ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

งานเลี้ยงรอบนี้ไม่ต้องใช้แสงเทียนเหมือนที่ผ่านมา เพราะมีเครื่องปั่นไฟมาเอง

 

ภาพนี้ แนะนำว่า ถ้าไปกราบ ให้ยืนอยู่ตรงกลาง ของซุ้มประตูทางเข้า ตรงหน้าท่าน รับพลัง หรือ ญาณบารมี ของท่าน โดยเพ่งมอง และกำหนดจิตไว้ที่ "เพชรตรงพระนลาฎ ของท่าน" ถ้าจิตนิ่งดีแล้ว จะมองเห็นชัดเจน ว่า ท่านส่งคลื่นพลังมาให้ เป็น พลังแห่งความเมตตามาก ๆ จะรู้สึก นิ่งสงบ เยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์
และอีกจุด ที่บริเวณนั้น.หน้าซุ้มประตู คือ ยืน(ในวงกลม)ตรงพื้นหินอ่อนลาย ๆ ที่วางเรียงต่อกันไว้เป็นรูปวงกลม ซึ่งตำแหน่งนั้น จะตรงกับ เสาพระเจ้าอโศกด้านหน้าข้างล่าง ตรงกับหยินหยาง ด้านล่าง ตรงกับ...ฯลฯ และตรงกับ พระพุทธรูปศรีอารยะเมตไตย ด้านหลัง คลื่นพลังตรงจุดนั้นแรงมาก (เข้าใจว่าน่าจะเป็นคลื่นที่จะทำให้อยู่รอดปลอดภัย เป็นคลื่นที่สั่นสะเทือนมาก จนอณูทั้งหมด สั่นสะเทือน หมุนเอง โยกเองบังคับให้หยุดไม่ได้ (อยากให้ คุณ Mountian แวะไปดูหน่อย)
อีกจุด ก็น่าสนใจ "รับคลื่นพลัง" ของพระอุปคุป ท่านอยู่กลางสระน้ำ
เล็ก ๆ ถ้าไปเขากะลาคราวหน้า ขอแนะนำให้อย่าพลาดที่จะไปวัดนี้ และ อยากพูดว่า ชาวนครสวรรค์โชคดี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แนะนำ ให้ขึ้นไปบนวัดเลย วัดนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นพลังบริสุทธิ์ ของพระพุทธศาสนา ในภัทรกัปล์นี้ แค่เข้าบริเวณวัด ก็เต็มอิ่มด้วยพลังงานที่สะอาดบริสุทธิ์ และเปี่ยมด้วย พลังพุทธคุณ

 

ใช่เลยคะเมื่อตอนเข้าพรรษาปี51คิดอยากไปปรียนันท์และเขากะลาปรากฏว่าหลงทางเลยไปถึงวัดนี้ได้ขึ้นไปนั่งตรงหน้าพระองค์นี้แล้วสวดภาษาแปลกๆออกมาเพราะเก็บไม่อยู่ก่อนจะขึ้นเขาก็รับพลังได้มากชนิดที่เรียกว่าสดุดกึกเลย

 

ผู้ร่วมงานสังสรรค์ปีใหม่ และวันเด็กเสาร์ที่ 10 มกราคม 2552
ที่เขากะลา นครสวรรค์
<O</O
<O</O
รถอาจารย์นีโม่ จำนวน 2 ท่าน
อาจารย์นีโม่ คุณเจี๊ยบ
<O</O
รถคุณกิตติภณ จำนวน 6 ท่าน
คุณกิตติภณ คุณเทพ กัญญา คุณวราทิพย์ คุณจูน น้องสาวคุณเทพกัญญา คุณ O.A.T.

รถคุณ yai_93 จำนวน 4 ท่าน
คุณ yai_93 อาจารย์เม้าท์ อาจารย์จักษวัชร์ คุณทานะบารมี<O</O

รถอาจารย์ไก่ 7 ท่าน
อาจารย์ไก่ ดร.ซิลวิลโอ ลูกสาว ลูกชาย คุณป้าลำพัง หลานสาว และเด็กชายอีก 1 ท่าน
<O</O
รถคุณต๋อย จำนวน 7 ท่าน
คุณต๋อย คุณป้าศจี คุณประคอง คุณเทพบุตรชาวดิน คุณ A.41 คุณ dalink คุณ *April*
</O
รถคุณ mooing 2546 จำนวน 4 ท่าน
คุณอ้อม คุณกุ้งสามี ลูกชายคนโตน้องหมูอิง ลูกชายคนเล็กน้องเอเจ

รถอาจารย์วิโรจน์ 2 ท่าน
อาจารย์วิโรจน์ คุณลุงธนันต์
<O</O
รถคุณ vijit_ j จำนวน 1 ท่าน
คุณวิจิตร

รถคุณ no.9 จำนวน 1 ท่าน
คุณอภิชาต
<O</O
รถคุณสมจิตร จำนวน 4 ท่าน
คุณสมจิตร คุณเจริญ คุณเกรียงศักดิ์ คุณ ukrin
<O</O
รถคุณวาสนา จำนวน 6 ท่าน
คุณวาสนา คุณโสภา คุณสุดใจ คุณบุญช่วย น้องมิ้งค์ น้องใหม่
<O</O
เดินทางโดยรถตู้มาสมทบ 3 ท่าน
คุณไอย คุณ ณ. คุณแพ็ท

จากอุทัยธานี 1 ท่าน
คุณ mead
<O</O
รถส่วนตัวจากสาธารณะสุขนครสวรรค์ 2 ท่าน
คุณโด้ และภรรยา



จำนวนผู้ร่วมงาน ... 50 ท่าน

จำนวนยานพาหนะขึ้นบนเขากะลา 13 คัน<O</O

 

มีสมาชิกผู้ติดตามเรื่องราวของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ท่านหนึ่ง ได้โทรมาสอบถาม เรื่องการเชื่อมระบบ ที่ได้ปิดฉากลงไปแล้วนั้น ว่า ผู้ที่ยังไม่ได้เชื่อมระบบจะทำอย่างไร อยากจะให้มีการเชื่อมระบบอีก เพื่อรับการติดตั้งอุปกรณ์ ในการทำงานเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติตามระบบที่มนุษย์ต่างดาวได้จัดวางเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว

จึงตอบไปว่า การจะเชื่อมระบบ หรือไม่ได้เชื่อมระบบนั้น เป็นเพียงรูปแบบ หรือฉากๆหนึ่งเท่านั้น ทำขึ้นมาเพื่อการเฉพาะกิจ ที่พวกเราไม่สามารถหยั่งรู้ได้ล่วงหน้า จนกว่าผลนั้นจะออกมา ณ ปัจจุบัน จึงไม่ควรไปยึดติดในรูปแบบทั้งหลาย
ไม่ควร ยินดี และเสียใจ ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ควรประคองจิต ให้เป็นกลาง ปล่อยวาง การยึดติดในเรื่องราวที่เราได้ทำมาจนเคยชิน และรับเข้ามาเป็นกิจปฏิบัติว่า จะต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ ทำให้ยากที่จะปล่อยวางลงได้ ทุกข์สุข ก็จะวนเวียนกันเข้ามาเหมือนเช่นเคย

เพราะฉะนั้น เราไม่ควรไปยึดติด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เรา สุขใจ ตื่นเต้นไปกับความเป็นปาฏิหาริย์ ที่เราไม่เคยพบมาก่อนในชาติภพนี้ หรือ แม้แต่การเห็นทุกข์ ของเขา เป็นทุกข์ของเรา แล้วพยายามเข้าไปช่วยแก้ไข ซึ่งคงช่วยได้เพียงระดับหนึ่ง
แต่ต้องไม่ถือเป็นทุกข์ของเรา....อย่าลืมว่า มนุษย์ต่างดาว ที่จะมาช่วยเหลือภัยพิบัติโลกนั้น เขาไม่ต้องการคนที่มีความรู้ มีอิทธิฤทธิ์ ทำปาฏิหาริย์ ให้คนมากราบไหว้สักการะนับถือ เขาต้องการเพียงให้คนนั้น ปลดเปลื้องความยึดมั่นถือมั่น ยึดติดในสรรพวิชาที่มีมาอย่างมากมาย แล้วเกิดความหลง จนถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ ร่างกายนั้นก็ยังปนเปื้อน เหมือนเครื่องจักรที่มีสนิมเกาะติด ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาก็คงจะคัดเราไว้เป็นคนอีกจำพวกหนึ่ง ที่ยังไม่ถึงเวลาจะร่วมมือกันกอบกู้โลกจากหายนะภัย

ขอให้ทุกท่านสำรวจจิต ผลิตปัญญาให้เกิด
แนวทางเขาวางไว้ให้แล้ว หากเราเฉไฉออกไป ก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่า
บ้าน ของเรา เรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่ค่อยอยากกลับบ้านกัน
เพราะมีสิ่งลวงล่อมากมาย ทำให้หลงไปกับมัน

ตั้งสติกันใหม่นะครับ ถ้าหากเริ่มรู้ว่า ออกนอกลู่นอกทาง

ขออนุโมทนากับทุกท่าน ที่กำลังจะกลับบ้าน ครับ

 

ขออนุโมทนากับข้อความของอาจารย์ MOUNTAIN ที่ได้กล่าวไว้นี้

แสดงถึง "การเห็น" สภาวะของความเป็นจริงของธรรมชาติ สัมผัสได้ถึงความว่างจาการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า และเบาบางจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นได้จริง

มิใช่เป็นเพียง "ความเข้าใจ" การคาดเดา หรือการสัมผัสความว่างอย่างผิวเผินอย่างที่ผ่าน ๆ มา

ขออนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งกับอาจารย์ MOUNTAIN ค่ะ



ความรู้ ความเข้าใจ การคาดเดา มิอาจกำจัดทุกข์ได้ หากไม่ปฏิบัติจนเห็นจริง

เพราะหนังสือธรรมะ อ่านกันมามากมาย หลายร้อยหลายพันเล่ม ก็แค่อยู่ในขั้น ความเข้าใจเท่านั้น แต่หากยังไม่เห็นจริงในสภาวะธรรมที่หนังสือธรรมะเล่มต่าง ๆ ได้กล่าวไว้ ก็ไม่สามารถเบาบางจากทุกข์ได้

จนกว่าจะปฏิบัติ จน "เห็น" จริงนั่นแหละ จึงจะสามารถปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นได้จริง และเป็นทางเดียวที่จะออกจากวัฏฏสงสารได้จริง

เพียงเข้าใจ แล้วยังไม่ "เห็น" จริงในสภาวะธรรมเหล่านั้น ความทุกข์ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป ยังเวียนวนหลงกลของอวิชชาอยู่ต่อไป ความเบาบางจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าก็จะไม่เกิดขึ้น จะมีแต่ยึด ยึด ยึด และยึดเพิ่มขึ้น ยึดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

แค่มีความเห็นผิด นิดเดียว ระยะทางจึงยาวไกลนัก

วิชชา คือ ความเห็นที่ถูกตรงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวตนของตน เป็นของธรรมชาติ และเพราะไปเข้าใจผิดว่าธรรมชาติเป็นตัวเรา เป็นของเรา จึงเข้าไปยึดถือ บังคับบัญชาอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไม่เป็นดังหวัง จึงมีแต่ทุกข์ กับทุกข์ เพราะความเห็นผิดนั่นเอง เมื่อเห็นถูกตรงว่าขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวใครของใคร เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ ก็จะจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายคืนสู่ความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เป็นตัวใครของใครนั่นเอง

อวิชชา คือความเห็นผิด เห็นว่าขันธ์ห้านี้ เป็นตัวตน เป็นของตน และทุกสรรพสิ่งเป็นของของตน จึงมีอุปาทานในขันธ์ห้า ว่าเป็นตัวเรา ตัวเขา จึงมุ่งที่จะยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน และพัฒนาให้มีความยึดมั่นมากขึ้นไปอีก

เพราะมีความเห็นผิดนิดเดียว เห็นว่าเป็นตัวตน เป็นของตน คราวนี้ ก็ต้องหาทางออกจากตัวตน ปล่อยวางตัวตน หาทางที่จะพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความว่าง ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น

จึงยังต้องเหนื่อย จึงยังต้องเดินทางกันอย่างยาวไกลในสังสารวัฏ เพื่อหาทางละวางตัวตน หาทางเอาตัวตนออก

ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เพราะเข้าใจผิดนิดเดียวว่า ขันธ์ห้านี้มันเป็นตัวเรา มันเป็นของเรา จึงเฝ้าเพียรที่จะดูแล ประคับประคอง และปฏิบัติธรรมทุกอย่างก็เพื่อหาทางออกจากขันธ์ห้านั่นเอง

แต่พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้ในความจริงของธรรมชาติ แล้วนำมาสั่งสอน นำมาบอกแล้วว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่ได้เป็นตัวตนทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติล้วน ๆ ที่มันเปลี่ยนแปลงไป มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่มันผลักดันอยู่ตลอดเวลา มันจึงไม่เที่ยง และมันก็มีความทุกข์มีความแปรปรวนในตัวของมันเองอยู่แล้ว และเพราะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนแล้วมันบังคับบัญชาไม่ได้ มันจึงกลายเป็นไปยึดทุกข์ของธรรมชาติมาเป็นทุกข์ของตนเอง จึงเกิดตัวตนของผู้ทุกข์ ผู้สุขนั่นเอง

แค่ไม่ไปอุปาทานว่าขันธ์ห้า เป็นตัวเรา ของเรา แล้วละจากอุปาทานเหล่านั้นเสีย ก็ออกจากวัฏฏสงสารกันได้แล้ว

แค่ "เห็นถูก" ก็จบกัน ลาจากกัน ปิดฉากการเวียนว่ายตายเกิดเสียที

หาก "เห็นผิด" ก็ยังคงต้องเวียนวน หลงกลในวัฏฏะสงสาร ยังต้องเหน็ดเหนื่อยกันอีกนานแสนนาน ในวัฏฏสงสารอันยาวไกล

ขออนุโมทนา ให้ทุกท่านค้นพบเส้นทางที่ถูกตรง ที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงวางแนวทางไว้ ให้มุ่งตรงต่อการละวางอุปาทานขันธ์ห้าเป็นหลัก เพื่อออกจากวัฏฏสงสารในชาติปัจจุบันนี้กันทุก ๆ ท่านเทอญ.

 

ขออนุโมทนาครับพี่สุดใจ

มาทำความเห็นให้ถูกต้อง ถูกตรงกันเถิด
ทุกข์อยู่ใกล้นิดเดียว รู้จักวิธีสะกิดหน่อยเดียวก็หลุดแล้วครับ

 

ทะเบียนรถใครถูกย้ายมวลสารมาอยู่แถวนี้
...กรุณามารับคืนด่วน!!! ก่อนเจ้าตัวนี้จะเขมือบซะหมด หุหุ

 

รูปถ่ายข้างเต๊นท์ บนลานต่างดาว เวลาดึกมาก หลายคนนอนแล้ว และถ่ายหลังจากนั่งสมาธิในเต๊นท์แล้ว (ขณะนั่งสมาธิ ได้สัมผัสคลื่นพลังมาก ทั้งตัวเลย ไม่ใช่ เฉพาะปลายเท้า แบบครั้งก่อน) อยู่ ๆ ก็ มีคลื่นความคิด "ให้ออกมาถ่ายรูป" ทั้ง ๆ ที่ง่วง พอออกจากเต๊นท์ก็ตาสว่าง สนุกสนานกับการถ่ายรูปมือถือมาก (ปกติไม่ค่อยได้ใช้) ไม่ทราบว่า คืออะไร บ้าง ...ใช่จานบิน (วิเคราะห์ ของ A41 หรือเปล่า) แล้ว "จุดสว่างขาว" นั่น คืออะไร ยังกะจานดาวเทียมเลย.......งงงงงงงงงงงงงงงงงง มาก ๆ ๆ ๆ

 

พี่เทพกัญญา มีบุญสัมพันธ์กับยานบิน
จึงเป็นผู้ได้รับสัมผัส และถ่ายภาพได้แต่เพียงผู้เดียวในคืนนั้น
เป็นการยืนยัน ด้วยหลักฐานภาพถ่าย<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ลุงคนนี้คงเป็นคนเฝ้าเขากะลา

 

เขาจะมีงานแบบนี้อีกเมื่อไรน่าสนุกจัง

 

<CENTER></CENTER>
โห..วันนั้นตกใจแทบแย่แน่ะ ตีหนึ่งตีสองเล่นผีหลอกคืนวันเด็กกัน ดีที่ได้ซี่โครงหมูอบที่ย่างทิ้งไว้อยู่บนเตามาช่วยเรียกขวัญ ถึงค่อยยังชั่ว หายตกใจหน่อย ของเขาหอม นุ่มอร่อยได้ใจจริงๆ นะครับ


<CENTER></CENTER>
หอมไม่หอมดูกันเอาเองนะครับ หอมข้ามภพข้ามภูมิกันเลยทีเดียวรูปดวงๆ ถึงได้มารุมล้อมเตาเยอะขนาดนั้น อ๊ะ..หรือว่ากล้องถ่ายกลิ่นได้กันแน่

 

ดึกๆ คุยอยู่กับ ยูคลิน O.A.T. คุณเปี๊ยก มีสุนัขตัวหนึ่งขึ้นมา กลิ่นคงไปไกลถึงหมู่บ้าน

 

หมูหมักย่าง ของพี่วิจิตร รสชาติสุดแสนหอมอร่อย
หากเปิดร้านขายเองรับรอง รุมล้อมกันเต็มร้าน

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>วันนี้ 07:44 PM</TD></TR><TR title="โพส 1798107" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>MOUNTAIN</TD><TD class=alt1>
หมูหมักย่าง ของพี่วิจิตร รสชาติสุดแสนหอมอร่อย
หากเปิดร้านขายเองรับรอง รุมล้อมกันเต็มร้าน </TD></TR></TBODY></TABLE>
มีหมูหมักย่างด้วยหรอนี่ ไมเราม่ายเห็นนะหมดไปตอนไหนนี่

 

hello8