทานต่างๆที่เข้ามาในช่วงที่กำลังทำสมาธิ คือกำหนดใจให้ปล่อยวางกิเลสตัณหาอุปทาน ความคิดต่างๆที่เข้ามาในขณะนั้น จะเรียกว่าพยายามใช้ปัญญาพิจารณาก็ได้ หรือจะเรียกว่าเข้าสู่กระบวนการวิปัสนาญาณก็ได้ เป็นการทำใจให้วางความคิดต่างๆลงไปเลย แต่ยังไม่ใช่การพิจารณาวิปัสนาญาณอย่างเต็มรูปแบบ

    อย่างไรก็ตามการพิจารณาธรรมะในหัวข้อต่างๆหลังจากที่จิตเริ่มสงบ ควรพิจารณาให้สุดสายคือลงให้เห็นถึงความทุกข์ และเหตุของความทุกข์ แล้วปล่อยวางเสีย ถอนความรู้สึกยึดมั่นถือมั่นออกไปให้หมด จิตจะโล่งโปร่งสบายเป็นช่วงๆไป ขึ้นอยู่กับความสงบและมีความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาในขณะนั้นๆหรือไม่ นี่คือกระบวนการทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์

    อุปมาได้กับการซักผ้า เราซักผ้าให้ความสกปรกหลุดออกไปจากผ้าฉันใด เราก็พยายามซักใจของเรา ให้กิเลสตัณหาอุปทานต่างๆหลุดออกไปจากใจของเราฉันนั้น เราซักผ้าด้วยผงซักฟอก เราก็ซักใจของเราด้วยการประคองสติและปัญญาในขณะทำสมาธิ เราเริ่มจากการกำหนดใจให้ปล่อยวาง ก็เปรียบได้กับเราถูผงซักฟอกลงไปที่คราบสกปรก เราถูผงซักฟอกปล่อยๆ คราบสกปรกก็หลุดไป เราปล่อยวางกิเลสตัณหาอุปทานบ่อยๆ กิเลสตัณหาอุปทานก็หลุดออกไปจากใจฉันนั้น

    เราอาจจะกล่าวได้ว่า ลักษณะอาการหลุดออกไปของกิเลสตัณหาเหล่านั้น แท้ที่จริงแล้วคือเริ่มจากการปล่อยวางที่ใจของเรา ในขณะที่ใจกำลังกระทบกับ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ในระหว่างที่ทำสมาธินั้น

    เมื่อเราพยายามชำระล้างใจของเราบ่อยๆ จะส่งผลในเวลาที่เราออกจากสมาธิแล้ว เมื่อเราต้องกระทบกับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความอยากในรูปแบบต่างๆ เราจะรบกับข้าศึกเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถชนะ หยุดทำบาปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ที่เขียนมายืดยาวขนาดนี้ ก็เพื่อจะสรุปว่า บุญที่เราสามารถสร้างได้อย่างบ่อยๆโดยไม่ต้องใช้ปัจจัยเลย ก็คือการทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ และจะยิ่งส่งผลให้บุญทั้งหลายเช่น วัตถุทาน การรักษาศีล เป็นผลบุญที่สะอาดบริสุทธิ์และยิ่งมีอานิสงส์มากขึ้นด้วย

    สำหรับผู้ทียังต้องเดินทาง บุญคือทรัพย์ที่ดีที่สุด ดังนั้นบุคคลผู้ฉลาดย่อมปราถนาได้ทรัพย์ที่มีคุณค่ามาก มีผลมาก ก็ไม่มีอะไรจะมีผลมากไปกว่าผลแห่งบุญที่ประกอบด้วยจิตที่สะอาดบริสุทธิ์เลย"
     
  2. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    โมทนาท่าน ดีแล้ว ขอให้บรรลุธรรม นิพพานตามที่ท่านต้องการ
     
  3. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    จิตที่มีกำลังมาก ย่อมสามารถต่อกรกับกิเลศได้อย่างมั่นคง

    ความเจริญที่แท้จริง คือความเจริญในความสามารถในการปลดปล่อยสิ่งรกรุงรังออกไปจากใจได้เสีย

    อาการของความเบาเบิกบานหมดทุกข์ในขณะของการทำสมาธิภาวนาย่อมได้รับเจโตวิมุติ เป็นอาการเดียวกับความเบาเบิกบานในปัญญาวิมุติ คือเบาสบายเหมือน ๆกัน

    อนุโมทนา
     
  4. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    มีอะไรนิดหน่อยครับบรรดาเหล่ามิตรรักสหายธรรม
    ที่ท่านว่ามาใช่ทั้งหมดเลยครับ...การชำระจิตใจให้สะอาด
    แล้วการชำระกายละครับท่านเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน

    การทำการวิปัสนากรรมฐานคือการดูกายและดูจิตเมื่อกายและใจท่านสะอาดเสียแล้วการปฏิบัติจะง่ายกว่าไหมครับ...แล้วเราพิจารณาแต่จิตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกันแต่กายไม่สะอาดใจที่อยู่กับกายไม่สะอาด......จิตคือวิญญานนะขอรับ

    เป็นแนวทางปฏิบัติไหมครับ....ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ...พิจารณาแล้วครับต้องพิจารณาแล้ว

    และไปได้อะไรมาเห็นอะไรมา...แล้วลืมเสีย...อย่ายึดมั่นถือมั่นเอามาอีก...หากเรามาเริ่มนั่งปฏิบัติในครั้งใหม่...เราอยู่ปัจจุบันแล้วที่จะขึ้นชั้นเรียนใหม่แล้ว...หากมัวไปนั่งเขียนกอไก่อยู่....บางท่านนะครับเจอคนสวยๆนึกคำว่าผมรักคุณไม่ออกเพราะ...นะจังงังครับ....หากครองสติอยู่ได้...ยิ้มเฉยๆมาแต่ปากซอยเสียแล้ว...คนที่ยังนะงุนงงอยู่...นั่งมองมะม่วงเฝ้าอยู่ทุกวัน...บ้านเราอยู่ใกล้กัน....ชวดครับ

    เจริญในธรรมครับ

    ลืมอีกอย่างอย่าลืมบอกพระพุทธองค์ท่านนะครับ

    ผมรักพระองค์แล้ว....รับรองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2008
  5. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ในสมัยพุทธกาล พุทธองค์ได้ปรารถถึงกรณีที่คนกลุ่มนึงมีความเชื่อว่า การชำระร่างกายให้สะอาดเป็นทางไปสู่สุคติ จึงมุ่งมั่นอาบนำชำระบาปทุกวัน ที่สุดได้ทรงชี้แจงว่า ถ้าการชำระร่างกายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พ้นทุกข์ได้แล้ว พวกปลาต่างๆเหตุใดยังไม่สามารถหนีจากบาปได้อีกเล่า ในเมื่อแหวกว่ายในวารีอยู่ตลอดเวลา การให้ความสนใจในร่างกายเกินไปจึงไม่นำไปสู่ทางพ้นทุกข์ได้
     
  6. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,568
    หลุดพ้นจากกาลปัจจุบัน อย่ายึดมั่นในอารมณ์ ใช้สติควบคุม
     

แชร์หน้านี้

Loading...