วิธีสวดมนต์ที่ถูกต้อง

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย อโณทัย, 29 พฤศจิกายน 2004.

  1. อโณทัย

    อโณทัย บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    บทสวดมนต์หลายบทนั้นมีอานุภาพในตัวเองมากมายมหาศาล แต่ต้องขึ้นอยู่กับ "ผู้สวด" ด้วย
    มีหลายท่านได้ยินได้ฟังมาว่า คนนั้นคนนี้สวดมนต์บทนั้นบทนี้แล้วจะได้รับสิ่งที่ดีๆ อย่างนั้น
    อย่างนี้ จึงมีผู้เลือกเอาบทสวดมนต์ต่างๆ มาบอกเล่ากันว่าควรสวดบทไหน
    ขอเรียนให้ท่านทราบด้วยความจริง....ว่า...
    การที่สวดมนต์ตามบทสวดมนต์ต่างๆ แล้วได้สมหวังตามความปรารถนา หรือสวดแล้วได้โชค
    ลาภต่างๆ นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "บทสวดมนต์" แต่เพียงอย่างเดียว มีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย

    องค์ประกอบของการได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนานั้น มีส่วนสำคั_อยู่ 3 ส่วน

    1. กรรม
    2.ตัวเราเอง
    3.ผู้ช่วยหรือสิ่งต่างๆ ช่วย
     
  2. อโณทัย

    อโณทัย บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    1.กรรม มีอัตราส่วน 50 %
    ถ้าคนเราไม่มีส่วนของการกระทำที่ได้เคยทำไว้ในอดีตมาเป็นพื้นฐานแล้ว ไม่มีทางที่จะดีขึ้นมาได้
    เปรียบเทียบว่า กรรม ดีที่เราทำนั้น เป็นกำลังพื้นฐานที่รองรับเรื่องราวต่างๆ


    2.ตัวเราเอง มีอัตราส่วน 25 %
    ถ้าเราเองไม่ทำตัวให้ดี เพื่อรองรับ หรือรอรับสิ่งที่ดีๆ แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะได้ดีขึ้นมาได้


    3.ผู้ช่วยหรือสิ่งที่มาช่วย มีอัตราส่วน 25 %
    ผู้ช่วยในที่นี้ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นครูบา อาจารย์ ผู้ที่มีจิตดี จิตบริสุทธิ์ พรหม
    เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บทสวดมนต์ พระคาถา เครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล ฯลฯ
    สิ่งเหล่านี้ เป็น "อุปกรณ์" เสริมที่มีความจำเป็น เพื่อให้สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราปรารถนา สม
    ตามความต้องการ
    นี่เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นชัดๆ
    สมมติว่า ถ้าเป็นการสอบ ต้องการคะแนน 50 เพื่อ "ผ่าน"
    ลองคิดดูง่ายๆ ว่า ถ้าเราจัดอัตราส่วนแล้วเราต้องใช้ส่วนไหนมากที่สุด
    ถ้าใช้ส่วนที่มากที่สุด ก็คือ ส่วนที่เป็น "กรรม" เรามีอัตราส่วนถึง 50 %
    ถ้าเราเคยทำกรรมดีไว้พอสมควร คือทำกรรมดีไว้เต็มเปี่ยมได้ครบ 50 % เราก็ไม่จำเป็นต้องไป
    หาคะแนนมาจากไหนมาเพิ่ม เพราะได้ครบ 50 % แล้ว
    เคยสังเกตหรือไม่ว่า คนบางคนแค่เพียง "นึก" ก็ได้สมตามความปรารถนาแล้ว
    ไม่จำเป็นต้อง "ร้องขอ" จากสิ่งใดๆ อีก ก็ได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา
    นั่นก็แสดงว่า บุคคลนั้นได้กระทำ "กรรม" ที่ดีๆ มาอย่างเต็มเปี่ยมแล้วในอดีต

    แต่ถ้าท่านยังทำความดีไม่เพียงพอ กระพร่องกระแพร่ง หรือขาดตกไปบ้าง สมมติว่ามี "กรรมดี"
    ได้คะแนนเพียง 30 % จำเป็นที่จะต้องหาคะแนนจากที่อื่นมาเพิ่มให้ครบ 50 คะแนน
    จะไปเอาจากไหน ก็จากที่เหลือ 2 ส่วนที่เหลือ คือ จากตัวเราเองและผู้ช่วยเหลือหรือสิ่งช่วยเหลือ
    การที่จะไปหาให้ครบ 50 คะแนนนั้น ถ้าเอามาจากตัวเองน่าจะง่ายกว่าไปหาจากคนอื่น เพราะ
    การที่ทำเอง ก็จะได้เอง และได้มากกว่าคนอื่นมาทำให้
    แต่ถ้าถามว่า เราทำเองนั้น ทำดีได้แค่ไหน จริงใจกับการทำความดีได้แค่ไหน หรือทำไปแล้ว
    ผลที่ได้จะเพียงพอกับคะแนนที่ต้องการหรือไม่
    สมมติว่าทำได้อีก 10 คะแนน (จาก 25 คะแนน) เราก็ได้เพิ่มแล้วเป็น 40 คะแนน
    ยังขาดอยู่ 10 คะแนน เราก็ต้องอาศัยผู้ช่วยเหลือ หรือสิ่งช่วยเหลือ เช่น ครูบา อาจารย์ ผู้ที่มี
    "จิต" ดี "จิต" บริสุทธิ์ เทพ เทวดา พรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บทสวดมนต์ พระคาถา เครื่องราง ของขลัง
    วัตถุมงคล ฯลฯ
    เหล่านี้ก็สามารถช่วยท่านได้อีก 10 คะแนน รวมแล้วครบ 50 คะแนน ถือว่า "ผ่าน"
    นี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบ และแสดงให้เห็นว่า ทุกส่วนต้องมีการเกื้อหนุนและประกอบกัน
    ถ้าแค่ผ่าน ก็ใช้เพียง 50 % หรือ 50 คะแนน
    แต่ถ้าจะให้ "เยี่ยม" ต้องใช้คะแนนมากๆ
    บางคนทำคะแนนได้มากถึง 90 หรือเกือบร้อย
    เช่น ทำแต่กรรมดี มาตั้งแต่อดีต เป็นคนที่ทำตัวเองดี และได้ผู้ช่วยเหลือดี
    เลยทำให้ได้ดี มากยิ่งขึ้น
    จำเอาไว้ว่า กรรม 50 ตัวเอง 25 ผู้ช่วยเหลือ 25
    ไปจัดสัดส่วนเอาเอง
    ถ้าจะมานั่งรอแต่ให้คนอื่นช่วย (25 คะแนน ซึ่งความเป็นจริง ใครหรืออะไรจะมาช่วยได้ครบ
    25 คะแนน) แล้วไม่ทำตัวเองให้ดีๆ ไม่ทำกรรมดีมาแต่ก่อน
    จะไปได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือจะได้รับสิ่งที่ดีๆ ได้อย่างไร
    เพราะฉะนั้นความเป็นจริง ตัวเราเองเป็นส่วนสำคัญ
    มีคะแนนถึง 75 % หรือ 75 คะแนน
    จากการกระทำดีของเราที่ได้เคยทำไว้ ซึ่งก็คือ "กรรม" 50
    ตัวเราเองทำดีด้วย 25
    ถ้าทำได้แค่นี้ 75 คะแนนแล้ว ผ่านได้อย่างสบายๆ
    จะมานั่งรอผู้ช่วยเหลือ หรือสิ่งช่วยเหลือทำไม แค่เพียง 25 คะแนนเอง
    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ทำไมไม่ฝึกตัวเองก่อน
    ให้ตัวเองมี "ดี" พอก่อน ก่อนที่จะไปหา "ดี" จากที่อื่น

    บทสวดมนต์ก็เช่นกัน จัดอยู่ในข้อที่ 3 คือผู้ช่วยเหลือ หรือสิ่งช่วยเหลือ
    อย่าลืมว่าเป็นเพียง "ส่วนประกอบเท่านั้น"
    คนที่ไม่มี "กรรม" ดีมาก่อน ไม่ได้ทำตัวให้เป็นคนดีก่อน ไม่ทำบุญทำกุศลมาก่อน ให้สวด
    พระคาถาชินบัญชร 100 จบ 1000 จบก็ไม่ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ
    หรือเรียกง่ายๆ ว่า อาจจะไม่ได้ดีตามที่หวัง
    แต่การสวดมนต์ก็ได้ "กุศล" แล้ว แต่ได้อย่างมากที่สุดก็ไม่เกิน 25 คะแนน

    รู้อย่างนี้แล้วจะมามัวมานั่งทำอย่างใดอย่างหนึ่งทำไมกัน
    ทำทั้ง 3 ส่วนให้สมดุลย์กันไม่ดีกว่าหรือ ?
    ทั้งทำ "กรรม" ดี ทำตัวเองให้ดี (รวมถึงการทำบุญกุศล ปฏิบัติภาวนา ฯลฯ) และหาผู้ช่วยเหลือ
    สิ่งช่วยเหลือที่ดี
    แล้วสิ่งที่คุณต้องการ...ก็จะไม่ไกลเกินความจริง
     
  3. อโณทัย

    อโณทัย บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    การสวดมนต์เพื่อให้ได้อานิสงส์สูงสุด

    1.อย่าสักแต่ว่าสวดเป็นนกแก้วนกขุนทอง คือท่องๆ บ่ยๆ ไปตามอักขระที่อ่านหรือนึกได้
    ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องให้รู้ความหมายด้วย ไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะการรู้ความหมาย
    เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น (แต่ถ้ารู้ความหมายด้วย ก็เป็นเรื่องดี)
    จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ความหมายก็ไม่สำคั_เท่ากับการสวดมนต์อย่างมีสมาธิ
    2.ต้องสวดมนต์อย่างมีสมาธิ หมายความว่า เวลาที่จะสวดมนต์นั้น ต้องรู้ก่อนว่าสวดมนต์
    บทไหน (จะรู้ความหมายหรือไม่รู้ก็ได้) แต่เวลาที่สวดมนต์นั้น ให้รู้ว่าอักขระหรือตัวหนังสือที่เรากำลังจะ
    ท่องนั้น คือตัวอะไร
    ฟังดูอาจจะเข้าใจยาก เอาอย่างนี้ เวลาที่จะสวดมนต์ เช่น นะโม ตัสสะ ฯลฯ ก็ต้องรู้ว่าตอนนี้
    กำลังสวดคำว่า นะ คำว่า โม คำว่า ตัส คำว่า สะ
    คือให้รู้ตัวทุกตัวอักขระว่ากำลังสวดคำไหน
    ทำได้มั้ยครับ ถ้าทำได้..คือรู้ตัวว่าสวดอักขระตัวไหน เราก็จะมีสติใจจดจ่อกับคำสวดตามอักขระ
    เมื่อมีสติเราก็จะมีสมาธิ
    การมีสติ และมีสมาธิในเวลาสวดมนต์นั้น จะได้รับ "พลังงาน" ที่ดี
    ทำให้ได้ แล้วจะได้รู้ว่า สวดมนต์เวลาที่มีสติและสมาธิ จะ "ดีกว่า" สวดมนต์แบบนกแก้วนก
    ขุนทองอย่างมากมายมหาศาล
     
  4. มีน

    มีน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +72
    ชอบมากเลยค่ะ เพราะสวดมนต์บทนี้เป็นประจำค่ะเพราะได้เล่มเล็กๆของหลวงพ่อจรัล แต่ต้องการทราบความหมาย
     
  5. น้ำมันพราย

    น้ำมันพราย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +22
    ดีจังมีความรู้ด้านนี้ขึ้นอีกเยอะเลย ขอบคุณนะค่ะที่นำมา post ให้อ่านค่ะ
    ได้เวลาตั้งใจสวดมนต์ที่ต้องแล้ว.วว.ว!!! เย้!!!!
     
  6. น้องไข่แมงสาบ

    น้องไข่แมงสาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +501
    Thank you kha
     
  7. pizza

    pizza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    เป็นบทความที่ดีครับ น่าอ่าน
    ขอเสริมอีกนิดครับ

    คือคำว่าสวดนี่เขาไว้ใช้กับ สวดผี ครับ เวลาสวดมนต์แบบที่เราหมายถึงควรใช้คำว่า
    เจริญพระพุทธมนต์ คำว่าสวดเป็นคำที่ใช้ สวดงานศพ เป็นอัปมงคลครับ แต่เราติดปากกัน
    แล้วก็จะมีลักษณการเรียกต่างกันดังนี้นะ
    1. การเจริญพระพุทธมนต์ คือการท่องมนต์ ช้า และไพเราะ แบบพระ
    2. การร่ายพระเวท คือการ ท่องพระเวท ด้วยความเร็ว
    3 ท่องมนต์ คือการ ท่องมนต์ เป็นคำ ๆ ไม่มีเสียงสูงสียงต่ำ ความเร็วธรรมดา
    ส่วนแต่ละชนิดจะเอาไว้สำหรับใช้เพื่ออะไร เอาไว้ศึกษากันดูนะครับ รับรองว่า สนุก และได้ผล
     
  8. tha

    tha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +118
    อ่า แสดงว่าที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้เป็นการ ท่องมนต์
     
  9. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ข้อความดีจังครับ ขอcopy ไปแจกนะครับ จาได้เป็นธรรมทานนะครับ ขอบคุณครับ(kiss)
     
  10. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    ขอบคุณมากค่ะ
    ตัวแคทเอง อยู่ประเทศเยอรมัน ไกลวัด
    ทุกวันนี้ ติดตาม ข้อความธรรม จาก ทางเน็ต
    โชคดี ที่ได้ รับ อ่านข้อ ความนี้
    ขอบคุณค่ะ
     
  11. Vayokasinung

    Vayokasinung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอบคุณที่ทำให้ผม กระจ่างในเรื่องนี้...ขอบคุณมาก
    แต่ว่า การออกเสียงมีส่วนเกี่ยวข้องมั๊ยคับ ออกเสียงขนาดไหนคับ...
     
  12. จิตฺตคุโณ ภิกขุ

    จิตฺตคุโณ ภิกขุ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +37
    การออกเสียงสวดมนต์นั้นต้องออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักของอักขระในบาลีภาษา
    หากท่องหรือออกเสียงผิดเพี้ยนอาจกลายเป็นคนละคำไป ยิ่งถ้าเป็นการสวดให้คนอื่นฟัง
    แบบที่พระสวดด้วยหล่ะก็ต้องชัดทุกคำเลยแหละคับ เพราะไม่อย่างนั้นเขาเรียกว่าบาลีวิบัติ
    บางทีก็เป็นบาป คือแสดงธรรมผิดเพี้ยนไปจากเดิมให้ฝั้นเฝือ
    ส่วนเสียงจะเบาหรือค่อยอยู่ที่ตัวเรา
     
  13. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    อนุโมทนาค่ะ
    นับว่าเป็นแนวทางที่ดีมากที่จะนำไปปฏิบัติค่ะ
    ขอบคุณผู้รู้ทุกท่านที่ช่วยแนะนำแนวทางค่ะ
     
  14. บ.ใบไม้

    บ.ใบไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +325
    ขอบคุณครับ สำหรับกระทู้ดีๆๆแบบนี้ ผมก็เป้นคนหนึ่งที่สวดมนตร์ เป็นประจำ แต่ยังมีข้อสงสัยว่า เวลาที่จะใช้สวดมนตร์นั้น ควรจะสวดเวลาไหนครับ ก่อนเที่ยงวัน หรือเวลาไหนก้ได้ ในตอนกลางวัน และเวลากลางคืน จะต้องสวดก่อนเที่ยงคืนหรือไม่ หลังเที่ยงคืนจะทำได้ไหม....
     
  15. poprock

    poprock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +812
    เยี่ยม :cool:
     
  16. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,587
    วิธีการปฏิบัติเพื่อเพิ่มสมาธิจิตโดยการเปล่งเสียง

    1.โปรดทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดและสระผมเพื่อล้างสนามแม่เหล็กที่รบกวนตัวเรา(อกุศลจิต)
    2.สวมใส่เสื้อผ้าหรืออัญมณีตามเฉดสีดังนี้
    2.1 แดง เพื่อกระตุ้นพลังงานสร้างเซลล์ของเม็ดเลือดและเนื้อเยื่อในร่างกาย กระจายความร้อน
    2.2 เขียว เพื่อบำบัดรักษาปลุกปลอบให้กำลังใจสร้างสมดุลชีวิตพัฒนาความรัก คลายความรู้สึกเห็นแก่ตัว
    2.3 เหลือง เพื่อการรับและการให้เพื่อความฉลาดปราดเปรื่องที่เปี่ยมด้วยเหตุผล ให้ความมีชีวิตชีวา เป็นระเบียบ
    2.4 ส้ม สร้างสมดุลทางอารมณ์ช่วยระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น คลาย ความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ความรู้สึกผิดอยู่ตลอด
    2.5 สีน้ำเงินและสีฟ้า เพิ่มความเต็มใจที่จะทำกิจกรรมงานต่างๆ ช่วยควบคุมจิตใจได้ดีขึ้น เกิดความคิดสร้างสรรค์
    ยอมรับในตัวของบุคคลอื่น ป้องกันเชื้อโรคจากการถูกสัตว์กัด หรือโรคติดต่อ ยกตนอยู่เหนือเหตุการณ์
    2.6 สีคราม กระตุ้นการรับรู้โดยประสาทสัมผัสและการสร้างจินตนาการต่างๆ ช่วยการไหลเวียนของโลหิตใน
    สมองให้ดีขึ้น เพิ่ม การเรียนรู้ศาสตร์ลี้ลับ
    2.7 สีม่วง เพิ่มการยกระดับภาวะทางจิตใจให้สูงขึ้นอีกระดับ พัฒนาแรงบรรดาลใจ
    2.8 สีขาว เพิ่มความหลุดพ้น ละ เลิก ซึ่ง กิเลส เพิ่มความสงบ
    3. สูดลมหายใจเข้าช้าๆแต่ยาวๆ แล้วเปล่งเสียงออกมาตามบทสวดทางศาสนาของตนเองโดยไม่ต้องหายใจออก
    เพราะเสียงที่เปล่งออกมาก็คือลมหายใจออกนั่นเอง หากรู้สึกว่าไม่ราบรื่น ให้หายใจเข้า-ออก หลายๆครั้งก่อน
    แล้วเริ่มต้นใหม่ จนรู้สึกได้ว่าอยู่ในความควบคุมของจิต (ศีล สมาธิ)แล้วจะเกิดปัญญา

    จากใจผู้เรียบเรียง
    ข้าพเจ้าได้ศึกษาด้วยตนเองรู้สึกว่า เหมือนเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเข้าถึงสมาธิจิตได้ จึงอยากจะให้ท่านที่ได้อ่านบทความนี้ได้ทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง หากมีข้อผิดพลาดบกพร่องประการใดๆ ข้าพเจ้าขอน้อมรับไว้
    หากบทความนี้เกิดประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติอยู่บ้าง ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่ มารดา บิดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่าน และจิตทุกดวง ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้มีความสุข สงบ ถ้วนทั่วกันเทอญ
     
  17. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ตอนไปอยู่ชายแดน ผมสวดคาถาของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค คาถาป้องกันศาสตราวุธ ผมสวดตลอดเวลาที่ไปออกลาดตระเวน ปรากฏว่ามีครั้งหนึ่งเดินข้ามกับระเบิดที่ผู้ก่อการร้าย ที่ จ.นราธิวาส วางดักไว้ปรากฏว่า พอเดินข้ามกับระเบิดที่ฝังดิน สายไฟที่ต่อชนวนระเบิดโผล่ขึ้นจากดินให้คนที่เดินตามหลังเห็น แล้วยังรอดจากการดักซุ่มโจมตี เพราะพาลูกน้องย้ายที่พักแรม
     
  18. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    แต่มีข้อสงสัยที่บอก การสวดคาถาจะให้บังเกิดผลทันที่ทันใด ต้องสวดแบบ "อัสปัสสะ"(ไม่แน่ใจจะเขียนถูก) คือวิธีการทำอย่างไร ตอนแรกเข้าใจว่าคือ การกลั้นใจว่าคาถาให้จบ ใช่ไหม?
     
  19. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดี ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...