ขอถามหน่อยนะคร้าบ

แล้วอีกอย่างผมอยากได้ข้อมุลจากคุณเพราะ มันจะเป็นการยืนยันจากคุณด้วยอ่าคับ แต่ไม่ได้ไม่เป็นไรคับ

 

อ.สุวัฒน์ เขาเปิดคอสสอน หรือ พร้อมต้อนรับตลอดเวลา ทุกๆวันเสาร์

ท่านไม่ได้หนีไปไหน ผมแนะนำ อ. ก็เพราะท่านพร้อมสำหรับการทำหน้าที่
ไม่ใช่คนที่มีหน้าทีการงานอย่างผม ซึ่งเรื่องจะปลีกตัวไปให้คุณพิสูจน์ มันก็
จะไม่สะดวกด้วยกันทั้งสองฝ่าย คุณเองก็ต้องบินไปๆมาๆ น่าเห็นใจครับ

ดังนั้น การไปหา อ.สุรวัฒน์ ที่ท่านอยู่เป็นที่ มีกำหนดเวลาต้อนรับชัดเจน
และอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ลงรถไฟฟ้าเดินเข้าไปหาไม่ถึง 20 นาที

แต่ก็อย่างที่บอกแต่กระทู้แรกนะครับ

คุณต้องฝึกฝนตัวเองก่อน ต้องทำในสิ่งที่เขาทำก่อน จะดุ่มๆ เข้าไปแบบ
พูดกันปาวๆ ว่า ไหนแสดงซิ คุณก็จะเสียเวลาเป็นจำนวนมาก เพราะหาก
ดุ่มๆเข้าไปโดยที่ตอบอะไร หรือ พูดภาษาเดียวกับเขาไม่ได้ เขาก็ต้องสอน
ให้คุณรู้จักวิธีการสื่อสารแบบเขาก่อน เหมือนเราจะไปทดสอบว่า ภาษาอังกฤษ
มันดีอย่างไร มันมีจริงหรือ เขาก็ต้องฝึก This is a book ให้คุณก่อน แล้ว
พอคุณพูดได้แบบเดียวกับเขา ไม่เก้อเขินในการใช้ภาษาเดียวกับเขา เขาก็จะ
เห็นว่าคุณมีศรัทธาพอ มีปัญญาพอจะคุยต่อ หรือ พาไปทดลองของจริงกับการ
พูดกับฟรั่ง พอคุณพูดฟรั่งมันเข้าใจ คุณก็พบว่ามันมีความวิเศษในเรื่องของภาษา
อังกฤษ

คราวนี้มาเรื่องภาษาธรรม ซึ่งบอกแล้วว่าตรงนี้ไม่ใช่ฤทธิ์ธรรมดาๆ แบบคล้ายพวก
เล่นกล ที่คุณจะเอาสายตา หรือ กล้องวิดีโอไปจับภาพ จับผิดได้ คุณจะต้องใช้
ใจเข้าพิสูจน์ และสัมผัสฤทธิ์ที่แสดงนั้นอีกที โดยพ้นขอบเขตของการใช้ภาษาครับ

มันเป็นการพิสูจน์การสื่อสัมผัสด้วยใจล้วนๆ

 

ถูกแล้วในเมื่อคุณทำไม่ได้ก็บอกว่าไม่มี

 

ผมจะถามแบบตรง ๆ เลยนะ
1. คุณใช่พุทธหรือเปล่า
2. ถ้าใช่แล้วทำไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับอภิญญาเลยละ
3. ถ้าไม่ใช่ก็จงศึกษาเรื่องเกี่ยวกับอภิญญาซะ
4. ถ้าศรัทธาแต่ขาดปัญญามันก็ประสบผลสำเร็จช้าก็ได้
5. เรื่องพวกนี้เป็นนามธรรม และเป็นปัจจัตตัง
6. 6 ปีนะคุณฝึกแบบไหน ถ้าฝึกวันเว้นวันหรือเว้นนานจนเกินไปก็ไม่ดี ควรฝึกแบบสม่ำเสมอ
7. เรื่องที่คุณศึกษานะ เยอะไหมหรือทำแป๊ปเดียวไปฝึกอันอื่นต่อเฉยเลย

ขอให้ใจเย็น ๆ คับ การฝึกต้องใช้เวลานานไปหน่อยแต่มันก็คุ้มก็เหมือนกับการหาเพชรนั่นแหละคับถึงจะนานแต่ก็คุ้ม

 

ขอตอบคำถามของคุณจื่อหลิงนะคับ
1.ไม่เชิงคับ พ่อผมเป็นคนพุทธ แต่แม่คริสต์
2.เพราะส่วนใหญ่แล้วผมจะใช้ชีวิตอยู่กับโบสถ์อ่าคับ ผมอยุ่กับแม่อ่าคับ แต่ว่าๆพักหลังนี้ผมย้ายมาอยุ่กับพ่อที่ ไทยอ่าคับ ย้ายมา 3ปีกว่าได้แร้ว แต่ก็ยังต้องกลับไปหาแม่อยู่ดีคับ ย้ายมาที่ไทยนี่ ก็เค้าวัดทำบุญกับพ่อ แม้ตัวเองจะเป็นคริสต์ก็ตาม ก็พอรู้เรื่องบ้างอ่าคับเพราะพ่อผม เป็น คนที่ติดอยุ่กับวัด มีไรก็จะถามเค้า พูดตรงๆเค้าก็เชื่อเรื่องแบบที่คุณเชื่อ
3.คือ เรื่องนี้คนในกลุ่มศึกษาแล้ว ผมไม่ค่อยอยากจะก้าวก่าย เพราะตัวเองงานก็เยอะ แต่ถ้าว่างจะลองศึกษาดูนะคับ เพราะจะได้เป็นประโยชน์กับตัวเอง ขอบคุนที่แนะนำ
4.เอ่อ อันนี้ ไงอยุ่นะคับ เหมือนดูถูกพวกผม ^^
5. คับ
6. 6ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ฝึกมากคับเพราะ ผมตั้งใจจะพิสูจน์ความจิงไม่ได้อยากมีความสามารถอะไรแบบนี้ คับ แต่ก็มีคนในกลุ่มฝึกนะคับท้าย สุดเหลวคับ
7.เรื่องที่พวกผมศึกษา มันเป็นงานของพวกผมเรยอ่าคับ ที่มีกินมีใช้ก็เพราะงานนี้ คือพลังจิตทางด้านจินตนาการอ่าคับแระพลังจิตด้านอื่นๆ ส่วนเรื่องที่ศึกษาเยอะมั้ย เยอะคับ แระก็เหนื่อยมาก เพราะมีคนอ้างเยอะนะคับว่าทำได้ แร้วก็ ขอบอกว่าเรื่องพลังจิตเป็นเรื่องที่พวกผมศึกษามานานแล้วแระก็มี ทุน มีคนให้ความสนใจเยอะ อย่างขอยกตัวอย่างนะคับ มีคนในกลุ่มผมคนหนึ่งพวกคุน น่าจะรู้จักขอไม่เปิดเผยชื่อนะคับ เค้าเป็นลูกครึ่ง เคยมาออกรายการในไทยหลายครั้ง เกี่ยวกับพลังจิต แต่ท้ายสุดพอทุกคนบอกว่ามันคือ พลังจิตเค้ากลับบอกว่า ผมไม่มีพลังจิต จิงๆแร้วนั่นก็เรียกว่าพลังจิตคับแต่ ที่เค้าบอกว่าไม่มีเพราะ พลังจิตนั้น แบ่งได้หลายประเภท แระพลังจิตที่เค้าใช้ คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรุ้จัก เพราะเค้าใช้หลักวิทยาศาสตร์และมายาเข้าช่วย อย่างด้านที่คุณคุยกับผมเนี่ย กลุ่มผมเรียกว่า พุทธจิต คับ [ที่จึงมีอีกชื่อหนึ่งแต่ผมเรียกไม่ค่อยถนัด จึงขอเรียกสั้นๆแบบนี้นะคับ] แต่สำหรับเรื่องที่คุณเล่ามามันเป็นด้านการจินตนาการมากเกินไปคับ ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับพุทธจิต ไว้ว่างๆผมจะมาเล่าให้ฟังนะคับ

 

คุณainteerati คับ ถ้าเป็นเรื่องพลังจิตในความเป็นจิงพวกผมทำได้นะคับ แต่ถ้าอะไรที่มันไม่ใช่ให้ทำแค่ไหนก็ไม่ได้หรอกคับ อย่างเช่นผมบอกว่า สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ แต่คุณบอกว่าเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้จิงก็ช่วยพิสูจน์ ด้วยว่ามันเป็นจิงหรือคุณคิดไปเอง แค่นี้อ่าคับเพราะไม่มีอะไรเสียหายอยุ่แร้ว จะได้ยอมรับความเป็นจิงกันคับ แร้วก็เรื่องบางอย่างมันเป็นแค่จินตนาการของมนุษย์ที่ ลึกเกินไป คงทำไม่ได้ง่ายๆหรอกคับ ขอบคุงคับ

 

เมื่อไม่ถึงเวลาอันสมควร...สมเหตุสมผลเราก็อย่าไปยุ่งเลยครับ...

หากเราสงสัยอยากพบอยากพิสูจน์มีหรือไม่มีเราก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วขอรับ...เรื่องอย่างนี้รู้อย่างนี้....วิธีรู้การรู้ไม่เหมือนกัน....แต่หากรู้แล้วเป็นคุณเป็นโทษแล้วแก้ไขได้อย่างไร....รู้จริงหรือรู้สมมุติเอาเอง....ก็แล้วแต่ผู้รู้ขอรับ....รู้แล้วมีหลักฐานปรากฎที่หนีไม่ได้แล้วจะหนีอย่างไรแล้วจะให้เข้าใจว่าอย่างไร...เด็กที่เกิดมาจำความตอนชาติก่อนได้...เด็กนะขอรับคงไม่บอกว่าระลึกชาติเพื่อแสดงอภิญญาเอาสตางค์หรือชื่อเสียงแน่

และการปฏิบัติ.....หากมีเช่นนี้จริงๆนะขอรับ...นับประสาอะไรกับเงินหลายล้านที่จะมาจ้างขอรับ...เพราะไม่เอาอะไรมาหนักกระเป๋าแล้วขอรับ...เสื้อผ้ายังไปเอาสามผืนมาห่มเลย...ผมยังโกนทิ้งไม่มีทรงผม...จะไปเอามาทำไมเงินทองขอรับ...เศกเองได้วันละสิบล้อก็ไม่เอา

คงเป็นการออกความเห็นแบบกลางๆนะขอรับ...ทางที่ดีอย่าเลยครับในการปฏิบัติ...เพราะเป็น....ภพ..ชาติ..ชรา..มรณานี่เกือบสูงสุดแล้วขอรับ...หากบอกว่าฌานนี้ก็สูงแล้วแต่หากมาเล่นอีกทางหนึ่งคืออย่างคำสอนของหลวงพ่อนี้ฌานต้นๆก็เจอได้เหมือนกัน...จะรอดหรือครับ...อยู่ที่กำลังใจและหัวใจแล้วขอรับ

กราบขอบพระคุณยิ่งแล้วขอรับ

 

เอคุณจขกท คะแล้วพระเจ้ามีอยู่จริงไหม พิสูจน์ได้ไหม หรือว่าคิดไปเอง เราเป็นพุทธคะแต่ไม่ได้ศึกษาถึงขั้นอ่านพระไตรปิฎก หรือนุ่งขาวห่มขาวและเราเชื่อว่าหูทิพย์ ตาทิพย์มีอยู่จริง คุณว่าเสียงที่หมาได้ยินแต่เราไม่ได้ยินมันมีอยู่จริงไหม คุณว่ารังสีออร่ามีจริงไหมทั้งที่ตาเรามองไม่เห็น โดยส่วนตัวเราไม่รู้ว่าพระเจ้ามีจริงไหมแต่เราเชื่อและศรัทธาในความรัก บางครั้งคุณอาจคิดว่าสิ่งที่พิสูจน์ได้คือสิ่งมีอยู่จริงแต่เราคิดว่าในจักรวาลยังมีอะไรอีกมากมายที่มีอยู่จริงแต่เราอาจไม่รู้จักมันทั้งหมดก็ได้นะ

 

เอาอย่างนี้นะขอรับ
ลองอ่านตำราทั้งสามศาสนาเลยนะขอรับว่าท่านสอนไปแนวทางไหนเพื่ออะไรผมไม่อยากบอกแต่ก็จะบอกว่าโหรแม่นๆนั้นเอาหลักพุทธไปใช้แต่พุทธองค์ไม่ทรงเน้นให้เป็นโหร..หรือนั่งเทียนแต่เน้นไปในทางสร้างความสุขแก่ตัวเองและผู้อื่น

ในพระคริส...ศาสนา...ไม่มุ่งเน้นมาทางการทำสมาธิแต่ผมขอยกมาว่า
with the obay of god don 't thinking about dead because of dead is the step of sin. (if you done good do not thinking about dead)
และไม่มุ่งเน้นทางฤทธิอำนาจขอรับกระผมเข้าใจ....ตายแล้วเมื่อทำความดีแล้วต้องไปพบพระเจ้าทุกคน..

อยากเอาทางศาสนาทางผู้นับถือทางมุสลิมไหมขอรับ
ท่านปิอาดัมเกิดจากฎิน(โคลน)กลายมาเป็นดินแห้ง(ศีลศอล)...จากนั้นกลายมาเป็นฮามะฮ์ มัสนูน...ดินแห้งสีดำมีกลิ่นเหม็น..จากนั้นท่านนบีอาดัมจึงมีชีวิตขึ้น...ทางพระศาสดาท่านสอนให้รู้จักคิดและวิธีคิดทั้งนั้นขอรับ...ร่างกายนี้เน่าเหม็นขอรับ

กระผมนำเรียนทั้งสามศาสนาเพราะกระผมจะมีกุรอานเล่มเล็กๆอยู่ในกระเป๋าขอรับ...และกระผมก็เข้าไปศึกษาปรึกษากับเพื่อนที่เป็นคริสบ้างเช่นกัน...ไม่ได้แบ่งแยกนะขอรับเป็นสัมพันธไมตรีคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดกันเสวนากันได้ความรู้มากมาย....แต่ทุกศาสนาไม่ได้เน้นย้ำเรื่องฤทธิหรืออำนาจเลยนะขอรับ...เน้นแต่คำสอน........เพื่อนำมาปรับปรุงใช้ในชีวิตให้มีความสุขเท่านั้น...ไม่ได้แบ่งเขาแบ่งเราเลยในต้นกำเนิดที่แท้จริงขอรับ

ในพุทธศาสนาที่กล่าวถึงเรื่องฤทธิ....หากไม่รักกันจริงระหว่างศิษย์กับอาจารย์ไม่ค่อยได้พบได้เห็นหรอกขอรับ....พระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิมก่อนที่ท่านจะดับขันธ์ท่านถามชาวบ้านว่าน้ำในหนองน้ำของชาวบ้านมีเหลือเยอะไหมพอชาวบ้านบอกมีไม่มาก...หลังจากนั้นมีฝนตกลงมาขอรับเพื่อน้ำในอ่างเก็บน้ำที่หนองโพธิ์ให้ชาวบ้านพอกินพอใช้...แล้วพระเดชพระคุณท่านก็ดับขันธ์...จะกล่าวอย่างไรครับ...

มีเพื่อไว้ให้ศรัทธาขอรับในเรื่องเหล่านี้......ไม่ได้มีไว้ในการทดลองหรือการโชว์....พระบอกหวย...แม่นๆเดี๋ยวก็หาย...ทำไมหาย...ก็ท่านเล่นเอาเหตุที่ยังไม่เกิดมาเล่นเสียก่อนตรงๆทะลุปอดเลย....ปฏิบัติอีกจะได้คืนหรือเปล่าไม่ทราบนะขอรับเพราะขนาดพระยังเล่นทะลุปอดขนาดนั้น....หากเลี่ยงๆนี่ก็จะแย่แล้วขอรับ

ท่านศรัทธาตรงไหนนี่ท่านเลือกเอาเถิดขอรับ...ทุกศาสนาทุกศาสดาท่านสอนไว้ดีหมด....หากเข้าใจและปฏิบัติ...พระศาสดาท่านสอนให้อยู่อย่างไรอย่างมีความสุขในชีวิตขอรับ...จบนะขอรับ...

กระผมนำเรียนว่ากระผมจะเข้าไปศึกษาทุกศาสนาครับ...แต่ตอนนี้แอบเอาก่อนพอเข้าใจ....เพราะพุทธอย่างเดียวนี้มึนตึ๊บแล้วครับ...ไม่ได้มีแค่เฉพาะกระดาษแบนๆเท่านั้น...หากจะให้เข้าใจจริงๆล้ำลึกมากขอรับ...จนยากๆยิ่ง..ไม่ใช่ท่องแล้วแปรอย่างเดียว...อ่านพระไตรปิฎก...มีทั้งนิทาน...คำสอนบนโลก...คำสอนในจิตใจในเรื่องเดียวกันบวกในร่างกายรวมไปด้วย...สามอย่างเลยขอรับ.....เพื่อความไม่ประมาทผิดๆถุกๆ...จึงต้องปรึกษาหารือกันขอรับ

กราบขอบพระคุณท่านยิ่งแล้วคงเป็นประโยชน์ต่อท่านเจ้าของกระทู้บ้างนะขอรับ....ทุกศาสนาเป็นกลางขอรับ...แต่คนเท่านั้นที่ยังไม่กลางหรือทำให้ไม่เป็นกลาง....คนที่เขาเข้าใจไม่ว่าพระศาสดาใดเห็นแต่เขามีแต่ความสุขสงบขอรับ

 

ผมว่าไม่คลุกวงในก็ไม่รู้เหมือนกัน จนกว่าจะได้สัมผัสเหนือเทพแบบผมอะ จะเรียกว่าบ้าพระเจ้าเลยก็ไม่ใช่ เพราะผมมีหลักฐานยืนยันนิดหน่อยถึงการมีตัวตนของท่าน ส่วนเรื่องทางจิตนี่พูดยากมากเลยครับ สุดท้ายถ้าได้อะไรเยอะๆ ก็คงไม่พ้นการนั่งสมาธิแหละครับ

*ตอนนี้ก็ขอเพลาๆเรื่องพระเจ้าแล้ว ไม่อยากปลีกวิเวกคนเดียวจนท่านจะไม่คบแล้ว คนรอบข้างสิจะหาว่าบ้าได้ เหมือนทำร้ายตัวเองเปล่าๆ

ปล. ผมยังไงๆ ก็เชื่อในหลักวิทยศาสตร์มากกว่า เรื่องพวกนี้เหมือนมีใครเล่นตลกอะไรสักอย่างกำลังรอการพิสูจน์ ไม่แน่คุณอาจกำลังโดนท่านแกล้งอยู่ก็ได้ครับเหมือนผมแต่ก่อนอะ

 

ถ้าอยากศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จริง วิธีพิสูจน์ที่ดีที่สุดก็คือตัวเราเองต้องลองฝึกสมาธิดูน่ะครับ เพราะว่าสมาธิเป็นพื้นฐานของอภิญญา การหาข้อพิสูจน์จากผู้อื่นนั้นอาจจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยไม่มากก็น้อย อย่างน้อยลองฝึกสมาธิให้ได้ระดับ "ปฐมฌาน" ขึ้นไปน่ะครับ และถ้าเป็นไปได้ถ้าสมมติว่าสามารถฝึกสมาธิจนได้ถึงขั้น "จตุตถฌาน" หรือ "ฌานที่ 4" ซึ่งผู้รู้หลายท่านกล่าวว่าเป็นฌานที่เป็นบาทฐานของอภิญญา ก็อาจจะทำให้คลายข้อสงสัยและสามารถพิสูจน์อะไรได้ไม่มากก็น้อยน่ะครับ

ส่วนเรื่องผู้ที่มีพลังจิตนั้นเท่าที่สังเกตดู ก็มีข้อแตกต่างกับเรื่องอภิญญาในพระพุทธศาสนาอยู่บ้างนะครับ ตามประวัติแล้วผู้ที่มีพลังจิตมักจะมีประสบการณ์แปลกประหลาดอะไรบางอย่างในอดีต เช่น ได้รับอุบัติเหตุแล้วรอดตายมา หรือ ตอนเด็กๆเจอแสงสว่าง เจอวัตถุลึกลับ มีประสบการณ์เร้นลับอะไรบางอย่าง ฯลฯ พอผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านั้นมาแล้วก็มีพลังจิตขึ้นมา และพลังจิตเหล่านี้ก็ใช้ได้หลากหลาย บางอย่างบางคนก็อาจจะเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี เช่น รัสปูติน

ส่วนหลักอภิญญาในพระพุทธศาสนานั้น จะมีหลักที่แน่นอนนะครับว่า มีเรื่องใดบ้าง และแต่ละอย่างนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากการฝึกฝน จากการทำสมาธิของแต่ละท่าน และก็เป็นอภิญญาในด้านที่ช่วยให้ผู้ที่เกิดอภิญญานั้นเข้าใจในสัจธรรมมากขึ้นโดยอ้อมๆ เช่น การระลึกชาติ การรู้ว่าใครไปเกิดที่ใดใครทำกรรมใดแล้วจะได้รับผลเช่นไร การเข้าถึงและเข้าใจลักษณะความเป็นไปของธาตุตามธรรมชาติต่างๆด้วยจิตจนสามารถกระทำบางอย่างที่คล้อยตามธรรมชาติของธาตุแต่ละชนิดได้ ฯลฯ ซึ่งอภิญญาในพระพุทธศาสนาเหล่านี้จะมีพื้นฐานมาจาก ศีล และ สมาธิ อันเกิดจากฌานที่ปราศจากนิวรณ์ ดังนั้น ถ้าผู้มีอภิญญาเกิดกิเลสมากๆจนทำให้จิตไม่สามารถคงสภาวะที่ปราศจากนิวรณ์ได้ อภิญญานั้นๆก็จะเสื่อมไป ดังเช่น พระเทวทัตที่ตอนหลังอภิญญาเสื่อมเนื่องจากมีความคิดไม่ดีต่อคณะสงฆ์ หรือ ฤาษีนักบวชที่ได้อภิญญาหลายๆท่านที่อภิญญาหรือความเป็นผู้มีฤทธิ์ต้องเสื่อมไปเพราะความงามของสตรี(ทำให้จิตหวั่นไหวและเสื่อมจากฌานอันเป็นฐานของอภิญญา ทำให้แสดงฤทธิ์ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้ที่มีพลังจิตกับผู้ที่ได้อภิญญาจุดหนึ่งครับ)

ซึ่งถ้าใครเคยมีจริตมีวาสนาในทางนี้มาก่อน เมื่อเริ่มต้นฝึกสมาธิก็จะได้ผลเกิดอภิญญาได้ดีและรวดเร็วกว่าผู้อื่น ซึ่งตำราอรรถกถาจารย์บางเล่มก็มีกล่าวถึงรายละเอียดไว้ รวมถึงพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบบางท่านก็เป็นตัวอย่างที่ดีของท่านที่สามารถบรรลุถึงอภิญญาเหล่านี้ครับ

 

ขอตอบคุณ angeltk229 พระเจ้ามีอยู่จิงไหม เอ่อขอยกตัวอย่าง ในคัมภีร์เล่ม หนึ่งมีการเขียนถามตอบระหว่างบาทหลวงกับคน ธรรมดา
คนธรรมดา : บาทหลวงคับพระเจ้ามีจริงไหมครับ
บาทหลวง : มีสิ
คนธรรมดา : แล้วพระเจ้าเกิดจากอะไรหรอคับ ถ้ามีคนสร้างพระเจ้าแล้วใครเป็นคนสร้าง คนสร้างของพระเจ้า
เป็นไงคับ กับคำถามข้างบน คำถามแบบนี้แน่นอนคับมันเกินสติปัญญาของมนุษย์ แต่สำหรับผม ผมว่าสิ่งที่เหนือมนุษย์อาจจะมี ก็ขึ้นอยู่ว่า คนเหล่านั้นจะเรียกสิ่งนั้นว่าพระเจ้าหรือป่าว สำหรับพวกผมสรุปเป็น 3 อย่างดังนี้คับ 1. มีสิ่งที่เหนือกว่าเราๆและเกิดก่อนเราเหนือกว่าๆเหนือกว่าเรื่อยๆท้ายสุดไปเริ่มต้นตรงไหนนั่นแระที่น่าจะเรียกว่าพระเจ้า 2.ไม่มีคับ มนุษย์นี่แระคือพระเจ้า 3. อาจเป็นการเกินสติปัญญาของพวกเรา เกินไป คำถามข้อนี้อาจไม่มีคำตอบก็ได้ สำหรับผม ผมคิดว่าพระเจ้าไม่มีจิงคับ ผมเป็นคนคริสต์ก็จิงแต่ผมเป็นคนคริสต์ นิกายคาทอลิค ผมจะเชื่อแระ รักในพระแม่มารีย์อ่าคับ จิงๆแร้วทุกนิกายสอนให้เชื่อเรื่องของพระเจ้า ซึ่งก็แร้วแต่ตัวคนจะเชื่อด้วยนะคับ เอ่อ คุณมะหน่อ คับ ผมชอบความคิดกับคำพูดคุณมากๆๆ คับขอบคุณที่เข้ามาตอบนะคับถ้ามีไรให้ช่วยก็ลองบอกได้นะคับ ผมยินดีที่จะช่วยคับ แระก็ขอบคุนทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นนะคับ

 

ขอบคุณคำตอบคุณมะหน่อค่ะโดยส่วนตัวแล้วไม่คิด blame ศาสนาใดเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี จริงๆก็ได้ศึกษาอย่างผิวเผินมาเหมือนกันค่ะ
จึงคิดว่าแม้สิ่งใดพิสูจน์ไม่ได้ไม่ได้แปลว่าไม่มี แต่หากจะเชื่อในสิ่งใดควรพิจารณาด้วยสติและเหตุผล เคารพในความคิดของทุกคน ทุกศาสนาค่ะ

 

ความคิดเห็นของ O๐.AnGle.๐O บอกภูมิความรู้ได้เลยอ่ะ

 

ของอย่างนี้ต้องทำเอง ถึงจารู้นะ ที่บอกว่าลอง คงไม่รู้ไรหรอก เพราะเเค่จะลองให้มันรู้มันเลยไม่รู้

--จบ--