บำเพ็ญบุญบารมี บำเพ็ญธรรมมากแล้ว เสื่อมได้ไหม ยังไง?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สามเณรกิมเหลียง, 17 มกราคม 2009.

  1. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    เสื่อมได้แน่นอนครับ เพราะทุกอย่าง "อนิจจัง"
    ไม่เว้นแม้แต่คนที่ได้อรหันตืแล้วก็เสื่อมได้
    ยกเว้นว่าอรหันต์แล้วตายเลย ดับขันธปรินิพพาน
    ไปทันทีเลยจะไม่เสื่อม เหมือนพระอรหันต์ท่านหนึ่ง
    ทรมานเพราะโรคร้าย ใช้มีดปาดคอตายก็นิพพาน


    แต่หากยังไม่ตาย ระหว่างยังเป็นๆ อยู่ต้องมีศีล
    ก็ดี อะไรๆ ก็ดี ประคองภาวะไว้ตลอด ไม่เช่นนั้น
    เสื่อมอย่างแน่นอนครับ เพราะอนิจจังเป็นของแน่นอน
    ความเสื่อมเป็นของแน่นอน ความเที่ยงไม่มีจริงจน
    กว่าจะถึงวาระตายดับขันธปรินิพพานเท่านั้นครับ


    มาคุยกันว่า "เสื่อม" นี้ เป็นแบบไหนกันมั่งครับ
     
  2. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    อรหันต์แล้วไม่ได้นิพพาน เพราะไปสร้างศาลากลางน้ำ


    พระพุทธเจ้าเคยสั่งให้รื้อกุฎิสงฆ์รูปหนึ่งที่ปั้นอย่างดีด้วยดิน
    แท้แล้วการสร้างกุฎิเองท่านก็ห้ามไว้หลายลักษณะ เพราะ
    ทุกลักษณะก่อ "กรรม" ทั้งสิ้น แม้เป็นกรรมดี ก็ก่อชาติก่อภพ
    พระพุทธเจ้าสอนให้ดับชาติดับภพ ไม่ใช่สอนให้ก่อชาติก่อภพ
    การสอนเรื่องทาน คือ การฝึกการละ การสละ คลายการยึดมั่นถือมั่น
    แต่คนปัจจุบัน สร้างทำบุญเรพาะต้องการบุญ ต้องการค้าขายร่ำรวย
    ต้องการเสวยผลบุญบนสวรรค์อันเป็นทิพย์ ซึ่งก็มีจริง แต่ไร้สาระ


    เพราะเราเกิดเวียนตายมาหมดกันแล้ว ไม่ต้องไปหลงบุญอีก
    พระพุทธเจ้าเกิดแล้ว ตรัสรู้แล้ว สอนดับชาติ ดับภพ ลอยบุญ ลอยบาป
    ตัดกรรม ดับขันธ์ อย่างเดียว แม้สร้างกุฎิใหญ่ สร้างศาลาใหญ่กลางน้ำ
    ก็ส่งผลถึงชาติภพใหม่ สืบต่อไปอีกได้ เพราะเวรกรรมไม่หมด ไม่ว่า
    กรรมดีหรือเลวก็ช่าง ทำให้ไม่นิพพาน ทั้งๆ ที่บรรลุอรหันต์แล้วก็ตาม
     
  3. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    อภิญญาเสื่อมเพราะรดน้ำมนต์


    เมื่อฝึกจิตอย่างดีจนได้อิทธิฤทธิ์ อภิญญา แต่ว่า "เหนือฟ้ายังมีฟ้า"
    เวลาฝึกจนได้ดี จะมีของทิพย์ปรากฏในกายทิพย์สะสมไว้ในแบบต่างๆ
    เมื่อรดน้ำมนต์คนที่มีบุญบารมีน้อยกว่าก็สามารถช่วยเขาได้ แต่หาก
    ไปรดน้ำมนต์ให้คนที่มีบุญบารมีมากกว่า ของทิพย์ในกายทิพย์สามารถ
    ไหลเข้าไปในกายทิพย์ของคนที่มีบุญบารมีมากกว่าได้ เช่น เหล็กไหล
    มันจะเลือกนายได้ และมันจะเลือกแต่นายที่มีบุญบารมีมากกว่า ถ้าเจอคน
    ที่มีบุญบารมีมากกว่า มาไหว้ มารดน้ำมนต์ มันจะไหลเข้าไปเลย ไม่กลับมา
    เรียกว่า "เสียของ" และ "เสื่อมฤทธิ์เสื่อมอภิญญา" ในที่สุด


    ดังนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงสั่งห้ามอย่างยิ่งเรื่องการไปทำของขลังการรดน้ำมนต์
    หากเราไม่มีความรู้จริง ไม่รู้ว่าคนมาให้รดเป็นแบบไหน เราก็เสื่อมได้เหมือนกัน
     
  4. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    ถูกลากลงต่ำเพราะบริวารมาทางต่ำ


    คนที่ดังเด่น และมีบริวารไปห้อมล้อมมากๆ ขอนั่นนี่ๆ ชมหลวงพ่ออย่างนั้น
    หลวงปู่อย่างนี้ บางพวกมีความตระหนี่ บางพวกมีกายในเป็นมารบ้าง เปรตบ้าง
    พอพวกเขาก่อกรรมดีก็ช่าง ร้ายก็ช่าง กับพระรูปนั้นๆ แล้ว บุญกรรมจะผูกมัดกัน
    เป็นบริวารกัน ต่อชาติ สืบภพกัน แทนที่จะตัดชาติตัดภพ หมดสิ้นเจ้าดรรมนายเวรไป
    กลับได้เจ้าหนี้กรรมเพิ่มทวีขึ้น


    จากเดิมธุดงส์อย่างหนักแลกด้วยชีวิตได้ธรรมระดัยหนึ่งแล้ว จะถูกบริวารชั้นต่ำนี้
    ลากลงต่ำ และต้องไปเกิดในชาติภพที่บริวารเหล่านี้ก่อกรรมร่วมกันด้วย เรียกว่า
    ถ้าเขาเลว ยุคสมัยแย่ๆ เช่น กลียุคเกิด เราก็ต้องไปเกิดช่วยเขาในยุคนั้นด้วย
    ซึ่ง "ง่าวขนาด" ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เขาให้เรามาเลย เงินเป็นหมื่นๆ ล้านก็ไม่คุ้ม


    ดังนี้ พระพุทธเจ้ากำชับเสมอว่า "ให้ไปรูปเดียว" ให้ "สันโดษ" ให้ "ถือวิเวก"
    อย่าไปคลุกคลีตีโมงกับพรรคพวก หมู่คณะ ซึ่งเขาทำกรรมอะไรมาบ้างก็ไม่รู้
    จะลากเราซึ่งปฏิบัติดีแล้ว ลงต่ำไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นความ "ง่าว" ของสงฆ์รูปนั้นๆ ไป
     
  5. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    ปัญญาของอรหันตสาวก ไม่อาจล่วงถึงกรรม ด้วยกรรมนั้นเป็นอจิณไตย


    ทุกคำพูดที่พระพุทธเจ้าห้าม เต็มด้วยความเมตตา เราไม่เห็นค่าความห่วงไยนั้น
    สายตาเรายาวไม่เท่าพุทธจักษุ ท่านเลยตรัสแต่สั้นๆ แล้วแต่ใครจะศรัทธา


    ทว่า เราต่างหลงตัวเองว่ามีธรรมมาก รู้เยอะ แค่ใบไม้ในกำมือ คือ ทำให้จิตสงบสุข
    เรารู้ เราทำกันพอได้ แต่เรื่อง "กรรม" นั้น ปัญญาอย่างสาวกไม่อาจรู้ได้ เป็นอจิณไตย
    แค่ไปนั่งสวดมนต์ด้วยกันก็ก่อชาติภพได้ 1 ชาติแล้ว นี่ท่านถึงสั่งห้ามไปสวดกับสงฆ์
    ที่ผิดธรรมวินัย ท่านละเอียดมากขนาดนั้น แต่ใครหนอ จะคิดได้เท่าทัน ใครหนอจะเชื่อ?
     
  6. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    ไปนั่งปลดกรรมให้คนอื่น ตนเองต้องรับกรรมนั้นเอง


    บางคนเก่งมาก นั่งดูกรรมของคนอื่น ทักอย่างนั้น ทำอย่างนี้ แก้อย่างโน้น
    หารู้ไม่ว่า เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เขาโกรธแค้นคนที่มาขอให้แก้กรรมนั้น
    เขาจ้องอยู่ พอเห็นเราดวงตก (พูดภาษาชาวบ้าน) หรือบุญหมด กรรมมา
    เจ้ากรรมนายเวรของคนที่มาขอให้เราปลดกรรมเหล่านั้นแหละ มารุมทำร้ายเราเอง


    เพราะเราไม่มีอาญาสวรรค์ที่จะมาทำเรื่องปลดกรรมให้ใครได้ เราไม่มีบารมีพอ
    คนที่มีบารมีพอต้องระดับนิตยโพธิสัตว์กษิติครรภ์อย่างนั้น เราแค่รู้ก็เฉยไว้เสีย
    แต่เพราะเราคิดว่าเราอรหันต์แล้ว ทั้งๆ ที่ยังหลงคนที่มากราบไหว้เราอยู่ นั่นแหละ
    ทุกวันนี้ เราไปนั่งปลดกรรมเขา เราถึงต้องมานอนป่วยซมทั้งๆ ที่ไม่ควรเลย...


    พระพุทธเจ้ากล่าว่า "สัตว์โลกมีกรรมของตน" เราพึงรู้แล้ว "อุเบกขา" จากนั้น
    ก็ "ตถาคตเป็นเพียงผู้บอก" ไม่ใช่ผู้แก้ ใครเรียนผูกเขาต้องแก้เองเท่านั้น ทำเกินนั้น
    กรรมเข้าตัวเอง
     
  7. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    คนที่มีบุญได้ถึงผ้าเหลืองแล้ว ปฏิบัติถึงมรรคถึงผลแล้ว


    *****ง่ายๆ เลยจำไว้ "อยู่เฉยๆ ดีที่สุด"*****
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    พระอริยะเจ้า ท่านอยู่เป็นเนื้อนาบุญ เป็นบุญของสัตว์โลก แล้ว
    ถึงแม้ท่านจะอยู่เฉยๆ ท่านก็โปรดสัตว์ได้
    เพียงท่านผ่านมา เราได้มีโอกาสทำบุญก็นับเป็นวาสนายิ่งของเราแล้ว
    เพราะบุญที่ทำกับพระอริยเจ้านั้นมีคุณมาก

    ปล.จะมีสักกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ในวัฏสงสาร ที่จะเกิดมีพระอริยเจ้าสักองค์ เป็นเนื้อนาบุญของโลก
    พวกเรานับว่าโชคดียิ่งแล้ว ที่ได้มีโอกาสอันหาได้ยาก นะ รีบไปฟังธรรม ทำบุญ เพื่อตัวท่านเองเถิด
     
  9. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    คุณธรรมของพระอริยะสงฆ์ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจะไม่ถอยกลับมาเป็นแบบปุถุชนอีกแล้วครับ มีแต่จะยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยความเพียรในการปฏิบัติ

    ดั้งนั้น พระโสดาบันก็ดี พระสกิทาคามีก็ดี พระอนาคามีก็ดี พระอรหันต์ก็ดี จะไม่กลับมาเป็นปุถุชนอีกอย่างแน่นอน

    ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยะ คุณธรรมย่อมมีความเสื่อมถอยขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ
     
  10. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739

    พระอรหันต์จักไม่เสื่อมถอยแล้วครับ
     
  11. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538

    เป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่เสื่อมถอยกลับมาเป็นปุถุชนหลอกครับ
     
  12. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    พระอรหันต์ชินปัญจระ อรหันต์ตอนเจ็ดขวบ
    ปัจจุบันคือ "ท้าวมหาพรหมชินปัญจระ"
    อรหันต์แล้วแต่ยังไม่นิพพาน


    ภาวะเสื่อมถอยจากกรรมเมื่อถูกหญิงสาวกอด
    กรรมต่อหญิงนั้นยังชดใช้ไม่หมด ยังต้องมาเกิดอีก
    เรื่องนี้หลวงพ่อโต บันทึกไว้เพราะท่านสื่อกับท่านท้าวฯ
     
  13. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    อรหันต์แล้วยังไม่นิพพาน เพราะใช้กรรมยังไม่หมด


    หลวงพ่อโต ยังไม่นิพพาน แบ่งภาคมาเกิดแล้ว
    หลวงปู่แหวน, หลวงพ่อสด, หลวงปู่ทวด
    หลวงพ่อสดนี่ ลูกศิษย์ธรรมกายยังบอกว่าท่านอยู่ดุสิต
    หลวงพ่อฤาษีท่านว่าจะนิพพาน แต่ยังเห็นท่านบอกว่าท่านยังไม่
    นิพพาน เดินจงกรมอยู่บนสวรรค์ช้าๆๆ


    ก็ท่านเหล่านี้ยังชำระกรรมไม่หมด เคยปรารถนาพุทธภูมิ
    มีกรรมกับบริวารมาก บริวารยังไม่ได้นิพพาน ตนเอง
    บรรลุอรหันต์แล้วจริง แต่ยังเข้านิพพานไม่ได้ เพราะ
    ยังชดใช้กรรมที่มีต่อบริวารไม่หมด


    ท่านก็ได้แบ่งภาคมาเกิดแล้วทั้งนั้น...
    (ไม่จำเป็นต้องเชื่อจ้ะ ไปคุยกะท่านเอาเองเด้อ)
     
  14. สามเณรกิมเหลียง

    สามเณรกิมเหลียง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +9
    อรหันต์แล้วไม่เสื่อมในไตรปิฎกหมายถึงใคร .. อะไร?


    หมายถึงท่านที่บำเพ็ญบุญบารมีมา และได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า
    "ขอนิพพานในศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดม" แตสำหรับ
    พระโพธิสัตว์, และท่านที่ปรารถนานิพพานในพุทธกาลอื่นๆ เมื่อ
    ลงมาทำกิจโปรดสัตว์จะถึง "อรหันต์" ได้แบบ "อรหันตโพธิสัตว์
    มีภาวะเสื่อมถอยจากเดิมได้ด้วย "กรรมตัดรอน" ซึ่งยังชดใช้ไม่หมด


    ท่านที่อรหันต์และไม่เสื่อมกับท่านที่ยังเสื่อมได้นั้นต่างกัน ท่านที่เสื่อมได้
    นั้นเพราะกรรมเก่าตัดรอนยังมีอยู่ และต้องไปนิพพานเอาชาติที่ตั้งความปรารถนาไว้
    เพราะไม่มีบุญบารมีสัมพันธ์พอที่จะเป็นอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้าสมณโคดม


    อนึ่ง พุทธบริษัทสี่ ที่จะได้นิพพานในศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดมหมดแล้วเมื่อ
    ถึงกึ่งพุทธกาล (ปี 2,500) หลังจากนั้นแล้วจะไม่ได้นิพพานกันจริงๆ จะเข้ายุคโพธิญาณ
    ไม่นิพพาน แต่ได้อรหันต์ได้ เพื่อมาโปรดสรรพสัตว์ที่ตกค้างอยู่ตั้งแต่ต้นภัทรกัป (ย้อนไป 4 องค์)
     
  15. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    สุดยอดครับ ขอบคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...