จิตให้มองดูภาพหมุนวน ในขณะหลับตา แล้วเปลี่อกตาจะกระพริบแล้ว หายใจเต้นเร็ว มากๆๆๆๆๆๆๆๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย naykantana, 23 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. naykantana

    naykantana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +76
    มีปัญหาจะถามผู้รู้หน่อยครับ ว่า เวลาเรากำหนดจิตแล้ว และบังคับ

    จิตให้มองดูภาพหมุนวน ในขณะหลับตา แล้วเปลี่อกตาจะกระพริบแล้วอีกไม่

    นานก็รู้สึกตัวสั่น หายใจเต้นเร็ว มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งตัวสั่น แล้วบางครั้งเหมือน

    จะหมดสติ ลองทำเองนะครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ใครพอรู้ หรือว่าเป็นแค่การ

    สะกดจิตตัวเองเท่านั้น ถึงขั้นการถอดจิตไหม อยากทราบ กรุณาตอบทีนะคับ

    จากคนไม่ค่อยรู้นะ หรือว่าใครรู้อยากแนะนำ เล่น msn ผมเล่นทุกวัน

    naykantana@hotmail.com
     
  2. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646
    เป็นคล้ายๆกันเลย ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ ว่าทำไม อาจเป็นปิติมั้ง
    อันนี้ข้าพเจ้าไม่แน่ใจนะ แต่ว่าเคยลองทำในกริยาอื่นด้วย ได้ผลคล้ายๆกันแต่ความรุนแรงน้อยกว่า
     
  3. พระป่าสุพรรณ

    พระป่าสุพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +13,134
    เหรอครับ แปลกจัง รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อยครับ
     
  4. จอกแหน

    จอกแหน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +873
    ไม่ต้องไปเพ่งจับภาพหรอกครับให้จับอารมณ์ดูอาการหายใจเข้าออกภาวนาไปด้วยแล้วจิตจะเบาสบายปัญญาก็จะเริ่มเกิดเองแหละครับไม่ต้องรีบช้าๆ ได้พร้าเล่มงามครับ
     
  5. noom_Playmaker

    noom_Playmaker Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +26
    เวลาผมนั่งสมาธิ สักพักผมจะรู้สึกว่าตัวเอนไปมาทั้งๆที่ความจริงตัวผมยังอยู่นิ่งเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรเหมือนกัน
     
  6. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    เป็นอาการของปิติอย่างหนึ่งค่ะ
     
  7. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ๑. ถ้าฝึกมโนมยิทธิอยู่แล้วเกิดอาการดังกล่าว
    นั่นหมายถึงสั่นเพราะยังไม่ถึงฌานสี่ละเอียดในขั้นใช้งานถอดจิตของมโนมยิทธิเต็มกำลังค่ะ
    ฝึกบ่อยขึ้น จะชำนาญขึ้นเอง
    โดยขอแนะว่า อย่าสนใจอาการทางกายนะคะ
    ให้สนใจจิตค่ะ โดยพุ่งจิตไปกลางวงกลมของแสง

    ๒.แต่ถ้าขณะนั้นเป็นการตั้งใจฝึกกรรมฐานกองอื่นอยู่ที่ไม่ใช่มโนมยิทธิ
    นักปฏิบัติก็ไม่ควรใช้จิตเพ่งจับภาพหมุนวน เพราะนั่นเป็นการเข้าไปจับนิมิตร
    (หรือเป็นการสนใจโอภาสที่ลอยมาเอง)
    ซึ่งจะการจับภาพนิมิตรดังกล่าวนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อฌานที่สูงกว่านั้นค่ะ
    (อาการที่คุณเล่ามาขณะนั้นคงเป็นอุปจารฌานค่ะ)

    ป.ล.ดิฉันแวะมาตอบเฉพาะคืนนี้เท่านั้นค่ะ เพราะยังไม่ได้สายโทรศัพท์พื้นฐานสำหรับต่อเน็ต
    ครั้งนี้ขอยืมเขาต่อผ่านเทคโนโลยีอื่นค่ะ
     
  8. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    สู้ๆคับ

    อย่าสนกายครับ... เพราะเท่าที่ฟังๆ ติดกายไปเยอะทีเดียว แต่ว่าผลจากสมาธิก็แสดงออกให้เห็นบ้างคับ
     
  9. พุทธธรรมจักร

    พุทธธรรมจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +159
    “ จิตให้มองภาพหมุนวน ในขณะหลับตา............................ฯ.”
    ถามผู้รู้.....เออ...อึม.....เอาเป็นว่าขอแสดงความคิดเห็นก็แล้วกันเนื่องจาก...ผู้รู้มีหลายอย่าง....รู้เรื่องทำกับข้าว..ก็เป็นผู้รู้..รู้เรื่องงานช่างก็เป็นผู้รู้..คือเกริ่นไว้ก่อนเพราะผู้เขียนอาจจั่วต่อหัวเรื่องผิดประเด็นไป...ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย...เพราะไม่ใช่ผู้รู้....อะไรมาก..(แต่ก็กำลัง..พยายาม...ฝึกตัวรู้..กับตัวผู้รู้อยู่..มหาสติปัฏฐาน..) เอาเป็นว่าอ่านเล่น...สบายๆ...เพลินๆ ดีกว่า....ก่อนอื่นผู้ตั้งกระทู้ถาม...ฝึกในแนวสมาธิหมุนหรือเปล่า(เพราะไม่ได้เกริ่นพ่วงมาด้วย)คาดเอาเองว่า...เป็นแนวสมาธิหมุน....เนื่องจากแนวนี้มีวิธีการมากมาย...และหลายสำนัก..และบางครั้งก็ฝึกเอาเองไม่อยู่ในสำนักไหน....เริ่มเลย..การฝึกไม่ว่าแนวไหนอย่าพยายามส่งจิตออกนอก...ให้เอาไว้ในตัวของเราเอง..(ให้มีฐานเป็นที่อยู่ของจิต....เช่นไว้ตรงกลางหน้าผาก.......อก.....ศรีษะ...หรือ ศูนย์กลางกาย.....หรือ...แนวการหมุนต่างๆตามแนวการเดินพลัง...จักระ.....เป็นต้น)ไม่ว่านิมิต..สติ...ตัวรู้...อย่าส่งออกนอก...ไม่รู้ว่าผู้ตั้งกระทู้ถามฝึกเป็นพวกนิมิตด้วยหรือเปล่า...เช่น..จักร..(เป็นหนึ่งในรัตนะทั้งเจ็ด)หรือเฉพาะกระแสลม/ปราณ (ไม่ใช่หนังนิยายกำลังภายใน)ซึ่งคอยหมุน(โดยใช้สติ...สัมปชัญญะ)...ให้เป็นสมาธิหรือขับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ(บางที่..บางทีสามารถนำมาใช้งานอย่างอื่นได้ด้วย)...ก็เหมือนกับใบพัดเครื่องบิน(เฮลิคอบเตอร์)...ก็ต้องหมุนจนได้ที่...ให้มีกำลังแลพลังก็สามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้...พัดลมก็ต้องหมุนให้ได้ที่ถึงจะทำให้ลมเย็น...ทั้งเกียร์(ปุ่มเร่งความเย็น...ในหลายๆระดับ)1,2,3....ก็เร่งระดับความเร็วขึ้นไป...เปรียบเหมือนลูกข่าง....หมุนได้ที่ก็นิ่ง...อยู่กับที่...ไม่กระแทกหรือเต้นไป..เต้นมา...เนื่องจากหมุนส่งตอนแรกอาจเร่งอาจส่งแรง....เร็ว...แรงส่งมากเพื่อจะให้ลูกข่างหมุน....จากนั้นก็ค่อยๆสงบนิ่งหมุนอยู่กับที่...เดิม....ก็เหมือนกับจิต.....เหมือนกันก็ต้องค่อยๆส่ง....เข้าไปที่แกนกลางของลูกข่างนั้น...เพื่อบังคับหมุนวนให้ลูกข่างหมุนมีพลัง.....ส่งกระแสจิตแรง...กระแทกก็หมุนกระโดก..กระเดก...ต้องส่งเข้าไปแบบนุ่มนวล...(สบายๆๆรู้สึกสบาย...ไม่เร่งไม่รีบ..ส่งเข้าไปตามหน้าที่..ประคองให้นิ่ง..เหมือนกระแสน้ำที่ไม่ขาดตอน..ที่แกนกลาง)สำคัญต้องหมุน...ตามเข็มนาฬิกา...หมุนวนขวา(มารเขาหมุนทวน....หมุนวนซ้าย...ไม่ขออธิบายเพิ่มเติมเอาตามนี้ก็แล้วกัน)นิมิตนั้นหรือกระแสของการหมุนวน.....ต้องอยู่ภายในตัวเรา....(จะหมุนตามแนวของการฝึกจักระ...พลังต่างๆก็ได้..บางที่ก็กระแทกจุดต่างๆเพื่อเปิดพลัง....มาใช้งาน....เออ..ของพวกที่ชอบเล่นพลัง...แต่ไม่ค่อยจะยั่งยืน..คนเราก็ต้องแก่ต้องตายไป เสื่อมสลายไป......เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป....โปรดใช้วิจารณญาณด้วย)....การฝึกหมุน...ต่างๆ..นานา..เออผู้เขียนว่าเป็นวิชชารบหรือการแผ่ญาณทัสสนะ(โปรดใช้วิจารณาญาณประกอบ)...เอ็ฟแฟค...ที่เกิดขึ้นก็ลอง(อย่าเชื่อผู้เขียน...โปรดใช้วิจารณญาณประกอบด้วย....เนื่องจาก..ไม่ใช่ผู้บรรลุอะไร....อาจมั่ว...และนิ่มก็ได้...ใครจะไปรู้....พูดเล่น..)หายใจเข้า.....ลึกๆ....ยาวๆ...อย่างน้อยสัก...3...ครั้ง....น้อมคุณพระศรีรัตนตรัยเข้าไปด้วยก็จะเป็นการดี.....เพื่อปรับ..ลม..(ลมหยาบ).ปรับธาตุ...จากนั้นให้สงบ...ระงับ....รู้สึกคลาย....กังวล..แลสงสัย...(รวมทั้งเรื่องที่ตั้งถามในกระทู้ด้วย)อาการสั่น......หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม(อันที่จริงน่าจะดมยาดม....หรือกินยาหอมปราบลม...พูดเล่น)....ใจเต้น...ใจสั่น...ก็อาจบรรเทา...หรือระงับหายไป....ได้....อาการจะหมดสติ.....อาจจะป็นเพราะ(เน้นคำว่าอาจจะ....)สติอ่อน...คือสติมันไม่แข็ง...(ไม่ใช่พูดเล่น...มันไม่ละเอียด....มันยังหยาบอยู่)....เออ...ถึงไหนแล้ว....ต่อ.....มันอาจเราเข้าสมาธิลึก...เร็วเกินไปก็ได้...ทำให้วูบไปหน่อย(อาจไม่หน่อย....สำหรับบางคน...เปรียบเหมือนเครื่องบินตกหลุมอากาศ...เออ...อาจเป็นอาการอย่างหนึ่งของ..... ปิติ.....เหมือนกัน)ก็ต้องพยามประคับ...ประคอง.....นั่งสมาธิต่อไป...อย่าออกจากสมาธิ.....บางทีมันจะหลับ...คือเหมือนคนนอนหลับ......นิ่งดับไปไม่รู้เรื่องอะไรเลย....(คือเข้าชานไปแล้ว)....ถ้าสติมีกำลังแข็ง...แข็งกร้าว....กล้าแข็งหรือพละกำลังของสติ...มาก...ก็อาจจะวูบ..จากนั้นก็รู้เท่าทัน...แจ่มแจ้ง...แจ่มใสขึ้น....รู้อยู่ในตัว...ก็เป็นสติ..แลสมาธิใช้งาน...เพื่อประโยชน์ในการฝึกพระกรรมฐานต่อไป.....เออ..ก็พิจารณาการฝึก.....ตามแนวถนัดของใคร......ของเผือกและของมันต่อไป.........ที่สำคัญเป็นการฝึกพระกรรมฐานได้หมด....อยู่ที่จิตเราหรือจริตของเราเอง.....อยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น........เข้าถึงพระนิพพาน...เหมือนกันหมด.......ส่วนการถอดจิต..นั้นเขามีวิชชาและการฝึกต่างๆนานา...หลายสำนัก...หรือบางทีไม่มีสำนัก...ก็ถอดจิตได้(บางคนถอดง่าย.....ถอดเร็วกว่าถอดเสื้อ..ผ้าเสียอีก....พูดเล่น..เออ.....แต่เป็นเรื่องจริง)หรือแม้กระทั่งฤาษี....ชีไพร.......สำคัญอยู่ที่จิต..มันหลุด...มันถอดออกมา.....(ก็ดีเหมือนกัน.....เอาจิตออกก่อนตายจริง....ซ้อมไว้......ถึงเวลา.....ถอดไม่เป็นก็ต้องออก...ก็ต้องไปเหมือนกัน....หลับไม่ตื่น...ฟื้นไม่มี...หนีไม่พ้น...)วกเข้ามาที่....หมุนแล้วออกไหม....ก็ออกเหมือนกัน...ถ้าฝึกจริง.....ทำจริง......ถูกวิธี...เป็นอันออกได้หมดไม่ว่าวิธีไหน...เปรียบเหมือนคนขับรถยนต์เป็น...ไม่ว่าจะกระบะ...เก๋ง....หกล้อ....รถตู้...รถเมล์..ฯลฯ....ก็ขับได้หมด....(เออ..เปรียบเทียบ..ให้ฟัง..เออไม่ใช่......ให้อ่านต่างหาก)สำคัญเอาจิตแลกายละเอียดของเรา...ไม่ว่าจะไปไหนก็เอากายละเอียด...เสมอภูมินั้น....เดินวิชชาขับเคลื่อนไป..ยังที่นั้นๆ(รายละเอียดขอให้ฝึกหรือศึกษาวิชชาเอาเองเถิด).........ที่ถามว่าถึงขั้นการถอดจิตไหม.....ก็ขอพิจารณาเอง...ก็แล้วกันซึ่งผู้ฝึกน่าจะรู้คำตอบเองได้...(ในระดับหนึ่ง)แล้ว...ซึ่งการฝึกสมาธินั้น...การพิจารณาในรายละเอียด....ต่างๆก็เป็นสิ่งสำคัญ....ลองทบทวน..พิจารณาวิเคราะห์ดู(ตอนจิตใส...หรือคิดว่าเวลานี้มีสมาธิ..สติ...สัมปชัญญะ..ดีแล้ว)......ก็จะเป็นประโยชน์แลเป็นนิสัย...ให้รู้แจ้ง..เห็นจริง...และเป็นปัจจตัง...(น้อมสู่วิปัสสนา)ได้โดยง่าย......อีกทั้งก็เป็นอนุสัยให้ติดภพ...ติดชาติต่อไป...เพื่อประพฤติ...ปฏิบัติธรรม....จนกว่าจะบรรลุเข้าถึงพระนิพพาน.............ผิดพลาด..พลาดพลั้งหรือถ้าล่วงเกิน......ในการสนทนาบนตัวหนังสือนี้.....ประการใด..ก็..ขออภัยด้วย..(และขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว)...หวังว่าคงเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย......เอาเป็นว่าสุดท้ายนี้ก่อนจบข้อความ...ก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงช่วยดล......บันดาลให้.......ทั้งนี้รวมถึงทั้งสาธุชนทุกท่าน...ทุกผู้..ทุกนาม....ด้วย....จงประสพผลสำเร็จ...เจริญในธรรม.....บรรลุธรรมได้โดยง่ายและเข้าถึงพระนิพพานได้ในเร็ววัน......โดยฉับพลันนี้......................เทอญ..................โมทนา.......สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2006
  10. BOONCHAUY

    BOONCHAUY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +344
    ด่านนี้ ผ่านยากจิงๆครับ เหอๆ แต่ตามที่น้องอ้นบอกครับ อย่าสนกาย
    ผมก็ยังไม่ถึงไหนเลย เพราะวิริยะน้อยไปหน่อย
     
  11. ชา ใคร่รู้

    ชา ใคร่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +496
    ....อย่าไปกลัว มันไม่ตายหรอกครับ เอามันให้ถึงที่สุด ฝึกบ่อยๆอาการจะลดลงไปเองครับ กำหนดจิตพุ่งออกไปเลย ถ้าจะให้ดีขอบารมีพระรัตนตรัยไว้ก่อนฝึกจะช่วยได้มากครับ เพราะบางทีจิตมันออกจากกายไปแล้ว แต่มันไม่รู้จะไปไหน รอบตัวมีแต่แสงสว่าง ยังไม่ทันเห็นอะไรก็นึกขึ้นได้ อ้าว เรากำลังนั่งสมาธิอยู่นี่หว่า จิตมันก็กลับเข้าร่างเหมือนเดิม 555
    ....คำแนะนำบ้าๆของผม อย่าไปเชื่อมากนักนะครับ แต่รับรองว่าไม่ตายแน่ๆแต่อาการมันเหมือนจะตายจริงๆเท่านั้นเองครับ เป็นการวัดใจเล็กน้อย
     
  12. mega_way99

    mega_way99 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +24
    ภาพหมุนวนเป้นยังไงหรอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...