ขนลุก ในหลวงมีวาจาสิทธิ์ ทรงเคยพูดเตือนไว้ ก็มีปรากฏเป็นจริงแล้ววันนี้

<!-- CENTER ZONE -->เมื่อ ๘ ต.ค. ๒๕๔๗ ในหลวงทรงพูดเตือนไว้ ถ้าใครโกงขอให้มีอันเป็นไป


"ดร.สุเมธ" ปลุกสังคมต้านคอร์รัปชั่น สุดทนโกงแบบบูรณาการ เปรียบเป็นปีศาจในเงามืด มะเร็งร้าย กัดกร่อนประเทศชาติ ชี้เสียหายมหาศาล 12 ล้านล้านบาท เผยในหลวงทรงตรัส ใครทุจริตขอให้มีอันเป็นไป กังวลสังคมวิกฤติหนัก ขนาดเยาวชน ยังเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่เชื่อยังมี ส.ส-ส.ว.ที่ดี แนะให้รวมตัวกันตั้งเป็นชมรมเพื่อต้านคอร์รัปชั่น พร้อมจะหนุนให้เป็นสภาใสสะอาด
เมื่อ เวลา 13.30 น.วันที่ 13 ก.ย. 2547 สมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย จัดงานรัฐศาสตร์สนทนาเรื่อง

"บ้านเมืองใสสะอาด ต้องกำราบคอร์รัปชั่น” โดยเชิญดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ มีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมจำนวนมาก เช่น นายบุญชู โรจนเสถียร อดีตรองนายกรัฐมนตรี นางประทีบ อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ส.ว.กทม. พร้อมกันนี้ ดร.สุเมธ ได้นำใบสมาชิกมูลนิธิฯ มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลงชื่อสมัคร ปรากฎว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ดร.สุเมธ กล่าวว่า การมาครั้งนี้ สมาคมรัฐศาสตร์ฯ ได้เชิญมาพูด ไม่ใช่ชมรมคนรู้ทัน ถึงชมรมคนรู้ทันเชิญมาก็จะไม่ไปพูด เพราะว่าไม่ต้องการรู้ทันใคร แต่จากการที่ได้ถวายงานในหลวง มาตั้งแต่ปี 2524 อดไม่ได้ที่จะยกพระราชดำรัสของในหลวง ซึ่งเปรียบเสมือนมหาปราชญ์ของแผ่นดิน ซึ่งได้ตรัสไว้ตั้งแต่ วันที่ 8 ต.ค. 2546 ที่รับสั่งว่าปัญหาคอรัปชั่นหากแก้ได้ภายใน 10 ปี เมืองไทยจะเจริญกว่านี้ แต่ต้องหยุดการคอร์รัปชั่นให้สำเร็จ เพราะการคอรัปชั่นเปรียบเสมือนมะเร็งร้าย ที่กัดกร่อนสังคมไทย

ปัจจุบันปัญหาการคอรัปชั่นมีหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่วยการซื้อสิทธิขายเสียง การนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ส่วนตัว รวมทั้งการคอรัปชั่นเชิงนโยบาย ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งเกิดจากอำนาจโครงสร้างทางการเมือง นโยบายรัฐบาล และตัวผู้กำหนดนโยบาย ที่มีผลประโยชน์


“ในหลวงเคยเตือนเบาๆก่อนเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมว่า หากทุจริตมากบ้านเมืองจะไปไม่รอด
ฟังแล้วก็ยังไม่มีอะไร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ก็รับสั่งอีกครั้ง และตั้งแต่ถวายงานพระองค์ท่านมา ก็ไม่เคยตรัสอะไรที่รุนแรงอย่างนี้ ท่านบอกว่าหยาบคายแต่ขอพูดหน่อย ท่านบอกว่า หากใครสุจริต ก็ขอให้มีอายุยืนเป็นร้อยๆปี แต่ถ้าใครทุจริตก็ขอให้มีอันเป็นไป”
ดร.สุเมธ กล่าว


ดร.สุเมธ กล่าวว่า

ในเรื่องปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นนั้น รายงานดัชนีชี้วัดความโปร่งใสระหว่างประเทศ ปี 2546 ประเทศไทยได้คะแนน 3.3 จาก 10 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 70 จาก 133 ประเทศ ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ได้ 9.4 คะแนนอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก มาเลเซียได้ 5.2 คะแนนอยู่ในอันดับที่ 37 จีน 3.4 อยู่ในอันดับที่ 66 ฟิลิปปินส์ 9.2 อยู่ในอันดับที่ 35 ขณะที่อินเดีย ได้ 1.9 อยู่ในอันดับที่ 112

และประเทศไทยอยู่ในอันดับนี้ตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งถือว่าพยายามรักษาเสถียรภาพของการคอรัปชั่น ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมาก
ดัชนีที่สองเป็นการสำรวจทัศนคติของเยาวชน
ต่อปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น จาก 38 โรงเรียน เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะแม้กระทั่งความรู้สึกของเยาวชนกว่า 34 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า การคอรัปชั่นเป็นวัฒนธรรมที่ไม่อาจแก้ไขได้ และ 45 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า การให้ค่าตอบแทนเล็กน้อยๆแก่ข้าราชการ

ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะทำให้การติดต่อกับข้าราชการสะดวกมากขึ้น และ 51เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าจะโกงก็ได้ แต่ต้องมีผลงาน และทำประโยชน์ให้แก่สังคม ดัชนีที่แสดงออกมานี้ เป็นเรื่องที่น่าวิตกว่า เยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะต้องเจอเบ้าหลอมอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

ดร.สุเมธกล่าวว่า ยังมีตัวเลขที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง คือผลวิจัยของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่าผลเสียหายที่เกิดจากการคอร์รัปชั่นโครงการใหญ่ มีถึง 12 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ที่เป็นรูปธรรม ที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยได้รับความเสียหาย จากการคอร์รัปชั่นตลอดเวลา และนับวันจะเลวร้ายมากขึ้น คำถามคือว่า เราจะทำอย่างไรซึ่งมีความจำเป็นต้องรวมตัวกันในทุกกลุ่ม ทุกระดับ ไม่ใช่ให้แค่ป.ป.ช.หรือป.ป.ง. ประกาศยึดทรัพย์อย่างเดียว ถือว่าเป็นการลงโทษปลายทาง หากเริ่มต้นตั้งแต่เยาวชน จะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

" คนสมัยนี้เรียนจบแล้วก็หาเงินอย่างเดียว แต่ไม่รู้จักรับผิดชอบสังคม ไม่มีจริยธรรม สถาบันการศึกษาก็ไม่ได้สั่งสอนเรื่องนี้ วัฒนธรรมที่ดีงาม เช่น การไหว้ ความมีสัมมาคารวะ นักศึกษาไม่รู้จักไหว้อาจารย์หรือรุ่นพี่ คนรุ่นใหม่ไหว้ไม่เป็น การแต่งตัวก็รับเอาวัฒนธรรมฝรั่งเข้ามา แต่งตัวเปิดสะดือ การจะรับวัฒนธรรมของคนอื่นเข้ามา ต้องปรับปรุงขัดเกลาให้สอดคล้องกับตัวเอง ในหลวงทรงรับสั่งว่า จำไว้นะจะทำอะไรก็ตาม ให้ยึดสองคำคือ ภูมิ และสังคม ภูมิสังคมคือภูมิประเทศให้รู้จักสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้ดีเสียก่อน ไม่ใช่รับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้อย่างฟุ่มเฟือม เวย์ ออฟ ไลฟ์ ของสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องนำเป็น ไทย เวย์ ออฟ ไลฟ์ ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็โลกาภิวัตน์ ทั้งๆที่โลกาภิวัฒน์ เป็นแค่ปรากฎการณ์ จะตามหรือไม่ก็ได้ เราจะต้องใช้ดุลพินิจในการจะตามหรือไม่ตามอะไร เป็นเรื่องของเรา อย่าเป็นเหมือนขนนกที่ปลิวไปตามกระแสลมพัด บ้านเมืองเราจะเอาอย่างอเมริกามาใช้ไม่ได้ อย่าปฎิเสธที่จะเรียนรู้ จะต้องเรียนรู้ทันโลก ในหลวงรับสั่งให้รู้เท่ากัน เราต้องเรียนรู้โลก ไม่ใช่เลียนแบบโลก อะไรควรเก็บควรทิ้งต้องแยกแยะให้ดี ”ดร.สุเมธ กล่าว

ดร.สุเมธ กล่าวว่า ความร่ำรวยของประเทศ จะต้องมาจากโครงสร้าง และรากฐานที่แข็งแรง โดยมีทุนทางวัฒนธรรม เพื่อวางรากฐานให้ประเทศชาติมีความมั่นคง เพราะถึงประเทศชาติจะล้มก็ไม่ล้มเลย แต่ถ้าไม่มีทุน ประเทศจะไม่ล้มอย่างเดียว แต่จะเกิดปัญหาฟองสบู่แตก มีหนี้สิน 3-4 ล้านล้านบาท เป็นภาระให้เราอีก การก้าวย่างไปสู่การเป็นสากล จะต้องมั่นคง ต้องพอเหมาะพอควร ทำตามศักยภาพของตัวเอง ให้มีภูมิคุ้มกันตัวเอง โดยมีจริยธรรม และคุณธรรมในต่างประเทศ ไม่อย่างนี้เวลาเจ็ง ก็เจ็งอย่างบูรณาการ เพราะมันโกงอย่างบูรณาการ ยกตัวอย่างบริษัท เอนรอน ในสหรัฐฯ เจ็งเพราะโกงแบบบูรณาการ ตั้งแต่บอร์ดโกง ผู้บริหารโกง ผู้เข้ามาตรวจสอบก็โกงซ้ำเข้าไปอีก โกงกันทุกส่วน จะไม่ให้เรียกว่าโกงบูรณาการได้อย่างไร

ดร.สุเมธ กล่าวว่า ตนได้ฟังข่าวการประชุมส.ว.ที่เขาใหญ่ ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็สงสัยว่ารัฐธรรมนูญยังมีอะไรบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงอีก ในฐานะที่เป็นนักรัฐศาสตร์คนแรก ที่ได้เป็นเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้เดินทางไปเรียนหนังสือมาทั่วโลก เห็นว่าไม่มีรัฐธรรมนูญประเทศใด ดีเท่ากับประเทศไทย รัฐธรรมนูญประเทศเราเยี่ยมที่สุดในโลก แต่เวลาใช้จริงดีอย่างที่ร่างไว้หรือไม่ เพราะทุกครั้งที่หยิบมาใช้ จะต้องส่งให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตีความตลอดทุกมาตรา แสดงว่าคนที่ใช้รัฐธรรมนูญ ไม่รู้เรื่องเลยว่าใช้อย่างไร มีของดีแต่ไม่รู้จักวิธีการใช้ก็ป่วยการ แสดงว่าเราไม่เหมาะกับของดี ใช่หรือไม่ ทำให้การจะออกแบบอะไรที่ดีขึ้นมา แต่เวลาใช้เพี้ยนไปหมด

ประธานมูลนิธิเมืองไทยใสสะอาด กล่าวถึงการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นว่า ต้องร่วมมือกันทั้งสามส่วน คือระบบการเมือง นักการเมือง ระบบราชการ ข้าราชการ ระบบธุรกิจ นักธุรกิจ และมีประชาชนอยู่ตรงกลางของสามเหลี่ยม ทั้งสามกลไกต้องเดินไปข้างหน้า ระบบดี แต่ถ้าคนในระบบไม่ดีมาก หรือมีนักธุรกิจดีๆ มีข้าราชการดีๆก็จะทำให้ประเทศชาติอยู่รอด แต่ถ้าระบบไม่ดี มีคนเก่งบวกกับคนโกง จะทำให้โกงแบบพิลึกกึกกือ คนเก่งอย่างเดียวไม่ได้จะต้องดีด้วย

“ปัญหาคอรัปชั่นเหมือนปิศาจอยู่ในเงามืด กลัวแสงสว่าง เราต้องเอาไฟฉายไปส่อง ต้องเตือน เป่านกหวีด ตีระฆัง ต้องเชื่ออย่างหนึ่งว่า ความดีเป็นสิ่งไม่ตาย ต้องให้กำลังใจคนที่ทำความดี ในสังคมที่เราอยู่ เชื่อว่ายังมีส.ส.และส.ว.ที่เป็นคนดี ขอเรียกร้องให้มารวมตัวกัน อาจจะตั้งเป็นชมรม แล้วเราจะหนุนหลังให้เป็นสภาใสสะอาด เราต้องช่วยกันสะสางสกปรกโสมม ออกจากสังคม พอรู้ปัญหาก็ต้องทำ ไม่ใช่นั่งสัมมนากันแค่ในโรงแรม”ดร.สุเมธ กล่าว




http://palungjit.org/newthread.php?do=newthread&f=8

http://www.siamtv.org/start.html คลิ๊กโลโก NEWS1

 

อึม??? ได้สาระดี ไม่มีใครใหญ่กว่ากรรม ขออนุโมทนาสาธุค่ะ

 

อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
สาธุ สาธุ สาธุ<O</O
<O</O
<O</O



_____________________________<O</O
เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O</O
http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O</O
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณะศาลาการเปรียญวัดย่านยาว<O</O
http://palungjit.org/showthread.php?t=153325<O</O

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นผลจากการกระทำ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>

 

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

 

ขอขอบคุณที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยค่ะ

อนุโมทนาบุญ สาธุ ค่ะ

 

ดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย...