"เมื่อแต๋ว..ตุ๊ด..กระเทย ห่มผ้าเหลือง"

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>"เมื่อแต๋ว ตุ๊ด กระเทย ห่มผ้าเหลือง"
</TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER></CENTER>

จากการเปิดประเด็นข่าว "พระตุ๊ด-เณรแต๋ว" ใน จ.เชียงใหม่ เรื่อยมาจนถึงข่าว "เจ้าอาวาสแปลงเพศ" ที่ จ.ลำพูน ก่อให้เกิดความสลดสังเวชในหมู่พุทธศาสนิกชนเป็นวงกว้าง


ท่ามกลางคำถามที่ยากจะชี้ชัดหาคำตอบว่า เราจะแก้ปัญหาอันละเอียดอ่อนนี้อย่างไร
รายการ คม-ชัด-ลึก วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 ตอน : "เมื่อแต๋ว ตุ๊ด กะเทย ห่มผ้าเหลือง" ระดมความเห็นของฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องนี้ เพื่อฝ่าวิกฤติศรัทธาที่กำลังบั่นทอนพุทธศาสนามากขึ้นทุกขณะ
<CENTER></CENTER>



พระผิดเพศต้อง "สึก" ตามพระวินัย

พระรัตนเมธี หัวหน้าพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) กทม. และเจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เขตดุสิต กล่าวว่า เท่าที่ได้ฟังจากข่าว ถ้าเหตุการณ์พระแปลงเพศเป็นจริงตามข่าว ก็ต้องมีการตรวจสอบพระอุปัชฌาย์ตามลำดับ
ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบก่อนว่า พระอุปัชฌาย์รับทราบพฤติกรรมมาตั้งแต่ก่อนบวชตั้งแต่ต้นหรือไม่ ซึ่งก่อนบวชพระอุปัชฌาย์มีหน้าที่ตรวจสอบก็จริง แต่การพบเจอกันแค่ 1-2 ครั้ง ก็อาจจะปิดบังได้ <CENTER></CENTER>



อย่างไรก็ตาม เมื่อบวชแล้วปรากฏอาการภายหลัง ภาษาทางศาสนาแปลว่า "นาสนะ" แปลว่าให้ฉิบหายจากเพศ ตามพระวินัยก็จะให้สึกอย่างเดียว และจะเอาโทษพระอุปัชฌาย์ไม่ได้ เพราะพระอุปัชฌาย์ไม่ได้รู้แต่ต้น
ส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบวชได้ตามพระวินัย คือ บัณเฑาะก์ ซึ่งหมายถึงคนที่วิปริตผิดเพศ ผู้ที่ถูกตอน และผู้ที่เป็นกะเทยโดยกำเนิด
กรณีที่มีข้อถกเถียงว่า เพศที่สามสามารถบวชได้หรือไม่ เพราะมีการตีความขอบเขตคำว่า "บัณเฑาะก์" แตกต่างกันมากมาย พระรัตนเมธีระบุว่า ในพระวินัย ถ้าพระอุปัชฌาย์รู้จะไม่สามารถบวชให้ได้

<CENTER></CENTER>



แต่ก็ยอมรับว่า มีบุคคลเพศที่สามหลุดเข้ามาอยู่ไม่น้อย และการป้องกันก็ทำได้ยาก แต่ในการควบคุมพฤติกรรมก็มีคณะสงฆ์ดูแลกันตามลำดับชั้นอยู่แล้ว อีกทั้งพระสงฆ์ก็ต้องอยู่ในกฎ 3 ประการ คือ พระวินัย พ.ร.บ.สงฆ์ และกฎหมายบ้านเมือง
กรณีที่มีการพบพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศในวัด เจ้าอาวาสก็สามารถดำเนินการได้ 3 ขั้นตอนตามพระวินัย คือ ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ แต่ถ้ากระทำผิดซ้ำซากเป็นอาจิณ แม้จะเป็นเพียงความผิดเล็กๆ น้อยๆ เจ้าอาวาสก็สามารถให้สึกได้เหมือนกัน


พระตุ๊ดอยู่ได้ ถ้าไม่แปลงเพศ-ไม่แต๋วแตก

<CENTER></CENTER>



วิชัย ธรรมเจริญ ผอ.ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) ชี้ว่า ในพระวินัยระบุชัดเจนว่า คนที่ตัดอวัยวะเพศไม่สามารถบวชได้ ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น สำนักพุทธฯ ก็โทรไปประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดให้ประสานพระผู้ใหญ่ในจังหวัดให้ตรวจสอบข้อมูลพฤติกรรมพระทั้งหมดแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นพระหรือไม่ หรือเป็นพระผู้ใหญ่ระดับไหน

ทั้งนี้ มองว่า คนเพศที่สาม ถ้าไม่แปลงเพศ และสามารถหลุดเข้าไปในกระบวนการตรวจสอบได้ แต่ไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็สามารถอยู่ได้ ถ้าควบคุมตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่สามารถอนุญาตให้คนเพศที่สามบวชได้ ถ้าพระอุปัชฌาย์รู้มาก่อน เพราะพระพุทธศาสนานิกายหินยานในประเทศไทยที่ดำรงอยู่ได้อย่างทุกวันนี้ เพราะเรายึดถือตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะมาอ้างสิทธิมาเปลี่ยนแปลงมิได้
ส่วนการอ้างว่า เป็นการปิดกั้นสิทธิ ทั้งที่คนเพศที่สามก็อยากบรรลุธรรมนั้น มองว่า ความบรรลุธรรมไม่เกี่ยวว่าจะอยู่ในเพศใด เพราะในสมัยพุทธกาลก็มีอุบาสกอุบาสิกาบรรลุธรรมเยอะแยะ แต่การบวชก็เพื่อคงเพศสภาพ มีพระวินัยเป็นเกราะ ทำให้บรรลุธรรมง่ายขึ้น

ห้ามเกย์บวช เท่ากับปิดกั้นทางธรรม

กิตตินันท์ ธรมธัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย มองว่า การเป็นบุคคลเพศที่สาม เช่น เป็นเกย์เหมือนตน ถ้าบวชแล้วไม่ทำผิดวินัยสงฆ์ คงไม่ผิดอะไร แต่ถ้าบวชแล้วไปเที่ยว ไม่ต้องแต่งหน้า หรือใส่วิกผม ก็ถือว่าผิดวินัยสงฆ์ และสมควรให้สึกได้
นอกจากนี้ ยังแสดงจุดยืนว่า อยากให้การบวชเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งเพศไหนก็สามารถบวชได้ ถ้าไม่กระทำผิดวินัยสงฆ์ และมีจิตใจที่ต้องการบรรลุธรรมจริงๆ ก็ไม่สมควรที่จะมีการกำจัดสิทธิเพื่อปิดกั้นทางธรรม
ด้วยเหตุนี้ จึงอยากให้มีการแก้ไขกฎระเบียบ หรือพระวินัยในส่วนนี้ เพราะพระธรรมวินัยมีมากว่า 2,500 กว่าปีแล้ว บางอย่างก็สมควรแก้ไข อย่างกฎหมายถ้าใช้มาแค่ 40-50 ปี ก็ต้องปรับปรุงแล้ว
ส่วนการแก้ปัญหาพระประพฤติตนไม่เหมาะสม ก็อยากให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าพบพระไม่ว่าเพศใดมีการทำผิดวินัย หรือไม่สำรวมเกิดขึ้น ก็ควรร้องเรียนฝ่ายที่เกี่ยวข้องตามลำดับชั้น ไม่ควรให้เป็นข่าวใหญ่โตแบบนี้

ผู้หญิงข้ามเพศเป็น "ภิกษุณี" ได้หรือไม่

ยลลดา เกริกก้อง สวนยศ ประธานกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศแห่งประเทศไทย ยกประเด็นเรื่องเพศที่สามสามารถบวชได้หรือไม่ โดยเฉพาะผู้หญิงข้ามเพศ หากอยากจะบวชเป็น "ภิกษุณี" สามารถบวชได้หรือไม่
ยลลดามองว่า การตีความเรื่องพระวินัยในทุกวันนี้ล้วนเป็นเรื่องของการตีความเจตนาของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น โดยพระพุทธศาสนามีอายุถึงวันนี้กว่า 2552 ปีแล้ว จึงอาจมีการตีความคลาดเคลื่อนจากเจตนาของพระพุทธเจ้าก็ได้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องภิกษุณี ซึ่งมีเพียงประเทศไทยที่ไม่มีภิกษุณี แต่ในพม่า หรือศรีลังกา สามารถบวชเป็นภิกษุณีได้ จึงอยากถามว่า เหตุใดจึงมีการจำกัดสิทธิไม่ให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณี และถ้าผู้หญิงข้ามเพศอยากบวชเป็นภิกษุณีจะทำได้หรือไม่ นอกจากนี้ ก็ไม่อยากให้เจ้าอาวาสใช้ดุลพินิจในการอนุญาตให้ใครสึกหรือไม่ แต่ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกวัด เพราะหากมีการใช้ดุลพินิจที่ไม่เหมือนกัน ในอนาคตเพศที่สามก็จะไปบวชวัดที่ใช้ดุลพินิจแบบเดียวกัน และตามไปบวชรวมกันจนกลายเป็นวัดเกย์

--------------
ที่มา:คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/2009/02/06/x_scoo_p001_335782.php?news_id=335782
</TD></TR></TBODY></TABLE>